Friday, April 18, 2014

18/04/2014 ต้องมีเงินเท่าไรสำหรับวัยเกษียณสุข (2)




“หากต้องการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพดีขึ้นกว่านี้ หรือจะเรียกว่าหรูกว่าตัวอย่างที่ลุงยกมานี้ เราลองมาดูตัวอย่างอื่นๆกัน” ลุงแมวน้ำพูดพลางล้วงกระดาษออกมาอีก 2 แผ่นจากในหูกระต่าย

ลุงแมวน้ำเลือกกระดาษมาแผ่นหนึ่งและคลี่กางออกให้ลิงจ๋อและพวกดู และพูดว่า

“นี่เป็นภาพฉายของการใช้ชีวิตหลังเกษียณในระดับที่ดีขึ้นมาอีกหน่อย ลุงจะเรียกว่าระดับค่อนข้างดีละกัน” ลุงแมวน้ำชี้ให้ดูรายการค่าใช้จ่ายในตาราง “ชีวิตระดับนี้มีค่าใช้จ่ายขึ้นมาอีก ลุงจะแจงให้ดูในบางประเด็น ตัวอย่างที่แล้วที่เป็นคุณภาพชีวิตระดับพอใช้ ค่าอาหารก็จำกัด ค่าสันทนาการต่างๆก็จำกัด งานบ้านต้องทำเอง และเจ็บป่วยก็ต้องพึ่งบัตรทองอย่างเดียว





“แต่ในตัวอย่างนี้ งบประมาณในด้านต่างๆจะมากขึ้น ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น อย่างเช่น ค่าแม่บ้าน เราสามารถจ้างคนทำความสะอาดหรือจ้างคนช่วยซักรีดได้

“ค่าสันทนาการ เราสามารถเป็นสมาชิกฟิตเนสคลับที่หรูขึ้น ซึ่งจะมีเครื่องเล่นต่างๆมากมายหลากหลายขึ้น งบสำหรับไปเที่ยวก็มากขึ้นเป็น 30,000 บาท ไปเที่ยวได้ไกลหน่อย เช่น ประเทศจีน รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพแม้ว่ายังต้องพึ่งบัตรทองเป็นหลักเช่นเดิม แต่งบสำหรับตรวจรักษาเพิ่มเติม และงบสำรองสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉินก็จัดให้มากขึ้น

“คุณภาพชีวิตในระดับนี้ คิดเป็นค่าใช้จ่ายต่อปี ณ ค่าครองชีพปี 2554 ก็คือ 410,950 บาทต่อปี แต่หากมองไปในอนาคต ณ ปี 2566 อันเป็นปีที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว ค่าใช้จ่าย ณ ปีนั้นก็น่าจะเป็นปีละ 552,682 บาทต่อปี”

“กรี๊ด” แม่รีราฟแลบลิ้นยาวพลางบ่น “ยิ่งแพงขึ้นไปอีก แล้วต้องมีเงินออมเท่าไรละลุง”

“เท่าที่ลุงคำนวณเอาไว้ เมื่อยามที่เราเกษียณ หากเรามีเงินออมอยู่ 9,000,000 บาท และเงินเก้าล้านบาทนี้ไม่ได้ให้ดอกผลอะไรเลย แม่ยีราฟก็จะอยู่ได้จนอายุ 73 ปี แล้วเงินออมก็จะหมด” ลุงแมวน้ำหยุดนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ “แต่ถ้าเงินออมก้อนนี้ให้ดอกผลได้ปีละ 5% หมายความว่าในช่วงที่แม่ยีราฟเกษียณก็ใช้เงินออมนี้ไปเรื่อยๆ ส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ก็สามารถออกดอกผลได้ปีละ 5% ถ้าเป็นแบบนี้ก็จะใช้เงินก้อนนี้ไปได้จนอายุ 80 ปี จากนั้นเงินก็จะหมด

“แต่ถ้าเงินออมนี้ออกดอกผลได้ปีละ 8% ก็จะอยู่ได้นานถึงอายุ 93 ปี” ลุงแมวน้ำพูด

“เงินเก็บเก้าล้านบาทเชียว” ลิงจ๋อพูดเบาๆด้วยท่าทางใช้ความคิด “แล้วกระดาษอีกแผ่นละลุงแมวน้ำ มีอะไรอยู่ในนั้น”

“อ๋อ แผ่นที่สามเป็นภาพฉายของคุณภาพชีวิตในระดับที่ดีหรือว่าหรูขึ้นไปอีกน่ะสิ” ลุงแมวน้ำพูดพลางคลี่กระดาษแผ่นที่สามออกมา

“เอ้า เก้าล้านก็ยังไม่พอ ดูแผ่นนี้ซิว่าจะกี่ล้าน” ลิงจ๋อพูด




“แผ่นนี้ลุงแมวน้ำฉายภาพชีวิตหลังเกษียณที่ดียิ่งขึ้นไปอีก เรื่องหลักก็คือ ค่าพาหนะเพิ่มขึ้น จากเดิม 2 แผนแรกนั้นต้องพึ่งบริการรถสาธารณะเป็นหลัก แต่สำหรับในแผนนี้สามารถใช้รถยนต์ได้ โดยตั้งงบค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุงรถยนต์เอาไว้ด้วย แต่ว่าต้องมีรถยนต์อยู่แล้วนะ ส่วนที่อยู่อาศัย ชีวิตในแบบนี้ลุงคาดว่าน่าจะอยู่บ้านที่ใหญ่หน่อยหรืออาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมระดับดี ดังนั้นจึงตั้งงบค่าส่วนกลางและการซ่อมบำรุงที่พักอาศัยเพิ่มมากขึ้น

“ที่สำคัญก็คือ ในแผนนี้มีงบด้านสุขภาพมากขึ้น สามารถทำประกันสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุได้ เบี้ยประกันสุขภาพชนิดนี้ค่อนข้างแพง แต่ก็ทำให้การรักษาพยาบาลสะดวกสบายมากขึ้น เพราะพึ่งบัตรทองแค่บางส่วน บางส่วนก็พึ่งประกันสุขภาพไป นอกจากนี้ยังตั้งงบประมาณค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน และเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินมากขึ้น งบท่องเที่ยวสันทนาการก็มากขึ้น คราวนี้ไปได้ถึงยุโรป อเมริกาเลย

“สำหรับคุณภาพชีวิตระดับดีตามแผนนี้ ลุงคำนวณแล้วว่า ณ ปี 2566 ต้องมีเงินออม 18,600,000 บาท หรือจะจำง่ายๆก็ปัดเป็นสิบเก้าล้านบาทก็ได้”

“แล้วเงินก้อนนี้จะใช้ชีวิตแบบนี้ไปได้กี่ปีจ๊ะลุง” ยีราฟถาม

“ก็ถ้าเงินออมไม่ให้ผลตอบแทนเลย แม่ยีราฟก็จะใช้จ่ายได้จนอายุ 73 ปี จากนั้นเงินจะหมด แต่ถ้าเงินออมให้ดอกผลบ้าง 5% ต่อปี ก็มีเงินใช้จ่ายได้จนอายุ 80 ปี และถ้าเงินออมให้ผลตอบแทนได้ถึงปีละ 8% ก็ใช้ไปได้จนอายุ 92 ปี”

“ฟังแล้วท้อจังลุง แต่ละแผนต้องมีเงินออมหลักล้านทั้งนั้น แม้แต่แผนที่ประหยัดที่สุดก็ยังต้องมีถึงห้าล้านสี่ ชีวิตของฉันจะมีโอกาสออมได้ถึงขนาดนั้นไหมเนี่” แม่ยีราฟเริ่มแสดงอาการวิตกจริตอีก “อยากรู้จังว่าจะมีสักกี่คนที่ออมได้ขนาดนั้น”

“นั่นสิลุง ฟังแล้วห่อเหี่ยวเลย เพราะคงไม่มีโอกาสไปถึงจุดนั้น” ลิงจ๋อพูดขึ้นบ้าง

“โอ๊ย อย่าเพิ่งท้อสิ ชีวิตไม่ได้มีเส้นทางเพียง 3 เส้นนี้เท่านั้น” ลุงแมวน้ำพูด “นี่แม่ยีราฟถามมาลุงก็ตอบไป ก็ว่าไปตามการคำนวณ แต่ชีวิตไม่ได้มีอยู่เพียงแค่นี้ เรายังมีทางเดินให้เลือกอีกมากมาย ที่สามารถใช้ชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างมีความสุข ลุงยังเล่าไม่หมดเลย อีกอย่าง ถ้าเราเรียนรู้วิธีการออมและการลงทุนตั้งแต่วันหนุ่มสาว เมื่อถึงยามเกษียณก็ไม่อับจนหรอก”

“อ้าว ลุงยังเล่าไม่หมดหรอกเหรอ แหม่ ค่อยมีกำลังใจหน่อย” ลิงจ๋อพูดด้วยแววตาที่แจ่มใสขึ้น “งั้นเล่าต่อเลยลุง”

“เอาไว้ก่อน ลุงเมื่อยแล้ว วันหลังค่อยมาคุยกันต่อละกัน” ลุงแมวน้ำตอบ

No comments: