Sunday, August 16, 2009

14/08/2009

วันนี้ SET ปิดที่ 654.25 จุด ลดลง 1.43 จุด

สำหรับหุ้นใน กลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำขาย BEC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 46 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทุกตัวอยู่ในสถานะ long หมดแล้ว และไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดังนั้นจึงถือต่อไป

น้ำมัน CL แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ในทางเทคนิคยังอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง ซึ่งอยู่มานานแล้ว ยังไม่มีกำลังเสียที จากการนับลูกคลื่นน่าจะอยู่ในต้นคลื่น 5 ย่อย (ในคลื่น 5 ใหญ่) คงต้องรอเวาเพื่อให้กลายเป็น uptrend และวิ่งไปจบคลื่น 5 ย่อย


ดัชนีดอลลาร์ สรอ US dollar index ยังคาดว่าจะลงต่อไปถึง 75.5 เช่นเดิม

ถึงตอนนั้นถ้าทองคำยังไม่จบคลื่น 5 ราคาทองคำน่าจะไปถึง 1,050 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นเป้าหมายแรก แต่ถ้าจบคลื่น 5 ไปแล้ว ราคาก็คงไปไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ จากนั้นก็จะเข้าสู่ downtrend เต็มตัว ลุงแมวน้ำยังคาดว่าน่าจะเป็นไปตามสมมติฐานข้อแรกมากกว่า คือยังไม่จบคลื่น 5 แต่ไม่มั่นใจนัก ทองคำเป็นตัวเดียวที่ตอนนี้ดูยากมาก


สำหรับ SET นั้น เมื่อพิจารณาดูจากภาพ จะเห็นว่าขณะนี้ SET น่าจะอยู่ในคลื่น 5

เรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับการนับคลื่นก็คือว่า จากเดิมที่ลุงแมวน้ำวิเคราะห์ว่า ถ้าพิจารณาในกรอบเวลานานหลายปี ขณะนี้ SET น่าจะอยู่ในคลื่น B ซึ่งเป็นคลื่นรายหลายปี แต่เนื่องจากถ้าเป็น B จริง องค์ประกอบของคลื่น B จะมีเพียง 1-2-3 เท่านั้น แต่จากภาพของกราฟ SET ขณะนี้เรานับได้ถึง 1-2-3-4-5 แล้ว

ถ้าเช่นนั้น ที่ถูกแล้วควรนับอย่างไร

คำอธิบายที่น่าจะเป็นไปได้ก็คึือ ขณะนี้เราอยู่ในคลื่น 1 ของ B ซึ่งคลื่น 1 นี้เองก็ประกอบด้วยคลื่นย่อย 1-2-3-4-5 นั่นหมายความว่าขณะนี้เราอยู่ในคลื่นย่อย 5 ของคลื่น 1 ที่อยู่ในคลื่น B นั่นเอง

และถ้าเป็นไปเช่นนี้จริง นั่นหมายความว่าอีกไม่นานคลื่นย่อย 5 ก็จะจบลง อันเป็นการสิ้นสุดของคลื่น 1 (ที่อยู่ในคลื่น B) และหลังจากนั้นเราจะเข้าสู่คลื่น 2 อันเป็นคลื่นขาลงของคลื่น B ซึ่งการไหลลงของคลื่น 2 นี้อาจลงไปได้ถึงระดับดัชนีที่ 450-490 จุด

ดังนั้นถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง ก็หมายความว่าขณะนี้เป็นช่วงอันตรายแล้ว เราควรเตรียมตัวรับคลื่น B ซึ่งน่าจะกินเวลาหลายเดือน และลงลึกได้ถึง 450-490 จุด โดยต้องสังเกตสัญญาณการจบคลื่น 5 ย่อย และรูปแบบการกลับทิศ (trend reversal pattern) ให้ดี


ดัชนีดาวโจนส์ DJIA ยังอยู่ในคลื่น 3 ย่อย ของคลื่น 1 ที่อยู่ในคลื่น B



ดัชนีดาวโจนส์เป็นดัชนีหลักซึ่งส่งผลต่อดัชนีของประเทศอื่นๆ ดังนั้นถ้า DJIA ขึ้น แนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศต่างๆย่อมน่าจะขึ้นตามไปด้วย


No comments: