Tuesday, January 6, 2015

ปี 2015 ในวิกฤติมีโอกาส หนทางข้างหน้ายังแจ่ม






เมื่อคืนน้ำมันดิบถล่มลงมาอีกราว -5% ราคาน้ำมันดิบ WTI ของตลาดอเมริกาหลุด 50 ดอลลงมาหน่อยนึง ก็ถือว่า 50 ดอลตัวเลขกลมๆ ดูกราฟ CL



ขณะเดียวกันยุโรปออกอาการไม่ดี เข้าสู่โหมดกังวลเรื่องกรีซอีก ดัชนีแดกซ์ DAX ของเยอรมนี -3% แต่ดัชนี STOXX50 ซึ่งถือเป็นดัชนีตัวแทนของทั้งกลุ่มยูโรโซน -3.7% ในกลุ่มยูโรโซนเยอรมนีจะดีกว่าเพื่อน เศรษฐกิจยังแกร่งกว่าชาติอื่นๆในกลุ่ม

ผลจากราคาน้ำมันดิบร่วงแรงทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานลงกันแรงด้วย ทำให้ตลาดหุ้นอเมริกาปรับตัวลง -1.8% แต่หากมองเฉพาะในกลุ่มพลังงานก็ลงไป -4%

ราคาน้ำมันดิบตอนนี้ WTI ลงมาถึงแนวรับสำคัญแล้ว 50 ดอล ดูกันว่าจะหลุดหรือไม่ หากหลุดก็ไปพบกันอีกทีที่ 35-37 ดอล ซึ่งลุงแมวน้ำก็ยังคิดว่าไม่น่าลงถึงขนาดนั้น ตอนนี้ยังมองแค่ 50 ดอลอยู่ แต่ถึงแม้จะลงไปลึกกว่านั้นก็ตาม นี่เป็นภาวการณ์ชั่วคราว เกิดจากสงครามราคาซึ่งเป้าหมายของทุกคนคือเอาตัวให้รอด ไม่มีใครลดราคาพลีชีพหรอก ดังนั้นตลาดน้ำมันดิบก็มีกลไกราคาของมันอยู่ ซึ่งในที่สุดจะเข้าสู่ภาวะสมดุลที่รายใหญ่แต่ละรายพออยู่กันได้

สำหรับตลาดหุ้นไทย ราคาหุ้นพลังงานคงลงอีก แต่การลงนี้เป็นปัจจัยทางจิตวิทยา หุ้นหลายกลุ่มไม่ได้รับผลกระทบเลยแต่ก็ยังลงได้ลึก ซึ่งนี่คือโอกาส ในวิกฤตของกลุ่มพลังงานยังเป็นโอกาสของกลุ่มอื่น แม้แต่ในกลุ่มพลังงานเองก็ตาม หากลงลึกเกินไปก็ยังเป็นโอกาสของนักลงทุนเช่นกัน แต่เนื่องจากตอนนี้ฝุ่นตลบในกลุ่มพลังงาน ประเมินอะไรได้ยาก ดังนั้นสำหรับกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โอกาสยังไม่ชัด ดูๆไปก่อน





ปี 2014 ที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยไป -36,600 ล้านบาท  ดูกราฟ SET cumulative foreign trade ซึ่งแสดงยอดสะสมของการซื้อขายในกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ปีที่แล้วในช่วงครึ่งปีหลังมีแรงซื้อเข้ามา ดูเหมือนฝรั่งจะเริ่มเข้า แต่สุดท้ายปลายปีเทขายออกมาอีก เท่าที่ประเมินสถานการณ์ตอนนี้ต่างชาติยังไม่เข้า ใกล้เลือกตั้งของเราแล้วก็คงเข้านั่นแหละ แต่หากเลือกตั้งยังไม่ชัดอาจยังไม่เข้า ท่องเที่ยวก็อาจยังฟื้นไม่ได้มากนักเนื่องจากกฎอัยการศึก ดังนั้นลุงแมวน้ำยังคงเห็นว่าควรเลี่ยงหุ้นกลุ่มที่ฝรั่งชอบลงทุนเอาไว้ก่อน ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร ปูนใหญ่ หุ้นอะไรใหญ่ๆที่ต่างชาติลงทุนเยอะๆนั่นควรเลี่ยงไปก่อน พลังงานทางเลือก โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ต่างๆ แพงแล้วทั้งนั้น ของอะไรแพงคือซื้ออนาคตไปมาก ระวังหน่อยดีกว่า ยกเว้นตัวเดียวในกลุ่มที่เห็นว่ายังถูก คือ SPCG แต่กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกนั้นลุงแมวน้ำมองเป็นหุ้นมั่นคง ไม่ใช่หุ้นเก็งกำไร คือดอกผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน ภาวะเก็งกำไรนี้จะเกิดเพียงชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นการเข้าลงทุนต้องพิจารณาดอกผลสำคัญกว่ากำไรจากส่วนต่างราคา

อีกกลุ่มที่ควรเลี่ยงไปก่อน คือกลุ่มบริโภค ทั้งพีอีแพงและพีอีถูก เพราะยังไม่ใช่จังหวะ แต่จังหวะจะมาภายในปีนี้ ตอนนี้เล็งตัวดีๆเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งเข้า

กลุ่มการลงทุนที่น่าสนใจยังมองเช่นเดิม รับเหมาก่อสร้าง หุ้นที่ผลงานดี พี่อียังต่ำ ยังมีให้ลงทุน แต่ต้องดูงบการเงินหน่อยนะ รับเหมาเป็นกลุ่มที่ขั้นตอนรั่วไหลหรือพลาดพลั้งมีมาก โอกาสพลิกเป็นขาดทุนมีสูง ดังนั้นต้องพิจารณาความสามารถในการประกอบธุรกิจให้ดีๆ ที่ความสามารถในการดำเนินงานต่ำควรเลี่ยงเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเจอเพิ่มทุนอ่วม หุ้นต้นน้ำของกระบวนการก่อสร้างน่าสนใจกว่าเพื่อน

พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยก็เช่นกัน ควรเน้นที่รายใหญ่ เพราะการแข่งขันในธรกิจนี้สูง รายใหญ่ได้เปรียบกว่า ดู ROE ก็พอจะเห็นได้

และอีกกลุ่มที่ลุงแมวน้ำยังมองบวก คือสื่อสาร ดาวเทียม ไม่เห็นจะเกี่ยวกับราคาน้ำมันเลย แต่ลงเอาๆ ปีนี้ประมูล 4G กลุ่มนี้มีเฮ วันก่อนดาวเทียมหล่นไปหลุด 30 บาทวูบหนึ่งไม่รู้ใครตกใจขาย ผู้ที่เก็บได้ทันก็ถือว่าได้ลาภ

ใครที่กังวลกับตลาดหุ้นไทย ก็โน่น กองทุนจีน และอินเดีย ปีนี้ลุงมองสองประเทศนี้เด่นสุดคร้าบ ความผันผวนน่าจะต่ำด้วย ราคาน้ำมันลงเป็นอานิสงส์ต่อสองประเทศนี้ด้วย ลงทุนแล้วไม่ใจหาย กองญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลี ลุงคิดว่าควรเลี่ยง อเมริกาก็ยังพอได้แต่อาจมีใจหายใจคว่ำบ้าง ปีนี้เน้นกองทุนรายประเทศอีกว่า อย่าเหมาเป็นภูมิภาค เช่น กลุ่มตลาดเกิดใหม่ เพราะไส้ในต่างกันมาก พวกตลาดเกิดใหม่ที่ไส้ในมีตะวันออกกลางกับละตินอเมมริกาเยอะๆก็อ่วม

ปี 2015 นี้คงเป็นปีที่ผันผวนและพลิกล็อกชนิดหักปากกากันทีเดียว ลุงแมวน้ำมองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ การบริโภคจะฟื้นตัวและหนี้ครัวเรือนจะลดได้ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว โอกาสเกิดเหตุการณ์ดังว่ามีประมาณ 60% เหลืออีก 40% คือเผื่อใจว่าแป้ก นี่คือมุมมองตอนนี้ แต่น้ำหนักความมั่นใจนี้จะเปลี่ยนไปได้ตามข้อมูลที่จะออกมา โปรดคอยติดตามกัน ลุงว่าไตรมาสแรกคงเห็นชัดคร้าบ

Saturday, January 3, 2015

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ หมู่เกาะกาลาปาโกส กับทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน (2)



รับจ๊อบจนเหนื่อย ขอพักหน่อยคร้าบ ^_^


“แล้วที่ลุงบอกว่าที่หมู่เกาะนี้เป็นห้องทดลองธรรมชาติ ใช้ศึกษาปรากฏการณ์ทางวิวัฒนาการ หมายความว่ายังไงกันจ๊ะลุง” ยีราฟถามบ้าง

“ก็เพราะว่าที่นี่เป็นเสมือนกุญแจดอกสำคัญที่ทำให้มนุษย์ค้นพบความลับอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ นั่นคือ ทฤษฎีวิวัฒนาการน่ะสิ” ลุงแมวน้ำตอบ

“ยิ่งฟังก็ยิ่งงง” ลิงบ่น “ทีแรกบอกเป็นห้องทดลอง ที่หลังกลายเป็นกุญแจไปเสียแล้ว ตกลงหมู่เกาะนี้จะเป็นอะไรกันแน่”

“ลุงกำลังจะเล่าให้ฟังอยู่นี่ไง” ลุงแมวน้ำพูด “พวกเราเคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเรามาจากไหน ทำไมยีราฟจึงเป็นยีราฟ ทำไมลิงจึงเป็นลิง และทำไมมนุษย์จึงเป็นมนุษย์”



วิวัฒนาการของลามาร์ก ยีราฟคอยาวและหนูถูกตัดหาง 20 รุ่น



“ถามอะไรแปลกๆ ไม่เคยคิดหรอกลุง ผมคิดแต่ว่าหุ้นตัวไหนน่าซื้อ” ลิงรีบตอบ “ลิงก็เป็นลิงละมั้ง คงมีมาแต่นานเนแล้ว”

“นายจ๋อก็คิดแต่เรื่องหุ้น” ลุงแมวน้ำหัวเราะ “ลุงถามแม่ยีราฟบ้างดีกว่า แม่ยีราฟเคยคิดบ้างไหมว่ายีราฟนั้นเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมหน้าตาเป็นอย่างไร และหากลุงบอกว่าเผ่าพันธุ์ยีราฟแต่เดิมนั้นคอสั้นๆเหมือนม้าลาย จะเชื่อไหม”

“พวกฉันมาจากไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่หากลุงบอกว่าบรรพบุรุษของฉันเคยคอสั้นเหมือนม้าลาย ก็เชื่อยากอยู่” ยีราฟตอบ “ลุงอ่านนิยายมากเกินไปหรือเปล่า”

“พวกมนุษย์น่ะสงสัยกันมานานแล้วว่าสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดนั้นมาจากไหน ในสมัยก่อน คือเมื่อสองพันปีก่อนจนมาถึงยุคกลางหรือเมื่อประมาณ 500 ปีมาแล้ว ซึ่งก็คือยุคที่คริสต์ศาสนามีอิทธิพลในโลกตะวันตกคือทางฝั่งยุโรป ชาวตะวันตกเชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตต่างๆเป็นผลงานการสร้างของพระเจ้า นั่นก็คือ เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตแต่เดิมเป็นยังไงก็เป็นยังงั้นเรื่อยมา แต่ต่อมาเมื่อวิทยาการในโลกก้าวหน้าขึ้น บรรดานักคิดและนักวิทยาศาสตร์ต่างก็พยายามหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตเดิมเป็นยังไงก็เป็นยังงั้นจริงหรือไม่ หรือมีการเปลี่ยนเปลงพัฒนาได้” ลุงแมวน้ำเล่า

“แล้วคิดกันออกมั้ยลุง” ลิงถาม

“ก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนเสนอความคิดว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงพัฒนาได้” ลุงแมวน้ำตอบ “อย่างเช่นลามาร์ค (Lamarck, ค.ศ. 1744-1829) ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชีวิตอยู่ในสมัยศตวรรษที่ 18 ได้เสนอทฤษฎีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีใจความสำคัญคือสิ่งมีชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงได้ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงจากรูปแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบเกิดจากการใช้และไม่ใช้”


ลามาร์ค นักวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศสในยุคศตวรรษที่ 18 ลามาร์คเสนอทฤษฑีวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตด้วยการใช้และไม่ใช้อวัยวะต่างๆ ซึ่งแม้แต่ลามาร์คเองก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ ทฤษฎีนี้ต่อมาอีกไม่กี่สิบปีภายหลังก็ถูกหักล้างด้วยทฤษฎีของดาร์วิน แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดของลามาร์คยังเชื่อต่อๆกันมานับศตวรรษแม้แต่ในทุกวันนี้


“ยังไงกันฮะลุง ใช้และไม่ใช้” กระต่ายน้อยถามบ้าง

“ทฤษฎิวิวัฒนาการของลามาร์คนั้นกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตใช้อวัยวะอะไรมาก อวัยวะนั้นก็จะพัฒนาใหญ่โตแข็งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และหากอวัยวะใดไม่ได้ใช้ก็จะค่อยๆลีบเล็กลง และลักษณะของอวัยวะที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นท่ายทอดสู่ลูกหลานได้ด้วย” ลุงแมวน้ำเล่า “ยกตัวอย่างเช่น ลามาร์คอธิบายคอที่ยาวเฟื้อยของยีราฟว่าเมื่อก่อนนั้นก็ไม่ยาวหรอก แต่ว่าต้องชะเง้อคอกินผลไม้จากต้นไม้สูงๆอยู่เป็นนิจสิน นานเข้าคอก็ยืดยาวออกไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นยีราฟคอยาวในทุกวันนี้”

“ฟังดูก็มีเหตุผล” ลิงพูด

“ทฤษฎีของลามาร์คนั้นต่อมาอีกเพียงไม่กี่สิบปีก็ถูกหักล้างโดยทฤษฎีวิวัฒนาการของชาลส์ ดาร์วิน แต่น่าแปลกที่ยังมีคนเชื่ออยู่จนถึงทุกวันนี้ อย่างเช่น ที่เรามักพูดกันเล่นๆว่ามนุษย์เราสมัยนี้เอาแต่จิ้มแช็ตด้วยโทรศัพท์มือถือ อีกหน่อยมือจะมีแต่นิ้วหัวแม่โป้งที่โตเบ้อเริ่ม นิ้วอื่นๆลีบไปหมด หรือที่บอกว่าเดี๋ยวนี้มนุษย์เราไม่ค่อยใช้แรงงานใช้แต่สมอง อีกหน่อยจะแขนขาลีบและหัวโตเบ้อเริ่ม คำกล่าวล้อเล่นเหล่านี้ล้วนแต่สะท้อนถึงความเชื่อในทฤษฎีใช้และไม่ใช้ของลามาร์ค” ลุงแมวน้ำพูด

“อ้าว มันไม่จริงยังงั้นหรอกเหรอครับ” ลิงแปลกใจ

“เรื่องน่าทึ่งก็อยู่ตรงนี้แหละ ทฤษฎีวิวัฒนาการของลามาร์คด้วยการใช้หรือไม่ใช้นั้นนั้น แม้แต่ลามาร์คเองก็พิสูจน์ไม่ได้ เป็นเพียงการคาดคะเนเอาเท่านั้น แม้จะมีผู้พยายามทดลองโดยการตัดหางหนูถึง 20 รุ่นต่อเนื่องกัน แต่หนูรุ่นที่ 21 ก็ยังมีหางยาวเข่นเดิม” ลุงแมวน้ำพูด

“อูย ทดลองอะไรกัน โหดร้าย” กระต่ายน้อยอุทาน



วิวัฒนาการของดาร์วิน กุญแจอยู่ที่นกฟินช์ในกาลาปาโกส



“การเดินทางไปสำรวจที่หมู่เกาะกาลาปาโกสของดาร์วินเมื่อเกือบ 200 ปีก่อนนี่แหละ ทำให้ต่อมาไขความลับของธรรมชาติและพิสูจน์ว่าสิ่งมีชีวิตเปลี่ยนแปลงวิวัฒนาการรูปแบบไปได้อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเช่นปลาวาฬนั้นเดิมเป็นสัตว์สี่ขาอยู่บนบก หรือว่าคนมีสายวิวัฒนาการร่วมกับลิง ที่เป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่าคนวิวัฒนาการมาจากลิงนั่นเอง” ลุงแมวน้ำตอบ

“ใช่ฮะ คนวิวัฒนาการมาจากลิง ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน แสดงว่าน้าจ๋อเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์” กระต่ายน้อยหัวเราะชอบใจ “แล้วกระต่ายมาจากอะไรฮะเนี่ย”

“หมู่เกาะที่ญาติลุงแมวน้ำแอ๊บแบ๊วขอปลากินเนี่ยนะที่เป็นกุญแจไขความลับ ยังงั้นเล่ามาเลยลุง” ลิงท่าทางกระตือรือร้นสนใจ “ถ้ายังงั้นผมก็มีโอกาสกลายเป็นมนุษย์ละสิ”

“ว่าไปโน่น” ลุงแมวน้ำหัวเราะ “ชาลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin, ค.ศ. 1809-1882) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษในสมัยศตวรรษที่ 19 เมื่อสมัยยังวัยรุ่น อายุราวๆ 17 ปี ดาร์วินเข้าเรียนในสาขาแพทยศาสตร์ แต่เมื่อเรียนไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตนเองชอบศึกษาทางธรรมชาติวิทยามากกว่า จึงเบนเข็มชีวิตไปทางด้านธรรมชาติวิทยา


ชาลส์ ดาร์วิน ในวัยหนุ่ม

“ตอนที่อายุ 22 ปี ดาร์วินตัดสินใจเข้าร่วมเดินทางไปกับเรือบีเกิล (HMS Beagle) อันเป็นเรือสำรวจทางธรรมชาติวิทยาที่เดินทางไปสำรวจยังดินแดนต่างๆรอบโลกซีกใต้ เดิมทีดาร์วินคาดว่าการเดินทางสำรวจน่าจะกินเวลาประมาณ 2 ปี แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าต้องผจญภัยและสำรวจไปในดินแดนต่างๆรอบโลกนานถึง 5 ปี


เรือบีเกิลซึ่งเป็นเรือสำรวจทางด้านวิทยาศาสตร์ ออกเดินทางสำรวจซีกโลกภาคใต้เป็นเวลา 5 ปี ในช่วง 1831-1836 โดยชาล์ส ดาร์วิน ร่วมเดินทางไปด้วย

“ดาร์วินออกเดินทางจากเมืองพลีมัท ประเทศอังกฤษในปลายปี 1831 อ้อมทวีปอเมริกาใต้ ผ่านหมู่เกาะฟอล์กแลนด์ และอ้อมขึ้นไปที่หมู่เกาะกาลาปาโกส จากนั้นเดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปยังทวีปออสเตรเลีย ผ่านไปมหาสมุทรอินเดีย และเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติก อ้อมผ่านทวีปแอฟริกา แวะที่อเมริกาใต้อีกครั้ง จากนั้นก็กลับอังกฤษ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปี 1836 โน่น”


เส้นทางเดินเรือสำรวจรอบโลกซีกใต้ของเรือบีเกิลเมื่อราว 200 ปีมาแล้ว

“ฟังแล้วน่าสนุกจังฮะ ผมอยากไปผจญภัยแบบนั้นบ้าง” กระต่ายน้อยกระดิกหางดุ๊กดิ๊กอย่างกระตือรือร้น

“เรือลำนี้เป็นโครงการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นจึงมีนักวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติวิทยาไปกับเรือด้วยมากมาย ดังนั้น นอกจากหนุ่มน้อยดาร์วินจะต้องทำงานเก็บตัวอย่างพืช สัตว์ ฟอสซิล และวาดภาพและจดบันทึกสิ่งต่างๆที่พบแล้วยังได้เพิ่มพูนความรู้ต่างๆอย่างกว้างขวางจากเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ที่ร่วมในเรือไปด้วย เช่น ชีววิทยา กีฏวิทยา (เกี่ยวกับแมลง) บรรพชีวินวิทยา (เกี่ยวกับฟอสซิล) ธรณีวิทยา ฯลฯ

“จากการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง รวมทั้งการสังเกตสิ่งมีชีวิตที่พบในดินแดนต่างๆ เมื่อดาร์วินมองในภาพกว้างก็พบว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่างถิ่นกันจะมีรูปลักษณะแตกต่างกัน แม้ว่าสองถิ่นที่อยู่จะมีภาพแวดล้อมและภูมิอากาศคล้ายกัน แต่สิ่งมีชีวิตที่พบกลับไม่เหมือนกัน และดาร์วินยังสังเกตพบว่าระดับความสูงของถิ่นที่อยู่กับที่ตั้งตามแนวเส้นรุ้งมีผลต่อความผันแปรของสิ่งมีชีวิต

“นอกจากนี้ บรรดาซากโบราณที่มีอายุต่างๆกันซึ่งทับถมในถิ่นเดียวกันก็มีลักษณะบางอย่างร่วมกัน ดาร์วินเริ่มสงสัยว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ต่างยุคกันมีความเชื่อมโยงกันแต่ยังไปต่อไม่ถูก

“โดยเฉพาะเมื่อดาร์วินมาถึงหมู่เกาะกาลาปาโกส ดาร์วินสังเกตพบว่าเกาะที่ประกอบกันเป็นหมู่เกาะกาลาปาโกสนั้นแต่ละเกาะมีสภาพภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน บางเกาะแล้ง บางเกาะอุดมสมบูรณ์ บางเกาะเป็นภูเขา บางเกาะอยู่ที่ระดับน้ำทะเล พืชและสัตว์ในแต่ละเกาะก็แตกต่างกัน


หมู่เกาะกาลาปาโกสเป็นหมู่เกาะที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟและคาดว่าโผล่พ้นน้ำเป็นเกาะเมื่อราว 5 ล้านปีถึง 10 ล้านปีมาแล้ว 

“กุญแจสำคัญก็คือนกฟินช์ (finch) อันเป็นนกขนาดเล็ก ซึ่งก็คือกลุ่มนกกระจิบนกกระจอกนั่นเอง ดาร์วินพบว่านกฟินช์ที่กระจายอยู่ตามเกาะต่างๆในหมู่เกาะกาลาปาโกสมีหลายชนิด ซึ่งต่อมาภายหลังจำแนกได้ประมาณ 14 สปีชีส์ ความแตกต่างที่เด่นชัดคือจงอยปากที่แตกต่างกัน และยิ่งไปกว่านั้น จงอยปากที่แตกต่างกันนั้นผันแปรไปตามสภาพอาหารของแต่ละเกาะ เช่น จงอยปากใหญ่และสั้นเหมาะกับการกินเมล็ดผลไม้ขนาดใหญ่ จงอยปากขนาดกลางเหมาะกับการกินเมล็ดผลไม้ขนาดเล็ก และจงอยบางเล็กยาวเหมาะกับการกินแมลง เป็นต้น ทำไมนกฟินช์ตามเกาะต่างๆจึงมีจงอยปากที่ผันแปรไปตามความเหมาะสมกับแหล่งอาหาร และเดิมทีนกเหล่านี้มีบรรพบุรุษเดียวกันหรือไม่


ภาพแสดงเส้นทางการสำรวจของดาร์วินไปตามเกาะต่างๆในหมู่เกาะกาลาปาโกส พร้อมพื้ชและสัตว์ที่ดาร์วินพบบนเกาะในสมัยนั้น (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดขยาย)


ภาพสเก็ตช์นกฟินช์บนเกาะกาลาปาโกสแสดงให้เห็นลักษณะจงอยปากที่แตกต่างกัน 4 ชนิด ฝีมือการวาดของดาร์วินเอง

ภาพโปสเตอร์นกฟินช์ 14 สปีชีส์บนเกาะกาลาปาโกสในปัจจุบัน สังเกตลักษณะของหัวนกและลักษณะของจงอยปากที่แตกต่างกัน ความแตกต่างเหล่านี้เกิดจากสภาพแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือแหล่งอาหาร ซึ่งนกฟินช์เหล่านี้คือกุญแจที่ทำให้ดาร์วินสามารถสืบสาวจนไขความลับของธรรมชาติเรื่องการวิวัฒนาการได้ในเวลาต่อมา ซึ่งในยุคนั้นเป็นแนวคิดที่ท้าทายศาสนจักรมาก (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดขยาย)

“ดาร์วินในวัยหนุ่มยังไม่ได้คำตอบในตอนนั้น หลังจากที่กลับบ้านไปแล้วและศึกษาค้นคว้าต่ออีกราว 20 ปีจึงได้คำตอบ นั่นก็คือ ทฤษฎีวิวัฒนาการ โดยทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วินนั้นมีคำอธิบายและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ประกอบ อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ในยุคต่อมายังพบหลักฐานสนับสนุนทฤษฎีนี้อย่างต่อเนื่องและต่อยอดขยายความทฤษฎีนี้ต่อไปอีก จนเป็นทฤษฎีที่ยึดถือและใช้อธิบายวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน โดยยังไม่มีหลักฐานที่หักล้าง

“ลุงแมวน้ำขอรวบรัดสรุปทฤษฎีวิวัฒนาการที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ก็แล้วกัน ว่าวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจะเกิดขึ้นได้ด้วยองค์ประกอบ 3 ประการคือ

ข้อแรก สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการดำรงเผ่าพันธุ์
ข้อสอง สิ่งมีชีวิตเกิดการผ่าเหล่า
ข้อสาม เกิดการคัดเลือกพันธุ์ตามธรรมชาติ”

“ยังไงกันฮะลุง ยังไม่เข้าใจ” กระต่ายน้อยทำหน้างุนงง

“นี่ลุงสรุปให้ฟังก่อนไง กำลังจะอธิบายขยายความให้ฟังต่อไป รวมทั้งการเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจด้วย” ลุงแมวน้ำตอบ