Saturday, May 10, 2014

10/05/2014 การลงทุนหุ้นและกองทุนรวมในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ (healthcare industry) (1)





เช้าวันเสาร์ ลิงจ๋อห้อยโหนต้นไม้มาหยุดอยู่ที่หน้าโขดหินของลุงแมวน้ำ พลางชะเง้อมองหาลุงแมวน้ำที่โขดหิน โดยไม่ได้สังเกตว่าลุงกำลังปลูกต้นไม้อยู่ในสวนใกล้ๆโขดหินนั่นเอง

“ลุงแมวน้ำ ลุงแมวน้ำ วู้ ตื่นหรือยัง มัวแต่หลับอุตุ” ลิงจ๋อตะโกนเรียก

“ลุงอยู่ในสวน” ลุงแมวน้ำตะโกนตอบ “ตื่นตั้งนานแล้ว”

ลิงจ๋อเดินเข้ามาหาลุงในสวน

“มาหลบอยู่ที่นี่เอง นึกว่ายังไม่ตื่น” ลิงทักทาย

“มาแต่เช้าเชียว อากาศร้อนๆ มีน้ำปั่นมาฝากลุงไหม” ลุงแมวน้ำถาม

“ลุงทวงของฝากแต่เช้าเลย ผมยังไม่ได้ไปไหน ไม่มีของฝากหรอก” ลิงตอบ

“อ้าว ไม่มีของฝากแล้วมาทำไม” ลุงแมวน้ำถาม

“โห ลุงตอบได้จี๊ดมาก” ลิงจ๋อหัวเราะ “มีเรื่องมาปรึกษาลุงหน่อยน่ะ อากาศร้อน นอนไม่ค่อยหลับ เลยมาหาลุงแต่เช้า”

“จะปรึกษาเรื่องอะไรล่ะ” ลุงแมวน้ำถาม “ของฝากก็ไม่มี”

“คือผมสนใจหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลน่ะ เห็นเขาว่าปลอดภัยดี ช่วงนี้ขึ้นแรงไม่แคร์ตลาดเสียด้วย” ลิงจ๋อพูด “กับอีกทีก็ดูๆกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศในกลุ่มเฮลท์แคร์ เท่าที่อ่านความเห็นจากกระทู้ต่างๆ ก็เห็นว่าผลตอบแทนดี และกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นไทยได้อีกด้วย”

“แล้วนายจ๋อมีความคิดเห็นยังไงบ้างล่ะ” ลุงแมวน้ำถามกลับ

“เอ้อ” ลิงอึ้งไป “เมื่อช่วงก่อนเท่าที่อ่านจากกระทู้ต่างๆ ก็เห็นพูดกันว่าดี แต่มีสัปดาห์นี้ก็มีบ่นว่าติดดอยกับตรึมเหมือนกัน ผมก็เลยไม่ค่อยแน่ใจไง เลยมาถามลุง”

“แล้วลุงจะรู้ไหมเนี่ย” ลุงแมวน้ำตอบ “นายจ๋อก็พยายามหาข้อมูล ติดตามอ่านมาตั้งเยอะ แล้วทำไมยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้”

“ก็ลุงแมวน้ำมีความรู้รอบพุงเยอะไม่ใช่หรือ ผมก็มาถามลุงเพื่อให้มั่นใจมากขึ้นไง” ลิงจ๋อตอบ พลางหยิกหมับเข้าที่พุงของลุงแมวน้ำ

“โอ๊ย เดี๋ยวความรู้หลุดหมด” ลุงแมวน้ำบอกนายจ๋อ “ก่อนอื่นก็ต้องชมนายจ๋อ ว่าเดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้น พยายามหาศึกษาข้อมูล พยายามอ่านมากขึ้น แต่ลุงอยากให้นายจ๋อระวังการรับรู้ข้อมูล คือต้องรู้จักแยกแยะข้อมูลด้วย”

“ยังไงหรือลุง ยังไม่เข้าใจ” ลิงจ๋อถาม

“ก็เมื่อเราค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ข้อมูลที่ได้มีมากมาย นายจ๋อต้องเลือกพิจารณาและแยกแยะ ยกตัวอย่างที่นายจ๋ออยากลงทุนแล้วไปอ่านกระทู้ต่างๆ คนที่ซื้อแล้วราคาขึ้นก็เข้ามาเขียนเชียร์ว่าดี แต่คนที่ซื้อแล้วราคาร่วงก็เข้ามาเขียนบ่น เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว หากอ่านกระทู้พวกนี้นายจ๋อจะหวั่นไหวไปกับอารมณ์ในกระทู้มากกว่าที่จะได้รับรู้ข้อมูล”

“แล้วผมต้องทำยังไงละลุง” ลิงถามอีก

“นายจ๋อก็ต้องเลือกรับรู้ข้อมูล พยายามอ่านในสิ่งที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวธุรกิจ ต้องพยายามแยกแยะข้อมูลและการแสดงออกทางอารมณ์จากกัน มันก็อธิบายยากอยู่เหมือนกัน แต่กรณีของนายจ๋อก็ถือว่าเป็นอุทาหรณ์ คือยิ่งอ่านเยอะยิ่งหวั่นไหว ยิ่งลังเล แบบนี้ก็ไม่ถูกทางแล้วล่ะ แทนที่จะอ่านแล้วได้คำตอบ”

ลิงจ๋อหยิบธนบัตรใบละยี่สิบบาทออกมา แล้วเอาคลิปหนีบธนบัตรไว้กับครีบของลุงแมวน้ำ พลางพนมมือ

“เอาล่ะ ลุงเริ่มบ่น แสดงว่าเครื่องร้อนแล้ว ติดกัณฑ์เทศน์แล้วลุงเริ่มเทศน์ได้เลยคร้าบ”

“สงสัยจะเพี้ยน” ลุงแมวน้ำหัวเราะ “เอ้า มาเข้าเรื่องกลุ่มสุขภาพกัน”

ลุงแมวน้ำหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วเริ่มพูด

“ก่อนอื่น ลุงถามก่อนว่า นายจ๋อเข้าใจความหมายของกลุ่มเฮลท์แคร์นี้ว่ายังไง มันคือธุรกิจอะไร” ลุงแมวน้ำถาม

“หมายถึงโรงพยาบาลไงลุง” ลิงจ๋อรีบตอบ “ถูกต้องนะคร้าบ”

“ก็ไม่เชิง” ลุงแมวน้ำตอบ “อย่างนั้นเราต้องมาตั้งต้นกันก่อนว่ากลุ่มเฮลท์แคร์นี้คืออะไร นายจ๋อจะได้เข้าใจภาพของธุรกิจในกลุ่มนี้ คงจะเป็นวิชาการหน่อย ทนฟังเอาหน่อยละกัน

“คำว่ากลุ่มเฮลท์แคร์นี้ เป็นคำที่เราเรียกกันทั่วไป ภาษาอังกฤษเขียนได้สองแบบ คือ healthcare กับ health care คือเขียนติดกันกับไม่ติดกัน ลุงถนัดเขียนติดกันมากกว่า

“ในการจัดจำแนกหมวดหมู่ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น เราจำแนกเรื่องการดูแลสุขภาพนี้อยู่ในหมวดใหญ่คือเป็นอุตสาหกรรมบริการ (service industry) และหมวดย่อยคือเป็นเซ็กเตอร์บริการสุขภาพ (healthcare service sector) คือเราจัดเรื่องการดูแลสุขภาพเป็นหมวดย่อยในหมวดใหญ่บริการ

“แต่ในเรื่องการจำแนกหมวดหมู่นั้นมีการจำแนกกันหลายระบบ ที่ตลาดหลักทรัพย์ไทยจำแนกมาแบบนี้ก็เป็นเพียงแบบหนึ่งเท่านั้น ฝรั่งมีการจำแนกกลุ่มดูแลสุขภาพนี้มากมายหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ใช้การจำแนกโดยเกณฑ์ของดัชนีเอสแอนด์พีดาวโจนส์ ก็จำแนกอีกวิธีหนึ่ง โดยกำหนดให้เรื่องการดูแลสุขภาพนั้น จัดอยู่ในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพ (healthcare industry) คือยกให้เป็นหมวดใหญ่ไปเลย และยังมีหมวดย่อยอีก เป็นระดับเซ็กเตอร์ (sector) และระดับซับเซ็กเตอร์ (subsector) อีก 5 ซับเซ็กเตอร์”


(คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขนาดขยาย)

อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพในตลาดหุ้นนิวยอร์กนั้น แบ่งย่อยออกเป็น 5 ซับเซ็กเตอร์ ดังนี้ 
(1) ธุรกิจผู้ให้บริการดูแลสุขภาพ (healthcare privoders) คือธุรกิจโรงพยาบาล คลินิก สถานพักฟื้น สถานดูแล ศูนย์วัยเกษียณ รวมไปถึงคลินิกทันตกรรมและตรวจสายตาประกอบแว่น 
(2) ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ (medical equipment) ได้แก่เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆทางการแพทย์ เช่น เครื่องฉายเอกซ์เรย์ เครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอ รวมไปจนถึงอุปกรณ์ที่ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ ฯลฯ 
(3) ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุการแพทย์ (medical supplies) ได้แก่วัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ต่างๆ ที่ใช้แล้วต้องทิ้งไป เช่น พลาสเตอร์ ผ้าพันแผล เข็มและหลอดฉีดยา คอนแทกเลนส์ ฯลฯ 
(4) ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) เป็นธุรกิจที่วิจัย พัฒนา และผลิต สารทางชีวภาพเพื่อการตรวจหรือรักษาโรค เช่น การตรวจยีนหาความผิดปกติของทารก ชุดตรวจเอดส์ ยาปฏิชีวนะ สเต็มเซลล์ ฯลฯ ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพนี้คาบเกี่ยวกับธุรกิจยาด้วย 
(5) ธุรกิจยา (pharmaceuticals) เป็นธุรกิจที่ผลิตและจัดจำหน่ายยาทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นยาที่สังเคราะห์ทางเคมี) เช่น แอสไพริน ยาบรรเทาหวัด ยาคุมกำเนิด ฯลฯ ซึ่งไม่รวมไวตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (หมายเหตุ คำว่ายานี้ ในการจำแนกของเอสแอนด์พีดาวโจนส์ ไม่รวมยาที่ได้จากเทคโนโลยชีวภาพ แต่คำว่ายาในการจำแนกของค่ายอื่นๆอาจหมายความรวมไปถึงยาจากเทคโนโลยีชีวภาพด้วย)



“แล้วมันสำคัญยังไงเนี่ยลุง” ลิงจ๋อสงสัย

“สำคัญสิ เพราะว่าหากนายจ๋อจะลงทุนในกองทุนสุขภาพของต่างประเทศ นายจ๋อต้องเข้าใจเสียก่อนว่าคำว่า healthcare ในตลาดหุ้นไทยกับในตลาดหุ้นต่างประเทศนั้นมีความหมายและขอบเขตที่แตกต่างกัน ในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ คำว่า healthcare ทำให้นายจ๋อนึกถึงแต่โรงพยาบาล แต่กับกองทุนต่างประเทศ คำว่า healthcare ครอบคลุมธุรกิจที่มากมายหลายหลาก ไม่ได้มีเพียงแค่โรงพยาบาล นายจ๋อจะลงทุนอะไร อย่างน้อยก็ต้องเข้าใจพื้นฐานของธุรกิจนั้นๆบ้างพอสมควร” ลุงแมวน้ำตอบ

“อ้อ ครับ ครับ” ลิงจ๋อเริ่มเข้าใจ “เชิญลุงแมวน้ำเทศน์ต่อ แล้วความหมายของ healthcare industry นั้นหมายถึงอะไรบ้างล่ะลุง”

“อุตสาหกรรมดูแลสุขภาพนั้นครอบคลุมธุรกิจมากมายหลายอย่าง โรงพยาบาลก็ใช่ นอกจากนี้ยังธุรกิจอื่นๆอีก เช่น ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายยา, ผู้ผลิตเครื่องมือ อุปกรณ์ และวัสดุทางการแพทย์, ผู้ผลิตสารตรวจวิเคราะห์, การดูแลนอกโรงพยาบาล การพักฟื้น การฟื้นฟู, การประกันสุขภาพ, ตลอดไปจนถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ธุรกิจด้านไบโอเทคโนโลยี (biotechnology) ที่ถือว่าเป็นดาวเด่นของอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพนี้” ลุงแมวน้ำพูด

“เดี๋ยว ลุง พัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี่เกี่ยวอะไรด้วย” ลิงจ๋อรีบถาม




ชุมชนผู้สุงอายุ เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์และบริการเพื่อผู้สูงอายุแบบครบวงจร เป็นธุรกิจหนึ่งในอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพในตลาดหุ้นที่พัฒนาแล้ว



“เกี่ยวสิ ในต่างประเทศมีธุรกิจการดูแลผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุในระยะยาวแบบครบวงจร ธุรกิจพวกนี้เรียกว่าธุรกิจ long term care facilities ยกตัวอย่างเช่น การดูแลผู้สูงอายุนั้น ไม่ได้หมายความเพียงแค่จัดผู้ดูแลประจำตัวเพื่อคอยพยุงหรือพาไปไหนมาไหน  แต่ธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุในปัจจุบันมีการจัดทำเป็นชุมชนผู้สูงอายุเลยทีเดียว มีที่พักที่ออกแบบพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ เช่น มีแต่พื้นราบ เครื่องใช้ไม้สอยต่างๆมีขนาดใหญ่ เห็นชัด ถนัดตา และใช้งานได้โดยไม่ต้องออกแรงมาก นอกที่พักก็ยังมีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของผู้สูงอายุ มีการจัดภูมิทัศน์และทางเดินให้เหมาะสม มีร้านค้า สินค้าและบริการต่างๆให้เลือกซื้อหา มีศูนย์พยาบาลอยู่ใกล้ๆ เรียกหาได้สะดวก มีการจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อกระตุ้นร่างกายและสมองของผู้สูงอายุ เป็นต้น ชุมชนผู้สูงอายุแบบครบวงจรนี้ก็คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งนั่นเอง ซึ่งในบ้านเราก็เริ่มมีบ้างแล้ว อย่างเช่น สวางคนิวาศ ของสภากาชาดไทย แต่ไม่ได้เป็นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนของอเมริกาหรือในหลายๆประเทศนั้นมีธุรกิจแนวนี้เป็นหุ้นในตลาดด้วย” ลุงแมวน้ำอธิบาย

“โห นึกไม่ถึงเลยนะเนี่ย” ลิงอุทาน “แล้วที่ลุงว่าดาวเด่นของอุตสาหกรรมนี้คือธุรกิจด้านไบโอเทคโลยี มันยังไงกันลุง”

“ดาวเด่นก็คือ หุ้นในกลุ่มธุรกิจไบโอเทคโนโลยี (biotechnology) หรือเรียกสั้นๆว่าไบโอเทค (biotech) นั้นเป็นหุ้นที่กำลังได้รับความนิยมและร้อนแรงในตลาดหุ้นอเมริกาน่ะสิ ที่จริง biotechnology นี้ในภาษาไทยก็มีคำให้ใช้ด้วยเหมือนกัน เรียกว่าเทคโนโลยีชีวภาพ”

“จะเรียกไบโอเทคโนโลยีหรือเทคโนโลยีชีวภาพ ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี อธิบายหน่อยสิลุง” ลิงจ๋อเร่ง “ที่ว่าเด่นนั้นเด่นยังไง กำไรดีมากไหม”

“รอก่อนนะ ลุงคอแห้ง ขอดูดน้ำปั่นก่อนแล้วค่อยเล่าต่อ” ลุงแมวน้ำตอบ


Wednesday, May 7, 2014

07/05/2014 แผ่นดินไหวและ Sell in May and go away (2)



แผ่นดินไหวที่เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ระดับ 6


เมื่อวานตลาดหุ้นไทย ดัชนีเซ็ตปรับตัวลงประมาณ -17 น่าจะเป็นจากข่าวระเบิดที่หาดใหญ่ แต่ใจเย็นๆนะคร้าบ วันนี้เรามาดูเรื่องแผ่นดินไหวกันก่อน

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่เชียงรายเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมนั้นไม่ธรรมดา แต่ว่าเป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนับจากอดีตมาเลยทีเดียว นี่นับเฉพาะแผ่นดินไหวที่เกิดในประเทศไทยเท่านั้น อย่างแผ่นไหวที่ทำให้เกิดสึนามีเมื่อหลายปีก่อนนั้นไม่ได้เกิดในประเทศไทย พวกเหล่านั้นไม่ได้นับเข้ามา

แผ่นดินไหวครั้งนี้มีระดับความรุนแรง (magnitude) ที่ 6.0 ตอนนี้มีสื่อรายงานระดับความรุนแรงไว้หลายค่า 6.0 บ้าง 6.3 บ้าง ฯลฯ แต่ลุงถือตามที่ปรากฏในฐานข้อมูลของศูนย์แผ่นดินไหว USGS ของอเมริกา

แผ่นดินไหวในประเทศไทยครั้งใหญ่ ในอดีต ตั้งแต่ที่เรามีเครื่องมือตรวจวัดทางวิทยาศาสตร์มา ก็ประมาณว่าในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ที่ระดับ 5 หรือมากกว่านั้นมีเพียงไม่กี่ครั้งเอง เราลองมาดูกัน

ปี 1983 (พ.ศ. 2526) เดือนเมษายน เกิดแผ่นดินไหวหลายครั้งในจังหวัดกาญจนบุรี แถวอำเภอศรีสวัสดิ์ แต่ที่รุนแรงเกินระดับ 5 คือเมื่อวันที่ 15 เมษายน ระดับ 5.3 และหลังจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ 5.2 และ 5.6 ตามมาอีกในวันที่ 22 หรืออีกเจ็ดวันต่อมา

ปี 1994 (พ.ศ. 2537) วันที่ 11 กันยายน เกิดแผ่นดินไหวแถวอำเภอแม่สรวย เชียงราย วัดได้ระดับ 5.2

ปี 2006 (พ.ศ. 2549) วันที่ 7 ตุลาคม เกิดแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในอ่าวไทย ระดับ 5

ปี 2014 (พ.ศ. 2557) วันที่ 5 พฤษภาคม เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.0 แถวอำเภอแม่ลาว เชียงราย และหลังจากนั้นมาอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีก จนถึงวันนี้ เกือบ 300 ครั้งแล้ว แต่ที่เป็นอาฟเตอร์ช็อกระดับใหญ่ เท่าที่มีรายงานในตอนนี้คือระดับ 5.0 เกิดแถวอำเภอแม่สรวย เกิดเมื่อวันที่ 6

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าแผ่นดินไหวในประเทศไทยครั้งนี้เป็นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบร้อยปีทีเดียว

แผ่นดินไหวนั้นเกิดจากการเลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกสองแผ่น ซึ่งแนวที่เปลือกโลกสองแผ่นขบกันและมีพลังพร้อมที่จะเลื่อนจนเกิดแผ่นดินไหว เราเรียกว่าเป็นแนวรอยเลื่อนที่มีพลัง (รอยเลื่อนที่นิ่ง ไม่มีแรงเลื่อน เราเรียกว่าเป็นรอยเลื่อนที่ไม่มีพลัง)

ทีนี้ในประเทศไทยนั้นมีแนวรอยเลื่อนที่มีพลังถึง 14 แนว ลองมาดูในภาพนี้กันคร้าบ เป็นแผนที่รอยเลื่อนมีพลังที่จัดทำขึ้นโดยกรมทรัพยากรธรณี


รอยเลื่อนมีพลัง 14 แห่งในประเทศไทย ที่อาจเกิดแผ่นดินไหว 
(คลิกที่รูปภาพเพื่อดูขนาดขยายได้คร้าบ)



แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อนเกิดจากรอยเลื่อนพะเยา แต่รอยเลื่อนที่มีการสะสมพลังอยู่มาก และอาจเกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรงมากได้นั้นเป็นรอยเลื่อนในแนวขอบตะวันตกของประเทศ คือไล่มาตั้งแต่รอยเลื่อนแม่จัน เชียงราย ไปจนถึงรอยเลื่อนคลองมะรุ่ยในภาคใต้

ตอนนี้ที่นักธรณีวิทยาสนใจกันก็คือรอยเลื่อนแม่จัน กับรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย เพราะในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่มาก่อน และนิ่งเงียบสะสมพลังไว้นานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จะแสดงพลังออกมา สำหรับรอยเลื่อนแม่จันนั้น ตามพงศาวดารระบุว่าเมื่อประมาณพันกว่าปีมาแล้ว โยนกนครเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนล่มทั้งเมืองนั้นก็เป็นแผ่นดินไหวใหญ่ที่เกิดจากรอยเลื่อนแม่จันนั่นเอง

เรื่องการพยากรณ์แผ่นดินไหวนั้น แม้ในปัจจุบัน ความรู้เท่าและเครื่องมือที่มนุษย์เรามีอยู่ก็ยังไม่สามารถพยากรณ์แผ่นดินไหวอย่างแม่นยำได้ ดังนั้น จึงเป็นคำตอบที่ว่า ทำไมเมื่อเกิดหายนภัยแผ่นดินไหวแต่ละครั้ง เราจึงป้องกันอะไรไม่ได้ ก็เพราะไม่รู้ล่วงหน้าอย่างแม่นยำนั่นเอง


วัดร่องขุ่นหลังแผ่นดินไหว ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เพียงแค่ภายนอกดังที่เห็น แต่เป็นระดับโครงสร้างด้วย ขณะที่ลุงแมวน้ำจิ้มบทความนี้ยังประเมินความเสียหายไม่ได้เนื่องจากยังมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาอยู่ และอาฟเตอร์ช็อกนี้ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมขึ้นเรื่อยๆ


ลุงแมวน้ำเห็นภาพความเสียหายของเมืองเชียงราย โดยเฉพาะที่วัดร่องขุ่นแล้วก็อดใจหายไม่ได้ วัดร่องขุ่นนี้ลุงเคยไปมาแล้วหลายครั้ง ครั้งแรกตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนั้นยังไม่เสร็จ ยังก่อสร้างและยังวาดภาพฝาผนังกันอยู่เลย หลังจากนั้นก็ได้แวะไปอีกหลายครั้ง ได้เห็นพัฒนาการมาเป็นลำดับ ถือเป็นงานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชิ้นเอกระดับฝากไว้ในแผ่นดินทีเดียว และที่น่าทึ่งคือ สร้างด้วยศรัทธาและกำลังของสามัญชนคนธรรมดาคนหนึ่ง ด้วยทุนทรัพย์ที่รวมกันแล้วถึง 1,100 ล้านบาท วัดนี้มีชื่อไม่เป็นทางการอีกชื่อหนึ่ง เป็นชื่อที่คนทั่วไปเรียกกัน คือวัดเฉลิมชัย

แล้วเรื่องแผ่นดินไหวนี้เกี่ยวอะไรกับ Sell in May and go away อันที่จริงก็ไม่ค่อยเกี่ยวกันเท่าไรหรอก เกี่ยวกันนิดเดียวเอง คือยังงี้

ดังที่ลุงแมวน้ำบอกว่าแม้ในปัจจุบันเราก็ยังพยากรณ์แผ่นดินไหวไม่ได้ และจำได้ไหมที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่า ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม อาจมีสิ่งบอกเหตุเกิดขึ้น ซึ่งอาจเป็นภัยธรรมชาติครั้งใหญ่

นั่นแหละ ลุงชักห่วงอยู่เหมือนกัน ว่าเดือนมิถุนายนอาจมีภัยธรรมชาติอะไรตามมาอีกที่อาจใหญ่กว่านี้ คือในด้านภัยธรรมชาติก็น่าห่วง แต่ในด้านการเมืองรวมถึงเศรษฐกิจ น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น เพราะเป็นสิ่งบอกเหตุถึงความเสื่อมของสิ่งไม่ดีไม่งามหลายอย่าง เราน่าจะได้รัฐบาลที่มือสะอาดและมีความสามารถพอสมควรมาบริหารประเทศต่อไปได้ เดือนมิถุนายนมาดูกันอีกทีหนึ่งคร้าบ