Tuesday, May 6, 2014

06/05/2014 แผ่นดินไหวและ Sell in May and go away (1)

แผ่นดินไหวระดับ 6 ที่เชียงราย เมื่อ 5 พฤษภาคม 2014 เวลา 18:08 น. ตามเวลาท้องถิ่น จุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้ดิน 7.4 กม.

วันนี้ลุงแมวน้ำมีเรื่องคุยสองเรื่องเลย นั่นคือเรื่องแผ่นดินไหวและตลาดหุ้น เอ... มันเกี่ยวข้องกันไหมเนี่ย จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยวละน่า แผ่นดินไหวที่เชียงรายครั้งนี้รุนแรงมากเป็นประวัติการณ์ จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ ลองอ่านดูไปก่อน

ตอนนี้ประโยคยอดฮิตที่คุยกันในตลาดหุ้นคงหนีไม่พ้น Sell in May and go away นั่นคือ เดือนพฤษภาขายแล้วเผ่น

ประโยคนี้นักลงทุนไทยไม่ได้คิดขึ้นมาหรอก ต้นตำรับน่าจะเป็นภาษาอังกฤษ โดยฝรั่งพูดกันก่อน จากการสังเกตที่ว่าเดือนพฤษภาคมมักเป็นเดือนที่ตลาดหุ้นลง ก็จึงมีการพูดกันว่าพอถึงเดือนพฤษภาคมก็ให้ขายแล้วเผ่นไปตั้งหลักก่อน พ้นเดือนนี้แล้วค่อยกลับเข้าตลาดมาลงทุนกันใหม่ ซึ่งนักลงทุนไทยก็เอามาพูดกันขำๆด้วย หรือบางคนก็อาจเอามาใช้ คือขายแล้วเผ่นจริงๆ เพราะว่าทิศทางของตลาดหุ้นอเมริกากับของไทยช่วงนี้สอดคล้องกัน ฝรั่งลงไทยก็ลง

นักลงทุนไทยหลายคนก็ถือเอาคตินี้มาใช้บ้าง เพราะคิดว่าตลาดหุ้นทั้งของไทยและอเมริกาก็มี P/E ratio ที่ไม่ถูกแล้ว พูดง่ายๆคือหุ้นเริ่มแพงแล้วนั่นอง ก็เริ่มกังวลกันต่างๆนานา มันจะแพงเกินไปแล้วไหม ขึ้นมานานแล้วเดี๋ยวจะร่วงแรงไหม การเมืองยังวุ่นวายอยู่ทำไมหุ้นยังขึ้นได้ จะขายก่อนดีไหม บลา บลา บลา ฯลฯ

กาลามสูตรบอกว่าอย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่บอกต่อกันมา ก็คือ อย่าเชื่อพวก "เขาเล่าว่า..." นั่นเอง เราควรใช้ดุลพินิจของเราเองตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจเพราะเขาเล่าว่า เงินของเรา ไปเชื่อเขาอยู่เรื่อยก็กระไรอยู่ >.<

เอาละ แล้วทีนี้จะพิจารณาอย่างไรจึงจะตัดสินใจได้ล่ะ

ลุงขอยกกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาละกัน ในความเห็นของลุงแมวน้ำ เรามาพิจารณากันทีละประเด็นก่อนก่อน

มองประเด็นปัจจัยพื้นฐาน P/E ratio ค่อนข้างแพงแล้วจริงไหม ตอนนี้ p/e ratio ของดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นอเมริกาอยู่ที่ 17.2 เท่าแล้ว ส่วนของ SET index อยู่ที่ 16.1 เท่า ถือว่าแพงพอควร แต่ยังไม่ถึงกับแพงมาก

มองประเด็นปัจจัยทางเทคนิค ดูภาพชุดนี้กัน


ดัชนี S&P 500 (GSPC), Dow Jones Industrial (DJI), และ SET index (SET) 


ภาพนี้เป็นภาพดัชนี S&P 500 (GSPC), Dow Jones Industrial (DJI), และ SET index (SET) มาดูภาพบนของชุดกันก่อน

ภาพแรกของชุดนี้เป็นดัชนี S&P 500 ตอนนี้รูปแบบทางเทคนิคก่อตัวเป็นขาลง แม้ว่าสัปดาห์ที่แล้วตลาดอเมริกาจะขึ้นมาบ้าง แต่เส้นแนวโน้มขาลงยังไม่ถูกทำลายไป

ภาพที่สอง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ DJI รูปแบบทางเทคนิคกำลังทดสอบ triple top หรือยอดตองอยู่ ยังไม่ผ่าน

ภาพที่สาม ดัชนี SET รูปแบบทางเทคนิคเกิดยอดคลื่นที่ดัชนีประมาณ 1430 จุดและเป็นแนวต้านตามระดับฟิโบนาชชี 78.6% อันเป็นแนวต้านสำคัญ และยังไม่ผ่าน

ดังนั้นพูดง่ายๆว่าทั้งสามดัชนีกำลังทดสอบแนวต้านสำคัญอยู่ และตอนนี้ยังไม่ผ่าน

แล้วจะมีโอกาสผ่านแนวต้านที่ว่าได้ไหม

คำตอบทางเทคนิคก็คือ ยังไม่แน่ โอกาสที่จะทดสอบแล้วผ่านด่านแนวต้านสำคัญนี้ได้ก็พอมี และหากผ่านได้ ก็แปลว่าตลาดหุ้นเดินหน้าไปต่อ ถ้าหากผ่านไม่ได้ก็ต้องปรับตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มใหญ่ของทั้งสองตลาดนี้ยังเป็นขาขึ้น ดังนั้นแม้ตลาดจะลงก็คาดว่าน่าจะเป็นเพียงชั่วคราว

ถ้ายังงั้นขายไปตั้งหลักก่อนดีไหม

นี่แหละคำถามสำคัญที่ทุคนอยากรู้ แต่คงไม่มีใครตอบแทนใครได้หรอก ทุกคนต้องมีคำตอบสำหรับตนเอง เพื่อว่าจะได้ไม่ต้องมาโทษใครในภายหลัง

หากแนวสายปัจจัยพื้นฐาน การตัดสินใจขายก็ต่อเมื่อราคาแพงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมาก หรือว่าปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไป ก็ต้องมีจุดตัดสินใจว่าเท่าไรจึงจะถือว่าแพงเกินไป

สำหรับสายปัจจัยเทคนิค ก็มีมุมมองหลายแบบ เช่น ถึงแนวต้านสำคัญก็ขายไว้ก่อน ผ่านแนวต้านได้ค่อยกลับไปซื้อใหม่ แพงขึ้นก็ไม่ว่า แต่ขอให้ผ่านได้ก่อนเถอะ แบบนี้ก็มี

สำหรับลุงแมวน้ำ ใช้สัญญาณซื้อขายกำกับ ดังนั้นต้องรอให้ราคาลงมาถึงระดับหนึ่งก่อน ถ้าราคาหลุดต่ำกว่าจุดนี้ก็ขาย ซึ่งแนวนี้จะตรงข้ามกับสายปัจจัยพื้นฐาน (ถ้าหุ้นพื้นฐานดี ยิ่งถูกยิ่งน่าซื้อ) ตอนนี้ยังไม่เกิดสัญญาณขาย ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงยังไม่ทำอะไร

และหากตลาดเกิดทดสอบด่านไม่ผ่านและปรับตัวลง ลุงแมวน้ำกมีสมมติฐานว่า กรณีที่ตลาดยังเป็นแนวโน้มใหญ่ขาขึ้นอยู่ ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวลงไม่ลึก แนวรับสำคัญคือ 1300 จุด (P/E ratio = 14.7) และ 1270 (P/E ratio = 14.3) คงไม่น่าลงลึกไปกว่านี้

ผู้ที่ใช้แนวคิดแบบผสมสองสำนัก คือทั้งสายปัจจัยพื้นฐาน และสายปัจจัยเทคนิคประกอบกัน ต้องระวังให้ดี หากเป็นมือใหม่แล้วผสมสองสำนักค่อนข้างอันตราย หลักคิดของตนต้องแจ่มชัด เข้าใจทั้งหลักการและวิธีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ ไม่อย่างนั้นความรู้จะตีกันอยู่ในหัวนั่นเอง เพราะปัจจัยพื้นฐานบอกถูกน่าซื้อ แต่สัญญาณทางเทคนิค อินดิเคเตอร์บอกว่าราคาร่วงถึงจุดที่ให้ขาย โอ... แล้วจะซื้อขายถูกไหมเนี่ย >.<

ทางที่ดี หากเป็นมือใหม่ ศึกษาของสายใดสายหนึ่งไปก่อน ความรู้จะได้ไม่ตีกัน

วันนี้ลุงแมวน้ำคุยได้แค่เรื่องตลาด ยังไปไม่ถึงเรื่องแผ่นดินไหวเลย เอาไว้คุยกันต่อพรุ่งนี้คร้าบ




Saturday, May 3, 2014

03/05/2014 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ : ข้าวอบเห็ดหอมเทอริยากิ เจ/มังสวิรัติ



เห็ดหอม (Lentinus endodes, shiitake mushroom, xiang gu) ภาพบนสุดเป็นเห็ดหอมที่ขึ้นตามขอนไม้ในป่า ภาพถัดมาเป็นการเลี้ยงเห็ดหอมทางการค้า ปัจจุบันความนิยมบริโภคเห็ดหอมมีมาก ไปเก็บตามป่าไม่ไหวแล้ว จึงมีการนำมาเพาะเลี้ยงในโรงเรือนด้วยถุงพลาสติกเพื่อให้ผลิตได้มากๆ เห็ดหอมที่ขายในตลาดมีทั้งเห็ดหอมสด และเห็ดหอมตากแห้ง ในประเทศไทยมีผู้ผลิตเห็ดหอมหลายราย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือเนื่องจากเห็ดหอมชอบอากาศเย็น แต่อย่างไรก็ดี เห็ดหอมแห้งที่วางขายส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน และมักผ่านกระบวนการอบแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (sulphur dioxide) เช่นเดียวกับที่เราอบลำไย


ช่วงนี้มีวันหยุดหลายวัน อากาศร้อนอบอ้าว ปีนี้เป็นปีที่อากาศร้อนมาก แถมยังเป็นปีแล้งอีกด้วย ฝนจึงตกไม่มาก ไม่ค่อยมีฝนมาช่วยบรรเทาอากาศร้อนเท่าไร และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฝนไม่ใช่ตกเฉยๆ แต่มาพร้อมกับพายุฤดูร้อน คือมาทั้งฝนและลม บ้านพัง หลังคาเปิดเปิงกันไปมากมาย

สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว เรามาทำอาหารสุขภาพกินกันดีกว่า

เมนูสุขภาพของลุงแมวน้ำวันนี้คือ ข้าวอบเห็ดหอมเทอริยากิ สูตรมังสวิรัติ ชื่อประหลาดยาวเฟื้อย ขอบอกว่าเป็นเมนูที่ลุงแมวน้ำคิดขึ้นเอง เป็นเมนูสุขภาพ อีกทั้งเป็นเมนูขี้เกียจ ทำง่ายฝุดๆ มีอุปกรณ์เพียงแค่หม้อหุงข้าวกับเตาอบไมโครเวฟก็ใช้ได้แล้ว

เมนูนี้เป็นเมนูสุขภาพ เพราะว่าไขมันต่ำมากๆ อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายก่ายกอง เห็ดหอมนั้นเป็นอาหารสุขภาพของชาวจีนและญี่ปุ่น ญี่ปุ่นเรียกว่าชิตาเกะ (shiitake mushroom) ส่วนจีนเรียกเซียงกู (xiang gu) ซึ่งแปลตรงตัวว่าเห็ดที่มีกลิ่นหอม ส่วนชื่อในทางวิทยาศาสตร์นั้นเรียกว่า เลนตินัส เอนโดเดส (Lentinus endodes)

มาคุยกันเรื่องเห็ดหอมก่อน เห็ดหอมนั้นทางจีนและญี่ปุ่นถือว่าเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ ช่วยให้มีอายุขัยยืนนาน และความเชื่อก็ขยายต่อไปอีกว่ามีสรรพคุณรักษาโรคมะเร็งและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆอีกหลายโรค

ในทางวิทยาศาสตร์ เท่าที่มีการศึกษาและวิจัยกันมา ปัจจุบันเราพบว่าในเห็ดหอมนั้นมีสารสำคัญอยู่หลายชนิด เช่น เบตากลูแคน (beta glucan) และสารประกอบฟีนอล (phenolic compound) อื่นๆ ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณบัติต้านอนุมูลอิสระ หรือเป็นแอนไทออกซิแดนต์ (antioxidant) ซึ่งน่าจะช่วยต่อต้านมะเร็งได้ แต่จากการวิจัยทางคลินิกในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่าเห็ดหอมนั้นมีคุณสมบัติรักษามะเร็งได้ เคยมีการทดลองกับเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมาก ก็ไม่ได้ผล ดังนั้น เราจึงควรคิดว่าเห็ดหอมเป็นอาหารเสริมสุขภาพเท่านั้น อย่าไปมองถึงขั้นรักษาโน่นรักษานี่ได้

แหล่งขายเห็ดหอมตากแห้ง เมื่อก่อนแหล่งใหญ่จะอยู่ที่เยาวราชเนื่องจากเป็นเห็ดหอมนำเข้ามาจากประเทศจีน แต่ปัจจุบันหาซื้อได้ทั่วไป ตามซูเปอร์มาร์เก็ตก็มีขาย แม้ในปัจจุบันในบ้านเรามีผู้เพาะเลี้ยงเห็ดหอมอยู่หลายราย แต่ส่วนใหญ่ก็ยังนำเข้าจากจีนเช่นเดิม

เอาล่ะ ไมู่ดพล่ามทำเพลง คาดผ้ากันเปื้อนแล้วเข้าครัวกันเลย ทำเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ

วัตถุดิบที่ต้องใช้ก็มีดังนี้


  1. ข้าวกล้อง
  2. เห็ดหอมตากแห้ง
  3. แครอท
  4. ถั่วลิสง
  5. ซอสเทริยากิ


วัตถุดิบหลักมีเท่านี้เอง วัตถุดิบเหล่านี้หาซื้อได้ในซูเปอร์มาเก็ต ปริมาณก็กะเอาเองตามสมควร ตอนที่ลุงแมวน้ำเล่าวิธีทำจะบอกปริมาณไว้ด้วย แต่เพิ่มได้ลดได้ ไม่ตายตัว เรามาลงมือทำกันเลย ดูตามภาพไปเลยคร้าบ ภาพมาก่อน คำอธิบายตามหลัง ^_^




 ขั้นแรกก็หุงข้าวเสียก่อน ลุงแมวน้ำใช้ข้าวกล้องอินทรีย์ ปริมาณ 1 ถ้วยครึ่ง และหั่นแครอทหัวใหญ่ๆไปด้วย 1 หัว ใส่ถั่วลิสงดิบลงไปนิดหน่อย จากนั้นนำไปหุงด้วยกัน ปริมาณน้ำนี้ลุงใช้ 600 มิลลิลิตร (ปริมาณน้ำที่ใช้หุงข้าวขึ้นอยู่กับชนิดและอายุของข้าวสารด้วย ใช้มากน้อยแตกต่างกัน ต้องลองผิดลองถูกเองด้วย) 





ระหว่างที่หุงข้าวอยู่ก็ทำเห็ดหอมไป นำเห็ดหอมตากแห้งมาล้างน้ำ ควรแช่น้ำสักครู่แล้วทิ้งน้ำไป เพื่อล้างสิ่งตกค้างบนผิวเห็ดหอมออกไป จากนั้นแช่เห็ดหอมในน้ำสะอาด เห็ดหอมแห้งซึ่งอยูในสภาพแข็งโป๊กราวกับหินจะดูดน้ำเข้าไปจนกลายเป็นเห็ดหอมนิ่มๆ เมื่อเห็ดหอมนิ่มแล้วจึงนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

เห็ดหอมตากแห้งนี้มีหลายเกรด หลายราคา ขึ้นกับขนาดความและสมบูรณ์ของดอกเห็ด เห็ดสวย ดอกใหญ่ ราคาแพง และขึ้นกับสถานที่ซื้อด้วย เห็ดสวยๆในห้างกิโลกรัมละประมาณ 1,000 บาท ถ้าเกรดรองลงมาก็ราคาลดหลั่นลงมา ลุงแมวน้ำใช้เกรดดีหน่อย ดอกใหญ่ ซื้อจากสันติอโศก ราคาประมาณกิโลกรัมละ 600 บาท เมนูนี้ลุงใช้ 5 ดอก ซึ่งเมื่อนำมาแช่น้ำและหั่นแล้วได้เนื้อเห็ดชามใหญ่เลยทีเดียว






นำเห็ดหอมที่หั่นแล้วมาคลุกกับซอสเทริยากิ 5-6 ช้อนกินข้าว หมักเอาไว้สักสิบนาที จากนั้นนำไปอบในเตาอบไมโครเวฟด้วยไฟแรงสุด นาน 3-4 นาที จนเห็ดหอมสุก ซอสเทริยากิที่เห็นในภาพนี้ราคาขวดละประมาณหกสิบกว่าบาท





เมื่อข้าวสุก นำเห็ดหอมที่หมักซอสและอบจนสุกแล้วมาคลุกกับข้าว ลองชิมดู หากชอบหวานก็อาจเติมซอสเทริยากิเพิ่มในข้าวอีกนิดหน่อยก็ได้

แค่นี้เอง เสร็จแล้วคร้าบ เสิร์ฟได้เลย เมนูนี้อร่อยพอใช้ได้ ขอบอก พร้อมกันนี้ยังมีไขมันต่ำมากอีกด้วย คือไขมันที่ได้มาจากถั่วลิสงที่เราใส่ลงไปนิดหน่อยนั่นเอง

นอกจากนี้ เมนูนี้ยังมีโปรตีนต่ำอีกด้วย เพราะสังเกตว่าไม่ได้ใส่โปรตีนใดๆลงไป แต่หากอยากใส่โปรตีนลงไปก็พลิกแพลงเอาได้ โดยเพิ่มไส้กรอกเจหรือลูกชิ้นเจลงไปในเห็ดหอม นำไปอบด้วยกัน ก็จะได้ปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้น

หมายเหตุ ในภาพนี้มีลูกชิ้นติดมาด้วย นั่นคือลูกชิ้นเจคร้าบ

เห็นไหมว่าง่ายฝุดๆ เมนูสุดแสนขี้เกียจในวันหยุดของลุงแมวน้ำ กินให้อร่อยนะคร้าบ ^_^