Friday, June 7, 2013

07/06/2013 * อเมริกา เยอรมนี เกิดสัญญาณขาย ค่าเงินเปลี่ยนทิศ


ตลาดหุ้นทั่วโลกทยอยกันสาละวันเตี้ยลง ขณะนี้ ตลาดหุ้นอเมริกาเกิดสัญญาณขายแล้ว ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์และ S&P 500 เกิดสัญญาณขาย ส่วนดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนีก็เกิดสัญญาณขาย

ช่วงนี้มีผู้อำนวยการสำนักสาขาของเฟดหลายคน ที่เป็นสายคัดค้าน QE ให้สัมภาษณ์สื่อทำนองว่าควรยุติ QE ได้แล้วและเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่ว ประกอบกับลุงเบนเองก็อึมครึม ดังนั้นผู้ที่เสพติด QE ก็เริ่มกังวลมากยิ่งขึ้น อารมณ์ตลาดหุ้นตอนนี้จึงไม่ค่อยดีนัก ที่จริงคนในเฟดเองใช่ว่าจะเห้นด้วยกับ QE กลุ่มที่คัดค้านก็มี และก็ให้ความเห็นในเชิงคัดค้านมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งมาให้ความเห็นตอนนี้ แต่ว่าช่วงนี้ข่าวเหล่านี้กระทบอารมณ์ตลาดเป็นพิเศษ

ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนี SET เกิดสัญญาณขายมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ดัชนีร่วงลงมาจากยอดคลื่น -9.3% แล้ว เมื่อวานปิดที่ประมาณ 1490 จุด ต้องดูว่าจะหลุด 1470 หรือไม่ ชักเริ่มมีเสียวแล้ว

อย่างไรก็ดี ลุงแมวน้ำยังประเมินภาพใหญ่เป็นขาขึ้นอยู่ ตลาดลงรอบนี้ลุงมองว่าเป็นเรื่องปกติ มีขึ้นก็มีลง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเวลาร่วงหวาดเสียวกว่าตลาดหุ้นไทยมาก อีกประการ ลุงแมวน้ำมีจุดหยุดความเสียหาย ดังนั้นถึงมองผิดก็ยังมีจุดถอยอยู่ ที่สำคัญคืออย่ามั่นใจอะไรมากเกินไป จนละเลยทางถอย

ขณะเดียวกัน ค่าเงินช่วงนี้ผันผวนจนเดาทางไม่ถูก ค่าเงินดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มแข็งค่ามานานหลายเดือนแล้ว กลับมาอ่อนค่าจนเกิดสัญญาณขาย ดูท่าอาจมีการกลับทิศ แต่ยังบอกชัดเจนไม่ได้ ต้องดูต่อไปก่อน ขณะเดียวกันเงินเยนกับเงินยูโรก็เกิดสัญญาณซื้อ ส่อแววว่าจะกลับทิศจากแนวโน้มอ่อนค่าเป็นแนวโน้มแข็งค่า

ส่วนเงินบาท ช่วงนี้มีเงินไหลออก ดังนั้นเงินบาทจึงอ่อนตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่าลง ตามหลักแล้วเงินบาทนน่าจะแข็งค่าขึ้น แต่เนื่องจากมีเงินทุนไหลออกจากการขายพันธบัตรของไทย ประกอบกับเงินเยนแข็งค่า ทุนญี่ปุ่นที่ทำเยนแครีเทรด (yen carry trade) ก็อาจขายเงินบาทแล้วซื้อเงินเยนกลับคืน ดังนั้นสถานการณ์เงินบาทอาจไม่แข็งค่าขึ้น แต่อาจทรงตัวหรืออ่อนค่าน้อยลง

เรามาดูกราฟกัน

ตลาดหุ้นอเมริกา โดยดัชนี DJI เกิดสัญญาณขายแล้ว ตอนนี้ปรับตัวลดลงจากยอดคลื่นไม่มาก ประมาณ -3%


ตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนี DAX ก็เกิดสัญญาณขายแล้ว


ตลาดหุ้นไทย SET เกิดสัญญาณขายมา 11 วันทำการแล้ว ใน 11 นี้มีวันที่ปิดบวก 2 วัน อีก 9 วันปิดลบตลอด ตอนนี้ลงมาจากยอดคลื่น -9.3% แล้ว เริ่มน่าหวาดเสียว


เงินดอลลาร์อเมริกา ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) เกิดสัญญาณขายแล้ว พร้อมกับแท่งเทียนดำใหญ่แท่งเบ้อเร่อ


เงินเยนแข็งค่า เกิดสัญญาณซื้อ อาจกลับทิศแนวโน้มเป็นแนวโน้มแข็งค่าได้


เงินยูโร เกิดสัญญาณซื้อ พร้อมกับแท่งเทียนขาวใหญ่ สัญญาณกลับทิศเป็นแข็งค่ามาหลายประการแล้ว โอกาสกลับทิศมีสูง


เงินบาท แนวโน้มอ่อนค่า แม้ดอลลาร์ สรอ จะอ่อนค่า แต่เงินบาทไทยยังไม่แข็งค่า น่าจะเนื่องจากมีเงินทุนไหลออก


สุดท้ายนี้ ลุงแมวน้ำขอนำเอาบทความมาฝาก บทความนี้มาจากหนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน 2556 อ่านแล้วถูกใจ เลยนำมาฝาก เชื่อว่าหลายๆคนคงมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้มา

อย่าเชื่อใคร อย่าลงทุนด้วยความไม่รู้ เชื่อตัวเองนั่นแหละดีแล้ว และใช้จุดหยุดความเสียหายประกอบ ถึงแม้พลาดแต่ก็ไม่ถึงกับพัง

บทความจากหนังสือพิมพ์ โพสต์ทูเดย์ เรื่อง ไม่รู้จะเชื่อใคร
ภาพที่เห็นนี้เป้นขนาดย่อ ให้คลิกที่ตัวภาพเพื่อดูภาพขนาดเต็ม







Tuesday, June 4, 2013

04/06/2013 * ตลาดพันธบัตรขาลง และสรุปภาวะตลาดในเดือนพฤษภาคม 2013 (05/2013)

เวลาผ่านไปไวจริงๆ รู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งฉลองปีใหม่ไปไม่นาน เดี๋ยวเดียวกลายเป็นย่างเข้ากลางปีเสียแล้ว

เรามาดูความเปลี่ยนแปลงของตลาดต่างๆในรอบเดือนพฤษภาคมกัน

ในด้านสภาพเศรษฐกิจจริงนั้น ทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขยอดขายบ้าน ราคาเฉลี่ยบ้าน อัตราการว่างงาน ล้วนแต่ดูดีขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็ตอบสนอง โดยปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ไปเรื่อยๆ จะมาเสียจังหวะก็ตอนช่วงปลายเดือน เนื่องจากลุงเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด รายงานต่อสภาพ โลกทั้งโลกก็จับตามองว่าลุงเบนจะพูดเกี่ยวกับการยุติโครงการ QE3 หรือไม่ ซึ่งก็เป็นแบบเดิม คือพูดจาอึมครึมเข้าไว้ มีแต่ประโยคเงื่อนไข ถ้า... หากว่า... ในกรณีที่... เป็นไปได้ว่า... ฯลฯ ซึ่งการไม่ฟันธงทำให้ตลาดกังวลใจ ประกอบการกรรมการเฟดหลายคนให้ความเห็นกันไปต่างๆนานา แต่สุดท้ายตลาดก็ตีความเอาว่าเป็นไปได้ที่เฟดอาจยุติหรืออย่างน้อยก็ชะลอการอัดฉีดในอีกไม่นานนี้ เท่านั้นเอง ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ร่วงตอบสนองต่อข่าว แต่ที่น่าสังเกตก็คือ ตลาดหุ้นอเมริกาเองไม่ค่อยสนใจข่าวนี้นัก คือตอบสนองต่อข่าวการยุติ QE ค่อนข้างน้อย โดยปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หากพิจารณาตามกลุ่มธุรกิจ (business sector) กลุ่มธุรกิจในตลาดหุ้นที่ช่วงนี้ปรับตัวขึ้นดี ได้แก่ กลุ่มพลังงานทดแทน กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเดินเรือ และกลุ่มสายการบิน

ทางด้านยุโรป ตัวเลขทางเศรษฐกิจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปยังเปราะบางอยู่ การฟื้นตัวทำได้ยาก แต่อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นในยุโรปรวมแล้วปรับตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากธนาคารกลางของยุโรปมีการลดอัตราดอกเบี้ยลง และนอกจากนี้ นักเศรษฐศาสตร์และหลายๆฝ่ายยังจุดประเด็นให้กลุ่มยุโรปทบทวนนโยบายรัดเข็มขัด ตัดค่าใช้จ่าย ซึ่งน่าจะเป็นผลเสีย ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวยาก พร้อมกันนั้น ยังมีเสียงสนับสนุนให้มีการใช้มาตรการอัดฉีดแบบ QE ของอเมริกากับประเทศต่างๆในยุโรปด้วย ซึ่งที่จริงแล้วปัจจุบันยุโรปเองก็มีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปในระบบอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เป็นการอัดฉีดเงินแบบมหาศาลดังเช่นอเมริกากับญี่ปุ่น

ทางด้านเอเชีย ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนกับญี่ปุ่นที่ออกมาในเดือนพฤษภาคมไม่ค่อยดีเท่าไร การขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียในไตรมาสแรกก็ไม่ค่อยสวยนัก ส่วนตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทย ลุงแมวน้ำก็ยังงงๆอยู่ แถลงแล้วมาบอกว่าตัวเลขผิด โน่นก็ผิด นั่นก็ผิด ลุงแมวน้ำเลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วยังไงกันแน่

สรุปตลาดหุ้นในรอบเดือนพฤษภาคม ในฝั่งอเมริกา สหรัฐอเมริกากับแคนาดา ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนอเมริกาใต้ส่วนใหญ่ปรับตัวลง ทางฝั่งยุโรป ตลอดทั้งเดือนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นเกือบทุกประเทศ ส่วนทางฝั่งเอเชียแปซิฟิกนั้นมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงคือเวียดนามและจีน ส่วนตลาดหุ้นที่ลงแรงคือรัสเซียกับออสเตรเลีย ส่วนตลาดหุ้นไทยตลอดทั้งเดือนปรับตัวลง -2.2%

ทางด้านตลาดตราสารหนี้ เมื่อเดือนที่แล้วตลาดตราสารหนี้ปั่นป่วน เริ่มตั้งแต่ที่อเมริกา ตลาดพันธบัตรเป็นแนวโน้มขาลง มีแรงขายมาหลายเดือนแล้ว ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมากความกังวลในเรื่องการชะลอหรือยุติมาตรการ QE

จากนั้นก็ตามมาด้วยความปั่นป่วนในตลาดพันธบัตรญี่ปุ่น ที่มีแรงขายออกมามากมายในช่วงปลายเดือน ทำให้อัตราผลตอบแทนพุ่งอย่างรวดเร็ว จนทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรแตกตื่นกันไปทั่วโลก ซึ่งประเด็นเรื่องตลาดพันธบัตรนี้ลุงแมวน้ำจะขอยกไปเล่าในบทความครั้งต่อไป เนื่องจากค่อนข้างยาว

สำหรับตลาดพันธบัตรของไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม ต่างชาติขายพันธบัตรสุทธิ 15,000 ล้านบาท เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเกือบทั้งเส้น ขณะเดียวกันต่างชาติก็ขายหุ้นเป็นยอดสุทธิเช่นกัน เงินจำนวนนี้บางส่วนน่าจะไหลออก ดังนั้นคาดว่าเงินบาทยังคงเป็นทิศทางอ่อนค่าต่อไป

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในเดือนพฤษภาคมยังปรับตัวลง ราคาทองคำกับโลหะเงินปรับตัวลงค่อนข้างมาก น้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย สินค้าเกษตรมีบางตัวเริ่มปรับตัวขึ้นบ้างแล้ว ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ส่วนที่ยังปรับตัวลงได้แก่ ข้าวสาลี กาแฟ ฝ้าย ฯลฯ สินค้าเกษตรนั้นทางเทคนิคทำท่าจะลับทิศเป็นขาขึ้นหลายครั้ง แต่แล้วก็เหลว กลายเป็นลงต่อ

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เดือนที่ผ่านมาตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมาก เงินดอลลาร์ สรอ ซึ่งมีแนวโน้มแข็งค่า พอมาตอนปลายเดือนเริ่มกลายเป็นไร้ทิศทาง เงินยูโรกับเยนที่เดิมเป็นแนวโน้มอ่อนค่า ตอนปลายเดือนก็เริ่มแข็งค่า ส่วนเงินบาทนั้นยังเป็นแนวโน้มอ่อนค่า

สำหรับตลาดหุ้นไทย เดือนพฤษภาคมปรับตัวลง -2.2% ลุงแมวน้ำประเมินว่า SET ไม่น่าหลุด 1530 จุด จากนั้นรถไฟสาย 1700 ก็จะเดินทางต่อ เหตุผลประกอบก็คือตลาดหุ้นอเมริกาลงไม่มาก แนวโน้มใหญ่ของตลาดหุ้นอเมริกายังไม่เสีย ดังนั้นตลาดหุ้นไทยน่าจะไปเกาะกระแสตลาดหุ้นขาขึ้นไปเรื่อยๆได้

ข้างล่างนี้เป็นภาพพร้อมคำบรรยาย ดูไปทีละภาพนะคร้าบ ^_^



ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาพอสมควรแล้ว  SET ไม่น่าหลุด 1530 จุด แม้ว่าต่างชาติจะขายสุทธิ แต่ว่าหุ้นไทยก็ขึ้นต่อได้ เพราะว่าขาใหญ่ในตลาดหุ้นที่แท้จริงก็คือรายย่อยนั่นเอง ถ้ารายย่อยรับซื้อเยอะๆ ตลาดก็ไม่ลง ^_^


แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นจีนเติบโตใช้ได้ ดังนั้นตลาดหุ้นจีนกลับทิศเป็นขาขึ้นแล้ว คาดว่าตอนนี้จีนอยู่ในคลื่น 3 ดังนั้นหากดัชนี CSI 300 ผ่าน 2,800 จุดไปได้ก็น่าจะขึ้นแรง ซึ่งน่าจะมีผลดีต่อสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย


ทองคำผันผวนไปมาเช่นเดียวกับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน ทองคำตอนนี้ดูยาก เทรดก็ยาก แนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาลง แต่ว่าแนวโน้มเล็กเริ่มเป็นขาขึ้นแล้ว เทรดยากพอๆกับเทรดค่าเงิน เลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่า

น้ำมันดิบยังวิ่งอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมชายธง ตอนนี้แนวโน้มย่อยเป็นขาลงอยู่ 

สินค้าเกษตร ทำท่าจะขึ้นแล้วก็ไม่ขึ้น กลับลงแทน เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมก็ทำท่าว่าจะขึ้นอีกแล้ว ยังต้องรอดูต่อไป หากดูทั้งกลุ่มเหมือนกับว่ายังดูไม่ดี แต่หากดูรายตัว บางตัวเริ่มกลับทิศเป็นขาขึ้นแล้ว เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด ฯลฯ ดังนั้นโอกาสที่สินค้าเกษตรจะกลับมาเป็นแนวโน้มขาขึ้นยังมีอยู่

ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนมาก เป็นผลเนื่องมาจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องของสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ที่ทำให้ธนบัตรแทบจะล้นโลก ค่าเงินดอลลาร์ สรอ ที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (แนวโน้มแข็งค่า) มาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมมีอาการไร้ทิศทางไปเสียแล้ว เงินยูโรกับเยนที่เป็นแนวโน้มอ่อนค่าก็กลับมาแข็งค่าขึ้น สถานการณ์ยังไม่ชัดเจน ต้องรอดูไปก่อน




ดูอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราสกุลสำคัญต่างๆและทองคำในเชิงเปรียบเทียบ จะเห็นว่าเงินเยน เงินฟรังก์สวิส และเงินดอลลาร์ออสเตรเลียผันผวนมากในช่วงเดือนพฤษภาคม


เงินบาทเป็นแนวโน้มอ่อนค่า ประกอบกับเมื่อเดือนที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตร คาดว่าจะมีเงินไหลออกบางส่วน ดังนั้นเงินบาทน่าจะยังอ่อนค่าต่อไป




 photo s5004062013monthlyreportcopy.gif