Wednesday, April 17, 2013

17/04/2013 * ไททานิกทองคำ ทฤษฎีโดมิโน และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (08/04/2013 - 12/04/2013)


สรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ที่จริงหมายถึงวันที่ 8-12 เมษายน แต่เนื่องจากในคืนวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงคืนวันอังคาร (12-16 เมษายน) แม้ว่าตลาดบ้านเราจะหยุดทำการ แต่ตลาดต่างประเทศเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะทองคำและโลหะเงินร่วงแรงที่สุดในรอบ 30 ปี (เขาว่ากันยังงั้น) ดังนั้นสรุปตลาดในวันนี้ลุงแมวน้ำจะพูดครอบคลุมตั้งแต่ 08/04/2013 ถึง 16/04/2013 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

เรามาดูภาพรวมของตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว 08/04/2013 ถึง 12/04/2013 กันเสียก่อน ดูตารางท้ายบทความนี้ประกอบ

ภาพรวมของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่แล้วนั้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นประมาณ +2% และทางฝั่งยุโรปก็ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ +1% ถึง +12% แต่โดยเฉลี่ยแล้วฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นประมาณ +2.5%

ทางด้านเอเชียนั้นตลาดหุ้นมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ที่ปรับตัวขึ้นแรงยังคงเป็นญี่ปุ่นเจ้าเก่า +5.1% ตามมาด้วยตลาดหุ้นตุรกี ฟิลิปปินส์ และไทย (+2.5%) ส่วนตลาดหุ้นที่ลงก็ลงไม่แรงมาก ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน และอินเดีย

แม้ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นการปรับตัวขึ้นจากที่ลงมาก่อนหน้านี้ หากพิจารณาจากตารางแล้วจะเห็นว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในโลกล้วนแต่เกิดสัญญาณขายแล้วทั้งสิ้น โดยตลาดหุ้นฝั่งทวีปอเมริกาก็มีแต่สหรัฐอเมริกาที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเป็นสัญญาณขายเกือบทุกตลาด ทางฝั่งเอเชียก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วหลายตลาด ดังนั้นที่จริงแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในสภาพที่เปราะบาง ไม่มั่นคง

ทีนี้มาดูภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กันในสัปดาห์ที่แล้วกันบ้าง ภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วเกือบทั้งหมด คืออยู่ในภาวะตลาดขาลงหรือไม่ก็เป็นภาวะที่ไร้ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลหะ พลังงาน และสินค้าเกษตร คงมีเพียงสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ เช่น ก๊าซธรรมชาติ (NG) และโกโก้ (CC) ดังนั้นจะเห็นว่าภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้น

ทีนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวลือออกมาว่าประเทศไซปรัสอาจต้องขายทองคำที่เป็นทุนสำรองออกมาประมาณ 14 ตัน เพื่อนำมาใช้เป็นสภาพคล่องภายในประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าไซปรัสขายทองคำจริงหรือไม่เพราะยังไม่มีการยืนยัน แต่ทางไซปรัสเองก็ยังไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ ประกอบกับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงมาตลอดเนื่องจากกองทุนใหญ่อันดับหนึ่งของโลกคือ SPDR gold trust ทยอยขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวก็ลือกันต่อไปอีกว่าหากไซปรัสซึ่งเป็นประเทศเล็กๆยังต้องขายทองคำมาใช้หนี้ถึง 13 ตัน และหากเป็นประเทศใหญ่ๆอย่างอิตาลี สเปน เมื่อถึงคราวขาดสภาพคล่องก็อาจจำเป็นต้องขายทองคำออกมาบ้าง ถึงตอนนั้นจะเทขายทองคำออกมามากมายขนาดไหน ข่าวนี้เหมือนกับเป็นชนวนระเบิดที่ถูกจุดขึ้น ประกอบกับตอนเช้าวันศุกร์ที่แล้ว จีนประกาศตัวเลขจีดีพีที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เรื่องจีดีพีจีนก็มีส่วนจุดชนวนด้วยเหมือนกัน และแล้ว ราคาทองคำก็ดิ่งลงราวกับเรือไททานิก ปกติราคาทองคำจะขึ้นลงแรงในช่วงที่ตลาดฝั่งตะวันตกเปิดทำการ แต่ในครั้งนี้ราคาทองคำเริ่มดิ่งในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ตลาดเอเชียเริ่มเปิดทำการ แสดงว่าเรื่องของจีนน่าจะมีส่วนด้วย

ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ดำดิ่ง แต่ราคาโลหะเงินก็ดิ่งด้วย อีกทั้งยังพลอยฉุดราคาน้ำมันดิบให้ลงเหวไปอีกด้วย ราคาน้ำมันช่วงนี้ก็เป็นแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว เมื่อโลหะมีค่าเสียศูนย์ก็ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบลงแรงยิ่งขึ้น และไม่เพียงเท่านั้น ยังพลอยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกให้เป๋ไปอีกด้วย

นอกจากนี้ ค่าเงินหรือว่าอัตราแลกเปลี่ยนก็ยังผันผวนหนัก ปกติแล้วราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ จะตรงกันข้ามกัน คือทองขึ้น ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อน หรือทองตก ดอลลาร์ สรอ ก็แข็ง พูดตามภาษาสถิติก็ต้องบอกว่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ เป็นลบค่อนข้างสูง แต่ในช่วงนี้ราคาทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ ไปตามกัน คือมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 15 วัน (15 day correlation coefficient) ประมาณ +0.5 นั่นหมายความว่าราคาทองคำร่วง ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อนไปด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกตินัก

ขณะเดียวกัน เงินเยนก็ผันผวนหนัก เดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวแข็ง ส่วนเงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นแม้ว่าสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก

จะเห็นได้ว่าอะไรที่เคยเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมๆอาจใช้ไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้ ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องดูที่กราฟราคาของผลิตภัณฑ์นั้นๆเองเป็นสำคัญ จะพิจารณาตัวอื่นประกอบด้วยก็ต้องดูให้ดีว่าตัวที่เรานำมาประกอบนั้นเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นตัวประกอบนั่นแหละที่จะพาให้การวิเคราะห์ไปผิดทาง

สรุปว่าในช่วงที่ตลาดบ้านเราหยุดทำการในช่วงสงกรานต์นั้นเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย ราคาผลิตภัณฑ์หลายชนิดร่วงอย่างแรง นอกจากทองคำ น้ำมัน และตลาดหุ้นแล้วยังมีราคายางพาราของตลาดญี่ปุ่นที่ร่วงแรงอีกด้วย เราลองมาดูกันว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงแรงในช่วงที่ไทยหยุดกันปรับตัวลงกันไปมากน้อยเพียงใด

ราคาทองคำ เงิน น้ำมันดิบ และยางพารา ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา

ทีนี้เราลองมาดูกราฟราคาทองคำกัน

ราคาทองคำร่วงแรงในวันที่ 12/04/2013 ถึง 16/04/2013


หากพิจารณาในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำหลุดปลายสามเหลี่ยมชายธงลงมาแล้ว ยังมีโอกาสลงต่อ

ราคาทองคำจะลงไปถึงไหน การหาคำตอบนี้ต้องพิจารณาภาพในกรอบเวลากว้างมากๆประกอบ   จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี จะเห็นว่าราคาทองคำน่าจะจบคลื่นใหญ่ 3 (สีดำ) ไปแล้ว และขณะนี้ราคาทองคำน่าจะกำลังอยู่ในคลื่นใหญ่ 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่นนี้น่าจะกินเวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปี และราคาน่าจะปรับตัวลงได้อีก 


หากถามว่าราคาทองคำจะลงไปถึงไหน หากจะดูสถานการณ์ในภาพใหญ่ก็คงต้องพิจารณากราฟราคาทองคำในกรอบเวลาที่กว้างมากประกอบ เพราะในกรอบเวลาสั้นๆก็ช่วยให้เห็นภาพสถานการณ์ในช่วงสั้นๆเท่านั้น

จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี ราคาทองคำขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่น 4 นี้น่าจะมีความผันผวนสูง ไม่เหมาะที่จะเทรดด้วยระบบสัญญาณซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นการเทรดขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม เพราะว่าคลื่นนี้มักเกิดสัญญาณหลอก (false signal) บ่อย ทำให้ขาดทุน พิจารณาด้วยเครื่องมือฟิโบนาชชีเป้าหมาย ราคาทองคำน่าจะลงไปได้อีกถึง 1,160 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ ระดับแนวรับที่ 1,250 ดอลลาร์ สรอ ไม่น่ารับไหว

และที่น่าคิดก็คือ ราคาทองคำกับโลหะเงินนี้เหมือนเป็นตัวจุดชนวน อาจเกิดโดมิโน คือพลอยทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆดำดิ่งได้ด้วยเช่นกัน


ราคาน้ำมันดิบ WTI กำลังอยู่ในคลื่นย่อย c และอยู่ในสามเหลี่ยมชายธง ให้ระวังอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยราคาทองคำ

ราคาสินค้าเกษตรตัวหลัก ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นแนวโน้มขาลง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมีการร่วงแรงอยู่เหมือนกัน บางวันลงไปวันละ -6% ถึง -7% ตอนนี้ปัจจัยพื้นฐานของสินค้าเกษตรยังไม่เอื้อ คาดการณ์กันว่าปริมาณน้ำฝนในอเมริกาจะดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตข้าวสาลีมีมากขึ้น ประกอบกับจีดีพีของจีนต่ำกว่าคาดการณ์ จีนเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มสินค้าเกษตรรายใหญ่ ดังนั้นอาจมีการเล่นข่าวกำลังการบริโภคสินค้าเกษตรลดต่ำลง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรดิ่งแบบทองคำก็เป็นได้


ที่จริงเรื่องทองคำกับไซปรัสนั้น ลุงแมวน้ำเห็นว่าข่าวไซปรัสไม่ใช่สาเหตุหลัก ที่จริงก็คือนักลงทุนจ้องจะทุบราคาทองคำอยู่แล้ว เมื่อมีข้ออ้างก็ทุบเสียเลย ตอนนี้สินค้าโภคภัณฑ์ไม่ได้อยู่ในกระแสตลาดขาขึ้น คือไม่น่าเทรดเลยทั้งกลุ่ม หากไม่แกว่งแบบไร้ทิศทางก็เล่นกันแบบตลาดขาลง ดังนั้นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงทั้งกลุ่ม


ราคายางโตคอมของญี่ปุ่น เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ร่วงแรง ประมาณ -7.1%

สำหรับราคายางพารา เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ลงไปหลาย ประมาณ -7.1% คิดเป็นเงินไทย ณ เช้าวันพุธ (คือวันนี้) ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 76.6 บาท หรืออาจต่ำกว่านั้น



ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของอเมริกา เกิดแท่งเทียนดำใหญ่และยังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ระดับแนวต้านอันเป็นระดับฟิโบนาชชีสำคัญ อาจไม่ผ่านและกลับทิศได้


สำหรับตลาดหุ้น ก็อย่ามั่นใจในตลาดหุ้นมาก ลุงแมวน้ำฉายภาพใหญ่ให้ดูแล้วว่าตลาดส่วนใหญ่ในโลกเป็นสัญญาณขาย อีกทั้งตลาดหุ้นอเมริกาก็อาจกลับทิศแถวนี้ ประกอบกับทฤษฎีโดมิโนที่ลุงแมวน้ำว่ามา ดังนั้นตลาดทั่วโลกและของไทยก็มีความเสี่ยงที่จะลงแรงได้เช่นกัน

เนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ น่าจะต่ำกว่า 29 บาท/ดอลลาร์ สรอ โปรดระวัง ช่วงนี้ฝรั่งขายหุ้นไทยแต่ว่าเงินยังไม่ได้ออกไปไหน มิหนำซ้ำมีเงินไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อายุยาวเพิ่มมากขึ้นเสียอีก เงินต่างชาติไหลเข้า ไม่ได้ไหลออก แต่ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้นต่อในเร็วๆนี้ อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นอาจลงไปก่อนลึกๆแล้วค่อยขึ้นต่อก็ได้ สำหรับลุงแมวน้ำก็ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคตามแนวโน้มไปเรื่อยๆ ประกอบกับสัญญาณซื้อขาย ตลาดไปในทิศทางไหนลุงแมวน้ำก็ไปด้วย ^__^ 



ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้ผันผวนหนัก ดูกราฟของราคาทองคำกับเงินเยน จะเห็นว่าผิดปกติ เงินดอลลาร์ สรอ แนวโน้มอ่อนค่าต่อ เงินยูโรแนวโน้มแข็งค่าต่อ เงินเยนยังดูไม่ออก ส่วนเงินบาทนั้นมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ


 photo s5017042013weeklyreportcopy.gif

Tuesday, April 16, 2013

16/04/2013 สุขสันต์วันสงกรานต์ 2556 และ 4 ปีของเว็บบล็อกลุงแมวน้ำ






สงกรานต์ปี 2556 นี้ลุงแมวน้ำมาสุขสันต์วันสงกรานต์สายไปหน่อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าปีนี้บรรดาสิงห์สาราสัตว์ในคณะละครสัตว์ลากลับภูมิลำเนาในช่วงสงกรานต์กันเป็นจำนวนไม่น้อย ที่โรงละครสัตว์จึงเงียบกริบ แถมยังมีฝนตกให้เย็นชุ่มฉ่ำ ลุงแมวน้ำจึงเกิดอาการอยากพักผ่อนขึ้นมา ไม่อยากทำอะไรเลย พูดง่ายๆก็คือขี้เกียจนั่นแหละ ^_^ หลายปีมานี้ทำงานแบบไม่ค่อยได้พักผ่อน ปีนี้รู้สึกอยากขอพักให้เต็มอิ่มสักวันสองวัน จากนั้นก็วางแผนที่จะทำโน่น ทำนี่ หลายอย่าง ตั้งแต่จัดโขดหินที่รกรุงรังไปด้วยสินค้า สะสางงานอีคอมเมิร์ซที่คั่งค้าง ตลอดจนดูแลความเรียบร้อยภายในโรงละครสัตว์ อ้อ เลี้ยงกระรอกน้อยด้วย ฯลฯ แต่ทำไปทำมาไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง ได้อยู่อย่างเดียวคือนอน ที่เหลือก็ได้อย่างละเล็กอย่างละน้อย ไม่มากเท่าไร

ลุงแมวน้ำนอนพักผ่อนอยู่บนโขดหินแบบเต็มๆอยู่เกือบสองวัน คือวันเสาร์กับอาทิตย์ ปิดหู ปิดตา แต่ยังไม่ปิดจมูกเพราะกลัวขาดอากาศหายใจ ฝนตก อากาศเย็นสบายน่าพักผ่อนมาก รู้สึกสดชื่นขึ้นมากเลย ระหว่างที่พักผ่อนอยู่นั้นก็คิดทบทวนอะไรหลายต่อหลายอย่าง


สวนเล็กๆภายในบริเวณโรงละครสัตว์ ใกล้กับโขดหินของลุงแมวน้ำ ในสวนเขียวขจี ร่มรื่น มีสัตว์ นก และแมลงนานาชนิด หลังฝนตกหอยทากน้อยสองตัวก็ออกมาเดินกระดืบๆหาของกิน


นึกขึ้นมาได้ว่าเว็บบล็อกของลุงแมวน้ำมาถึงตอนนี้ก็มีอายุครบ 4 ปีเต็มแล้ว ก็อย่างที่เขาพูดกันนั่นแหละว่าเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก

สามปีแรกลุงแมวน้ำปรับปรุงเว็บบล็อกอย่างขยันขันแข็ง ทำทุกวันเลย แต่พอมาปีที่สี่ก็เริ่มช้าอืดอาด ก็อย่างว่าละนะ แมวน้ำชรา เรี่ยวแรงเริ่มถดถอย ^_^ เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือในรอบปีที่ผ่านมาภาระการงานของลุงค่อนข้างมาก แต่ก็แปลกที่ช่วงสามปีแรกของลุงแมวน้ำมียอดไลก์ในเฟซบุ๊กรวมกันประมาณ 1000 ไลก์ แต่ในปีที่สี่นี้แม้ว่าจะปรับปรุงเว็บบล็อกช้ากว่าเดิม แต่ยอดไลก์ทั้งปีก็ประมาณ 1000 ไลก์ เท่ากับที่ได้มาในช่วงสามปีแรกเลยทีเดียว

และที่แปลกยิ่งกว่านั้น คือ บทความที่มีคนอ่านมากที่สุดกลับไม่ใช่บทความด้านการลงทุนหรือการวิเคราะห์หุ้น เศรษฐกิจ แต่กลับเป็นบทความเรื่องทำโยเกิร์ตสูตรเจไว้กินเอง ยอดคนดูตั้งหลายพันคนเชียว เรื่องตลาดน้ำขวัญเรียมก็มีคนดูเป็นพัน สงสัยว่าลุงจะเลิกทำเว็บบล็อกการลงทุน หันมาเอาดีทางทำเว็บบล็อกแนวเบาๆ โน่น นี่ นั่น น่าจะรุ่งกว่า ^_^

วันนี้ลุงขอคุยสบายๆ สัพเพเหระก็แล้วกันกันนะ ให้สมกับบรรยากาศวันพักผ่อนในเทศกาลปีใหม่ไทย

มาดูกระรอกน้อยสองพี่น้องกันก่อน ช่วงวันหยุดนี้ลุงแมวน้ำมีเวลาก็เลยดูแลใกล้ชิดหน่อย จับกระรอกน้อยใส่ในหูกระต่ายแล้วพาเดินไปไหนมาไหนด้วย เพราะว่ากระรอกน้อยชอบไออุ่น ลุงก็เดินอยู่แถวบริเวณโขดหินนั่นแหละ ไม่ได้ไปไกล แต่กระรอกน้อยชอบมาก ติดลุงแมวน้ำแจเลย จะไปไหนต้องขอไปด้วยตลอด



กระรอกน้อยสองพี่น้องเมื่ออายุได้ 40 วัน วันๆก็กิน นอน แล้วก็เล่น ไม่ทำอย่างอื่น ตอนนี้รู้เพศแล้วล่ะ เป็นเด็กหญิงทั้งคู่เลย ตัวพี่คือ ดญ.หัวโน จะมีพวงหางที่ฟูสวยกว่าน้องขาเจ็บหน่อย ทั้งสองตัวเวลานอนต้องกอดกันกลมแบบนี้เสมอ คงรักกันมาก ^_^ ตัวล่างในภาพที่นอนแบบโยคะคือหัวโน ส่วนตัวบนคือน้องขาเจ็บ


จ๊ะเอ๋!!! สองศรีพี่น้องปีนป่ายเก่งขึ้นทุกวัน เล็บเริ่มคมขึ้น มีอยู่วันหนึ่ง ไม่กี่วันมานี้เอง ทั้งสองตัวปีนขึ้นไปบนชั้นสามของกรงได้เป็นครั้งแรก  (กรงมี 3 ชั้น) ที่ชั้นสามจะมีบ้านเล็กๆอยู่หลังหนึ่ง ทั้งสองตัวพอเห็นบ้านก็เข้าไปหลับปุ๋ยอยู่ในนั้นทันที จนลุงต้องจับเอาตัวลงมา แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ขึ้นไปอีก เล่นอยู่แต่ชั้นล่างของกรง ยังไม่รู้ว่าที่ไม่ขึ้นไปอีกเพราะอะไรเหมือนกัน

เรื่องอีคอมเมิร์ซของลุงแมวน้ำไม่ค่อยคืบหน้าเท่าไร ขายของได้เล็กๆน้อยๆ เพราะว่าลุงไม่ได้ทำเต็มเวลา ทำได้แค่ในยามว่างเท่านั้น ก็อยากให้คืบหน้ามากกว่านี้และเร็วกว่านี้ แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไง เพราะเวลามีจำกัด อีกอย่างหนึ่งคงเป็นเพราะว่าลุงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในลำดับต้นๆกระมัง อย่างตอนที่ได้ลาภสัตว์ 8 เท้าเข้ามา (ไม่ใช่แมงมุมนะ แต่เป็นกระรอกสองตัว ^_^) ลุงก็ต้องจัดการดูแล จะดูดายก็ทำไม่ลง เลี้ยงกระรอกเพิ่มอีกสองชีวิตก็กินเวลาไปอีกโข เรื่องอีคอมเมิร์ซก็รอไปก่อน

หลังจากที่พักผ่อนและดูแลกระรอกน้อยแล้ว งานสำคัญที่ลุงตั้งใจว่าจะทำในช่วงหยุดสงกรานต์นี้ก็คือการตามหาหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง

ภาระสำคัญอย่างหนึ่งของลุงแมวน้ำที่ทำมานานแล้วก็คือการรักษาหมาจรจัดที่เป็นขี้เรื้อน ที่ว่าเป็นขี้เรื้อนนี้ไม่ได้เป็นโรคเรื้อนแบบคนหรอกนะ ขี้เรื้อนในหมาที่ทำให้หมาดีๆ ขนสวยๆ กลายเป็นหมาหนังกลับได้นั้นเกิดจากตัวไรที่ไปอาศัยอยู่ตามผิวหนังของหมา ทำให้ผิวหนังเกิดอาการแพ้ อักเสบ ทำให้คันและขนร่วง หมาที่เป็นขี้เรื้อนนี้ เมื่อใดที่มีอาการคันจะทรมานมาก เป็นโรคที่ไม่ถึงตายแต่ว่าต้องทนทุกข์ทรมานยาวนาน ยิ่งหมาจรจัดเป็นหมาที่คนรังเกียจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หากเป็นขี้เรื้อนคนก็ยิ่งรังเกียจ มีแต่ไล่ให้ไปไกลๆ ดังนั้นโอกาสที่จะหาอาหารก็ยากยิ่งขึ้น
และนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของงานอดิเรกอย่างหนึ่งของลุงแมวน้ำ นั่นคือการตระเวนรักษาหมาจรจัดที่เป็นขี้เรื้อน งานอดิเรกนี้ใช้เวลาพอสมควรทีเดียว เพราะการรักษาหมาตัวหนึ่งต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องให้ยาต่อกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ไหนจะเดินทาง ไหนจะทำความคุ้นเคย ไหนจะตามหาหมาให้เจอ เพราะว่าหมาจรจัดนั้นเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนกันแน่ บางวันไปแล้วหาไม่เจอก็ต้องไปใหม่อีก อย่างเจ้าหมาตัวที่ลุงไปรักษาในวันสงกรานต์นี้ก็ตามหาเพื่อให้ยามาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เจอสักที ก็เพิ่งมาเจอนี่เอง


หมาในภาพนี้เป็นหมาตัวเดียวกัน ลุงถ่ายไว้เมื่อประมาณ 7 ปีมาแล้ว ตอนที่ลุงไปเจอก็เป็นขี้เรื้อนดังที่เห็นในภาพบน ผิวหนังอักเสบ มีรอยเกาเป็นแผลน้ำเหลืองโชกเลย หลังจากที่รักษาแล้วก็ขนสวยงามดังรูปล่าง แต่ตัวนี้งานยากหน่อย เพราะว่าหายแล้วสักพักก็กลับมาเป็นซ้ำอีก ในสองปีลุงรักษาไปสามรอบ อยู่ไกลเสียด้วย สุดท้ายก็มาโดนรถชนตาย แต่ในช่วงหลังของชีวิตตอนที่หายจากขี้เรื้อนแล้วชีวิตก็มีความสุขขึ้นมากเพราะไม่คันแล้ว 


เอาละ สงกรานต์นี้แวะไปโน่นไปนี่ ยังไม่ได้สาดน้ำสักที เดี๋ยวเราไปสาดน้ำกัน ปีนี้ลุงแมวน้ำไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพราะว่าไปที่สีลมมาหลายปีแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ส่วนที่ตรอกข้าวสารนั้นไกลเกิน ลุงไปไม่ไหว

ที่เซ็นทรัลเวิลด์แม้จะมีพื้นที่เล่นสนุกไม่มากเหมือนกับที่ถนนสีลมซึ่งปิดถนนเล่นไปครึ่งสาย แต่ก็มีสีสันดีเพราะว่ามีสงกรานต์โฟมด้วย คือแทนที่จะฉีดน้ำก็เปลี่ยนเป็นฉีดโฟม สนุกไปอีกแบบ


สงกรานต์ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ บนลานแบ่งพื้นที่เป็นโซนฉีดน้ำกับโซนฉีดโฟม ในภาพนี้เป็นโซนฉีดน้ำ มีน้ำจากสายยางของทางผู้จัดฉีดจนเป็นเหมือนสายฝน และแต่ละคนที่มาเล่นก็พกปืนฉีดน้ำมาฉีดใส่กันด้วย


นอกจากโซนฉีดน้ำแล้วก็ยังมีโซนฉีดโฟม ที่เห็นในรูปเป็นเครื่องสีดำคล้ายพัดลม นั่นคือเครื่องฉีดโฟม เล่นโฟมกันสนุก โฟมนี้ไม่ค่อยลื่น เพราะไม่ใช่ฟองจากผงซักฟอก ลุงแมวน้ำลื่นไถลไปบนพื้นที่มีโฟมก็นุ่มพุงดีเหมือนกัน ^_^

ชาวต่างชาติมาเล่นน้ำสงกรานต์เยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นคนเอเชีย พวกสิงคโปร์ ไต้หวัน จีน ฮ่องกง ฝรั่งก็มีแต่ไม่มากนัก


ภาพนี้เป็นการเล่นสงกรานต์ตามท้องถนน มีให้เห็นประปราย แต่ส่วนใหญ่จะไปชุมนุมกันเล่นตามจุดเล่นสงกรานต์ใหญ่ๆมากกว่า 


ลุงแมวน้ำเอาสีสันในวันสงกรานต์ปี 2556 นี้มาเล่า และถือเป็นบทความในโอกาสครบรอบ 4 ปีของเว็บบล็อกลุงแมวน้ำอีกด้วย ย่างก้าวต่อไปก็จะเป็นปีที่ 5 แล้ว ลุงแมวน้ำก็อายุมากขึ้นทุกวัน จะทำได้ถึงแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่ก็เอาเป็นว่าเราจะอยู่เป็นเพื่อนกันจนกว่าจะไม่มีคนอ่านหรือจนกว่าลุงแมวน้ำจะทำไม่ไหวก็แล้วกัน

สุขสันต์วันสงกรานต์คร้าบ (^___^)