Thursday, December 13, 2012

13/12/2012 * ลุงแมวน้ำขึ้นรถไฟสาย 1700

วันนี้มาอัปเดตกันหน่อยนะครับ

ช่วงนี้ลุงแมวน้ำก็วุ่นวายตามเคย ชีวิตทำงานหลายอย่าง ตั้งแต่แสดงละครสัตว์งานประจำ ยังเป็นเถ้าแก่แมวน้ำอีคอมเมิร์ซ แล้วยังจะเป็นเชฟแมวน้ำสอนทำเบเกอรี่อีก ^_^ ลุงแมวน้ำไปซื้อหมวกเชฟมาแล้ว กับผ้ากันเปื้อนผืนใหม่ เวลาถ่ายรูปประกอบการทำอาหารจะได้ดูมีมาดเชฟแมวน้ำหน่อย

แต่ถึงจะวุ่นวายอย่างไร ลุงแมวน้ำก็ยังไม่ลืมมิตรรักแฟนเพลงนักลงทุนรายย่อยทุกคน ที่ช่วงนี้อัปเดตน้อยลงไปบ้างเพราะว่ายังไม่มีอะไรใหม่ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือตอนนี้ก็ยังเป็นอะไรเดิมๆดังที่ลุงแมวน้ำเคยกล่าวไปแล้ว ยังไม่เปลี่ยนความคิด ก็เลยห่างๆไปบ้าง แต่ถ้ามีอะไรสำคัญจะรีบมาบอก

เมื่อคืน 12/02/2012 ลุงเบน เบอร์นันกี ประธานเฟด หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ให้ข่าวจากการประชุมเฟดครั้งล่าสุดว่า จะอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ สรอ    โดยแบ่งเป็นเงินจากมาตรการ QE3 เดือนละ 40,000 ล้านดอลลาร์ กับเงินจากมาตรการ operation twist เดือนละ 45,000 ล้านดอลลาร์ เรื่อง opreration twist นั้นจะหมดอายุโครงการเดือนนี้ แต่เมื่อหมดอายุแล้วก็ยังมีมาตรการซื้อพันธบัตรต่อไป ก็เท่ากับต่ออายุดครงการออกไปนั่นเอง

ลุงแบนจะอัดฉีดไปเรื่อยๆจนกว่าอัตราการว่างงานจะเหลือ 6.5% ซึ่งเรืองอัตราการว่างงานนี้ขณะนี้ค่อยๆลดลง แต่ว่าไม่ได้ลดลงจากคนมีงานทำมากขึ้น หากแต่ลดลงจากคนถอดใจเลิกหางานทำ นี่เป็นเรื่องของคณิตศาสตร์

สมมติง่ายๆ แรงงาน 10 คน มีว่างงาน 3 คน อัตราว่างงานคือ 3 ใน 10 หรือ 30%

ทีนี้เอาใหม่ สมมติว่าคนว่างงานถอดใจเลิกหางานไป 2 คน เหลือคนที่ยังดิ้นรนหางานอยู่เพียง 1 คน คนที่ถอดใจไปก็ไม่นับเป็นคนว่างงานแล้ว แรงงานทั้งหมดจึงไม่ได้มี 10 คน แต่มีเพียง 8 คน

ดังนั้นคนที่ว่างงานจริงๆ (คือตกงานแล้วยังดิ้นรนหางานทำอยู่) ก็เหลือเพียงคนเดียว จากแรงงานทั้งหมด 8 คน นั่นคือ อัตราว่างงาน 1 ใน 8 หรือ 12.5%

เห็นไหม แค่นั่งคิดเลขใหม่ อัตราว่างงานก็เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งๆที่ไม่ได้มีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงบอกว่าตัวเลขนี้บางทีก็หลอกให้เราเข้าใจผิดได้ ต้องไปดูรายละเอียดลึกๆอีกทีหนึ่ง

เอาละ มาว่าเรื่องลุงเบนกันต่อ เมื่อลุงเบนประกาศเช่นนี้ เงินดอลลาร์ สรอ ก็อ่อน ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็อ่อนตัวลงเช่นกัน สาเหตุที่เงินดอลลาร์อ่อนเพราะภายใต้สถานการณ์อัดฉีดเช่นนี้ คือการพิมพ์เงินเพิ่มเข้ามาในระบบมากๆ ผลจะทำให้เงินเฟ้อและค่าเงินลดลง นักลงทุนก็ชิงขายเงินดอลลาร์ออกมา ส่วนตลาดหุ้นนั้นลุงแมวน้ำมองว่าน่าจะไปต่อ เพราะภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้เงินด้อยค่า หากต้องการรักษามูลค่าของเงินในกระเป๋าเอาไว้ก็ต้องเอาไปลงทุนให้เกิดผลกำไรมากๆ เพื่อให้ชนะเงินเฟ้อ  ซึ่งนั่นก็คือแรงจูงใจให้เงินจำนวนมากเหล่านี้เข้าไปเก็งกำไรในทรัพย์สินเสี่ยงต่างๆทั่วโลก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงมองว่าตลาดหุ่นกับสินค้าโภคภัณฑ์คงขึ้นทั้งโลก เพียงแต่ว่าภูมิภาคไหนจะแรงกว่ากันเท่านั้นเอง

สำหรับภูมิภาคเอเชีย ตอนนี้ประเทศที่ตลาดหุ้นขึ้นดีมีอยู่ 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์

ลุงแมวน้ำจะสรุปจากภาพ ดูตามภาพไปเรื่อยๆนะคร้าบ

เงินดอลลาร์ สรอ หลุดจากกรอบ SEC ใหญ่ (สีดำ) ลงมา ขณะนี้แนวโน้มย่อยเป็นขาขึ้นซึ่งก็เหมือนการรีบาวด์ของขาลง ลุงแมวน้ำคาดว่าเงินดอลลาร์ สรอ ต้องอ่อนค่าต่อไปตามแนวโน้มใหญ่ในที่สุด

เงินบาท หลุดจากกรอบใหญ่ SEC มาแล้ว แนวโน้มแข็งค่าต่อไป


ทองคำ เด้งอยู่ในกรอบสามเหลี่ยมชายธง ใกล้สุดปลายชายธงแล้ว ช่วงนี้มีกองทุนเก็งกำไรขายทองคำออกมา ทำให้ราคาร่วงและอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง หากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงอีก ทองคำก็ต้องขึ้น ลุงแมวน้ำมองว่าปลายชายธงนี้มีโอกาสขึ้นต่อมากกว่าลงต่อ ตอนนี้แนวโน้มขาขึ้นยังอ่อนกำลัง ให้รอดูสัญญาณซื้อเสียก่อน

ราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง ฟิวเจอร์สทองคำ อีทีเอฟทองคำ ภายใต้ภาวะเงินบาทแข็ง ดอลลาร์ สรอ อ่อน หากเทรดเป็นเงินบาทจะเสียกำไรจากค่าเงินไปโข ทางออกคือกองทุนทองคำที่ปิดความเสี่ยงค่าเงินเอาไว้ หรือนักลงทุนเทรดทองคำแล้วชอร์ตฟิวเจอร์สของดอลลาร์ สรอ ไปด้วย


น้ำมันดิบ นักวิเคราะห์บอกว่าราคาน้ำมันเป็นทิศทางขาลง เพราะเศรษฐกิจไม่ดี การบริโภคน้ำมันลดลง แต่ตามเทคนิคเป็นขาขึ้น ลุงแมวน้ำประเมินว่าโอกาสขึ้นต่อมีมากกว่าลง แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้แนวโน้มขาขึ้นยังอ่อนกำลัง ต้องรอสัญญาณซื้อเสียก่อน การเทรดน้ำมันดิบเป็นเงินบาทก็เสียเปรียบอัตราแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกับทองคำ ทางออกก็เช่นเดียวกัน คือกองทุนน้ำมันดิบที่มีการเฮดจ์ค่าเงินหรือนักลงทุนชอร์ต usd futures ไว้ด้วย

น้ำมันดิบ wti ก็เช่นกัน ตอนนี้ดูจากเส้นแนวโน้มเป็นขาขึ้น แต่ว่ายังอ่อนกำลัง ต้องรอสัญญาณซื้อ


ยางพารา ตอนนี้ทุกคนกลัวยางพารา เพราะปัจจัยพื้นฐานมองว่าเป็นขาลง แต่ในทางเทคนิคเห็นได้ค่อนข้างชัดว่าเป็นคลื่นขาขึ้น ตอนนี้กำลังเข้าคลื่น 3 ประกอบกับหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ราคายางพาราค่อยๆขึ้นแบบซื้อขายกันน้อยมาก คือมูลค่าการซื้อขายต่ำ ลุงแมวน้ำประเมินว่าอีกไม่นานวอลุ่มจะมา แล้วเข้าสู่คลื่น 3 เต็มตัว 



ตลาดหุ้นไทย ผ่านแนวต้าน 1,330 จุด (โดยประมาณ) มาแล้ว ไม่เหลือแนวต้านระยะสั้นแล้ว  แนวต้านถัดไปคือ 1400 จุด, 1450, 1550, 1700 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านใหญ่ของเมื่อ 16 ปีกว่ามาแล้วทั้งสิ้น

ตั้งแต่วันที่ 28 พย. ที่ผ่านมา ต่างชาติกลับลำ จากขายสุทธิอย่างต่อเนื่องมานานนับเดือน มาเป็นซื้อสุทธิ 9 วันทำการที่ผ่านมา ฝรั่งขายแค่วันเดียว อีก 8 วันเป็นซื้อสุทธิ หุ้นมาร์เก็ตแคปสูงปรับตัวขึ้น ตัวเล็กตัวน้อยไม่ขึ้น แสดงว่าฝรั่งก็น่าจะกำลังเข้าซื้อ หากฝรั่งเข้าก็ซื้อเป็นเดือนเช่นเดียวกันกับตอนขาย ช่วงนี้ต้องเทรดหุ้นที่ฝรั่งลงทุน ว่าไปตามน้ำดีกว่า
สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้น ไม่ควรซื้อเพียงตัวหรือสองตัว ควรกระจายสัก 5-7 ตัว คนละกลุ่มกัน ทำแบบนี้จะช่วยให้พอร์ตการลงทุนเสถียร ลดความผันผวนจากภาวะตลาดได้ส่วนหนึ่ง ในทางวิชาการคือการเพิ่มค่าอัลฟาของหุ้นด้วยการซื้อหุ้นเป็นกลุ่มนั่นเอง รวมทั้งการจัดพอร์ตหุ้นหลายตัวให้กระจายกลุ่มมักให้ผลตอบแทนดีกว่าลงทุนในดัชนีอีกด้วย

และอย่าลืมว่าหุ้นไม่ได้ขึ้นทุกวัน ดังนั้นอย่าซื้อเพลินเชียว ต้องรักษาวินัยในการเทรดและทบทวนกลยุทธ์การลงทุนไว้เสมอ ^_^






Thursday, December 6, 2012

06/11/2012 สรุปภาวะการลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน (11/2012)

วันนี้ลุงแมวน้ำนำสรุปภาวะตลาดในรอบเดือนมาให้ดูกัน

ในรอบเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกเฉลี่ยแล้วปรับตัวขึ้นไม่มาก ประมาณ 1% กลุ่มที่ขึ้นแรงกว่าเพื่อนคือกลุ่มยูโรโซน ประมาณ +3% ตามมาด้วยกลุ่มเอเชีย ส่วนสหรัฐอเมริกานั้นปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนไทยนั้นปรับตัว +1.9%

สำหรับจีนนั้น แม้ว่าดัชนีภาคการผลิต (PMI) ของจีนจะเกินกว่า 50% ต่อเนื่องกันสองเดือนแล้ว คือถ้าต่ำกว่า 50% ถือว่าถดถอย นี่ถือว่าเกือบจะหลุดจากภาวะถดถอยแล้ว แต่ว่าดัชนีตลาดหุ้นของจีนไม่ตอบสนองเลย เดือนที่ผ่านมานี้ดัชนี CSI 300 ของจีนปรับตัวลงไป -5% และยังทำจุดต่ำสุดใหม่อีก ไม่ตอบสนองต่อข่าวนี้เลย ดัชนี PMI ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นภาวะชั่วคราวก็ได้เนื่องจากภาคการผลิตมักมีการผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อรับเทศกาลปีใหม่และตรุษจีน พ้นจากตรุษจีนแล้วอาจถดถอยลงไปอีก ส่วนดัชนีการผลิตของสหรัฐอเมริกาก็ดีขึ้นเช่นกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ อาจเป็นเพราะเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่อาจแน่ใจได้ว่าเศรษฐกิจของ จีน และ สรอ ฟื้นตัวแล้ว

ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โลหะก็ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เดือนที่แล้วเงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้นนิดหน่อย เงินเยนอ่อนค่า เงินบาททรงตัว

ด้านตลาดพันธบัตร เดือนที่แล้วพันธบัตรอเมริกัน อายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนลดลง ส่วนเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยนั้น ถ้าเป็นพันธบัตรอายุยาว 3 ปีขึ้นไป เส้นอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้น ส่วนที่ต่ำกว่า 3 ปีเส้นอัตราผลตอบแทนปรับลดลง หมายความว่ามีกาารขายพันธบัตรอายุยาวออกไป น่าจะเป็นเพราะต้องการนำไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า  ส่วนพันธบัตรอายุสั้นและกลางที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำลงนั้นเพราะว่าเงินไหลมาพักในพันธบัตรอายุสั้นและกลางเพื่อรอจังหวะย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นนั่นเอง



Photobucket