Friday, November 2, 2012

02/11/2012 * แนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่น (1)



เมื่อวาน 01/11/2012 ตลาดหุ้นเขียวสวยทั้งสามภูมิภาค ตลาดหุ้นไทยแดงนิดหน่อย แต่ว่าต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ ลุงแมวน้ำสังกตเห็นแรงซื้อหุ้นฝรั่งบางตัวตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว

วันนี้บรรยายสรุปตลาดไม่ทันนะคร้าบ แต่มีรูปมาให้ แล้วก็มีบทความด้วย อยู่ข้างล่างนี้


ลุงแมวน้ำว่าจะเขียนเรื่องการเฟ้นหาหุ้นเด่นหรือว่าการสแกนหาหุ้นเด่นมาตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเหมาะที่จะเขียนสักที วันนี้ลุงแมวน้ำรีบเขียนดีกว่า เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่พวกเราบ้างในโอกาสต่อไป ในช่วงที่เงินกำลังท่วมโลกจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของชาติต่างๆ

แนวคิดในการสแกนหาหุ้นเด่นของลุงแมวน้ำนั้นใช้ทั้งปัจจัยทางเทคนิค ผสมกับปัจจัยพื้นฐาน แต่เนื่องจากลุงแมวน้ำใช้ความรู้ด้านปัจจัยทางเทคนิคในการลงทุนเป็นหลัก ดังนั้นในการเฟ้นหาหุ้นเด่นนี้ก็ใช้ปัจจัยทางเทคนิคเป็นส่วนมากเช่นกัน ส่วนปัจจัยพื้นฐานนั้นใช้น้อยกว่า แต่ว่าปัจจัยพื้นฐานก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรทิ้ง

แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน ลุงแมวน้ำอยากแนะนำว่าศึกษาแนวทางสำนักใดสำนักหนึ่งเพียงอย่างเดียวก่อนดีกว่า คือเรียนปัจจัยพื้นฐานก็มุ่งไปทางนั้นก่อน หรือเรียนมาทางสายการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็มุ่งไปทางนั้นอย่างเดียวก่อน อย่าเพิ่งเอามาผสมกันเอง เพราะจะงง เอาไว้เมื่อรู้จักและมีความเข้าใจในหลักการ และรู้จักการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ต่างๆดีพอควรแล้วค่อยเข้าขั้นประยุกต์

เรื่องที่ลุงแมวน้ำจะเขียนต่อไปนี้เป็นแนวทางที่ลุงแมวน้ำใช้อยู่ ก็นำหลักการและแนวคิดมาแบ่งปันกัน สำหรับแนวคิดในการเฟ้นหาหุ้นเด่นของลุงแมวน้ำนี้ซับซ้อนอยู่บ้าง และไม่เหมาะที่ใครจะนำไปทำตาม แต่เหมาะที่จะนำหลักการไปใช้พัฒนาแนวทางของตนเองมากกว่า นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์พอควรแล้ว ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ แต่ก็ไม่ได้ห้ามอ่านกันนะคร้าบ สนใจก็อ่านกันได้ ลุงแมวน้ำยินดีเสมอ ^__^

เกริ่นกันมาพอสมควรแล้ว มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ก่อนอื่น ต้องเตรียมอุปกรณ์กันก่อน อุปกรณ์ที่ลุงแมวน้ำต้องใช้ก็คือตารางสแกนหุ้น ซึ่งตารางนี้มีวิธีการคำนวณซับซ้อนพอสมควร ก็ขอข้ามเรื่องการรายละเอียดในคำนวณไปละกัน แต่หลักการของตารางนี้ก็คือทำราคาหุ้นทุกตัวให้เป็นคะแนนมาตรฐานเพื่อให้ทุกตัวสามารถเปรียบเทียบกันได้ โดยให้วันฐานคือวันที่ราคาหุ้นแต่ละตัวลงไปอยู่ที่ก้นเหวของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งจะเป็นช่วงปลายปี 2008 ถึง 2009 หุ้นแต่ละตัวมีวันก้นเหวคนละวันกัน แต่เมื่อใดที่ราคาไปอยู่ที่ก้นเหวก็คิดวันนั้นเป็น 0 แล้วเริ่มต้นนับกันใหม่ ดังที่ลุงแมวน้ำเคยนำตารางคะแนนมาตรฐานมาเกริ่นให้อ่านกันบ้างแล้ว

ตารางต่อไปนี้เป็นตารางคะแนนมาตรฐานของหุ้นไทย 400 กว่าตัว คิดจากวันฐาน (วันที่ราคาอยู่ก้นเหวหรืออยู่ที่ trough) จนถึง 19/10/2012 ให้สังเกตคอลัมน์ standard score คอลัมน์นั้นคือคะแนนมาตรฐาน และให้สังเกตว่าดัชนี SETi มีคะแนนเป็น 240.42 จุด เราจะยึดค่านี้เป็นหลัก ถือว่าค่านี้เป็นค่าเฉลี่ยของตลาด หุ้นตัวใดที่คะแนนสูงกว่านี้ถือว่าแรงกว่าตลาด ส่วนหุ้นตัวใดคะแนนต่ำกว่า 240.42 จุดให้ถือว่าอ่อนแอกว่าตลาด ตารางนี้ยาวมาก ใต้ตารางยังมีบทความให้อ่านต่ออีกนะครับ ยังไม่ได้จบตรงนี้ ^__^

Photobucket


มาดูตัวอย่างการอ่านกัน จากตาราง หุ้น TH แรงสุดขีด ได้คะแนนมาตรฐานถึง 15521.19 จุด แรงกว่า SETi มากมาย ส่วนหุ้น BAY 260.12 จุด แรง SETi หรือว่าแรงกว่าตลาดนิดหน่อย ส่วนหุ้น BBL 219.49 จุด ก็อ่อนกว่าตลาดนิดหน่อย หรืออย่างหุ้น TEAM 32.31 จุดนี่อ่อนกว่าตลาดมาก



การเฟ้นหาหุ้นเด่นขั้นที่ 1 กรองขั้นต้น


ลุงแมวน้ำจะใช้ตารางนี้ในการสแกนหาหุ้นหรือว่ากรองหุ้นขั้นต้นก่อน หากเปรียบกับการร่อนทรายในงานก่อสร้าง ตารางนี้คือกระชอนหรือตะแกรงหยาบที่เอาไว้กรองหุ้นในขั้นต้น ในขั้นนี้เราจะได้หุ้นมามากมายหลายตัว หลังจากนั้นเราจะมีตะแกรงอันอ่อนอื่นเอามากรองหุ้นให้เหลือน้อยลงไปอีก จนเหลือหุ้นในดวงใจเพียงไม่กี่ตัว

การใช้ตารางนี้ต้องรู้กาละเทศะในการใช้ด้วย คือว่าตารางนี้ทำราคาจนถึง 19/10/2012 นั่นหมายความว่าใช้ได้เฉพาะในช่วงนี้เท่านั้น หากเวลาผ่านเลยไปไกลแล้วตารางนี้ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์แล้ว ต้องคำนวณตารางออกมาใหม่แล้วค่อยใช้ พูดง่ายๆคือต้องใช้ของใหม่ ดังนั้นต้องดูวันที่ด้วย

การกรองหุ้นในขั้นต้นด้วยตารางนี้ลุงแมวน้ำก็ทำดังนี้


  1. ดูหุ้นที่แรงกว่าตลาดและอ่อนกว่าตลาดไม่มากนัก ลุงแมวน้ำเลือกเอาคะแนนในช่วง 180 ถึง 500 จุด คะแนนที่ว่านี้ไม่มีเกณฑ์อะไรแน่นอน กะเอาเท่านั้นเอง
  2. เลือกหุ้นที่เกิดสัญญาณซื้อไปแล้วไม่เกิน 30 วัน (ดูที่คอลัมน์ days bought) คอลัมน์นั้นจะบอกว่าเกิดสัญญาณซื้อไปแล้วกี่วัน


อธิบายเพิ่มเติมกันหน่อย ว่า เหตุที่ลุงแมวน้ำเลือกหุ้นที่แรงกว่าตลาดไม่มากนักก็เพราะว่าหุ้นที่แรงกว่าตลาดมากๆ อย่างเช่นหุ้น MALEE ฯลฯ ราคาไปไกลถึงไหนแล้ว หุ้นที่แรงกว่าตลาดมากๆให้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่ามีโอกาสติดดอยบนยอดคลื่น 5 ได้ทุกเมื่อ ส่วนหุ้นที่แรงกว่าตลาดนิดหน่อย สะท้อนว่าตัวหุ้นนั้นแกร่งกว่าตลาดอย่างมั่นคงกว่า พวกหุ้นที่แรงกว่าตลาดนิดหน่อยนั้นต่อไปเรายังสามารถนำมาใช้ในการเทรดแบบความเสี่ยงต่ำหรือ spread trading หรือ pair trading ได้อีกด้วย

ส่วนหุ้นที่อ่อนกว่าตลาดนิดหน่อยนั้นน่าสนใจเพราะว่าอาจหมายถึงว่าหุ้นตัวนั้นมารอบหลัง คือหุ้นแต่ละกลุ่มจะมีรอบในการเทรดไม่พร้อมกัน บางกลุ่มไปก่อน บางกลุ่มตามมาทีหลัง พวกอ่อนกว่าตลาดบ้างอาจเพิ่งถึงรอบแล้วเพิ่งเริ่มวิ่งก็ได้ จึงควรสนใจเอาไว้บ้าง

ส่วนหุ้นที่อ่อนกว่าตลาดมากๆก็ไม่ต้องไปสนใจ ให้สันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่าเป็นหุ้นศักยภาพน้อย เพราะการกรองหุ้นนั้นต้องพยายามกรองให้เหลือน้อย บางตัวก็ต้องตัดใจอย่าไปสนใจ หากตัวโน้นก็จะเอา ตัวนี้ก็จะเอา สุดท้ายหุ้นจะเต็มโต๊ะไปหมด แล้วก็หาหุ้นในดวงใจไม่ได้

ทีนี้ก็สมมติว่าดูตารางแล้วกรองหุ้นขั้นต้นตามเกณฑ์ที่ลุงแมวน้ำว่ามา ลุงแมวน้ำได้หุ้นที่น่าสนใจมาหลายตัวทีเดียว

หุ้นที่่อ่อนกว่าตลาด แต่น่าสนใจ ได้ PSL, TTA, DEMCO, BAT-3K

หุ้นที่แข็งกว่าตลาด ได้หุ้น SVI, TOP, THAI, HEMRAJ, SCC

ที่จริงในการสแกนหุ้นขั้นต้นควรคัดเลือกจำนวนหุ้นส่งประกวดให้ได้มากกว่านี้ แต่นี่ลุงแมวน้ำเพียงยกตัวอย่าง เพราะว่าจะต้องเอาหุ้นพวกนี้มากรองชั้นที่สอง ชั้นที่สามอีก หากยกมาหลายตัวลุงแมวน้ำทำไม่ไหว เลยเอามาแค่นี้

และหลายคนอาจสังเกตว่าทำไมไม่มีหุ้นธนาคารเลย คำตอบก็คือหุ้นธนาคารหลายตัวแรงเกินไปแล้ว และอีกหลายตัวที่แรงพอควร ไม่มากเกินไป ก็ยังเป็นสัญญาณขายอยู่ ลุงแมวน้ำเลยไม่ได้หยิบมา

เป็นอันว่าเราใช้ตารางนี้สแกนและกรองได้หุ้นในขั้นต้นมาแล้ว ตอนต่อไปลุงแมวน้ำจะมากรองหุ้นขั้นต่อไปอีกเพื่อให้เหลือหุ้นน้อยลงและได้หุ้นในดวงใจ (ของแต่ละคน) ในที่สุด คอยติดตามนะคร้าบ

อ้อ ขอย้ำว่าตัวอย่างหุ้นที่ยกมานี้เป็นเพื่อการศึกษา ไม่ได้เชียร์ซื้อหุ้นนะคร้าบ และยังต้องคัดหุ้นออกไปอีก 

Thursday, November 1, 2012

01/11/2012 * ตลาดรีบาวด์แต่ยังไม่มีทิศทางชัด



วันนี้เป็นวันต้นเดือนพฤศจิกายน อากาศเย็นสบาย สายลมเย็นแบบฤดูหนาวโชยมาอีกแล้ว ทั้งๆที่เมื่อวานฟ้าครึ้ม ฝนกตก อากาศสองวันต่างกันเป็นหนังคนละม้วนเลย

ลุงแมวน้ำลองอัปเดตในเว็บบล็อกดู เท่าที่ลองอัปเดตในเฟซบุ๊กดูเหมือนว่าจะเห็นภาพไม่ถนัดเท่าไร แต่ดูในเว็บบล็อกนี้เห็นถนัดตาดี

ลุงแมวน้ำปรับปรุงภาพเพิ่มขึ้นมาอีก มีเรื่องตราสารหนี้เข้ามาด้วย นั่นคือ อัปเดตอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยกับอเมริกัน อายุ 10 ปี (10 year government bond yield) เพิ่มมาให้ด้วย คราวนี้จะได้ครบครัน ทั้งหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยน และพันธบัตร อีกทั้งดูด้วยภาพ เข้าใจง่ายดีด้วย

เมื่อวาน วันสิ้้นเดือน เงินเดือนออกคงเฮฮากัน ตลาดหุ้นทั่วโลกในภาพรวมมีทั้งขึ้นและลง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังผันผวนและไม่ไปในทิศทางเดียวกัน คือยังเห็นทิศทางไม่ชัดนั่นเอง ตลาดหุ้นฮ่องกงกับญี่ปุ่นปรับตัวลง ฮ่องกงนี่แทรกแซงค่าเงินอย่างหนัก สองสัปดาห์แทรกไป 6 รอบแล้ว ส่วนญี่ปุ่นเองก็ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดโดยผ่านระบบสินเชื่อธนาคารเมื่อต้นสัปดาห์ ครั้งนี้อัดเข้าไป 11 ล้านล้านเยน เงินเยอะจนลุงแมวน้ำกดเครื่องคิดเลขไม่ถูก ก็ประมาณ 4.3 ล้านล้านบาท แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลง คราวนี้หนี้สาธารณะของญี่ปุ่นจะมหาศาลยิ่งขึ้นไปอีก และนอกจากนี้ผลจากการอัดฉีดสภาพคล่องน่าจะส่งผลให้เงินเยนอ่อนค่าลง แต่จะอ่อนค่าลงได้มากขนาดไหนและกินเวลายาวนานขนาดไหน คงยังไม่มีใครตอบได้ รวมทั้งน่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียด้วย

ตลาดหุ้นยุโรปเขียวสวยในช่วงต้น แต่สุดท้ายก็ปิดแดง สหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ตลาหดหุ้นอเมริกาหยุดหนีพายุมาสองวัน เมื่อเปิดมาก็เขียวสวย สุดท้ายก็ปิดอ่อน

ด้านค่าเงิน เงินดอลลาร์ สรอ สองสามวันนี้แม้จะปรับตัวในกรอบแคบแต่ก็แกว่งขึ้นลงแบบดูทิศทางไม่ออก แต่รวมแล้วปรับตัวไม่มาก อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดพันธบัตรอัตราผลตอบแทนลดลงหน่อย เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นนิดเดียว

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เห็นว่าค่าเงินดอลลาร์ สรอ นิ่งๆ แต่เมื่อวานราคาทองคำปรับตัวขึ้น โลหะเงินขึ้นแรง สินค้าเกษตรก็ขึ้นโดยเฉพาะราคาข้าวโพดขึ้นแรงหน่อย ส่วนน้ำมันดิบ wti ขึ้น แต่น้ำมันดิบเบรนต์ลง ทิศทางราคาน้ำมันตอนนี้ดูยาก หากมองในระดับคลื่นใหญ่ยังเป็นคลื่นขาขึ้น แต่ในระยะสั้นๆไม่มีทิศทาง แกว่งไปมาอยู่แถวนี้

ตลาดหุ้นไทย ตลอดทั้งเดือนตุลาคม ฝรั่งขายสุทธิ 18,000 ล้านบาท เมื่อวานก็ขายอีกแม้ว่าตลาดหุ้นจะขึ้น แตดูเหมือนว่าเงินเหล่านี้จะยังไม่ได้ออกไปไหน ยังอยู่ในบ้านเรานั่นเอง