ตลาดหุ้นจีนร่วงแรง -34% นักลงทุนในตลาดหุ้นขาดทุนหนัก ดาราบางคนมีข่าวว่าพอร์ตเสียหายไปนับหมื่นล้าน ทำให้เกิดเป็นประเด็นร้อนว่าตลาดหุ้นจีนฟองสบู่แตกแล้วใช่หรือไม่ รวมทั้งคำถามอื่นๆอีกมากมายที่ตามมา |
ตลาดหุ้นจีนร่วงตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 2015 จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ในเวลาครึ่งเดือนดัชนีตลาดหุ้นลดลงไป -34% |
สองสามวันมานี้ข่าวใหญ่ด้านเศรษฐกิจที่มาแรงแซงปัญหาหนี้กรีซก็คือเรื่องตลาดหุ้นจีน เนื่องจากตอนนี้ตลาดหุ้นจีนร่วงอย่างรวดเร็วประมาณ -34% ภายในเวลาสองสัปดาห์นับจากจุดสูงสุดในตอนกลางเดือนมิถุนายน รวมทั้งตลาดหุ้นฮ่องกงก็ร่วงตามด้วย แม้ทางการจีนจะออกมาตรการอย่างเร่งด่วนมาเป็นชุดเพื่อสกัดการทรุดตัวของตลาดหุ้นจีนแต่ก็ดูเหมือนจะได้ผลไม่มากนักเนื่องจากตลาดหุ้นจีนยังร่วงต่อ
จนถึงวันนี้ เรื่องตลาดหุ้นจีนก็กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาว่าตลาดหุ้นจีนในตอนนี้ฟองสบู่แตกแล้วใช่หรือไม่ สื่อมวลชนต่างก็จับประเด็นนี้มาวิเคราะห์อธิบายกันมากมาย รวมทั้งยังขยายผลต่อไปอีกว่ามีดาราจีนคนนั้นคนนี้พอร์ตแดงไปกี่หมื่นกี่พันล้าน
วันนี้เรามาคุยเรื่องตลาดหุ้นจีนกันอีกสักวัน ที่จริงลุงแมวน้ำคุยเรื่องตลาดหุ้นจีนมาให้ฟังเป็นระยะแล้ว ดังนั้นวันนี้จะไม่ทบทวนอะไรมาก เกรงว่าทวนเรื่องเดิมๆแล้วพวกเราจะเบื่อกัน เรื่องพวกนี้บางทีก็ซับซ้อน คุยครั้งเดียวไม่มีทางจบหรือคุยได้ครบ สถานการณ์ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นก็ต้องคุยอัปเดตกันไปเป็นระยะ เมื่อเราได้ภาพหลายๆภาพมาปะติดปะต่อกันก็จะทำให้เราค่อยๆเข้าใจได้มากขึ้นไปเอง
ดังนั้นเอาเป็นว่าวันนี้เราคุยกันเพิ่มเติมเรื่องตลาดหุ้นจีนว่าฟองสบู่แตกหรือยัง สำหรับผู้ที่อ่านบทความนี้ หากสนใจก็อาจย้อนไปอ่านในโพสต์ก่อนๆของลุงแมวน้ำที่คุยเกี่ยวกับตลาดหุ้นจีนเอาไว้ ก็จะช่วยให้ปะติดปะต่อภาพได้ดียิ่งขึ้น
เข้าใจคนจีน เข้าใจตลาดหุ้นจีน
ตลาดหุ้นจีนก็เช่นกัน ตลาดหุ้นจีนนั้นขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความผันผวน ขึ้นลงเร็วและแรง เนื่องจากนักลงทุนเก็งกำไรกันอย่างสุดเหวี่ยง ความผันผวนของตลาดลุงแมวน้ำคิดว่ายังดุเดือดร้อนแรงกว่าตลาดห้นไทยเสียอีก ทำไมจึงเป็นเช่นกัน ลุงแมวน้ำว่าเรามาทำความเข้าใจกับนักลงทุนรายย่อยชาวจีนกันสักหน่อยดีกว่า การที่เราเข้าใจนักลงทุนจีนหรือว่าเข้าใจบุคลิกของคนจีนรุ่นใหม่จะช่วยให้เราเห็นภาพชัดขึ้นว่าตลาดหุ้นจีนนั้นฟองสบู่แตกหรือยัง
คนจีนรุ่นใหม่ที่เป็นคนหนุ่มสาวซึ่งเติบโตมาในยุคที่จีนเริ่มเปิดประเทศรับเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ก็คะเนว่าเป็นชาวจีนที่ปัจจุบันมีอายุไม่เกิน 50 พวกนี้จะเป็นปลายเจนเอ็กซ์ เจนวาย และเจนที่หลังจากนั้น
ประเทศจีนในปัจจุบันมีประชากรประมาณ 1300 ล้านคน ในยุคทศวรรษ 1980s นั้นประชากรจีนมีราวๆกว่า 900 ล้านคน จีนเป็นประเทศที่มีระชากรมาก การที่รัฐจะจัดการด้านเศรษฐกิจให้ประชาชนกินดีอยู่ดีอย่างทั่วถึงนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้พยายามจะให้ทั่วถึงแต่ก็ไม่ทั่วถึงดีนัก
เมื่อทรัพยากรมีจำกัด การแข่งขันจึงสูง ชาวจีนต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดมาตั้งแต่เด็ก เริ่มตั้งแต่การแข่งขันเพื่อให้เข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ เมื่อจบชั้นมัธยมก็ต้องแข่งขันเพื่อให้เข้ามหาวิทยาลัยได้ เพราะที่นั่งในมหาวิทยาลัยมีจำกัด พอจบมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังต้องแข่งขันเพื่อให้ได้งานดีๆทำ งานดีๆก็มีจำกัดอีก ก็ต้องแข่งขันกันหนัก
ประกอบกับคนจีนมีวัฒนาธรรมรักหน้าตา คือพูดง่ายๆว่ากลัวเสียหน้า การรประสบความสำเร็จในชีวิตช่วยให้มีหน้ามีตา ดังนั้นยิ่งเป็นแรงผลักดัน และหล่อหลอมให้คนจีนรุ่นใหม่มีบุคลิกดิ้นรน มุมานะ กระหายในความสำเร็จอย่างรุนแรง ความคาดหวังในความสำเร็จของชาวจีนรุ่นใหม่นั้นหากเทียบกับการสอบก็เหมือนกับคนที่ต้องการสอบให้ได้เกรด A หรือ B ซึ่งได้มายาก มีไม่กี่คนที่จะทำได้ ส่วนเกรด C, D, F นั้นไม่ต้องการ แต่คนส่วนใหญ่ก็มักอยู่ในกลุ่ม C, D, F นี้แหละ (เช่น จบแค่มัธยม ทำงานรับจ้าง เงินเดือนน้อย บางคนก็ค้าขายเล็กน้อย ขายผักขายปลา รายได้แค่พออยู่ได้ ฯลฯ) ดังนั้นจะเห็นว่าการประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในระดับที่โดดเด่นในสังคมจีนนั้นยากพราะต้องแข่งขันสูงมาก
คนจีนรุ่นใหม่ก็ดิ้นรนไปทุกที่ทุกทางเพื่อให้ประสบความสำเร็จ มีโอกาสอะไรก็ฉวย ไม่ปล่อยให้หลุดมือ กล้าได้กล้าเสีย ไม่กลัวลำบาก ทำมาหากินในประเทศยากนักบางคนมีช่องทางก็ไปแสวงโชคในต่างประเทศ เช่น มาทำมาหากินในเมืองไทย เป็นต้น บางคนที่หัวทันสมัยหน่อยก็มักได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการให้เงินทำงาน แพสซีฟอินคัม (passive income) รวยด้วยหุ้น ฯลฯ ก็หันมาสนใจลงทุนในตลาดหุ้น นี่คือส่วนหนึ่งของแรงจูงใจที่ผลักดันชาวจีนรุ่นใหม่เข้ามาในตลาดหุ้น
ย้อนตำนานตลาดหุ้นจีนยุคโอลิมปิก หุ้นซิ่งสาย 8
ใครๆก็รู้กันดีกว่ารถเมล์สาย 8 นั้นโด่งดังในด้านความเร็วเพียงใด รถร่วมสาย 8 นั้นวิ่งมาประมาณ 30 ปีแล้วแต่ก็ยังรักษามาตรฐานในด้านความเร็วได้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนเร็วยังไง เดี๋ยวนี้ก็ยังเร็วอย่างนั้น จนถึงขนาดเกมดังคือ GTA V ยังต้องนำเอารถเมล์สาย 8 เข้าไปซิ่งในเกมทีเดียว >.<
ด้วยความหอมหวนของตลาดทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนได้อย่างงดงาม ประกอบกับบุคลิกที่ต้องการประสบความสำเร็จโดยเร็ว ทัศนคติมีโอกาสต้องรีบฉวย (เพราะถ้าไม่ฉวยคนอื่นก็เอาไปแทน) รวมทั้งความกล้าได้กล้าเสีย ที่คนจีนบอกว่าไม่เข้าถ้ำเสือไหนเลยจะได้ลูกเสือ นี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นจีนหวือหวา มีการเก็งกำไรสูง
ตั้งแต่ยุค 4 ทันสมัยของเติ้งเสี่ยวผิง หรือจำง่ายๆคือตั้งแต่ 1980 เป็นต้นมา จีนก็ขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมผสมคอมมิวนิสต์ มีการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง เปิดรับกระแสทุนและกระแสเทคโนโลยีจากต่างชาติเป็นการใหญ่ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนตั้งแต่นั้นมาก็โดดเด่นมาก จากข้อมูลในภาพนี้ ตั้งแต่ปี 1990-2007 จีดีพีจีนโตประมาณปีละ 7% ถึง 14% ทีเดียว
อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนนับแต่ปี 1990 ถึง 2007 เติบโตอย่างร้อนแรงปีละ 7% ถึง 14% และนับแต่ปี 2008 เศรษฐกิจจีนก็เริ่มลดความร้อนแรงลงเรื่อยมา |
จนมาในปี 2001 จีนได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 จีนก็ยิ่งเร่งลงทุนเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะการก่อสร้างต่างๆเพื่อเตรียมเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก มีการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ น้ำมัน เหล็ก สินค้าเกษตร และอื่นๆมากมาย การนำเข้าอย่างมหาศาลของจีนทำให้ราคาน้ำมันดิบและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกพุ่งแรง จากนั้นในปี 2006 ตลาดหุ้นจีนก็เริ่มร้อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงระยะเวลาประมาณปีครึ่ง จากต้นปี 2006 ถึงปลายปี 2007 ตลาดหุ้นจีนพุ่งทะยาน +450% (สี่ร้อยห้าสิบเปอร์เซ็นต์) โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตวิ่งจาก 1,100 จุดไปถึง 6,000 จุด
หลังจากที่จีนก่อสร้างสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวกับโอลิมปิกเรียบร้อย การนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ และพร้อมกันนั้น ตลาดหุ้นจีนก็ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาประมาณ 1 ปี จากปลายปี 2007 ถึงปลายปี 2008 ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตไหลลงจาก 6,000 จุดเหลือ 1,600 จุด หรือ -73%
ในภาคเศรษฐกิจจริง หลังจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เศรษฐกิจของจีนก็ลดความร้อนแรงลงเรื่อยมา อัตราการเติบโตของจีดีพี (GDP growth) ค่อยๆลดลงจาก 14% ต่อปี จนล่าสุดเหลือประมาณ 7% ต่อปี
หากเราพิจารณาภาคเศรษฐกิจจริงคู่ไปกับตลาดหุ้นจีน เราจะได้ภาพดังนี้
ทิศทางของเศรษฐกิจจริงและความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีนตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา |
ดูภาพกันไปก่อน แล้วเรามาคุยกันต่อในตอนต่อไปคร้าบ