Friday, June 26, 2015

ตลาดหุ้นจีนแพงแล้ว ส่งออกไทยหดตัวต่อเนื่อง






วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องจีนกันอีกครั้ง ทั้งตลาดหุ้นและภาคเศรษฐกิจจริงที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยและต่อตลาดหุ้น คุยกันหลายเรื่องทีเดียว

มาเริ่มกันที่ตลาดหุ้นจีนก่อน ตอนนี้ตลาดหุ้นจีนผันผวนหนัก เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลงเป็นรถไฟเหาะตีลังกา ขึ้นลงวันละหลายเปอร์เซ็นต์ทีเดียว

ลองมาดูกราฟตลาดหุ้นจีนกัน กราฟนี้มี 3 เส้น เพราะมี 3 ดัชนี มาดูกันทีละดัชนีแล้วจะรู้ว่าตลาดหุ้นจีนตอนนี้แพงจริง

เส้นแรก สีน้ำเงินเป็นดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (shanghai composite index) ที่พวกเราชอบดูกันนั่นแหละ เวลาพูดถึงดัชนีตลาดหุ้นจีนมักอ้างอิงดัชนีตัวนี้กัน ตอนนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตมีค่าพีอี (P/E ratio) ประมาณ 23.7 เท่า เห็นค่า 20 กว่าเท่านี่เราก็บอกว่าแพงกันแล้ว เพราะเมื่อปลายปีที่แล้วยังเทรดกันที่ 8-9 เท่ากันอยู่แลย

แต่ถ้ามาดูดัชนีเซืนเจินคอมโพสิต (Shenzhen composite index) ดัชนีนี้มักถูกพูดถึงน้อยกว่า แต่ดัชนีเซินเจินนี้มีค่าพีอีสูงถึง 69.2 เท่า ยิ่งแพงกว่าดัชนีเซี่ยงไฮ้มาก

มาทำความเข้าใจกันก่อน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตนี้ถ่วงน้ำหนักด้วยหุ้นในกลุ่มธนาคารค่อนข้างมาก ปกติแล้วหุ้นธนาคารเทรดกันที่พีอีต่ำหน่อย มักต่ำกว่าเซ็กเตอร์อื่นๆ  ส่วนดัชนีเซินเจินนั้นถ่วงน้ำหนักด้วยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตค่อนข้างมาก ซึ่งรวมหุ้นไอทีและหุ้นไฮเทคโนโลยีด้วย (หุ้นไอทีและหุ้นไฮเทคมักเก็งกำไรกันอย่างหนัก เทรดกันที่พีอีสูงมาก) นี่ขนาดเป็นหุ้นที่เทรดกันที่พีอีต่ำเช่นหุ้นในตลาดเซี่ยงไฮ้ยังปาเข้าไป 20 กว่าเท่า ดังนั้นเมื่อเรามองสองดัชนีนี้ประกอบกันทำให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้นว่าตอนนี้ตลาดหุ้นจีนเก็งกำไรกันอย่างสุดเหวี่ยง

ยังมีดัชนีอีกดัชนีหนึ่ง ลุงไม่ได้นำกราฟมาให้ดู เป็นดัชนี CSI 700 mid & smallcap คือเป็นดัชนีพวกกลุ่ม SME น่ะ ดัชนีนี้ก็มีค่าพีอี 52 เท่า ยิ่งช่วยเสริมให้เห็นว่าตลาดหุ้นจีนตอนนี้แพงมากแล้ว

ถามว่าตลาดหุ้นจีนไปต่อได้อีกไหม ลุงแมวน้ำคิดว่าในปีนี้คงยาก ตลาดหุ้นจีนในปีนี้ หมายถึงว่าต่อจากนี้จนสิ้นปี น่าจะเป็นตคลาดขาลง เพราะหากดูจากมูลค่าแล้วถือว่าแพงถึงแพงมาก ซื้ออนาคตกันไปมากแล้ว และยิ่งตอนนี้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวด้วย และเมื่อดูรูปแบบทางเทนิค ก็น่าจะเป็นคลื่น 4 หรือคลื่น A ซึ่งเป็นคลื่นขาลง ดังนั้นควรระมัดระวังในการเข้าลงทุน

เส้นสุดท้าย ตลาดหุ้นฮ่องกง พีอี 11.3 เท่า ยังไม่สูง แต่ว่ารูปแบบทางเทคนิคคล้อยตามตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ผสมกับตลาดหุ้นจีนนิดๆ ดังนั้นลุงแมวน้ำก็คิดว่าตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้ยังไม่ไปไหนเช่นกัน น่าจะลงเสียมากกว่า

มาพูดกันถึงภาคเศรษฐกิจจริงกันสักนิด แล้วเดี๋ยวจะโยงไปตลาดหุ้นไทย วันนี้กระทรวงพาณิชย์จะประกาศตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าติดลบต่อเนื่องอีก แปลว่าส่งออกของเรายังไม่กระเตื้องเลย มีแต่ถอยลง

คู่ค้าที่สำคัญของไทยในช่วงหลังหลายปีมานี้คือจีน แต่จีนนำเข้าสินค้าจากไทยน้อยลงและน้อยลง นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ยอดส่งออกของไทยหดตัวลงด้วย และข่าวร้ายล่าสุดก็คือ จีนกับเกาหลีใต้ทำข้อตกลงลดภาษีสินค้าอุปโภคบริโภคระหว่างกัน เรื่องนี้มีความสำคัญทีเดียวเพราะปีที่แล้ว 2014 จีนนำเข้าสินค้าจากเกาหลีใต้ประมาณ 200,000 ล้านดอลลาร์ สรอ และนำเข้าสินค้าไทยราว 40,000 ล้านดอลลาร์ สรอ แค่นี้ก็เห็นว่าสินค้าเกาหลีใต้ได้รับความนิยมในจีนมาก และหากมีการลดภาษีระหว่างกันอีก สินค้าเกาหลีใต้จะยิ่งได้เปรียบเรื่องต้นทุน ดังนั้นเป็นไปได้ว่ายอดส่งออกของไทยจะหดตัวต่อเนื่องไปอีกเพราะสินค้าเกาหลีใต้เบียดสินค้าไทย สินค้าไทยที่มีโอกาสถูกสินค้าเกาหลีใต้ตีตลาดในจีนก็คือ สินค้าแฟชัน เครื่องสำอาง เครื่องใช้ภายในบ้าน และอาหาร




หากยอดส่งออกของไทยหดตัวต่อเนื่อง ย่อมส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและกระทบตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทยก็อาจฟื้นตัวช้าลงอีก แต่กระทบขนาดไหน และช้านานขนาดไหนยังประเมินยาก ต้องตามดูไปก่อนอีกสักระยะหนึ่ง

ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน ที่คาดไว้ก็ผิดคาด ที่หวังเอาไว้ก็ผิดหวัง เป็นเรื่องปกติ ก็ต้องปรับกลยุทธ์เอาตัวรอดกันไป ที่สำคัญคือต้องเอารอดให้ได้คร้าบ

Thursday, June 25, 2015

สงครามตัดราคาน้ำมันดิบยังไม่จบ ทองคำกับโลกยุคเงินเฟ้อต่ำ กรีซละครโรงใหญ่






วันนี้เราอัปเดตกันหลายเรื่อง ทั้งมุมมองแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ ราคาทองคำ แถมท้ายด้วยเรื่องกรีซนิดหน่อย

มาดูราคาน้ำมันดิบกันก่อน หลังจากที่ติดตามราคาน้ำมันดิบในยุคสงครามตัดราคาระหว่างกลุ่มโอเปก กลุ่มนอกโอเปก กับเทคโนโลยีการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) กลุ่มโอเปกลดราคาน้ำมันดิบก่อสงครามราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของตนเองเอาไว้

มาดูกราฟ CL กัน กราฟนี้เป็นราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ของอเมริกา แต่ก็ใช้ดูได้เนื่องจากราคาน้ำมันดิบทั่วโลกอิงกันหมด ราคาน้ำมันดิบ WTI นิ่งๆแถว 60 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล บวกลบอยู่แถวนี้มานานหลายเดือนแล้ว นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกเองยังผลิตน้ำมันดิบเกินโควต้าของตัวเองที่ตกลงกันในกลุ่มว่าวันละ 30 ล้านบาเรล ก็ผลิตรวมกันอยู่ที่ประมาณ 31.5 ล้านบาเรลต่อวันมาหลายเดือนแล้ว นอกจากนี้ อิรัก ลิเบีย ยังมีแนวโน้มผลิตเพิ่ม รวมทั้งอิหร่านก็คงผลิตเพิ่มหลังจากที่ไม่ถูกคว่ำบาตรแล้ว

ตามหลักของสงครามราคาแล้วการตัดราคาต้องดำเนินไปนานพอควรเพื่อให้คู่แข่งออกจากตลาดไป ตอนนี้แนวโน้มการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดานของอเมริกาลดลงเพราะขาดทุน มีการปิดหลุมเจาะ บริษัทพลังงานเจ๊งไป เนื่องจากต้นทุนการผลิตอยู่ที่ราว 70 ดอลลาร์ขึ้นไป  และเมื่อพิจารณาจากกราฟราคาแล้ว ลุงแมวน้ำคาดว่าโอเปกคงต้องการคุมราคาน้ำมันดิบไปอีกพักใหญ่เพื่อให้เชลออยล์เจ๊งสนิท ประกอบกับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้าด้วย ดังนั้นราคาคงอยู่แถวๆนี้แหละ 55-65 ดอลสำหรับ WTI ลุงคิดว่าในปี 2559 หรือ 2016 ราคาก็ยังคงอยู่แถวๆนี้ ดังนั้นกองทุนน้ำมันอาจดูไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าไร รวมทั้งราคายางพาราก็คงไปไม่ไกลจากนี้แล้วล่ะ คงแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแถวๆนี้

ทีนี้มาดูราคาทองคำกันบ้าง หากราคาน้ำมันดิบอยู่แถวๆนี้ ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อของโลกในภาพรวมก็คงไม่ได้มากมายกว่านี้ ตอนนี้ชาติที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ไม่ว่าอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ต่างก็เหนื่อยกับการเร่งอัตราเงินเฟ้อให้ถึงเป้า 2% แต่ก็ยังไม่ถึง เพราะเศรษฐกิจไปช้าๆ ดังนั้นในโลกยุคเงินเฟ้อต่ำ จะหวังให้ทองราคาพุ่งคงยาก ประกอบกับดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มแข็งค่าจากการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงคิดว่าจากนี้จนถึงปีหน้า 2016 ราคาทองคำคงอยู่ในกรอบ 1100-1230 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ กองทุนทองคำก็คงไม่ค่อยมีเสน่ห์เท่าไร

แถมเรื่องกรีซ กรีซนี่ละครโรงใหญ่ สุดท้ายก็ตกลงกันได้ เพราะหากตกลงกันไม่ได้แปลว่ากรีซคงต้องถูกเนรเทศออกจากกลุ่มยูโรโซนที่ใช้เงินยูโรร่วมกัน ยูโรโซนอาจแตก หากระบบเงินยูโรพัง เยอรมนีพี่ใหญ่เสียประโยชน์เยอะเลยเพราะตอนนี้เงินยูโรอ่อนเอื้อการส่งออกของเยอรมนีเต็มๆ ป้าอังเกลาไม่อยากให้ยูโรพังหรอก อีกประการ หากกรีซออกจากยูโรและไปใช้เงินสกุลของตนเอง ประเทศไหนก็ไม่ค้าด้วยเพราะสกุลเงินไม่น่าเชื่อถือ ประชาชนกรีซเองจะเดือดร้อนหนักกว่านี้มาก นายกคงตกกระป๋อง ดังนั้นตอนนี้เล่นบทบาทต่อรองกัน อีกหน่อยก็อุ้มกันต่อไปคร้าบ