Thursday, October 9, 2014

ลุงแมวน้ำคาดการณ์ตลาดหุ้นไทย รถไฟสาย 2100 จากนั้นไปต่อสาย 3500


คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย จะไปถึง 2100 จุด และ 3500 จุด ตามลำดับ



เมื่อวันสองวันนี้ธนาคารโลกปรับลดจีดีพีในปี 2014 ของประเทศไทยลง จากเดิม 3% เหลือ 1.5% และปรับลดคาดการณ์จีดีพีของปี 2015 ลงด้วยเช่นกัน จาก 4.5% เหลือ 3.5% และปรับลดจีดีพีของอีกหลายประเทศในย่านเอเชียลง เช่น จีดีพีจีนในปี 2015 เดิมคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโต 7.5% ก็ปรับลดลงเหลือเพียง 7.2%

ข่าวนี้ดูจะสร้างความหวั่นไหวกันพอสมควร ประกอบกับช่วงนี้หุ้นตกด้วย นักลงทุนก็ใจคอไม่ค่อยดีกัน

เรื่องการเติบโตของจีนนั้น ระดับ 6% ขึ้นไปนี่ก็เยอะแล้ว จะเป็นเจ็ดจุดเท่าไรก็ตาม ลุงว่าขึ้นกับคุณภาพของการเติบโตด้วย โตเร็วแต่สุขภาพไม่ดีก็ไม่ไหว ดังนั้น เรื่องจีนนั้นเท่าที่ลุงแมวน้ำติดตามนโยบายและทิศทางเศรษฐกิจการเมืองของจีน ลุงมีความเห็นในเชิงบวก คือจีนปรับลดการเติบโตลงเพื่อให้การเติบโตนั้นมีคุณภาพ และลุงแมวน้ำเห็นว่าเป็นการเติบโตที่เอื้อประโยชน์แก่เพื่อนบ้านในภูมิภาคด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ดังนั้นไม่ควรปลื้มจีนจนขาดความระแวดระวังอันตราย

สำหรับจีดีพีของไทยนั้น ปีสองปีนี้ก็น่าจะตามนั้นแหละ ก็เห็นๆกันอยู่ว่าในบ้านเรามีเรื่องวุ่นๆ แต่อนาคตนั้นอยู่ที่เราจะสร้างขึ้นมา จีดีพีหลังจากนี้อยู่ที่ภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยกันสร้างขึ้นมา ในอีกหลายปีนับจากนี้ ไทยจะมีโอกาสดีๆในหลายๆด้าน มีส้มหล่นลงมาหากรู้จักเก็บมาใช้ประโยชน์ เศรษฐกิจไทยก็ไม่แย่ รวมทั้งเป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพได้ด้วย ดังนั้นที่ผ่านมาก็แก้อะไรไม่ได้แล้ว แต่เราต้องมาช่วยกันสร้างอนาคตของเรา

ธนาคารโลกปรับคาดการณ์เศรษฐกิจไทย ลุงแมวน้ำก็ปรับคาดการณ์ตลาดหุ้นไทยบ้าง ^_^ ที่ลุงแมวน้ำบอกว่ารถไฟสาย 2100 นั้น ยังไม่มีโอกาสได้เล่ารายละเอียดสักที วันนี้เอาคาดการณ์ใหม่มาให้ดูก่อน ธนาคารโลกคาดการณ์ปี 2014-2015 แต่ลุงแมวน้ำมองไปไกลกว่านั้น

ในระดับคลื่นเศรษฐกิจใหญ่หรือ super cycle ไทยน่าจะอยู่ในคลื่น 3 ใหญ่ (สีดำ) เป้าหมายของคลื่น 3 ใหญ่สีดำนี้คือ 3500 จุด ^_^

ส่วนในระดับคลื่นรอง (คลื่นสีน้ำเงิน) เราก็อยู่ในคลื่น 3 เป้าหมายของคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) นี้คือ 2100 จุด

รถไฟสาย 2100 นั้นจิ๊บๆ สุดสาย 2100 เดี๋ยวเราไปขึ้นสาย 3500 ต่อไป ลุงคาดว่าไม่เกินปี 2021 น่าจะได้เห็น 3500 ^_^

แมวน้ำโลกสวยเชียวนะ ^_^  ก็ไม่โลกสวยหรอกคร้าบ ลุงบอกแล้วว่าอนาคตนั้นขึ้นกับความทุ่มเทของเราส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ หรือที่เราเรียกกันง่ายๆว่าฟ้าลิขิตนั่นแหละ เท่าที่ลงดูตอนนี้เรามีโอกาสไปถึงสูงทีเดียว ศักยภาพของเราก็เอื้อพอควร แต่ต้องพยายามอีกหน่อย ส่วนดินฟ้าอากาศ (คือปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอก) ก็พอจะยังเป็นใจอยู่ ยกเว้นเหตุไม่คาดหมายเช่นอุกาบาตถล่มโลก อันนั้นไปไม่ถึงก็จนใจ

ตลาดหุ้นไทยยังน่าลงทุนอยู่ มองไปข้างหน้าให้ไกลสักนิดนะคร้าบ อย่ามองแค่ว่าตลาดพรุ่งนี้จะขึ้นหรือลง จะขายก่อนดีไหม ดอยแล้วจ้า บลา บลา บลา ฯลฯ หากมองสั้นๆเราจะเห็นความผันผวนที่สูง เสียสุขภาพจิตมากมาย นักธุรกิจและนักลงทุนจะทำการใหญ่ล้วนแต่ต้องมองไปข้างหน้าหลายปี ไม่ใช่มองแค่พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ นักลงทุนตลาดหุ้นที่หวังความสำเร็จก็ต้องคิดแบบเถ้าแก่เช่นกันคร้าบ แต่ลุงหมายถึงหุ้นดีๆนะ ^_^

ปล บทความที่ลุงทยอยนำเสนออยู่นี้ แม้จะเป็นแบบ 2-3 ตอนจบ แต่ว่าแต่ละชุดก็เชือมโยงกัน ติดตามอ่านไปเรื่อยๆลุงแมวน้ำจะค่อยๆอธิบายว่าเหตุใดจึงตั้งเป้าดัชนีเช่นนี้

Wednesday, October 8, 2014

หุ้นไม่มีค่าพีอี, หุ้น P/E สูง, หุ้น P/E ต่ำ, หุ้นตั้งไข่, หุ้นฟื้นไข้ (3)





ลุงแมวน้ำหัวเราะ

“เราลองมาดูกรณีศึกษากันดีกว่า เป็นตัวอย่างหุ้นในตลาด ดูตัวอย่างจากของจริงกันเลย”

“ดีจ้ะลุง” ยีราฟตอบ

“ก่อนอื่น ลุงขอบอกว่านี่เป็นกรณีศึกษาเรื่องวัฏจักรของกิจการเท่านั้น ลุงไม่ได้เชียร์ให้ซื้อหุ้น ขอให้เข้าใจตรงกันด้วย” ลุงแมวน้ำพูด



กรณีศึกษาหุ้นฟื้นไข้ PSL (Case Study of Turnaround Stock, PSL)



ลุงแมวน้ำจึงล้วงเอากระดาษออกมาจากหูกระต่ายอีกปึกหนึ่ง และกางออกมาให้ดูทีละแผ่น




“หุ้นที่ลุงนำมาให้ดูกันนี้เป็นกรณีหุ้นฟื้นไข้” ลุงแมวน้ำพูด “นั่นคือหุ้นบริษัทเรือเทกอง PSL

“ก่อนอื่นต้องเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจเสียก่อน ธุรกิจบริการเรือเทกองนั้นเป็นธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มขนส่งทางทะเล ลักษณะการให้บริการคือให้เช่าเรือเพื่อบรรทุกวัตถุดิบขนส่งระหว่างประเทศ ตัวอย่างวัตถุดิบก็เช่น สินค้าเกษตร สินแร่ ถ่านหิน ฯลฯ

“ธรรมชาติของกิจการในอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเลนี้ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก และเราก็ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจโลกมีลักษณะขึ้นลงเป็นวัฎจักร ดังนั้นผลประกอบการของกิจการประเทภนี้จึงมีขึ้นลงอิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจของโลก

“เรามาดูผลประกอบการของหุ้น PSL กันก่อน เป็นข้อมูลผลประกอบการย้อนหลังตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2013 โดยเส้นสีฟ้านั้นคือรายได้ (revenue) จากการดำเนินงานในแต่ละปี ซึ่งรายได้ที่มาจากธุรกิจหลัก พวกรายได้พิเศษอื่นๆที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของกิจการไม่ได้ถูกนำมารวมเอาไว้

“อีกเส้นหนึ่งคือเส้นสีเทา เส้นนี้คือกำไรสุทธิ (net income) ในแต่ละปี กำไรสุทธินี้จะเป็นผลจากรายได้ทุกอย่างของกิจการ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากธุรกิจหลักหรือรายได้พิเศษอื่นใดก็ตาม สังเกตหรือไม่ว่าทั้งสองเส้นนี้เมื่อพล็อตเป็นกราฟแล้วได้รูปทรงคล้ายๆระฆังคว่ำ นี่แหละคือธรรมชาติของธุรกิจที่มีการขึ้นลงเป็นวัฎจักร”

“จริงด้วยสิครับลุง คล้ายระฆังคว่ำ แต่ว่าเบี้ยวๆบูดๆ” ลิงเห็นด้วย

“ก็แน่ละ ชีวิตจริงก็เป็นเช่นนี้เอง มันไม่ได้สวยงามเหมือนดังในอุดมคติ” ลุงแมวน้ำพูด หยุดเล็กน้อย จากนั้นจึงกางกระดาษออกแผ่นหนึ่ง




“เอาละ มาดูกันต่อ จากภาพเมื่อครู่ คราวนี้ลุงกำกับระยะต่างๆของวัฏจักรให้พวกเราดูกันด้วย ดูที่เส้นสีฟ้าหรือเส้นรายได้” ลุงแมวน้ำอธิบาย “เห็นไหมว่าในช่วงปี 2000, 2001, 2002 เป็นช่วงที่รายได้ของกิจการตกต่ำมาก ช่วงนี้คือระยะเสื่อมถอย (decline phase) นั่นเอง

“พอมาในปี 2003 กิจการก็เริ่มฟื้นไข้ (turnaround) และปี 2004, 2005 กิจการก็เข้าสู่ระยะเติบโต (growth phase)

“วัฏจักรขนส่งทางทะเลในรอบนี้มีระยะเติบโตที่สั้นมาก คือ 2 ปีเท่านั้น รวมทั้งมีระยะอิ่มตัว (maturity) ที่สั้นมากด้วย คือในปี 2005 นั้นเองวัฏจักรก็อิ่มตัว จากนั้นพอปี 2006 เป็นต้นไป กิจการก็เข้าสู่ระยะเสื่อม (decline phase) อีก และระยะเสื่อมนี้กินเวลานานหลายปี คือเสื่อมไปจนถึงปี 2011

“จากนั้นในปี 2012, 2013 รายได้ของกิจการก็เริ่มฟื้นตัว และเข้าสู่ระยะฟื้นไข้อีกรอบหนึ่ง หากพิจารณาตามวัฎจักร คาดว่าในรอบวัฎจักรนี้กิจการน่าจะเข้าสู่ระยะเติบโตในปี 2014 เป็นต้นไป”

ลุงแมวน้ำหยิบกราฟอีกแผ่นหนึ่งออกมากาง




“เอาละ ทีนี้มาดูภาพนี้กันบ้าง ภาพนี้ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม นั่นคือ ลุงนำราคาหุ้นและค่าพีอี ณ สิ้นปีของปีต่างๆมาให้ดูเปรียบเทียบกับกราฟผลการดำเนินงานอีกด้วย

“ในกราฟรูปนี้ เส้นสีเขียวคือราคาหุ้น PSL ให้สังเกตว่าเส้นกราฟรายได้ (สีส้ม) กำไรสุทธิ (สีเทา) และราคาหุ้น (สีเขียว) มีลีลาการเดินของเส้นกราฟคล้ายๆกัน นี่สะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นอิงกับผลประกอบการนั่นเอง และก็แปลว่าปัจจัยพื้นฐานของกิจการสัมพันธ์กับราคาหุ้นด้วย

“ในรูปยังมีกราฟแท่งสีส้มอีกด้วย แท่งสีส้มนั้นคือค่าสัดส่วนพีอี (P/E ratio) ณ สิ้นปีของหุ้น PSL นั่นเอง นายจ๋อสังเกตเห็นอะไรไหม”

“สังเกตอะไรล่ะลุง กราฟมีหลายเส้นหลายสี ผมมองจนตาลายแล้ว” ลิงบ่น

“อ้าว อย่าเพิ่งตาลายสิ ดูภาพนี้กันก่อน ดูภาพนี้แล้วจะเข้าใจง่ายขึ้น” ลุงแมวน้ำพูดพลางหยิบกราฟออกมาอีกแผ่นหนึ่ง




“ดูที่ลุงวงกลมเอาไว้ ให้สังเกตว่ารายได้ของกิจการถึงจุดต่ำสุดในปี 2011 จากนั้นปี 2012 และ 2013 รายได้ก็เริ่มกระเตื้องขึ้น นั่นคือเข้าสู่ระยะฟื้นไข้ ให้สังเกตว่าค่าพีอีในปี 2012 นั้นสูงถึง 73.72 เท่า

“ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากิจการมีกำไรน้อยมากนั่นเอง ในปี 2012 นั้นราคาหุ้นยังร่วงอยู่ คือรายได้ของกิจการเริ่มฟื้นตัว แต่ราคาหุ้นยังลงอยู่ เนื่องจากนักลงทุนยังไม่กล้าเข้าซื้อเพราะไม่มั่นใจว่าฟื้นจริงหรือไม่

“ต่อมาในปี 2013 รายได้ดีขึ้นอีก คราวนี้ราคาหุ้นเริ่มเข้าสู่ขาขึ้น นักลงทุนเริ่มเข้าซื้อหุ้นกัน ขณะเดียวกันค่าพีอีเริ่มลดต่ำลง คือพีอี  ปลายปี 2013 อยู่ที่ 54.3 เท่า แม้ว่าจะยังสูงอยู่แต่ก็ต่ำกว่าปีก่อนหน้า

“นี่แหละ หุ้นฟื้นไข้หรือหุ้นเทิร์นอะราวด์ก็มีรูปแบบทำนองนี้ คือในระยะฟื้นไข้ หุ้นอาจไม่มีค่าพีอีเนื่องจากผลประกอบการขาดทุนสุทธิแต่ว่าการขาดทุนเริ่มลดลง หรือว่าหุ้นค่าพีอีอาจสูงเว่อ อาจเป็นหลายร้อยเท่าก็ได้เพราะว่ามีกำไรนิดเดียว ต่อมาก็จะค่อยๆลดลงเนื่องจากกิจการเข้าสู่ระยะเติบโตและมีผลประกอบการดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนกิจการที่เป็นระยะตั้งไข่ก็เช่นเดียวกัน เนื่องจากหุ้นตั้งไข่และหุ้นฟื้นไข้ก็คือความหมายเดียวกันนั่นเอง”

“ถ้าอย่างนั้นการเข้าซื้อหุ้นควรเข้าตอนไหนละจ๊ะลุง ลุงก็ยังไม่ตอบสักที” ยีราฟบ่น

“ในระยะฟื้นไข้นั้นเป็นระยะที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากหากกิจการไม่ฟื้นจากไข้จริงๆ แต่กลับทรุดลงไปอีก การลงทุนก็เสียหาย ดังนั้นหุ้นในระยะฟื้นไข้ที่ยังขาดทุนอยู่ คือไม่มีค่าพีอี หรือพีอีสูงมากแล้ว เช่น หลายร้อยเท่าก็ควรหลีกเลี่ยง ควรรอให้กิจการเข้าสู่ต้นระยะเติบโตจะปลอดภัยขึ้น แม้ว่าตอนนั้นราคาหุ้นคงขึ้นมาพอสมควรแล้วก็ตาม แต่ความเสี่ยงก็ลดลง

“ทีนี้สมมติว่าเราพบหุ้นในระยะฟื้นไข้ แต่มีพีอีไม่สูงนัก สมมติเช่นพีอี 20 ถึง 50 เท่า พวกนี้น่าสนใจ คือเป็นหุ้นฟื้นไข้ที่โลกลืม นักลงทุนอาจไม่ทันสังเกตเห็น จึงยังไม่เข้ามาลงทุนกัน” ลุงแมวน้ำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้ยังไงละจ๊ะลุงว่าเมื่อไรที่หุ้นเข้าสู่ระยะเติบโตแล้ว” ยีราฟถามอีก

“ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ได้ คือหุ้นอยู่ที่ต้นคลื่น 3 นั่นเอง” ลุงแมวน้ำตอบ “นี่ไงที่ลุงบอกว่าการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคร่วมกับปัจจัยพื้นฐานช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้ ทำให้จับจังหวะการลงทุนได้ดีขึ้น แต่การบูรณาการของสองสายก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อนขึ้น ดังนั้น ผู้ที่เริ่มต้นศึกษา ควรจับแนวทางเพียงสายใดสายหนึ่งก่อน เมื่อมีประสบการณ์มากพอจึงค่อยศึกษาในขั้นบูรณาการ” ลุงแมวน้ำตอบ

ลุงแมวน้ำหยิบกราฟออกมาอีกแผ่นหนึ่ง และพูดว่า





“ลองดูนี่ นี่เป็นตัวอย่างการนับคลื่นของหุ้น PSL ที่จริงการนับคลื่นนั้นนับได้หลายแบบ เนื่องจากค่อนข้างเป็นจิตวิสัย คือแต่ละคนอาจนับไม่เหมือนกันเนื่องจากมีมุมมองที่แตกต่างกัน ลุงลองนับแบบนี้มาให้ดูเป็นตัวอย่าง”

“จ้ะ จ้ะ พอเข้าใจแล้ว” ยีราฟพูด “เอ้อ ตกลงว่าหุ้นไร่ถั่วฝักยาวพีอีสูงขนาดนั้นซื้อได้ไหมจ๊ะลุง”

“โธ่เอ๊ย” ลิงจ๋อส่ายหัว “กลับมาถามเรื่องนี้อีกแล้ว ฉันละกลุ้มจริงๆ”