Tuesday, June 10, 2014

10/06/2014 ผลคัดกรองหุ้นจากปริมาณการซื้อขาย และ กราฟหุ้น TRUE



ผลการสแกนหุ้นจากปริมาณการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปในรอบ 10 วันทำการ คัดมาให้ดูเฉพาะที่ปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนไปมากที่สุด 50 อันดับแรก


ช่วงนี้ตลาดหุ้นค่อยๆขึ้นทีละน้อย เงินบาทกลับมาแข็งค่า เงินต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิอีกทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น เงินต่างชาติก็ไปๆมาๆแบบนี้เสมอแหละ อย่าตกใจกับการไหลจนเกินไป

ในระดับคลื่นย่อยก็ระวังการปรับตัว แต่ว่าในระยะยาว ตอนนี้ลุงแมวน้ำลงจากรถไฟสาย SET 1700 แล้วนะคร้าบ เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย SET 2000 แทน ลุงแมวน้ำขอเขียนเรื่องหุ้นและกองทุนรวมในอุตสาหกรรมสุขภาพให้จบเสียก่อน แล้วจะมาคุยเรื่องรถไฟสาย SET 2000 ^_^

เช้าวันนี้ลุงแมวน้ำมีของเล่นเล็กๆน้อยๆมาฝาก นั่นคือ ผลการสแกนหุ้นที่ลุงแมวน้ำเพิ่งทำมาสดๆร้อนๆ เอามาให้ดูกัน

การสแกนหุ้นของลุงแมวน้ำนี้สแกนจากปริมาณซื้อขาย คือเปรียบเทียบปริมาณซื้อขายของวันล่าสุด (คือเมื่อวาน) เทียบกับเมื่อ 10 วันทำการก่อนหน้า

การสแกนจากปริมาณการซื้อขายนั้นเป็นการคัดกรองในเบื้องต้น หากหุ้นตัวใดมีมูลค่าการซื้อขายเคลื่อนไหวมากขึ้นอย่างน่าสังเกต อันเป็นสัญญาณบ่งชี้ในเบื้องต้นว่าอาจมีการแอบเก็บหุ้นหรือแอบขายหุ้น ก็ค่อยๆเข้าไปดูรายละเอียด

ในวันนี้ ลุงแมวน้ำเอาผลสแกนสำหรับหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนแปลงในรอบ 10 วัน มาให้ดูเป็นตัวอย่าง วิธีดูก็ไม่ยาก ดังนี้

คอลัมน์แรก ชื่อหุ้น

คอลัมน์ที่สอง บอกราคาล่าสุด (09/06/2014)

คอลัมน์ที่สาม บอกว่าปริมาณการซื้อขายในรอบสิบวันเพิ่มขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์

คอลัมน์ที่สี่ บอกว่ามูลค่าการซื้อขายล่าสุด มีมูลค่าเท่าใด คอลัมน์นี้เอาไว้ดูว่าหุ้นใดขาดสภาพคล่องนั่นเอง เนื่องจากหุ้นบางตัวแม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะเปลี่ยนแปลงไปมากในรอบสิบวันที่ผ่านมา แต่ก็ยังอาจเข้าข่ายขาดสภาพคล่อง หุ้นขาดสภาพคล่องต้องระวัง

ลุงแมวน้ำขอย้ำว่า นี่เป็นการคัดกรองหุ้นในเบื้องต้น ยังบอกไม่ได้ว่าตัวใดดีหรือไม่ น่าลงทุนหรือไม่ ต้องไปทำการบ้านต่อทีละตัวคร้าบ และผลการสแกนนี้ใช้สำหรับในสถานการณ์ปัจจุบัน หากเวลาผ่านไปก็ต้องสแกนกันใหม่คร้าบ

นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังเอากราฟหุ้น TRUE มาให้ดู คงทราบกันดีว่ามีการเพิ่มทุนอีก โดยมีบริษัทโทรคมนาคมของจีนมาร่วมทุนด้วย การเพิ่มทุนและหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มน่าจะเป็นการเตรียมเพื่อรองรับการประมูลคลื่น 1800

ในทางเทคนิค กราฟหลุดจากสามเหลี่ยมชายธงลงมาข้างล่าง แปลความว่าว่าอาจลงต่อได้อีก และเนื่องจากสามเหลี่ยมชายธงนี้เป็นกรอบใหญ่ ครอบคลุมเวลาปีกว่า (ตั้งแต่ต้นปี 2013) ชายธงใหญ่หากหลุดก็อาจลงได้ลึกคร้าบ


หุ้น TRUE ตัดสามเหลี่ยมชายธงลงมาด้านล่าง

กราฟราคาหุ้น TRUE ในอดีต สมัยก่อนชื่อ TA (Telecom Asia) ร่วมทุนกับส้ม (Orange) ของฝรั่งเศส จากนั้นฝรั่งเศสก็ถอนทุนกลับไป ต่อมารีแบรนด์เป็นชื่อ TRUE และล่าสุดมีการเพิ่มทุนและไชนาโมบายล์มาร่วมถือหุ้นประมาณ 18%


Friday, June 6, 2014

06/06/2014 ECB ลดดอกเบี้ย และถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทน PPP, SOLAR, SPCG, WHA, GUNKUL, EPCO, IFEC, TFI ฯลฯ






ธนาคารกลางยุโรปลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจอีก


เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางของยุโรป หรือที่เรียกว่า ECB (European Central Bank) ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนอีก

ลุงแมวน้ำขอเท้าความหน่อยเพื่อความเข้าใจ คือขณะนี้เศรษฐกิจของยุโรปในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร แม้ว่าดัชนีหลายตัวจะบ่งชี้ว่าค่อยๆกระเตื้องขึ้นในภาพรวม แต่ก็ยังเรียกได้ว่าเศรษฐกิจติดหล่มอยู่ โดยเฉพาะ ปัญหาหนักอกของอีซีบีที่คิดว่าเป็นอุปสรรคของการฟื้นตัวของยูโรโซนก็คือ ภาวะเงินฝืด คือ  ประชาชนไม่ยอมควักกระเป๋าออกมาจับจ่ายใช้สอย เมื่อเงินไม่หมุน เศรษฐกิจก็ไม่สะพัด ก็ไม่พ้นจากหล่มเสียที

ทางอีซีบีนั้นใช้นโยบายอัดฉีดสภาพคล่องเช่นกัน แต่ว่าใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ได้อัดฉีดแบบไม่อั้นดังเช่นอเมริกา กลไกสำคัญที่อีซีบีใช้กระตุ้นเศรษฐกิจประการหนึ่งก็คืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังจากใช้ดอกเบี้ยนโยบายในอัตราต่ำที่ 1 สลึง (0.25%) ก็แล้ว เงินก็ยังฝืดอยู่ ก็มีการลุ้นกันว่าอีซีบีโดยลุงมาริโอจะมีมาตรการแบบพิมพ์เงินมาอัดฉีดไม่อั้นแบบอเมริกาและญี่ปุ่นหรือไม่

ปรากฏว่ามาตรการเพิ่มเติมล่าสุด ก็คือประกาศเมื่อคืน (เวลาบ้านเรา) นี้เอง ปรากฏว่าอีซีบีไม่ทำคิวอีแบบปลายเปิด แต่ใช้การลดอัตราดอกเบี้ยอีก มาตรเพิ่มเติมล่าสุดก็คือ


  • ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก 0.25% เหลือ 0.15%
  • ลดดอกเบี้ยเงินฝาก ที่ธนาคารต่างๆนำมาฝากไว้กับธนาคารอีซีบี จาก 0% เป็น -0.10% แปลง่ายๆก็คือ ธนาคารใดจะเอาเงินไปฝากธนาคารกลางต้องเสียค่าฝากเงิน 0.10%
  • ลดดอกเบี้ยเงินกู้มาร์จิน จาก 0.75% เหลือ 0.4% 


ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของลุงมาริโอก็คือ เพื่อกดดันให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆพยายามนำเงินไปหมุนบ้าง อย่าเอาแต่กองไว้ในธนาคารหรือเอามาฝากกับอีซีบี เมื่อเงินสะพัด อัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้น นั่นคือเศรษฐกิจหมุนเวียน

หากเป็นไปตามคาด นั่นคือ เมื่อเงินเฟ้อ แปลว่าเงินยูโรน่าจะอ่อนค่าลง แต่ที่ไหนได้ เมื่อคืน (เวลาบ้านเรา กลางวันของยุโรป) เงินยูโรอ่อนค่าไปวูบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาแข็งค่าขึ้นกว่าเดิม


ค่าเงินยูโรไม่ตอบสนองต่อมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยของอีซีบี อ่อนค่ามาเดี๋ยวเดียวจากนั้นกลับแข็งค่าขึ้น (ดูแท่งเทียนแท่งสุดท้าย)

และนอกจากนี้ หากเงินยูโรถูกกดดันให้หมุน เงินส่วนหนึ่งจะหมุนออกไปหารายได้นอกประเทศ นั่นคือ ที่เรียกว่า ยูโรแครรีเทรด (Euro carry trade) อันเป็นการเอาเงินยูโรที่มีต้นทุนการกู้ยืมต่ำไปลงทุนแสวงหากำไรจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าของประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศในเอเชีย ซึ่งน่าจะทำให้ค่าเงินเอเชียแข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้น แต่ปรากฏว่าค่าเงินเอเชียแข็งขึ้นนิดเดียว และตลาดหุ้นเอเชียไม่ตอบสนอง นอกจากไม่ขึ้นแล้วหลายๆตลาดยังลงเสียด้วย


ค่าเงินเอเชียเช้าวันรุ่งขึ้น (คือเช้าวันนี้) หลังจากที่อีซีบีมีมาตรการลดอัตราดอกเบี้ย แข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย ส่วนเงินสิงคโปร์อ่อนค่าเล็กน้อย แสดงว่ามาตรการของอีซีบีไม่ค่อยมีผลทางจิตวิทยาต่อเอเชียเท่าไรนัก

ตลาดหุ้นเอเชียก็ไม่ค่อยตอบสนองทางจิตวิทยาต่อมาตรการของอีซีบี แทนที่จะขึ้นรับข่าวกลับลงรับข่าว


ดังที่เห็นแล้วว่าตลาดไม่ค่อยตอบสนองกับมาตรการของอีซีบีนัก ที่จริงมาตรการเหล่านี้หากใช้แล้วก็ต้องใช้ไปสักระยะแล้วจึงประเมินผลได้ ณ วันนี้ที่จริงก็ยังไม่เห็นผลอะไรหรอก แต่ที่ลุงแมวน้ำชี้ให้ดูคือผลทางจิตวิทยาหรือความคาดหวังของนักลงทุน ซึ่งนักลงทุนไม่ได้ตอบสนองอะไรนัก เมื่อชาวบ้านเขาไม่ตื่นเต้นกัน ดังนั้นเราก็ไม่ควรไปคาดหวังอานิสงส์ต่อตลาดหุ้นไทยจนเกินเหตุ



ถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทน


และอีกเรื่องหนึ่งที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงและฝากเตือนนักลงทุนในวันนี้ ก็คือเรื่องการลงทุนในพลังงานทดแทน

หลายปีมานี้ มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เข้าไปลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนกันมากมาย ตอนนี้มีอยู่หลายสิบบริษัท ใครต่อใครก็อยากเข้ามาทำธุรกิจพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ทำอสังหาฯก็มาทำแสงอาทิตย์ เป็นโรงพิมพ์ก็มาทำแสงอาทิตย์ เป็นแวร์เฮาส์ก็มาทำแสงอาทิตย์ ผลิตเหล็กก็มาทำแสงอาทิตย์ จนลุงแมวน้ำเองก็งงว่าหุ้นเดี๋ยวนี้ทำธุรกิจข้ามเซ็กเตอร์จนจำไม่ได้ว่าทำอะไรกันแน่ เรียกได้ว่า ถนนทุกสายมุ่งสู่พลังงานทดแทนก็คงไม่ผิด

ที่ลุงแมวน้ำอยากจะเตือนก็เรื่องนี้แหละ เพราะว่าเท่าที่ลุงแมวน้ำสังเกต หุ้นใดพอออกข่าวว่าจะทำพลังงานทดแทน หุ้นก็วิ่งดีทีเดียว ใครๆก็เลยอยากทำบ้างกระมัง เพราะทำแล้วราคาหุ้นวิ่งดี บางทีมีแค่ข่าวโครงการแพลมออกมา ยังไม่ได้ลงมือทำจริงๆ ราคาหุ้นก็ขึ้นแล้ว เก็งกำไรกันสนั่น นักลงทุนเห็นว่าพลังงานทดแทนเป็นเทรนด์ที่กำลังแรง พอมีข่าวหุ้นตัวไหนก็วิ่งเข้าใส่ทันที บางทีก็ไปค้างอยู่บนยอดดอย

เรื่องธุรกิจพลังงานทดแทนนั้นที่จริงแล้วมีรายละเอียดพอสมควรทีเดียว หากคิดจะถือลงทุนยาวๆควรศึกษาให้เข้าใจในรายละเอียด วันนี้ลุงแมวน้ำขอเล่าคร่าวๆก่อนละกัน เน้นที่โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ วันหลังจึงค่อยลงรายละเอียด

การทำธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ลักษณะการดำเนินธุรกิจหรือว่าการทำมาหากิน หากแบ่งง่ายๆก็แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 2 กลุ่ม นั่นคือ

1. ผู้ที่ทำโรงไฟฟ้า (คือโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์รูฟ) เพื่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้า
2. ผู้ที่รับจ้างสร้างโรงไฟฟ้า คือ ออกแบบ รับเหมาก่อสร้างรวมวัสดุอุปกรณ์ 

ที่จริงแบ่งได้ย่อยกว่านี้อีก แต่วันนี้พูดคร่าวๆก็คิดเสียว่ากลุ่มใหญ่ๆก็มีเท่านี้

แบบแรก ผู้ที่ทำโรงไฟฟ้าเพื่อขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้านั้น จะได้ค่าตอบแทนแน่นอน ทำสัญญาขายกันกี่เมกะวัตต์ก็เป็นไปตามนั้นตลอดอายุของสัญญา ราคาดีด้วย เพราะการไฟฟ้าต้องการส่งเสริม จึงมีเงินพิเศษบวกให้จากค่าไฟปกติ (ที่เรียกว่าค่าแอดเดอร์หรือค่าฟีดอินทาริฟ ตามแต่กรณี) เบ็ดเสร็จแล้วโรงไฟฟ้าที่ขายไฟฟ้าให้จะได้ค่าไฟหน่วยละ 6 บาทขึ้นไป ตามแต่ลักษณะการอุดหนุน และจะได้ตามนั้นตลอดอายุสัญญา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ประเด็นสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้าแบบนี้ก็คือ ต้องทำตามโควตาที่ได้รับมา จะทำมากกว่านั้นไม่ได้ และตอนนี้โควตาหมดแล้วด้วย เต็มจนปี 2563 แปลว่าใครที่จะลงทุนแบบนี้ จ้างเขาสร้าง แล้วเราดูแล รายได้จะแน่นอน รู้ล่วงหน้าเลย เพราะโควตามีแค่นั้น แต่รายจ่ายจะไม่แน่นอน เพราะโซลาร์ฟาร์มหรือโซลาร์รูฟแต่ละรายนั้นประสิทธิภาพไม่เท่ากัน เนื่องจากการออกแบบและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ หากออกแบบไม่ดี อุปกรณ์ประสิทธิภาพต่ำ การผลิตไฟฟ้าก็ต่ำ ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยไฟฟ้าสูง รวมทั้งใบอนุญาตตอนนี้ไม่มีแล้วด้วย ใครอยากทำตอนนี้ต้องไปซื้อต่อจากคนที่มีอยู่แล้ว ค่าเซ้งใบอนุญาตคิดกันเมกะวัตต์ละเป็นล้านบาท ก็เป็นต้นทุน

หรือหากไม่เซ้งใบอนุญาต หนทางที่สำเร็จรูปกว่านั้นก็คือไปซื้อโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่แล้วมาเสียเลย หากเป็นประการนี้นักลงทุนก็ต้องศึกษารายละเอียดให้ดี เนื่องจากเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน โดยเฉพาะด้านพลังงานแสงอาทิตย์เปลี่ยนแปลงเร็ว โซลาร์ฟาร์มเมื่อ 5 ปีก่อนกับเดี๋ยวนี้ ความทันสมัยก็ต่างกันมาก รวมทั้งประสิทธิภาพในการผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วย ราคาที่ซื้อมาหเหมาะสมหรือไม่ นักลงทุนต้องมีข้อมูลเหล่านี้จึงค่อยพิจารณาเข้าลงทุน

อีกประการ หุ้นอะไรที่รู้รายได้แน่นอน หุ้นนั้นมักไม่ค่อยวิ่ง ราคาเรื่อยๆมาเรียงๆตามปัจจัย เพราะไม่มีอะไรให้ลุ้น

แบบที่สอง ประเด็นสำหรับธุรกิจที่ปรึกษา ออกแบบ รับจ้างสร้างโรงไฟฟ้าก็คือ ตอนนี้เป็นธุรกิจที่แข่งกันสูงพอควร ก็คล้ายๆงานรับเหมาก่อสร้างในสาขาอื่นๆ ฝีมือ ชื่อเสียง และการบริหารต้นทุน จึงเป็นตัวชี้ขาดว่าธุรกิจจะมีกำไรหรือไม่ บุคลากรที่มีฝีมือก็หาไม่ง่ายนัก ทีมงานก็สำคัญ ดังนั้นใครที่กระโดดเข้ามาในเซ็กเตอร์นี้ ไม่ใช่ว่าจะเห็นกำไรใสๆ

ดังนั้น นักลงทุนก็ควรพิจารณา ว่าหุ้นที่มีข่าวว่าจะทำพลังงงานทดแทนนั้น ทำในส่วนไหน ต้นทุนเป็นอย่างไร มีโอกาสรุ่งไหม และสัดส่วนรายได้ของธุรกิจเดิมเป็นอย่างไร รายละเอียดที่ต้องพิจารณามีเยอะทีเดยว อย่าเพิ่งเห็นว่าทำพลังงานทดแทนก็คิดว่าดีแน่และรีบวิ่งเข้าใส่

สุดท้ายนี้ ลุงเอากราฟราคาของหุ้นหลายบริษัทที่ทำเกี่ยวกับพลังแสงอาทิตย์ ได้แก่ PPP, SOLAR, SPCG, WHA, GUNKUL, EPCO, IFEC, TFI ลองดูรูปแบบของราคา และใครรู้บ้างว่าหุ้นแต่ละหุ้นนี้ที่ว่านี้เป็นผู้เล่นในส่วนไหนของธุรกิจพลังงานทดแทน เป็นเพียงข่าวหรือดำเนินการแล้ว และผู้ประกอบการมีความพร้อม มีความรู้ความชำนาญในธุรกิจนี้ระดับใด หากยังไม่เข้าใจ ควรหาความรู้ก่อนนะคร้าบ ใจเย็นๆ ^_^


หุ้น PPP

หุ้น SOLAR

หุ้น SPCG

หุ้น EPCO

หุ้น WHA

หุ้น GUNKUL

หุ้น IFEC

หุ้น TFI