Sunday, July 14, 2013

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ บำรุงผิวพรรณ ผ่องใส ลดริ้วรอย ด้วยโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง (เจ/มังสวิรัติ) (3)



เปรียบเทียบผิวหนังของคนในวัยหนุ่มสาวกับในวัยผู้ใหญ่ ผิวหนังของหนุ่มสาวมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ดีซึ่งมีส่วนช่วยให้ผิวหนังดูผ่องใส เรียบเนียน ต่างจากในวัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรา ซึ่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลงไปตามวัย ส่งผลให้ชั้นขี้ไคลสะสมหนาตัวขึ้น ทำให้ผิวหนังแลดูหมองคล้ำ กระดำกระด่าง ไม่เรียบ ไม่เนียน

ผิวหนังในวัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรามีการเกิดริ้วรอยขึ้นอันเป็นไปตามวัย การผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลงจะซ้ำเติมให้ริ้วรอยเหล่านี้ เนื่องจากเมื่อเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลมีการสะสมตัวหนาขึ้น จะทำให้ริ้วเล็กๆ (line) เห็นได้ชัดขึ้น เพราะริ้วเล็กๆเหล่านี้เกิดในระดับชั้นขี้ไคลนั่นเอง นอกจากนี้ร่อง (wrinkle) และรอยย่น (fold) ที่เกิดในระดับลึกลงไปเพราะคอลลาเจนที่ลดลง ก็ยังดูเด่นชัดขึ้นด้วย



บทความนี้เดิมทีลุงแมวน้ำคิดว่าคงเขียนตอนเดียวจบ แต่เมื่อเขียนจริงๆก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 3 แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ วันหยุดเป็นวันพักผ่อน ผ่อนชีวิตให้ช้าลงสักนิดในวันหยุด ไม่ต้องรีบ ทำอะไรเรื่อยๆเปื่อยๆ ช้าบ้างก็ดีเหมือนกัน



ผิวผ่องใส ลดริ้วรอย ด้วยการผลัดเซลล์ผิว


การผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลหรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่าชั้นสตราตัมคอร์เนียม (stratum corneum) หรือบางทีก็เรียกว่าชั้นฮอร์นีเลเยอร์ (horny layer) นั้นเป็นกระบวนการธรรมชาติ เพื่อลอกเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังนี้ใช้เวลาประมาณ 28 วันหรือคิดง่ายๆก็คือ 1 เดือน

ผลดีของการผลัดเซลล์ผิว เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ เซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลนั้นก็เปรียบเสมือนเกราะบางๆที่่ห่อหุ้มผิวกายเอาไว้ เกราะนี้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยตรง หากเปรียบกับรถยนต์เราคงนึกภาพออกว่าหากเราใช้รถยนต์โดยไม่ปัดฝุ่นหรือไม่ล้างเลยผลจะเป็นอย่างไร รถก็คงเขลอะมอมแมมเนื่องจากฝุ่นละออง

ฉันใดก็ฉันนั้น ผิวหนังของเราก็เช่นกัน เกราะชั้นนอกสุดของเรานั้นเนื่องจากสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ฝุ่นละออง สารเคมี ความร้อน ความเย็น ฯลฯ ดังนั้นจึงมักหมองมัว ประกอบกับตัวเซลล์ชั้นขี้ไคลเองเป็นเซลล์ที่หมดอายุไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่หมดอายุไปแล้วสภาพก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก

และเหตุผลอีกประการก็คือ คนในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป ก็คืออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป กระบวนการผลัดเซลล์ผิวนั้นจะค่อยๆช้าลง ยิ่งอายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะยิ่งช้าลง เนื่องจากสังขารและกระบวนการต่างๆย่อมเสื่อมไปตามวัยนั่นเอง

ผลจากการที่สูงวัยขึ้น และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วมาสะสมอยู่ที่ชั้นขี้ไคลมากขึ้นก่อนที่จะได้ผลัดทิ้งไป ทำให้ผิวชั้นขี้ไคลมีความหนากว่าสมัยหนุ่มสาว ผลจากชั้นขี้ไคลที่สะสมตัวหนาขึ้นนี้สามารถสังเกตได้ด้วยสายตา คือผิวหนังจะดูหมอง คล้ำ กระดำกระด่าง ไม่ผ่อง ไม่เนียน

และนอกจากนี้ การที่ชั้นขี้ไคลสะสมหนาตัวขึ้น ทำให้ช่วยขับเน้นริ้วรอย ร่อง และรอยย่นบนผิวหนังให้เด่นชัดขึ้นอีกด้วย ดังภาพประกอบด้านบน

ดังนั้น ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป การเร่งการผลัดเซลล์ผิวจึงมีประโยชน์ เพราะทำให้ชั้นขี้ไคลซึ่งสะสมหนาตัวนั้นผลัดออกไปเร็วขึ้น ทำให้ผิวหนังดูผ่องใส และสามารถช่วยลดริ้วรอยลงได้นิดหน่อย ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น ดังกลไกที่ลุงแมวน้ำได้อธิบายไปแล้ว

ลุงแมวน้ำขอย้ำว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว การผลัดเซลล์ผิวช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ (line) ได้เท่านั้น ส่วนร่อง (wrinkle) หรือรอยย่น (fold) นั้นแค่ช่วยให้ดูดีขึ้น เพราะร่องและรอยย่นเกิดในผิวหนังระดับลึกลงไป เกี่ยวข้องกับโปรตีนคอลลาเจน (collagen) และอิลาสติน (elastin) ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ 



โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง กรดผลไม้ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว


หลังจากที่เราทำความเข้าใจกับเรื่องส่วนประกอบของผิวหนัง และที่มาที่ไปของการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ทีนี้เราก็จะมาดูกันว่า หากต้องเร่งการผลัดเซลล์ผิวเราจะทำอย่างไร

การเร่งการผลัดเซลล์ผิวนั้นหากศัพท์วิชาการในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า exfoliation ซึ่งตรงกับคำว่าผลัดเซลล์ผิวในภาษาไทย แต่คำภาษาอังกฤษที่มักใช้ในภาษาทั่วไปหรือในการโฆษณาผลิตภัณฑ์มักใช้คำว่า skin peeling นั้นหมายถึงการลอกหรือปอกผิวออกไป เหมือนกับปอกเปลือกผลไม้ 

ปกติคนวัยหนุ่มสาวการผลัดเซลล์ผิวก็เป็นไปตามปกติอยู่แล้ว แต่ในวัยผู้ใหญ่ การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ดังนั้นการเร่งการผลัดเซลล์ผิวก็คือการช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวดำเนินไปตามปกติเหมือนในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง ปกติการผลัดเซลล์ผิวนั้นมีสองแบบ หากเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง กรณีนี้ต้องให้แพทย์ผิวหนังทำ

ส่วนการเร่งแบบนิดๆหน่อยๆ เราสามารถทำเองได้โดยใช้กรดผลไม้ หรือที่เรียกว่า fruity acid (ยกเว้นกรดผลไม้ที่ใช้ในปริมาณเข้มข้นในรูปสารสกัด ก็ให้ผลรุนแรงได้เช่นกัน แต่ที่มีในธรรมชาติไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น)

มนุษย์ค้นพบมานานแล้วว่าผลไม้บางชนิดสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณได้ ดังนั้นเราจึงพบว่าตำรับบำรุงผิวแบบชาวบ้านที่ตกทอดกันมานั้นมีตำรับที่เกี่ยวกับผลไม้อยู่หลายตำรับทีเดียว เช่น การใช้แตงกวาแปะผิว แอปเปิ้ลแปะผิว การใช้น้ำมะขามบำรุงผิว ฯลฯ ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์จึงค้นพบว่าสารที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณที่อยู่ในผลไม้เหล่านี้ก็คือกรดอ่อนๆที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง โดยกรดอ่อนที่อยู่ในผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิดที่มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ซึ่งเรียกรวมๆกันว่า กรดผลไม้ หรือ fruity acid

กรดผลไม้นั้น ในทางเคมี คือกลุ่มของกรดที่เรียกว่ากรดอัลฟาไฮดรอกซี (alpha hydroxy acids) หรือที่เรียกว่า เอเอชเอ (AHA) นั่นเอง มาถึงตอนนี้หลายคนคงร้องอ๋อแล้ว เพราะว่าเอเอชเอนั้นเป็นส่วนผสมที่นิยมกันมากในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา 

ดังที่ลุงแมวน้ำบอกแล้วว่ากรดผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิด กรดผลไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปบ้าง รวมทั้งขนาดโมเลกุลก็แตกต่างกันด้วย เรามาดูกันว่ากรดผลไม้ที่นิยมใช้กันนั้นมีอะไรบ้าง


โครงสร้างโมเลกุลของกรดผลไม้ชนิดต่างๆ




  • กรดไกลคอลิก (glycolic) เป็นกรดผลไม้ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุดในกลุ่ม AHA มีในอ้อย
  • กรดแลกติก (lactic acid) เป็นกรดที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดผลไม้ที่ขนาดโมเลกุลเล็กเป็นอันดับสองรองลงมาจากกรดไกลคอลิก ตามชื่อแล้วก็คิดว่าน่าจะพบในผลไม้ แต่ที่จริงไม้ใช่ กรดแลกติกนี้แม้อยู่ในกลุ่ม fruity acid แต่เป็นกรดที่มีในโยเกิร์ต
  • กรดมาลิก (malic acid) มีในแอปเปิล มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
  • กรดทาร์มาริก (tartaric acid) มีในมะขาม องุ่น มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
  • กรดซิตริก (citric acid) มีในส้มต่างๆและมะนาวต่างๆ มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุดในกลุ่ม


ขนาดของโมเลกุลกรดมีผลต่อการซึมลงไปในชั้นผิวหนัง กรดโมเลกุลเล็กทำงานได้ดีกว่ากรดโมเลกุลใหญ่ ดังนั้นจะเห็นว่ากลุ่มกรดไกลคอลิกมีศักยภาพในการผลัดเซลล์ผิวได้ดีที่สุด แต่การหาอ้อยมาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผลไม้ที่หาซื้อง่ายเป็นพวกมะขาม ส้ม มะนาว แต่ก็มีขนาดโมเลกุลใหญ่ ดั้งนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นกรดแลกติกเพราะว่ามีขนาดโมเลกุลเล็กและหาซื้อได้ง่าย ทำเองก็ยังได้

กลไกที่กรดผลไม้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวอยู่ที่ว่ากรดเหล่านี้จะไปทำให้ชั้นขี้ไคลอ่อนตัวลง มีแรงยึดเกาะกันน้อยลง ทำให้หลุดลอกออกได้ง่ายขึ้น



โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ไม่ได้แค่ผลัดเซลล์ผิว ยังช่วยสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอย


ดังที่ลุงแมวน้ำเล่ามาแล้วว่าหน้าที่หลักของกรดผลไม้นั้นคือเร่งการผลัดเซลล์ผิว และกรดผลไม้ที่หาง่าย ใช้สะดวก อีกทั้งมีคุณสมบัติที่ดี นั่นคือโยเกิร์ต เพราะว่ากรดแลกติกมีขนาดเล็ก โยเกิร์ตที่ว่านี้หมายถึงโยเกิร์ตนมวัวทั่วไป

แต่ว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง (soy yogurt) นั้นมีดีมากกว่านั้นอีก เพราะว่านอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวผ่องแล้ว ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีก นั่นคือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยในระดับร่องและรอยย่นที่อยู่ในระดับลึกได้อีกด้วย 

คุณสมบัติในการลดริ้วรอยระดับลึกนั้นเกิดจากคุณสมบัติของตัวกรดเอง จากงานวิจัยใหม่ๆ พบว่า กรดไกลคอลิก กรดแลกติก และกรดซิตริก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (dermis) ได้อีกด้วย

และนอกจากนี้ ในโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ยังมีสารธรรมชาติที่เรียกว่าเจนิสทีน (genistein สารนี้ไม่มีในนมวัว) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย อันเป็นคุณสมบัติลดริ้วรอย (anti wrinkle) รวมทั้งยังมีสารเลซิทิน (lecithin สารนี้มีในนมวัวด้วย) ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง

ดังนั้นการใช้โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองเป็นครีมบำรุงผิว นอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูผ่องใสแล้ว การใช้ในระยะยาวยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย



โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองลุงแมวน้ำ เพิ่มภูมิต้านทานแก่ผิวหนังด้วยจุลินทรีย์โพรไบโอติก


ที่สำคัญที่สุดที่เป็นข้อดีของโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำ ที่ไม่มีในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น ก็คือ มีจุลินทรีย์ในกลุ่มแลกติกแอซิดแบกทีเรีย (lactic acid bateria) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นบนผิวหนังนั่นเอง และที่พิเศษไปกว่านั้น คือเสริมด้วยจุลินทรีย์ในกลุ่มโพรไบโอติก (probiotic bacteria) ซึ่งเท่ากับว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผิวหนังได้อีกด้วย 

จุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนี้สำคัญนักเชียว เนื่องจาก ด่านแรกที่สกัดกั้นการรุกรานจากจุลินทรีย์ภายนอกไม่ให้เข้ามาทางผิวหนังก็คือกลุ่มจุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการบำรุงผิวด้วยโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกนี้จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้นแบบองค์รวม และช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อบนผิวหนังได้



ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตสูตรโพรไบโอติก ใช้อย่างไร


วิธีใช้ก็ไม่ยาก ก็เอาโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกที่เรากินนั่นแหละ แบ่งมาหน่อยนึง ชโลมตัวให้ทั่วหลังอาบน้ำ จากนั้นทิ้งไว้สัก 10-15 นาที หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ไม่ต้องใช้ครีมอาบน้ำซ้ำ

หลังจากใช้ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตที่ว่านี้ เพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง จะสังเกตพบว่าผิวหนังชุ่มชื้นมากขึ้น แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย น่ากินดี (กลิ่นโยเกิร์ตนั่นเอง) ^_^

หากใช้ในระยะยาว จะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขึ้น ลดริ้วรอย ลดการอักเสบติดเชื้อของผิวหนังลงได้ ผิวหนังจะมีสุขภาพดีขึ้น

แถมเคล็ดลับนิดนึง ใครที่มือเท้าแช่น้ำ โดนผงซักฟอกบ่อยๆ มือเท้ามักอักเสบ หรือที่เรียกว่าน้ำกัดมือ น้ำกัดเท้า นั่นเอง พยายามใส่ถุงมือหรือรองเท้า ลดการโดนน้ำลง และใช้โยเกิร์ตชโลมมือเท้าบ่อยๆ ผิวหนังจะหายอักเสบเร็วขึ้น

และที่ลุงแมวน้ำอยากฝากให้ไปทดลองกันหน่อย ก็คือ ผลในการระงับกลิ่นอับในจุดซ่อนเร้น โดยทฤษฎีแล้วน่าจะช่วยได้บ้างนะ ก็ฝากเอาไปทดลองกัน



ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง สูตรโพรไบโอติกของลุงแมวน้ำ หาซื้อได้ที่ไหน


ไม่มีขายคร้าบ ของดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอาเอง แต่ว่าทำไม่ยากหรอก ตามนี้เลย วิธีทำอยู่ในตอนที่ 3

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 1)

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 2)

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 3)


ท้ายที่สุดนี้ ลุงแมวน้ำอยากบอกว่านี่ไม่ใช่ของวิเศษนะคร้าบ ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าการใช้นั้นต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และเข้าใจประสิทธิผลว่าช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดีขึ้นได้บ้างเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรก็ตาม สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ย่อมเปลี่ยนไปตามวัย จะเหนี่ยวรั้งได้ก็แค่นิดหน่อย และที่สำคัญอีกประการก็คือ ปัจจัยอื่นก็มีผลด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หากผิวไปออกแดดอยู่เป็นประจำ ผลของรังสียูวีในแดดที่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังย่อมมีสูง เมื่ออัตราการทำลายสูงกว่าการสร้าง ผิวหนังก็ย่อมเหี่ยวลงๆ ใช้อะไรก็ช่วยไม่ไหว การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่า และใช้ครีมบำรุงเพื่อปรับปรุงสภาพผิวให้ฟื้นขึ้นบ้าง


เอาละ จบเสียที ลองเอาไปใช้กันดูนะคร้าบ ^_^











Thursday, July 11, 2013

11/07/2013 * อัปเดตร้อนๆ ใกล้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว


วันนี้ลุงแมวน้ำมาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดให้ฟัง วันนี้ล่าสุดมากๆ คืออัปเดตจนถึงเที่ยง 11/07/2013 คือเมื่อกี้นี่เอง

เท้าความกันนิดหนึ่ง ตอนนี้ข้อกังวลของวัลของนักลงทุนมีอยู่ 2 ฝั่งโลกเชียว คือทางฝั่งตะวันตกก็กลัวอเมริกาจะหยุดคิวอี ซึ่งตอนนี้ก็ชัดเจนขึ้นแล้วละว่าหยุดแน่ เงื่อนเวลาก็ชัดเจนขึ้น

ส่วนทางตะวันออกนั้นก็กังวลเรื่องเศรษฐกิจของจีน ปกติตลาดหุ้นบ้านเราไม่ค่อยสนใจตลาดหุ้นจีนเท่าไรนัก จีนจะขึ้นจะลงเราไม่สน แต่มาในระยะหลังนี้ข่าวที่เกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนชักจะมีมากขึ้น ที่ไม่เคยสนใจก็กลับเอามากังวลด้วย ดังนั้นช่วงนี้ที่ตลาดหุ้นจีนตกรูดจึงส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยด้วย เศรษฐกิจจีนกลายเป็นปัจจัยที่นักวิเคราะห์หุ้นหยิบมาใช้ด้วยในการวิเคราะห์หุ้นไทย

ตลาดหุ้นจีนที่ดูเหมือนว่าจะลงจนสุดแล้ว และกลับเป็นแนวโน้มใหญ่ขาขึ้นแล้ว พอมาถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็ไหลลงอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเดือนเดียว ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลงถึง -18% สาเหตุมาจากเรื่องตัวเลขต่างๆทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี ประกอบกับทางธนาคารกลางของจีนเดินหน้าจัดการกับสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้นอกระบบหรือที่เรียกว่า shadow banking ซึ่งพวกนี้ก็ทำกำไรดี เนื่องจากเป็นสถาบันการเงินที่กู้เงินจากระบบธนาคารปกติ ซึ่งดอกเบี้ยต่ำ ไปปล่อยกู้นอกระบบโดยได้ดอกเบี้ยสูง ซึ่งธนาคารเงาเหล่านี้ฝังรากมายาวนานและเป็นสายเลือดที่หล่อเลี้ยงธุรกิจขนาดย่อย เนื่องจากธุรกิจรายย่อยส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบธนาคารปกติ

การจัดการของทางการจีนก็คือการตัดท่อน้ำเลี้ยง ไม่ปล่อยกู้ให้ธนาคารเงาพวกนี้ ซึ่งส่งผลให้เงินตึงตัวในระบบธนาคาร รวมทั้งธนาคารเองก็ระวังการปล่อยกู้แก่กันเพราะไม่เชื่อเครดิตกัน ธนาคารไหนจะเจ๊งบ้างก็ไม่รู้ ทำให้สภาพคล่องตึงตัวมาก ตลาดหุ้นจีนตกรูด โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งต่อมาธนาคารกลางของจีนแถลงยืนยันว่าจะดูแลสภาพคล่องไม่ให้เกิดภาวะเงินตึงตัวขึ้น จึงทำให้ตลาดหุ้นจีนหยุดไหล

และเมื่อวานนี้เอง 10 ก.ค. 2013 มีการประกาศตัวเลขส่งออกของจีน ปรากฏว่ายอดส่งออกของจีนในไตรมาสที่ผ่านมาลดลง นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงก็ออกมาแถลงว่าจะใช้นโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจจีนมีการเจริญเติบโต รวมทั้งมีอัตราเงินเฟ้อไม่เกินเป้าที่วางเอาไว้

แม้จะเป็นการพูดกว้างๆ ไม่ระบุตัวเลขอะไรให้ชัดเจน แต่ตลาดหุ้นจีนก็ตอบสนองเป็นอย่างดี เพราะคาดหวังว่าทางการจีนน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา โดยตลาดหุ้นจีนเมื่อวันที่ 10 ก.ค. นี้ปรับตัวขึ้นมา +2.8% รวมทั้งยังส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมของตลาดหุ้นเอเชียดีขึ้นด้วย ตลาดหุ้นต่างๆในเอเชียจึงเขียนกันเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งในวันนี้ (11 ก.ค.) ตลาดหุ้นจีนยังขึ้นต่ออีกประมาณ +4.8% (ตอนที่ลุงพิมพ์อยู่นี้ตลาดยังไม่ปิด เลยได้แค่ประมาณเอา)

ทีนี้มาดูทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง มาที่สหรัฐอเมริกา ดังที่ทราบการแล้วจากการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายน 2013 ว่าลุงเบนน่าจะเริ่มชะลอการซื้อพันธบัตรและตราสาร MBS ลงในช่วงปลายปี 2013 นี้ และน่าจะยุติโครงการในช่วงกลางปี 2013

เมื่อคืนนี้เอง คือคืนวันที่ 10 ของบ้านเรา และเป็นกลางวันของอเมริกา เฟดก็เผยแพร่บันทึกการประชุมเฟดประจำเดือนมิถุนายนออกมา ซึ่งบันทึกการประชุมประจำเดือนนี้ออกเผยแพร่เป็นปกติอยู่แล้ว ในบันทึกนั้นมีรายละเอียดว่ากลุ่มผู้บริหารของเฟดนั้นเสียงแตกเรื่องการยุติคิวอี กล่าวคือ ประมาณครึ่งค่อนทีเดียวที่เห็นว่าควรยุติโครงการ QE ภายในปีนี้ และอีกส่วนหนึ่งเห็นว่าการจะหยุดได้ก็ควรมั่นใจได้ว่าอัตราการว่างงานนั้นลดลงและมีเสถียรภาพ คือไม่ใช่ลดลงเพียงชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็กลับไปสูงใหม่

หลังจากที่บันทึกการประชุมเผยแพร่ออกไป ตลาดหุ้นอเมริกาเมื่อคืนก็เลยเซ็งๆ ปรับตัวลงนิดหน่อย แต่หลังจากที่ตลาดหุ้นอเมริกาปิดตลาดไปแล้ว ปรากฏว่าลุงเบนไปพูดที่เมืองเคมบริดจ์ โดยบอกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างสูง (ก็คือการอัดฉีดเงินอย่างมโหฬารนั่นแหละ) ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่ และอัตราการว่างงานที่ 7.6% ในขณะนี้ยังเป็นตัวเลขที่ไม่ดีพอ ตลาดก็ตีความเอาว่าคำพูดของลุงเบนนี้บอกใบ้ว่าคงเลิกคิวอีไม่ได้ง่ายๆหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นจริง นักวิเคราะห์ฝรั่งบางคนถึงกับวิเคราะห์กันใหม่เลยว่า เท่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรตีความสัญญาณของลุงเบนผิด ที่จริงลุงเบนตั้งใจจะบอกว่ากว่าที่ตลาดแรงงานจะมีอัตราว่างงานลดลงเหลือ 6.5% และมีเสถียรภาพนั้นยังต้องอัดฉีดกันอย่างหนักอีกนานต่างหาก ก็ว่าไปโน่น คือปกติลุงเบนจะระมัดระวังคำพูดมาก จะไม่พูดอะไรตรงๆเพราะว่าจะเป็นการมัดตัวเอง ลุงเบนมักพูดกำกวมเพื่อให้คนฟังไปตีความเอาเอง จึงมีการตีความกันไปต่างๆนานา

พูดแค่นี้แหละก็เป็นข่าวแล้ว ช่วงเช้ามืดของวันนี้ (11 ก.ค. เวลาบ้านเรา) ตลาดล่วงหน้าของอเมริกาก็ขึ้นแรงรับข่าว ประกอบการคำพูดของนายกหลี่เค่อเฉียงของจีน ทำให้วันนี้ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนขึ้นแรง รวมทั้งตลาดหุ้นย่านเอเชียก็พลอยคึกคักขึ้นมาด้วย ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET index ช่วงเช้า ปรับตัวขึ้น +3.18% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปก็ขึ้นแรง ตอนที่ลุงแมวน้ำจิ้มแป้นอยู่นี้ ตลาดหุ้นเยอรมนี +1.5% แล้ว

อ่านดูแล้วข่าวต่างๆดูเหมือนไม่ค่อยมีประเด็นอะไรที่สำคัญเลยเนอะ หลายคนอาจคิดว่าพูดแค่นี้ก็ขึ้นแล้ว คนใหญ่พูดก็งี้แหละ พูดแล้วทำให้เกิดความคาดหวัง คนเล็กพูดตลาดไม่ขึ้นหรอก ก็นี่แหละ ตลาดหุ้นคือตลาดอารมณ์ เดากันไม่ค่อยจะถูกหรอก

เรามาดูกราฟกันดีกว่า ลุงแมวน้ำเอากราฟล่าสุด ร้อนๆ มาให้ดูหลายรูป ดูรูปและคำบรรยายตามไปได้เลยคร้าบ


ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแรงมา 2 วันแล้ว คือ 10 กับ 11 ก.ค. รูปแบบทางเทคนิคเกือบเสียหายกลายเป็นคลื่นใหญ่ขาลง แต่ว่าแค่เกือบ ตอนนี้ยังไม่ใช่ และรีบาวด์ขึ้นมาแล้ว 


ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง ครึ่งวัน +40 จุด (แท่งเทียนแท่งสุดท้ายเป็นของครึ่งวันเช้า ยังไม่จบวัน) การที่ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่ และท้องคลื่นเริ่มยกสูงขึ้น แนวโน้มขาขึ้นเริ่มก่อตัวแล้ว หากดัชนีผ่าน 1464 จุดได้ก็แสดงว่าระยะสั้นเป็นขาขึ้น

ตลาดหุ้นอเมริกาเริ่มเกิดแนวโน้มขาขึ้นแล้วเช่นกันตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน หลังจากร่วงลงมาช่วงหนึ่งเนื่องจากตกใจลุงเบน อีกไม่นานตลาดหุ้นอเมริกาน่าจะทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ได้อีก


ความกังวลเรื่องการยุติ QE ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น เพราะเกรงกันว่าสภาพคล่องของ ดอลลาร์ สรอ จะลดน้อยลง ทั้งๆที่ตอนนี้สภาพคล่องยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในทางเทคนิค ตอนนี้ดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่รูปแบบแท่งเทียนเริ่มไม่สวยแล้ว เนื่องจากเมื่อคืนค่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนฮวบฮาบ ในระยะสั้นอาจปรับตัวลงได้ การที่ดอลลาร์ สรอ อ่อนค่าลง ย่อมทำให้ยูโรและเยนแข็งค่าขึ้น ดังนั้นช่วงนี้อัตราแลกเปลี่ยนจะผันผวน เก็งกำไรยาก

เงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่า ในระยะหลัง เงินบาทไม่ค่อยสวนทางกับดอลลาร์ สรอ แต่สวนทางกับเงินเยน คือเยนแข็ง บาทอ่อน แต่ความสัมพันธ์เริ่มเปลี่ยนไป วันนี้เยนแข็ง บาทก็แข็งด้วย (คือบาทสวนทางกับ ดอลลาร์ สรอ ตามเดิม) ตามเทคนิคแล้วในระยะสั้นเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าได้อีก เนื่องจาก ดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า

เมื่อค่าเงินผันผวน ดูทิศทางยาก ราคาทองคำที่สัมพันธ์กับค่าเงิน ก็ย่อมดูทิศทางยากด้วยเช่นกัน แต่ในทางเทคนิค แท่งเทียนวันสุดท้ายเกิดเป็นรูปแบบดาวโดจิ แปลว่ามีโอกาสลงต่อ แม้ว่า ดอลลาร์ สรอ จะอ่อนค่าก็ตาม 

ราคาเงินเยน (กราฟนี้ดูแบบหุ้น ค่าสูงแปลว่าเงินเยนแข็ง) ตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาเงินเยนอ่อนค่า แต่เมื่อวานกับวันนี้ รูปแบบแท่งเทียนเริ่มแสดงอาการแข็งค่า ในระยะยาวยังถือว่าเป็นแนวโน้มอ่อนค่าอยู่ แต่ในระยะสั้นอาจแข็งค่าได้

ราคาน้ำมันดิบไนเมกซ์ ผ่านด่านปลายชายธงมาแล้ว ราคาน้ำมันที่ขึนแรงมีสาเหตุมาจากข่าวความไม่สงบไนอิยิปต์ ที่อาจส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง บวกกับยอดสต็อกน้ำมันดิบของอเมริกาลดลงมากในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในช่วงนี้เป็นฤดูร้อนของอเมริกา เป็นฤดูกาลขับรถท่องเที่ยว การที่สต็อกน้ำมันลดลงมาก แสดงว่ามีการใช้น้ำมันมาก ก็แปลว่ามีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาก ดังนั้นอนุมานได้ว่าเศรษฐกิจดีขึ้น ตลาดหุ้นอมเริกากับราคาน้ำมันจึงปรับตัวขึ้น