บทความนี้เดิมทีลุงแมวน้ำคิดว่าคงเขียนตอนเดียวจบ แต่เมื่อเขียนจริงๆก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 3 แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ วันหยุดเป็นวันพักผ่อน ผ่อนชีวิตให้ช้าลงสักนิดในวันหยุด ไม่ต้องรีบ ทำอะไรเรื่อยๆเปื่อยๆ ช้าบ้างก็ดีเหมือนกัน
ผิวผ่องใส ลดริ้วรอย ด้วยการผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลหรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่าชั้นสตราตัมคอร์เนียม (stratum corneum) หรือบางทีก็เรียกว่าชั้นฮอร์นีเลเยอร์ (horny layer) นั้นเป็นกระบวนการธรรมชาติ เพื่อลอกเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังนี้ใช้เวลาประมาณ 28 วันหรือคิดง่ายๆก็คือ 1 เดือน
ผลดีของการผลัดเซลล์ผิว เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ เซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลนั้นก็เปรียบเสมือนเกราะบางๆที่่ห่อหุ้มผิวกายเอาไว้ เกราะนี้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยตรง หากเปรียบกับรถยนต์เราคงนึกภาพออกว่าหากเราใช้รถยนต์โดยไม่ปัดฝุ่นหรือไม่ล้างเลยผลจะเป็นอย่างไร รถก็คงเขลอะมอมแมมเนื่องจากฝุ่นละออง
ฉันใดก็ฉันนั้น ผิวหนังของเราก็เช่นกัน เกราะชั้นนอกสุดของเรานั้นเนื่องจากสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ฝุ่นละออง สารเคมี ความร้อน ความเย็น ฯลฯ ดังนั้นจึงมักหมองมัว ประกอบกับตัวเซลล์ชั้นขี้ไคลเองเป็นเซลล์ที่หมดอายุไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่หมดอายุไปแล้วสภาพก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก
และเหตุผลอีกประการก็คือ คนในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป ก็คืออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป กระบวนการผลัดเซลล์ผิวนั้นจะค่อยๆช้าลง ยิ่งอายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะยิ่งช้าลง เนื่องจากสังขารและกระบวนการต่างๆย่อมเสื่อมไปตามวัยนั่นเอง
ผลจากการที่สูงวัยขึ้น และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วมาสะสมอยู่ที่ชั้นขี้ไคลมากขึ้นก่อนที่จะได้ผลัดทิ้งไป ทำให้ผิวชั้นขี้ไคลมีความหนากว่าสมัยหนุ่มสาว ผลจากชั้นขี้ไคลที่สะสมตัวหนาขึ้นนี้สามารถสังเกตได้ด้วยสายตา คือผิวหนังจะดูหมอง คล้ำ กระดำกระด่าง ไม่ผ่อง ไม่เนียน
และนอกจากนี้ การที่ชั้นขี้ไคลสะสมหนาตัวขึ้น ทำให้ช่วยขับเน้นริ้วรอย ร่อง และรอยย่นบนผิวหนังให้เด่นชัดขึ้นอีกด้วย ดังภาพประกอบด้านบน
ดังนั้น ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป การเร่งการผลัดเซลล์ผิวจึงมีประโยชน์ เพราะทำให้ชั้นขี้ไคลซึ่งสะสมหนาตัวนั้นผลัดออกไปเร็วขึ้น ทำให้ผิวหนังดูผ่องใส และสามารถช่วยลดริ้วรอยลงได้นิดหน่อย ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น ดังกลไกที่ลุงแมวน้ำได้อธิบายไปแล้ว
ลุงแมวน้ำขอย้ำว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว การผลัดเซลล์ผิวช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ (line) ได้เท่านั้น ส่วนร่อง (wrinkle) หรือรอยย่น (fold) นั้นแค่ช่วยให้ดูดีขึ้น เพราะร่องและรอยย่นเกิดในผิวหนังระดับลึกลงไป เกี่ยวข้องกับโปรตีนคอลลาเจน (collagen) และอิลาสติน (elastin) ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ
โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง กรดผลไม้ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว
หลังจากที่เราทำความเข้าใจกับเรื่องส่วนประกอบของผิวหนัง และที่มาที่ไปของการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ทีนี้เราก็จะมาดูกันว่า หากต้องเร่งการผลัดเซลล์ผิวเราจะทำอย่างไร
การเร่งการผลัดเซลล์ผิวนั้นหากศัพท์วิชาการในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า exfoliation ซึ่งตรงกับคำว่าผลัดเซลล์ผิวในภาษาไทย แต่คำภาษาอังกฤษที่มักใช้ในภาษาทั่วไปหรือในการโฆษณาผลิตภัณฑ์มักใช้คำว่า skin peeling นั้นหมายถึงการลอกหรือปอกผิวออกไป เหมือนกับปอกเปลือกผลไม้
ปกติคนวัยหนุ่มสาวการผลัดเซลล์ผิวก็เป็นไปตามปกติอยู่แล้ว แต่ในวัยผู้ใหญ่ การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ดังนั้นการเร่งการผลัดเซลล์ผิวก็คือการช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวดำเนินไปตามปกติเหมือนในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง ปกติการผลัดเซลล์ผิวนั้นมีสองแบบ หากเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง กรณีนี้ต้องให้แพทย์ผิวหนังทำ
ส่วนการเร่งแบบนิดๆหน่อยๆ เราสามารถทำเองได้โดยใช้กรดผลไม้ หรือที่เรียกว่า fruity acid (ยกเว้นกรดผลไม้ที่ใช้ในปริมาณเข้มข้นในรูปสารสกัด ก็ให้ผลรุนแรงได้เช่นกัน แต่ที่มีในธรรมชาติไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น)
มนุษย์ค้นพบมานานแล้วว่าผลไม้บางชนิดสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณได้ ดังนั้นเราจึงพบว่าตำรับบำรุงผิวแบบชาวบ้านที่ตกทอดกันมานั้นมีตำรับที่เกี่ยวกับผลไม้อยู่หลายตำรับทีเดียว เช่น การใช้แตงกวาแปะผิว แอปเปิ้ลแปะผิว การใช้น้ำมะขามบำรุงผิว ฯลฯ ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์จึงค้นพบว่าสารที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณที่อยู่ในผลไม้เหล่านี้ก็คือกรดอ่อนๆที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง โดยกรดอ่อนที่อยู่ในผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิดที่มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ซึ่งเรียกรวมๆกันว่า กรดผลไม้ หรือ fruity acid
กรดผลไม้นั้น ในทางเคมี คือกลุ่มของกรดที่เรียกว่ากรดอัลฟาไฮดรอกซี (alpha hydroxy acids) หรือที่เรียกว่า เอเอชเอ (AHA) นั่นเอง มาถึงตอนนี้หลายคนคงร้องอ๋อแล้ว เพราะว่าเอเอชเอนั้นเป็นส่วนผสมที่นิยมกันมากในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา
ดังที่ลุงแมวน้ำบอกแล้วว่ากรดผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิด กรดผลไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปบ้าง รวมทั้งขนาดโมเลกุลก็แตกต่างกันด้วย เรามาดูกันว่ากรดผลไม้ที่นิยมใช้กันนั้นมีอะไรบ้าง
โครงสร้างโมเลกุลของกรดผลไม้ชนิดต่างๆ |
- กรดไกลคอลิก (glycolic) เป็นกรดผลไม้ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุดในกลุ่ม AHA มีในอ้อย
- กรดแลกติก (lactic acid) เป็นกรดที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดผลไม้ที่ขนาดโมเลกุลเล็กเป็นอันดับสองรองลงมาจากกรดไกลคอลิก ตามชื่อแล้วก็คิดว่าน่าจะพบในผลไม้ แต่ที่จริงไม้ใช่ กรดแลกติกนี้แม้อยู่ในกลุ่ม fruity acid แต่เป็นกรดที่มีในโยเกิร์ต
- กรดมาลิก (malic acid) มีในแอปเปิล มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
- กรดทาร์มาริก (tartaric acid) มีในมะขาม องุ่น มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
- กรดซิตริก (citric acid) มีในส้มต่างๆและมะนาวต่างๆ มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
ขนาดของโมเลกุลกรดมีผลต่อการซึมลงไปในชั้นผิวหนัง กรดโมเลกุลเล็กทำงานได้ดีกว่ากรดโมเลกุลใหญ่ ดังนั้นจะเห็นว่ากลุ่มกรดไกลคอลิกมีศักยภาพในการผลัดเซลล์ผิวได้ดีที่สุด แต่การหาอ้อยมาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผลไม้ที่หาซื้อง่ายเป็นพวกมะขาม ส้ม มะนาว แต่ก็มีขนาดโมเลกุลใหญ่ ดั้งนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นกรดแลกติกเพราะว่ามีขนาดโมเลกุลเล็กและหาซื้อได้ง่าย ทำเองก็ยังได้
กลไกที่กรดผลไม้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวอยู่ที่ว่ากรดเหล่านี้จะไปทำให้ชั้นขี้ไคลอ่อนตัวลง มีแรงยึดเกาะกันน้อยลง ทำให้หลุดลอกออกได้ง่ายขึ้น
โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ไม่ได้แค่ผลัดเซลล์ผิว ยังช่วยสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอย
ดังที่ลุงแมวน้ำเล่ามาแล้วว่าหน้าที่หลักของกรดผลไม้นั้นคือเร่งการผลัดเซลล์ผิว และกรดผลไม้ที่หาง่าย ใช้สะดวก อีกทั้งมีคุณสมบัติที่ดี นั่นคือโยเกิร์ต เพราะว่ากรดแลกติกมีขนาดเล็ก โยเกิร์ตที่ว่านี้หมายถึงโยเกิร์ตนมวัวทั่วไป
แต่ว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง (soy yogurt) นั้นมีดีมากกว่านั้นอีก เพราะว่านอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวผ่องแล้ว ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีก นั่นคือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยในระดับร่องและรอยย่นที่อยู่ในระดับลึกได้อีกด้วย
คุณสมบัติในการลดริ้วรอยระดับลึกนั้นเกิดจากคุณสมบัติของตัวกรดเอง จากงานวิจัยใหม่ๆ พบว่า กรดไกลคอลิก กรดแลกติก และกรดซิตริก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (dermis) ได้อีกด้วย
และนอกจากนี้ ในโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ยังมีสารธรรมชาติที่เรียกว่าเจนิสทีน (genistein สารนี้ไม่มีในนมวัว) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย อันเป็นคุณสมบัติลดริ้วรอย (anti wrinkle) รวมทั้งยังมีสารเลซิทิน (lecithin สารนี้มีในนมวัวด้วย) ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง
ดังนั้นการใช้โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองเป็นครีมบำรุงผิว นอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูผ่องใสแล้ว การใช้ในระยะยาวยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย
โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองลุงแมวน้ำ เพิ่มภูมิต้านทานแก่ผิวหนังด้วยจุลินทรีย์โพรไบโอติก
ที่สำคัญที่สุดที่เป็นข้อดีของโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำ ที่ไม่มีในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น ก็คือ มีจุลินทรีย์ในกลุ่มแลกติกแอซิดแบกทีเรีย (lactic acid bateria) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นบนผิวหนังนั่นเอง และที่พิเศษไปกว่านั้น คือเสริมด้วยจุลินทรีย์ในกลุ่มโพรไบโอติก (probiotic bacteria) ซึ่งเท่ากับว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผิวหนังได้อีกด้วย
จุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนี้สำคัญนักเชียว เนื่องจาก ด่านแรกที่สกัดกั้นการรุกรานจากจุลินทรีย์ภายนอกไม่ให้เข้ามาทางผิวหนังก็คือกลุ่มจุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการบำรุงผิวด้วยโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกนี้จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้นแบบองค์รวม และช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อบนผิวหนังได้
ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตสูตรโพรไบโอติก ใช้อย่างไร
วิธีใช้ก็ไม่ยาก ก็เอาโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกที่เรากินนั่นแหละ แบ่งมาหน่อยนึง ชโลมตัวให้ทั่วหลังอาบน้ำ จากนั้นทิ้งไว้สัก 10-15 นาที หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ไม่ต้องใช้ครีมอาบน้ำซ้ำ
หลังจากใช้ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตที่ว่านี้ เพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง จะสังเกตพบว่าผิวหนังชุ่มชื้นมากขึ้น แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย น่ากินดี (กลิ่นโยเกิร์ตนั่นเอง) ^_^
หากใช้ในระยะยาว จะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขึ้น ลดริ้วรอย ลดการอักเสบติดเชื้อของผิวหนังลงได้ ผิวหนังจะมีสุขภาพดีขึ้น
แถมเคล็ดลับนิดนึง ใครที่มือเท้าแช่น้ำ โดนผงซักฟอกบ่อยๆ มือเท้ามักอักเสบ หรือที่เรียกว่าน้ำกัดมือ น้ำกัดเท้า นั่นเอง พยายามใส่ถุงมือหรือรองเท้า ลดการโดนน้ำลง และใช้โยเกิร์ตชโลมมือเท้าบ่อยๆ ผิวหนังจะหายอักเสบเร็วขึ้น
และที่ลุงแมวน้ำอยากฝากให้ไปทดลองกันหน่อย ก็คือ ผลในการระงับกลิ่นอับในจุดซ่อนเร้น โดยทฤษฎีแล้วน่าจะช่วยได้บ้างนะ ก็ฝากเอาไปทดลองกัน
ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง สูตรโพรไบโอติกของลุงแมวน้ำ หาซื้อได้ที่ไหน
ไม่มีขายคร้าบ ของดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอาเอง แต่ว่าทำไม่ยากหรอก ตามนี้เลย วิธีทำอยู่ในตอนที่ 3
เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 1)
เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 2)
เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 3)
ท้ายที่สุดนี้ ลุงแมวน้ำอยากบอกว่านี่ไม่ใช่ของวิเศษนะคร้าบ ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าการใช้นั้นต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และเข้าใจประสิทธิผลว่าช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดีขึ้นได้บ้างเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรก็ตาม สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ย่อมเปลี่ยนไปตามวัย จะเหนี่ยวรั้งได้ก็แค่นิดหน่อย และที่สำคัญอีกประการก็คือ ปัจจัยอื่นก็มีผลด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หากผิวไปออกแดดอยู่เป็นประจำ ผลของรังสียูวีในแดดที่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังย่อมมีสูง เมื่ออัตราการทำลายสูงกว่าการสร้าง ผิวหนังก็ย่อมเหี่ยวลงๆ ใช้อะไรก็ช่วยไม่ไหว การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่า และใช้ครีมบำรุงเพื่อปรับปรุงสภาพผิวให้ฟื้นขึ้นบ้าง
เอาละ จบเสียที ลองเอาไปใช้กันดูนะคร้าบ ^_^