ในรอบสัปดาห์ที่แล้ว (13/05/2013 - 18/05/2013) ตลาดหุ้นในภาพรวมยังเดินหน้าต่อไป ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา ที่ขึ้นก็ขึ้นต่อไป ดูได้ง่ายๆ จากตารางรายงานด้านล่างก็พอจะเห็นว่ารายการในตารางเป็นสัญญาณซื้อเกือบทุกรายการ มีสัญญาณขายเพียงไม่กี่รายการเท่านั้น สะท้อนว่าตลาดทุนทั้งโลกเป็นขาขึ้นอยู่
ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 2.1% แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจบางตัวจะออกมาไม่ค่อยดีนัก อย่างเช่นยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ รวมทั้งดัชนีราคาบ้านในสัปดาห์ที่แล้วก็คงตัว ไม่ขยับขึ้น ทำให้หลายคนกเริ่มกังวลว่าเศรษฐกิจอเมริกาจะไปต่อไหวไหม แต่ตลาดหุ้นก็ขึ้นต่อได้เพราะตลาดหุ้นเชื่อว่ามาตรการ QE 3 จะทำให้หุ้นขึ้นต่อไปได้นั่นเอง
เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในยุโรป แม้ว่าสัปดาห์ที่แล้วจะยังไม่มีข่าวดีอะไรใหม่ๆ แต่นักลงทุนคงถือคติว่าการไม่มีข่าวร้ายก็คือเป็นข่าวดีกระมัง ดังนั้นตลาดหุ้นในยุโรปจึงปรับตัวขึ้นต่อ ตอนนี้ตลาดหุ้นในยุโรปส่วนใหญ่เป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว ตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนีแดกซ์ +1.4% ตลาดหุ้นกรีซ +11.4% ตลาดหุ้นออสเตรียและโปแลนด์บวกันไป +2.3% เท่าๆกัน เป็นต้น
ทางด้านตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิก ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้วเช่นกัน คงมีบางตลาด เช่น ตลาดหุ้นรัสเซีย ที่ยังดูไม่ค่อยดี ในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกเสียงแตก มีทั้งปรับตัวขึ้นและปรับตัวลง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังขึ้นแรงต่อไป +3.6% ตลาดหุ้นจีนสัปดาห์ที่แล้วก็แรง +2%
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย +0.34% แต่ต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องแล้ว ปริมาณการซื้อขายที่ไม่สูงนักในสัปดาห์ก่อนหน้า เริ่มมีมากขึ้น เหล่านี้เป็นสัญญาณว่าตลาดหุ้นยังไปต่อได้ รวมทั้งในช่วงต่อไปน่าจะขึ้นแรงหากต่างชาติเข้ามาไล่ซื้ออย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ในภาคเศรษฐกิจจริง ตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยไตรมาสแรกไม่ค่อยดีนัก อัตราการเจริญเติบโตรวมทั้งยอดส่งออก ล้วนแต่ต่ำกว่าเป้าที่คาดเอาไว้ ดังนั้น ในสัปดาห์นี้ นักเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งนักวิเคราะห์จากหลายโบรกเกอร์ ต่างก็มองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงหนึ่งสลึงถึงสองสลึง ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ไม่ใช่เหตุผลจากเรื่องเงินบาทแข็งค่า แต่เป็นการลดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และหากมีการลดอัตราดอกเบี้ยจริง ก็จะมีผลดีต่อตลาดหุ้น ทำให้ตลาดหุ้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น บางโบรกเกอร์ก็เริ่มปรับเป้าดัชนี SET ณ สิ้นปีกันอีกแล้ว เช่น บางรายก็ให้ไว้ 1750 จุด
มาดูทางด้านตลาดตราสารหนี้กันบ้าง ตลาดตราสารหนี้ของสหรัฐอเมริกา เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับสูงขึ้นตลอดทั้งเส้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 1.95% สูงขึ้น +2.6% หมายความว่ามีแรงขายพันธบัตรออกมาในทุกช่วงอายุ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเงินจากตราสารหนี้น่าจะไหลไปเข้าตลาดหุ้นนั่นเอง
ส่วนตลาดตราสารหนี้ของไทย สัปดาห์ที่แล้วเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Thai gov bond yield curve) ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น พร้อมกับปริมาณซื้อขายที่ลดลง แสดงว่ามีเงินย้ายออกจากตลาดตราสารหนี้
ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สินค้าเกษตรยังไม่มา ตอนนี้ยังบอกว่าเป็นขาขึ้นไม่ได้ คงเป็นตลาดไร้ทิศทางอยู่ ต้องรอดูไปอีก
ราคาน้ำมันดิบเป็นแนวโน้มขาขึ้นแล้ว ราคาคงปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก
ราคาทองคำ สัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์ สรอ ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ เป็นแนวโน้มแข็งค่า ดังนั้นราคาทองคำน่าจะปรับตัวลง
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วค่าเงินไม่ค่อยผันผวนนัก เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่า เงินยูโรกับเงินเยนอ่อนค่า ส่วนเงินบาทก็อ่อนค่าลงนิดหน่อย ไม่ค่อยผันผวน
สำหรับสัปดาห์นี้ ตลาดหุ้นไทยยังเดินหน้าต่อไป ฝรั่งยังไม่เข้ามาซื้อเยอะๆเลย ตั้งแต่ต้นปีมีแต่ยอดขายสุทธิ ดังนั้นลุงแมวน้ำมองว่าตลาดยังไปต่อได้
ที่จริงตลาดหุ้นช่วงที่ผ่านมาขึ้นได้เพราะรายย่อยไทยทั้งนั้น ที่จริงแล้วรายย่อยนั่นแหละเป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อทิศทางตลาดมากที่สุด แต่การดูยอดซื้อสุทธิของต่างชาตินั้นช่วยสะท้อนภาพรวมของทิศทางตลาดโลกได้ส่วนหนึ่ง
ตลาดหุ้นอเมริกากับจีนดูดี น่าเข้าลงทุน ปีนี้สองตลาดนี้อาจแรงกว่าตลาดหุ้นไทย ส่วนของญี่ปุ่นนั้นไม่ต้องพูดถึง แรงอยู่แล้ว แต่ช่องทางการเข้าลงทุนมีน้อย ของอเมริกากับจีนหาช่องทางการเข้าลงทุนว่ายกว่ากันมาก
สัปดาห์นี้ วันพุธ จะมีการประชุมของเฟด ทุกคนรอดูว่าลุงเบนเครางามจะพูดถึงการเลิก QE3 หรือไม่ ตลาดอาจชะลอบ้างเพื่อรอฟังผลจากการประชุมนี้ แต่ลุงแมวน้ำว่า QE3 นี้เป็นยาเสพย์ติดไปแล้ว ถึงแม้ว่าอยากเลิกแต่ก็ใช่ว่าจะเลิกกันได้ง่ายๆ
ดัชนีตลาดหุ้นจีน น่าจะเข้าสู่คลื่น 3 แล้ว คราวนี้ไปได้อีกไกล |
อัตราแลกเปลี่ยนสกุลสำคัญต่างๆและราคาทองคำในเชิงเปรียบเทียบ เมื่อเงินดอลลาร์ สรอ แข็ง เงินสกุลอื่นรวมทั้งทองคำก็อ่อนค่า โดยเฉพาะตอนนี้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียกำลังอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว |