Monday, April 22, 2013

22/04/2013 * เงินเยนป่วนบาท และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (15/04/2013 - 19/04/2013)

ร้านทองในเยาวราชบางร้านอยู่ในสภาพเงียบเหงาหลังจากราคาทองคำร่วงครั้งใหญ่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ สาเหตุที่เงียบเหงาเนื่องจากลูกค้าแห่กันมาซื้อทองคำจนหมดร้านไปแล้วนั่นเอง


สัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีเรื่องให้อัปเดตกันหลายเรื่องทีเดียว

มาดูสภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของฝั่งตะวันตกกันก่อน ในสัปดาห์ที่แล้วมีการประชุม G20 และประธานธนาคารกลางของยุโรปหรืออีซีบี (ECB) กล่าวว่าการฟื้นตัวของยุโรปยังไม่ชัดเจน หลายประเทศมีแนวโน้มเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ อย่างเช่นอังกฤษที่ปริมาณหนี้สาธารณเริ่มน่าเป็นห่วง จนบริษัทจัดอันดับเครดิตฟิทช์ต้องปรับลดอันดับเครดิตของอังกฤษลง ส่วนอิตาลีก็ยังเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ไม่ได้ ดังนั้นในสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นของฝั่งยุโรปส่วนใหญ่จึงปรับตัวลง นักลงทุนเริ่มหายตระหนกจากข่าวลือเรื่องไซปรัสขายทองคำสำรอง ทำให้ราคาทองคำที่ดิ่งลงอย่างแรงเริ่มนิ่ง

มาทางด้านสหรัฐอเมริกา ตัวเลขทางเศรษฐกิจของอเมริกาหลายตัวเริ่มออกอาการชะลอตัว ดัชนีราคาบ้านต่ำกว่าที่คาดการณ์ ยอดขายบ้านใหม่ลดลง ดัชนีฝ่ายจัดซื้อลดลง สะท้อนถึงภาคการผลิตที่อ่อนตัวลง และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น หมายถึงว่ามีจำนวนคนว่างงานเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์เอาไว้นั่นเอง จากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยน่าพอใจหลายชุดทำให้ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาปรับตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว

มาดูทางด้านเอเชียกันบ้าง การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ ส่วนการส่งออกของญี่ปุ่นขยายตัวดีขึ้น โดยรวมแล้วเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียยังดูดี ตลาดหุ้นในย่านเอชียมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง คละกันไป แต่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง มีเพียงบางตลาดที่ปรับตัวขึ้นได้ ส่วนตลาดหุ้นไทย SET index ปรับตัวขึ้น +1.2%

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ในสัปดาห์ที่แล้วราคาทองคำปรับตัวลงแรงมากจากข่าวเรื่องไซปรัสจำต้องขายทองคำสำรองออกมา ทำให้ราคาโลหะเงินปรับตัวลงแรงมากด้วย ส่วนราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ทางด้านตลาดสินค้าเกษตรมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ขึ้นกับชนิดของสินค้า

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้โลกกำลังปั่นป่วนกับสงครามค่าเงิน ช่วงนี้สกุลเงินที่กำลังป่วนโลกการเงินอยู่ก็คือเงินเยน เพราะผันผวนมาก คือเป็นแนวโน้มอ่อนค่าแต่ว่าแกว่งแรง ดูจากกราฟก็จะเห็นว่าน่าเวียนหัวเพียงใด ผลของค่าเงินเยนกระทบกับสกุลเงินต่างๆพอสมควร โดยเฉพาะเงินบาทไทยดูเหมือนจะได้รับผลกระทบจากเงินเยนค่อนข้างมากมาหลายเดือนแล้ว คือเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตราสารหนี้ของไทยจนทำให้เงินบาทแข็งค่าผิดปกตินั้นส่วนหนึ่งน่าจะมาจากเงินเยนที่ไหลเข้ามานั่นเอง เพราะตอนนี้นักลงทุนกำลังหนีเงินเยนเนื่องจากด้อยค่าลงเรื่อยๆ

เงินร้อนที่เป็น ดอลลาร์ สรอ เมื่อไหลเข้าไทยก็มักมาพักในตลาดเงินหรือตลาดตราสารหนีระยะสั้น แต่เงินที่เข้ามาในรอบหลายเดือนมานี้กลับไปลงอยู่ที่ตราสารหนี้ระยะยาว แสดงว่าไม่ใช่เป็นเงินร้อนเก็งกำไร ส่วนนี้คงเป็นเงินที่หนีจากเงินเยนมาพักในไทยนั่นเอง

ทีนี้ก็เป็นกราฟของดัชนีตลาดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงินต่างๆ ค่อยๆดูกันไปทีละรูปนะคร้าบ

อัตราแลกเปลี่ยนผันผวนหนักเนื่องจากเงินตราท่วมโลก เงินเยนแนวโน้มอ่อนค่า ยูโรสัปดาห์ก่อนหน้าแนวโน้มแข็งค่า แต่สัปดาห์ที่แล้วเริ่มนิ่งๆ ควรดูไปก่อน เงินยูโรเริ่มดูยากแล้ว อาจกลับทิศเป็นอ่อนค่าได้อยู่เหมือนกัน
เงินบาทแนวโน้มแข็งค่า ส่วนเงินดอลลาร์สิงคโปร์ช่วงนี้ทรงตัว

เงินบาท แนวโน้มแข็งค่าต่อไป ตัวการคาดว่าน่าจะเป็นเงินเยนไหลเข้านี่เอง


เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย เปรียบเทียบเมื่อปลายเดือน พ.ย. 2012 กับเมื่อ 19/04/2013 จะเห็นว่าตราสารหนี้ระยะยาวมีผลตอบแทนลดลงชัดเจน นั่นคือเงินส่วนใหญ่ไหลเข้ามาในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่งหากเป็นเงินร้อนจะไม่เข้าไปอยู่ในตราสารหนี้ระยะยาวแต่จะอยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น แสดงว่าเงินทุนที่ไหลเข้ามานี้มีเจตนาจะพักอยู่นาน


ตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนีแดกซฺ์ (DAX) ลงมาติดกรอบล่างของกรอบ SEC (standard error channel) และยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ยังไม่ไปไหน หากหลุดกรอบ SEC ลงมาก็น่ากลัว

ตลาดหุ้นอเมริกา ระยะสั้นเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ 

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย แกว่งตัวในกรอบ ขณะนี้ไม่ใช่กรอบสามเหลี่ยมชายธง แต่เป็นกรอบชายธงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า 


ตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าจะอยู่ในคลื่นสามแล้ว เป็นคลื่น 3 ใหญ่เสียด้วย น่าลงทุนจัง ขณะนี้กองทุนในบ้านเรามีเพียงกองเดียวที่ลงทุนในญี่ปุ่น ต่อไปคงแห่กันออกกองทุนญี่ปุ่นมากมาย

ตลาดหุ้นจีน น่าจะอยู่ในคลื่น 2 ใหญ่ ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว แต่อาจเป็น false signal เนื่องจากคลื่นสองนี้อาจยังไม่จบ เพราะลงมาเพียงแค่ระดับฟิโบนาชชี -50% เป็นไปได้ว่ายังลงได้อีก


ราคาทองคำสัปดาห์ที่แล้วร่วงหนัก จากนั้นรีบาวด์ขึ้นมาบ้าง มีคนแห่ไปซื้อทองที่เยาวราชกันจนร้านทองแทบแตก แต่แนวโน้มยังลงต่อได้อีก ควรระวัง

ราคาน้ำมันดิบ ลงมาติดกรอบล่างของสามเหลี่ยมชายธงและยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ราคาอาจร่วงหลุดกรอบล่างลงมาได้ ยังคงต้องระวังอยู่





 photo s5019042013weeklyreportcopy.gif

Wednesday, April 17, 2013

17/04/2013 * ไททานิกทองคำ ทฤษฎีโดมิโน และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (08/04/2013 - 12/04/2013)


สรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ที่จริงหมายถึงวันที่ 8-12 เมษายน แต่เนื่องจากในคืนวันศุกร์ต่อเนื่องจนถึงคืนวันอังคาร (12-16 เมษายน) แม้ว่าตลาดบ้านเราจะหยุดทำการ แต่ตลาดต่างประเทศเกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะทองคำและโลหะเงินร่วงแรงที่สุดในรอบ 30 ปี (เขาว่ากันยังงั้น) ดังนั้นสรุปตลาดในวันนี้ลุงแมวน้ำจะพูดครอบคลุมตั้งแต่ 08/04/2013 ถึง 16/04/2013 โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

เรามาดูภาพรวมของตลาดในสัปดาห์ที่แล้ว 08/04/2013 ถึง 12/04/2013 กันเสียก่อน ดูตารางท้ายบทความนี้ประกอบ

ภาพรวมของตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่แล้วนั้นส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้นประมาณ +2% และทางฝั่งยุโรปก็ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ +1% ถึง +12% แต่โดยเฉลี่ยแล้วฝั่งยุโรปปรับตัวขึ้นประมาณ +2.5%

ทางด้านเอเชียนั้นตลาดหุ้นมีทั้งปรับตัวขึ้นและลง ที่ปรับตัวขึ้นแรงยังคงเป็นญี่ปุ่นเจ้าเก่า +5.1% ตามมาด้วยตลาดหุ้นตุรกี ฟิลิปปินส์ และไทย (+2.5%) ส่วนตลาดหุ้นที่ลงก็ลงไม่แรงมาก ได้แก่ เวียดนาม ไต้หวัน และอินเดีย

แม้ว่าภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่าเป็นการปรับตัวขึ้นจากที่ลงมาก่อนหน้านี้ หากพิจารณาจากตารางแล้วจะเห็นว่าตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในโลกล้วนแต่เกิดสัญญาณขายแล้วทั้งสิ้น โดยตลาดหุ้นฝั่งทวีปอเมริกาก็มีแต่สหรัฐอเมริกาที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ ส่วนตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเป็นสัญญาณขายเกือบทุกตลาด ทางฝั่งเอเชียก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วหลายตลาด ดังนั้นที่จริงแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในสภาพที่เปราะบาง ไม่มั่นคง

ทีนี้มาดูภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กันในสัปดาห์ที่แล้วกันบ้าง ภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ก็เกิดสัญญาณขายไปแล้วเกือบทั้งหมด คืออยู่ในภาวะตลาดขาลงหรือไม่ก็เป็นภาวะที่ไร้ทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโลหะ พลังงาน และสินค้าเกษตร คงมีเพียงสินค้าโภคภัณฑ์บางชนิดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณซื้ออยู่ เช่น ก๊าซธรรมชาติ (NG) และโกโก้ (CC) ดังนั้นจะเห็นว่าภาพรวมของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก็อยู่ในสภาพที่เปราะบางเช่นเดียวกันกับตลาดหุ้น

ทีนี้ในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วมีข่าวลือออกมาว่าประเทศไซปรัสอาจต้องขายทองคำที่เป็นทุนสำรองออกมาประมาณ 14 ตัน เพื่อนำมาใช้เป็นสภาพคล่องภายในประเทศ ไม่มีใครรู้ว่าไซปรัสขายทองคำจริงหรือไม่เพราะยังไม่มีการยืนยัน แต่ทางไซปรัสเองก็ยังไม่ได้ปฏิเสธข่าวนี้ ประกอบกับในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงมาตลอดเนื่องจากกองทุนใหญ่อันดับหนึ่งของโลกคือ SPDR gold trust ทยอยขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง

ข่าวก็ลือกันต่อไปอีกว่าหากไซปรัสซึ่งเป็นประเทศเล็กๆยังต้องขายทองคำมาใช้หนี้ถึง 13 ตัน และหากเป็นประเทศใหญ่ๆอย่างอิตาลี สเปน เมื่อถึงคราวขาดสภาพคล่องก็อาจจำเป็นต้องขายทองคำออกมาบ้าง ถึงตอนนั้นจะเทขายทองคำออกมามากมายขนาดไหน ข่าวนี้เหมือนกับเป็นชนวนระเบิดที่ถูกจุดขึ้น ประกอบกับตอนเช้าวันศุกร์ที่แล้ว จีนประกาศตัวเลขจีดีพีที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ เรื่องจีดีพีจีนก็มีส่วนจุดชนวนด้วยเหมือนกัน และแล้ว ราคาทองคำก็ดิ่งลงราวกับเรือไททานิก ปกติราคาทองคำจะขึ้นลงแรงในช่วงที่ตลาดฝั่งตะวันตกเปิดทำการ แต่ในครั้งนี้ราคาทองคำเริ่มดิ่งในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ตลาดเอเชียเริ่มเปิดทำการ แสดงว่าเรื่องของจีนน่าจะมีส่วนด้วย

ไม่เพียงแต่ราคาทองคำเท่านั้นที่ดำดิ่ง แต่ราคาโลหะเงินก็ดิ่งด้วย อีกทั้งยังพลอยฉุดราคาน้ำมันดิบให้ลงเหวไปอีกด้วย ราคาน้ำมันช่วงนี้ก็เป็นแนวโน้มขาลงอยู่แล้ว เมื่อโลหะมีค่าเสียศูนย์ก็ฉุดให้ราคาน้ำมันดิบลงแรงยิ่งขึ้น และไม่เพียงเท่านั้น ยังพลอยฉุดตลาดหุ้นทั่วโลกให้เป๋ไปอีกด้วย

นอกจากนี้ ค่าเงินหรือว่าอัตราแลกเปลี่ยนก็ยังผันผวนหนัก ปกติแล้วราคาทองคำกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ จะตรงกันข้ามกัน คือทองขึ้น ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อน หรือทองตก ดอลลาร์ สรอ ก็แข็ง พูดตามภาษาสถิติก็ต้องบอกว่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ เป็นลบค่อนข้างสูง แต่ในช่วงนี้ราคาทองคำกับเงินดอลลาร์ สรอ ไปตามกัน คือมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ 15 วัน (15 day correlation coefficient) ประมาณ +0.5 นั่นหมายความว่าราคาทองคำร่วง ดอลลาร์ สรอ ก็อ่อนไปด้วย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกตินัก

ขณะเดียวกัน เงินเยนก็ผันผวนหนัก เดี๋ยวอ่อน เดี๋ยวแข็ง ส่วนเงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นแม้ว่าสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนจะไม่ค่อยดีนักก็ตาม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่แปลก

จะเห็นได้ว่าอะไรที่เคยเป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบเดิมๆอาจใช้ไม่ได้อีกแล้วในยุคนี้ ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคต้องดูที่กราฟราคาของผลิตภัณฑ์นั้นๆเองเป็นสำคัญ จะพิจารณาตัวอื่นประกอบด้วยก็ต้องดูให้ดีว่าตัวที่เรานำมาประกอบนั้นเกี่ยวข้องกันจริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นตัวประกอบนั่นแหละที่จะพาให้การวิเคราะห์ไปผิดทาง

สรุปว่าในช่วงที่ตลาดบ้านเราหยุดทำการในช่วงสงกรานต์นั้นเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงมากมาย ราคาผลิตภัณฑ์หลายชนิดร่วงอย่างแรง นอกจากทองคำ น้ำมัน และตลาดหุ้นแล้วยังมีราคายางพาราของตลาดญี่ปุ่นที่ร่วงแรงอีกด้วย เราลองมาดูกันว่าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ร่วงแรงในช่วงที่ไทยหยุดกันปรับตัวลงกันไปมากน้อยเพียงใด

ราคาทองคำ เงิน น้ำมันดิบ และยางพารา ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา

ทีนี้เราลองมาดูกราฟราคาทองคำกัน

ราคาทองคำร่วงแรงในวันที่ 12/04/2013 ถึง 16/04/2013


หากพิจารณาในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำหลุดปลายสามเหลี่ยมชายธงลงมาแล้ว ยังมีโอกาสลงต่อ

ราคาทองคำจะลงไปถึงไหน การหาคำตอบนี้ต้องพิจารณาภาพในกรอบเวลากว้างมากๆประกอบ   จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี จะเห็นว่าราคาทองคำน่าจะจบคลื่นใหญ่ 3 (สีดำ) ไปแล้ว และขณะนี้ราคาทองคำน่าจะกำลังอยู่ในคลื่นใหญ่ 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่นนี้น่าจะกินเวลาอีกหลายเดือนหรือหลายปี และราคาน่าจะปรับตัวลงได้อีก 


หากถามว่าราคาทองคำจะลงไปถึงไหน หากจะดูสถานการณ์ในภาพใหญ่ก็คงต้องพิจารณากราฟราคาทองคำในกรอบเวลาที่กว้างมากประกอบ เพราะในกรอบเวลาสั้นๆก็ช่วยให้เห็นภาพสถานการณ์ในช่วงสั้นๆเท่านั้น

จากกราฟราคาทองคำในรอบ 43 ปี ราคาทองคำขณะนี้น่าจะอยู่ในคลื่น 4 (สีดำ) ซึ่งคลื่น 4 นี้น่าจะมีความผันผวนสูง ไม่เหมาะที่จะเทรดด้วยระบบสัญญาณซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็นการเทรดขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม เพราะว่าคลื่นนี้มักเกิดสัญญาณหลอก (false signal) บ่อย ทำให้ขาดทุน พิจารณาด้วยเครื่องมือฟิโบนาชชีเป้าหมาย ราคาทองคำน่าจะลงไปได้อีกถึง 1,160 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ ระดับแนวรับที่ 1,250 ดอลลาร์ สรอ ไม่น่ารับไหว

และที่น่าคิดก็คือ ราคาทองคำกับโลหะเงินนี้เหมือนเป็นตัวจุดชนวน อาจเกิดโดมิโน คือพลอยทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆดำดิ่งได้ด้วยเช่นกัน


ราคาน้ำมันดิบ WTI กำลังอยู่ในคลื่นย่อย c และอยู่ในสามเหลี่ยมชายธง ให้ระวังอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยราคาทองคำ

ราคาสินค้าเกษตรตัวหลัก ได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นแนวโน้มขาลง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนมีการร่วงแรงอยู่เหมือนกัน บางวันลงไปวันละ -6% ถึง -7% ตอนนี้ปัจจัยพื้นฐานของสินค้าเกษตรยังไม่เอื้อ คาดการณ์กันว่าปริมาณน้ำฝนในอเมริกาจะดีขึ้น ส่งผลให้ผลผลิตข้าวสาลีมีมากขึ้น ประกอบกับจีดีพีของจีนต่ำกว่าคาดการณ์ จีนเป็นผู้นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มสินค้าเกษตรรายใหญ่ ดังนั้นอาจมีการเล่นข่าวกำลังการบริโภคสินค้าเกษตรลดต่ำลง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรดิ่งแบบทองคำก็เป็นได้


ที่จริงเรื่องทองคำกับไซปรัสนั้น ลุงแมวน้ำเห็นว่าข่าวไซปรัสไม่ใช่สาเหตุหลัก ที่จริงก็คือนักลงทุนจ้องจะทุบราคาทองคำอยู่แล้ว เมื่อมีข้ออ้างก็ทุบเสียเลย ตอนนี้สินค้าโภคภัณฑ์ไม่ได้อยู่ในกระแสตลาดขาขึ้น คือไม่น่าเทรดเลยทั้งกลุ่ม หากไม่แกว่งแบบไร้ทิศทางก็เล่นกันแบบตลาดขาลง ดังนั้นนักลงทุนควรหลีกเลี่ยงทั้งกลุ่ม


ราคายางโตคอมของญี่ปุ่น เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ร่วงแรง ประมาณ -7.1%

สำหรับราคายางพารา เมื่อวันหยุดสงกรานต์ก็ลงไปหลาย ประมาณ -7.1% คิดเป็นเงินไทย ณ เช้าวันพุธ (คือวันนี้) ราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 76.6 บาท หรืออาจต่ำกว่านั้น



ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของอเมริกา เกิดแท่งเทียนดำใหญ่และยังป้วนเปี้ยนอยู่ที่ระดับแนวต้านอันเป็นระดับฟิโบนาชชีสำคัญ อาจไม่ผ่านและกลับทิศได้


สำหรับตลาดหุ้น ก็อย่ามั่นใจในตลาดหุ้นมาก ลุงแมวน้ำฉายภาพใหญ่ให้ดูแล้วว่าตลาดส่วนใหญ่ในโลกเป็นสัญญาณขาย อีกทั้งตลาดหุ้นอเมริกาก็อาจกลับทิศแถวนี้ ประกอบกับทฤษฎีโดมิโนที่ลุงแมวน้ำว่ามา ดังนั้นตลาดทั่วโลกและของไทยก็มีความเสี่ยงที่จะลงแรงได้เช่นกัน

เนื่องจากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ น่าจะต่ำกว่า 29 บาท/ดอลลาร์ สรอ โปรดระวัง ช่วงนี้ฝรั่งขายหุ้นไทยแต่ว่าเงินยังไม่ได้ออกไปไหน มิหนำซ้ำมีเงินไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้อายุยาวเพิ่มมากขึ้นเสียอีก เงินต่างชาติไหลเข้า ไม่ได้ไหลออก แต่ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้นต่อในเร็วๆนี้ อาจไม่ง่ายขนาดนั้น เป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นอาจลงไปก่อนลึกๆแล้วค่อยขึ้นต่อก็ได้ สำหรับลุงแมวน้ำก็ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคตามแนวโน้มไปเรื่อยๆ ประกอบกับสัญญาณซื้อขาย ตลาดไปในทิศทางไหนลุงแมวน้ำก็ไปด้วย ^__^ 



ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนช่วงนี้ผันผวนหนัก ดูกราฟของราคาทองคำกับเงินเยน จะเห็นว่าผิดปกติ เงินดอลลาร์ สรอ แนวโน้มอ่อนค่าต่อ เงินยูโรแนวโน้มแข็งค่าต่อ เงินเยนยังดูไม่ออก ส่วนเงินบาทนั้นมีแนวโน้มแข็งค่าต่อ


 photo s5017042013weeklyreportcopy.gif