Monday, October 22, 2012

22/10/2012 * แนวโน้มยังไปต่อ เตรียมรับมือเงินเฟ้อ


อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ในรอบ 11 ปี



ดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index)


อรุณสวัสดิ์คร้าบ


ช่วงนี้ลุงแมวน้ำคงต้องมาแบบผลุบๆโผล่ๆ เป็นนินจาแมวน้ำไปอีกสักพักหนึ่ง งานเยอะเหลือเกิน รับจ๊อบวุ่นวายไปหมด ขอเวลาให้ลุงทำเว็บไซต์ขายของให้เรียบร้อยก่อน จนป่านนี้ยังไม่เสร็จเลย และที่สำคัญก็คือช่วงนี้แหล่งข้อมูลทั้งหุ้นและฟิวเจอร์สของลุงแมวน้ำรวนอย่างหนัก ซ่อมข้อมูลกันจนมึน ตอนนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย

มาดูกันเป็นบางประเด็นก็แล้วกัน ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังไม่ไปไหน มิหนำซ้ำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังลงอีกด้วย เพราะผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทใหญ่ในอเมริกาออกมาดูไม่ค่อยดี น้ำมันกับทองคำเลยร่วง ตอนนี้พวกน้ำมัน ทองคำ สินค้าเกษตร เป็นสัญญาณขายอยู่ หากวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยระดับฟิโบนาชชีเป้าหมาย (targetting Fibonacci) ทองคำยังดูไม่ออกว่าจะลงได้แค่ไหน ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์อาจลงได้ถึงต้นๆของ 100 ดอลลาร์ สรอ คือร้อยกว่าๆ ส่วนยางพารา RSS3 ก็มีสัญญาณขาย อาจลงได้ถึง 91.5 บาท

ตัวเลขที่บอกข้างบนคือใช้การประเมินจากกราฟราคาของสินค้าแต่ละตัว คือใช้ปัจจัยทางเทคนิคของตนเองล้วนๆ แต่หากพิจารณาปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ สรอ ประกอบ ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ กำลังอยู่ในทิศทางขาลง มีรีบาวด์บ้างแต่ก็น่าจะลงต่อ หากดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆน่าจะลงไม่มาก อาจไม่ลงลึกถึงขนาดที่ลุงแมวน้ำประเมินไว้

สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารแบบประจำ 1 ปี สองอย่างนี้แพ้เงินเฟ้อมาตลอด คือคิดเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปแล้วติดลบเกือบตลอดทุกเดือน สำหรับในขณะนี้ ผลจากโครงการประชานิยมต่างๆซึ่งเป็นการก่อหนี้สาธารณะในระยะยาว ก็คือการนำเงินในอนาคตมาใช้ คล้ายๆกับ QE นั่นเอง ผลจากโครงการต่างๆของรัฐทำให้ประเทศไทยมีการบริโภคที่สูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ค่อยๆปรับตัวขึ้นมาตลอด กระแสเงินที่ไหลเข้า จึงส่งผลกับอัตราเงินเฟ้อของไทยค่อยๆเพิ่มขึ้น ตอนนี้อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุคงเหลือ 10 ปี (real 10 yr Thai gov bond yield) จนถึงกันยายน 2012 เหลือประมาณ 0.2% ใกล้แพ้เงินเฟ้อเต็มที คิดว่าของเดือนตุลาคมนี้คงติดลบหรือว่าแพ้เงินเฟ้อแล้ว

ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะมีส่วนกดดันให้เงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทั้งจากเงินของต่างชาติและเงินของนักลงทุนไทยเอง) ดังนั้นหากไม่มีเหตุการณ์พิเศษที่รุนแรงจนทำให้สถานการณ์พลิกผัน ลุงแมวน้ำคาดว่าตลาดหุ้นไทย รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากับยุโรป น่าจะไปต่อได้อีกพักใหญ่ๆทีเดียว คือถ้าไม่ใช่คลื่น B ใหญ่ก็ต้องเป็นคลื่น 5 ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ต้องจบคลื่น ตอนนี้เราก็ตามแนวโน้มไปก่อน ไปไหนเราก็ไปด้วย เมื่อไรจบคลื่นในที่สุดเราก็ต้องรู้เองจนได้ ที่สำคัญคือต้องอย่าเทรดเกินตัวเพราะย่ามใจ เทรดเท่าที่มีกำลังรับความเสี่ยงได้

รูปที่นำมาฝากวันนี้เป็นดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index) กับ อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยตลอดระยะเวลา 11 ปี คือตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา

สำหรับภาพดัชนีดอลลาร์ สรอ เมื่อดูแนวโน้มแล้วน่าจะอยู่ในคลื่นขาลง หมายความว่าดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มอ่อนตัว ระหว่างทางก็คงมีเด้งขึ้นบ้างอันเป็นการรีบาวด์ในขาลง

สำหรับอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพอัตราผลตอบแทนแท้จริง หมายถึงว่าหักลบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ออกไปแล้ว วิธีดูก็คืออะไรที่อยู่ต่ำกว่า 0 (คือติดลบนั่นเอง) นั่นคือแพ้อัตราเงินเฟ้อ จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยแท้จริงของเงินฝากประจำแบบ 1 ปี (เส้นสีฟ้า) ส่วนใหญ่แพ้เงินเฟ้อตลอด มีชนะบ้างแค่บางช่วง แสดงว่าหากคิดยังชีพด้วยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารคงยาก เพราะเงินด้อยค่าลงเรื่อย

ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี (เส้นสีเขียว) แพ้เงินเฟ้อบ้าง ชนะเงินเฟ้อบ้าง ส่วนใหญ่ชนะเงินเฟ้อได้ แต่ต่อจากนี้ไปคงแพ้เงินเฟ้อแล้ว ตีความอย่างง่ายๆได้ความว่าผู้ที่ยังชีพจากการซื้อพันธบัตรแล้วรับดอกเบี้ย หากเดิมพออยู่ได้ ต่อไปคงไม่ค่อยพอแล้วล่ะ แต่หากเดิมไม่พอใช้อยู่แล้วต่อไปยิ่งแย่กว่าเดิม

ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 20 ปี (เส้นสีม่วง) อาการดีกว่าเส้นสีเขียวหน่อยนึง แต่ต่อไปไม่แน่เพราะว่าเส้นสีม่วงกำลังดิ่งลงเช่นกัน

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (เส้นสีน้ำตาล) ที่ผ่านมามีทั้งแพ้และชนะอัตราเงินเฟ้อ เมื่อไรที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อก็จะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้เพราะสร้างแรงจูงใจในการออม แต่เนื่องจากผลของ QE จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายๆประเทศทำให้มีกระแสเงินต่างชาติไหลเข้ามาในบ้านเรา หากเงินเข้ามามาก เงินบาทก็เฟ้อ การกดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วยสกัดเงินต่างชาติได้บ้าง แต่ก็ทำลายแรงจูงใจในการออมของประชาชนในประเทศ ทำให้ต้องควักกระเป๋านำเงินออมมาลงทุน สุดท้ายเงินก็อาจเฟ้อได้อีก เรียกว่าผลเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง เรื่องเงินเฟ้อในภาวะ QE เช่นนี้ดูแลยากและเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องเกิด อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือที่ช่วยดึงรั้งสถานการณ์ไว้ได้บ้างเท่านั้นเอง


เมื่อไรที่ลุงแมวน้ำซ่อมข้อมูลเสร็จจะพยายามเขียนบทความให้อ่านกันอีกครับ มีเรื่องที่อยากเขียนหลายเรื่องทีเดียว

อ้อ ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์นะคร้าบ แวะหาชมและหาซื้อหนังสือกัน มีอบรม สัมมนาสั้นๆ และเปิดตัวหนังสือด้วยตลอดงาน ลุงแมวน้ำก็คิดว่าจะไปหาความรู้รอบพุงเช่นกัน แล้วเจอกัน ^__^

Tuesday, October 9, 2012

09/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (01/10/2012 - 05/10/2012) * ค่อยๆขึ้น


วันนี้เรามาสรุปความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์กันครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น ทางฝั่งตะวันตกดูจะขึ้นแรงกว่าฝั่งตะวันออก คือยุโรป อเมริกา ขึ้นแรงกว่า เอเชีย

สำหรับข่าวนั้น ทางด้านยุโรป สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าสเปนติดต่อขอความช่วยเหลือทางการเงินจากอีซีบี (ECB) แล้ว แต่ตามข่าวบอกว่าเยอรมนีคุยอย่างไม่เป็นทางการกับสเปนว่าอย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เยอมนีเองยังไม่พร้อม เพราะการให้ความช่วยเหลือแก่สเปนหมายถึงการระดมทุนจากชาติที่เหลือนั่นเอง ซึ่งเยอรมนีน่าจะต้องควักกระเป๋ามากที่สุด จึงขอชะลอไว้ก่อน ส่วนทางสเปนเองก็ออกข่าวในภายหลังว่ายังไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงิน จึงเข้าใจกันว่าเรื่องนี้ทางสเปนกับทางอีซีบีมีการคุยกันนอกรอบหรือวาคุยกันหลังไมค์

ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกา ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ แล้ว สัปดาห์ที่แล้วเมื่อวันศุกร์ตอนดึก ก็มีการแถลงตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาออกมา คราวนี้ลดฮวบลงเหลือ 7.8% จากเดิมเมื่อเดือนก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 8.2% ตัวเลขนี้สร้างความฮือฮากันมากในช่วงวันหยุด ด้านประธานาธิบดีโอบามาก็บอกว่า นี่แหละ ฝีมือผมเอง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ อัตราการว่างงานจึงลดลง ทางด้านรอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็บอกว่าที่ตัวเลขลดลงเพราะว่าประชาชนบางส่วนถอดใจเลิกหางานแล้วต่างหาก พวกที่เลิกหางานแล้วจะไม่นำมาคำนวณ หักยอดนี้ออกไป ตัวเลขอัตราว่างงานเลยต่ำ ก็ฤดูหาเสียงละนะ เกทับกันไป

ทางด้านสื่อมวลชนและประชาชนก็วิพากษ์กันสนุก สงสัยกันว่าแต่งตัวเลขหรือเปล่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็บอกว่างานคำนวณอัตราว่างงานนี้เป็นหน่วยงานของรัฐจัดทำ จะแต่งหรือเสกตัวเลขช่วยฝ่ายการเมืองได้อย่างไร เมื่ออัตรานี้ยังเป็นที่กังขา ดังนั้นตลาดจึงยังไม่ตอบสนองกับข่าวดีนี้

ตลาดฝั่งเอเชีย จีนประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากต้นเดือนตุลาคมจีนหยุดราชการเนื่องในวันชาติไปหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นยังเห็นการตอบสนองของตลาดหุ้นจีนไม่ชัดเจน

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำขึ้นนิดหน่อย น้ำมันดิบเบรนต์ลงนิดหน่อย ส่วนน้ำมันดิบ wti ลงไปพอควร -2.5% สินค้าเกษตรมีทั้งขึ้นและลงแต่ส่วนใหญ่ลงมากกว่า ดัชนีสินค้าเกษตร -2%

ด้านตลาดตราสารหนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน (US bond yield curve) ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาขึ้น เงินจึงไกลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่า ส่วนพันธบัตรไทย เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงในส่วนของพันธบัตรที่อายุ 3 ปีขึ้นไป แสดงว่ามีเงินไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทย ซึ่งสอดคล้องกันทิศทางของตลาดพันธบัตรในเอเชียคือมีแรงซื้อเข้ามาในย่านเอเชีย ลองสังเกตดูในตารางข้างล่าง กองทุนรวม AEOB ของอะเบอร์ดีน กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรเอเชียอายุยาว สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนกระโดดเลย หากตัวเลข nav ของทางอะเบอร์ดีนไม่ผิด ก็เป็นการสนับสนุนว่ามีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพันธบัตรเอเชียจริง

ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินสกุลต่างๆค่อนข้างผันผวน เงินยูโรและสกุลยุโรปแข็งค่าขึ้น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เยน ดอลลาร์สิงคโปร์ของฝั่งเอเชียอ่อนค่าลง ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย +0.8%

ลุงแมวน้ำกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง เป็นการเปรียบเทียบความแรงของหุ้นและดัชนีต่างๆ ผลที่ได้น่าสนใจทีเดียว เกือบเสร็จแล้ว อีกวันสองวันจะเอามาให้ดูกันคร้าบ

อ้อ ทีวีช่องลุงแมวน้ำมีวีดิโอคลิปอยู่หลายหัวข้อแล้ว และเข้าไปดูกันได้ครับ ^__^

http://www.youtube.com/user/uncaseal


Photobucket