Tuesday, October 9, 2012

09/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (01/10/2012 - 05/10/2012) * ค่อยๆขึ้น


วันนี้เรามาสรุปความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์กันครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น ทางฝั่งตะวันตกดูจะขึ้นแรงกว่าฝั่งตะวันออก คือยุโรป อเมริกา ขึ้นแรงกว่า เอเชีย

สำหรับข่าวนั้น ทางด้านยุโรป สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าสเปนติดต่อขอความช่วยเหลือทางการเงินจากอีซีบี (ECB) แล้ว แต่ตามข่าวบอกว่าเยอรมนีคุยอย่างไม่เป็นทางการกับสเปนว่าอย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เยอมนีเองยังไม่พร้อม เพราะการให้ความช่วยเหลือแก่สเปนหมายถึงการระดมทุนจากชาติที่เหลือนั่นเอง ซึ่งเยอรมนีน่าจะต้องควักกระเป๋ามากที่สุด จึงขอชะลอไว้ก่อน ส่วนทางสเปนเองก็ออกข่าวในภายหลังว่ายังไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงิน จึงเข้าใจกันว่าเรื่องนี้ทางสเปนกับทางอีซีบีมีการคุยกันนอกรอบหรือวาคุยกันหลังไมค์

ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกา ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ แล้ว สัปดาห์ที่แล้วเมื่อวันศุกร์ตอนดึก ก็มีการแถลงตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาออกมา คราวนี้ลดฮวบลงเหลือ 7.8% จากเดิมเมื่อเดือนก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 8.2% ตัวเลขนี้สร้างความฮือฮากันมากในช่วงวันหยุด ด้านประธานาธิบดีโอบามาก็บอกว่า นี่แหละ ฝีมือผมเอง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ อัตราการว่างงานจึงลดลง ทางด้านรอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็บอกว่าที่ตัวเลขลดลงเพราะว่าประชาชนบางส่วนถอดใจเลิกหางานแล้วต่างหาก พวกที่เลิกหางานแล้วจะไม่นำมาคำนวณ หักยอดนี้ออกไป ตัวเลขอัตราว่างงานเลยต่ำ ก็ฤดูหาเสียงละนะ เกทับกันไป

ทางด้านสื่อมวลชนและประชาชนก็วิพากษ์กันสนุก สงสัยกันว่าแต่งตัวเลขหรือเปล่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็บอกว่างานคำนวณอัตราว่างงานนี้เป็นหน่วยงานของรัฐจัดทำ จะแต่งหรือเสกตัวเลขช่วยฝ่ายการเมืองได้อย่างไร เมื่ออัตรานี้ยังเป็นที่กังขา ดังนั้นตลาดจึงยังไม่ตอบสนองกับข่าวดีนี้

ตลาดฝั่งเอเชีย จีนประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากต้นเดือนตุลาคมจีนหยุดราชการเนื่องในวันชาติไปหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นยังเห็นการตอบสนองของตลาดหุ้นจีนไม่ชัดเจน

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำขึ้นนิดหน่อย น้ำมันดิบเบรนต์ลงนิดหน่อย ส่วนน้ำมันดิบ wti ลงไปพอควร -2.5% สินค้าเกษตรมีทั้งขึ้นและลงแต่ส่วนใหญ่ลงมากกว่า ดัชนีสินค้าเกษตร -2%

ด้านตลาดตราสารหนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน (US bond yield curve) ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาขึ้น เงินจึงไกลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่า ส่วนพันธบัตรไทย เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงในส่วนของพันธบัตรที่อายุ 3 ปีขึ้นไป แสดงว่ามีเงินไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทย ซึ่งสอดคล้องกันทิศทางของตลาดพันธบัตรในเอเชียคือมีแรงซื้อเข้ามาในย่านเอเชีย ลองสังเกตดูในตารางข้างล่าง กองทุนรวม AEOB ของอะเบอร์ดีน กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรเอเชียอายุยาว สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนกระโดดเลย หากตัวเลข nav ของทางอะเบอร์ดีนไม่ผิด ก็เป็นการสนับสนุนว่ามีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพันธบัตรเอเชียจริง

ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินสกุลต่างๆค่อนข้างผันผวน เงินยูโรและสกุลยุโรปแข็งค่าขึ้น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เยน ดอลลาร์สิงคโปร์ของฝั่งเอเชียอ่อนค่าลง ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย +0.8%

ลุงแมวน้ำกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง เป็นการเปรียบเทียบความแรงของหุ้นและดัชนีต่างๆ ผลที่ได้น่าสนใจทีเดียว เกือบเสร็จแล้ว อีกวันสองวันจะเอามาให้ดูกันคร้าบ

อ้อ ทีวีช่องลุงแมวน้ำมีวีดิโอคลิปอยู่หลายหัวข้อแล้ว และเข้าไปดูกันได้ครับ ^__^

http://www.youtube.com/user/uncaseal


Photobucket

Friday, October 5, 2012

05/10/2012 ตลาดขาขึ้น (ได้ยังไงก็ไม่รู้)


วันนี้ลุงแมวน้ำมาเสียเที่ยงเลย ยังไม่ได้กินอาหารกลางวันด้วย ฮือ หิวๆๆ ใครช่วยพาลุงไปเลี้ยงหน่อยได้ไหม

เมื่อตอนดึกๆ ไฟฟ้าที่โขดหินดับ แล้วเครื่องคอมโน้ตบุ๊กของลุงแมวน้ำก็ดับไปด้วย เพราะไม่ได้ใส่แบตเตอรี่เอาไว้ ปรากฏว่าเครื่องรวนเลย ระบบปฏิบัติการรวน ไฟล์หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งหลายไฟล์ ยังหาไม่พบเลย  เลยวุ่นๆ ดีนะที่ข้อมูลหุ้นของลุงแมวน้ำไม่เป็นอะไร... อย่างน้อยตอนนี้ก็คิดว่ายังไม่เป็นอะไร เกิดพังขึ้นมาละก็ลุงแมวน้ำไม่มีอุปกรณ์ทำมาหากินเลย

เมื่อคืนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 13,575.36 จุด (+0.6%) เล่นข่าวรายงานตัวเลขอัตราว่างงาน นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีด้วยอาวุธระหว่างตุรกีกับซีเรีย เป็นการกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดน แต่ก็ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทันที วันก่อนหน้าลงไปประมาณ -4% เมื่อคืนก็พุ่งขึ้นมาราวๆ +4% ราคาน้ำมันดิบเบรนต์เกิดสัญญาณซื้อแล้ว ส่วนน้ำมันดิบ wti ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ ขาดไปหน่อย

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อคืนเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว  usd index ลดลงลงไป -0.8%  เงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆแข็งค่า ทองคำก็ปรับตัวขึ้น เงินบาทก็แข็งค่าเช่นกัน

ลองมาดูตารางข้างล่างนี้กัน ตารางนี้เป็นค่า PMI (Purchasing Manager Index) แปลตามตัวคือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แต่ความหมายของดัชนีนี้คือเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ โดยตารางข้างล่างนี้เป็นค่า PMI ของภาคการผลิต (ภาคอุตสาหกรรม) ของประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซนเมื่อเดือนกันยายน






ปกติค่านี้ไม่ควรต่ำกว่า 50 หากต่ำกว่า 50 ก็ถือว่าแย่แล้ว เศรษฐกิจย่ำแย่ ทีนี้ลองดูค่า pmi ชาติต่างๆในกลุ่มยูโรโซนดู มีเพียงสองประเทศเท่านั้นคือไอร์แลนด์กับเนเธอแลนด์ที่ตอนนี้มีค่า pmi เกิน 50 แม้แต่เยอรมนีก็ยังแย่ คือได้ 47 จุดกว่าๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ในข่าวร้ายก็มีข่าวดี นั่นคือ ดัชนีนี้ค่อยๆกระเตื้องขึ้น ช่วงนี้กลุ่มยูโรโซนก็เอาข่าวเหล่านี้มาเล่นกันและทำให้ดัชนีของกลุ่มยูโรโซนค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังย่ำแย่อยู่

สำหรับด้านสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ปัญหาต่างๆยังรออยู่อีกมาก ลองดูประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาแล้วกว่า 20 ปี จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่พ้นจากหล่ม ว่าจะดีขึ้นก็มีวิบากกรรมเกิดขึ้นมาขัดขวาง ญี่ปุ่นใช้เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 20 กว่าปียังไม่สำเร็จ แล้วยูโรโซนกับสหรัฐอเมริกาจะให้แก้ปัญหาในเวลาเพียงไม่กี่เดือนคงเป็นไปไม่ได้ ที่จริงความถดถอยของกลุ่มยูโรและ สรอ ในตอนนี้เป็นผลมาจากช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2007-2008 ที่จนบัดนี้ยังตามแก้กันไม่หมดนั่นเอง ก็ลองคิดดูว่าสี่ห้าปีมาแล้วยังแก้ไม่ได้ แล้วในอีกไม่กี่เดือนจะแก้ได้อย่างไร

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริงจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ตลาดทุนตอนนี้เป็นอีกแบบหนึ่ง ทั้งตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นเอาๆ ลุงแมวน้ำเป็นนักลงทุนทางสายปัจจัยเทคนิค ขาขึ้นก็ต้องว่าขึ้น ไม่ต้องพยายามหาข่าวหรือคำอธิบาย ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะตลาดขาขึ้นหลายๆครั้งก็หาคำอธิบายให้สมเหตุผลไม่ได้ ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงบอกว่าบางทีไม่ต้องพยายามหาคำอธิบาย อย่างเช่นตอนนี้ ลุงแมวน้ำก็ว่ามันจะขึ้นได้อย่างไร แต่ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคมองแล้วเป็นขาขึ้น ก็ต้องพยายามตัดอคติออกไป ต้องเทรดไปตามระบบ และหากต่อไปตลาดไหลลง เมื่อถึงสัญญาณขาย ลุงแมวน้ำก็หยุด เท่านั้นเอง

แต่ทางสายปัจจัยพื้นฐานหลายคนคิดว่าในที่สุดตลาดต้องไหลลงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาปัจจัยอะไรไปทำให้ตลาดขึ้น บางคนก็เทรดฟิวเจอร์สโดยเปิดสัญญาขายหรือเทรดด้านชอร์ตเอาไว้ ลุงแมวน้ำอยากฝากเตือนว่าไม่ว่าสายปัจจัยพื้นฐานหรือสายปัจจัยทางเทคนิค ถึงอย่างไรก็ควรต้องมีจุดตัดสินใจหรือจุดตัดขาดทุนของตนเอง ไม่อย่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดจะเสียหายหนัก





ค่าเงินดอลลาร์ สรอ USD index (ดัชนีดอลลาร์ สรอ) อยู่ในแนวโน้มขาลง รีบาวด์ขึ้นมาหลายวันแต่ในที่สุดคงลงต่อ




ค่าเงินยูโร ที่จริงด้วยสถานะทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโร เงินยูโรน่าจะอ่อนลงต่อไป แต่จากกราฟ ถ้าเป็นทางเทคนิคก็ต้องบอกว่าขณะนี้น่าจะเป็นขาขึ้น




ราคาน้ำมันดิบ ก็เป็นแนวโน้มขาขึ้น ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว แต่พิจารณาค่าฟิโบนาชชีแล้วยังต่ำไม่พอ ดังนั้นราคาอาจย่อลงได้อีกหน่อยจึงค่อยไปต่อ




ราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับมุมมอง หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น B ราคาทองคำคงไปได้ไม่เกิน 1900 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ จากนั้นลงถล่มทลาย แต่หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น 5 เราคงได้เห็นราคาทองคำถึง 2100 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์หรือมากกว่านั้น ระดับราคา 1900 คือจุดชี้วัด หากผ่านได้แสดงว่าเราอยู่ในคลื่น 5


ที่ลุงแมวน้ำเล่ามาในวันนี้ไม่ได้ต้องการเชียร์ให้ซื้อ เพียงแต่อยากย้ำว่า ในการเทรด พยายามใช้หลักการ อย่าใช้อคติ รวมทั้งหากใช้แนวทางของสายใดก็ใช้สายนั้น อย่าพยามยามเอาความรู้ข้ามสายมาผสมโดยที่ไม่รู้วิธีใช้อย่างแท้จริง เพราะนักลงทุนรุ่นใหม่หลายคนที่มักคิดว่า หากใช้ปัจจัยพื้นฐานผสมเทคนิคยิ่งแจ๋ว ยิ่งทำกำไรได้มาก ในความเห็นของลุงแมวน้ำไม่ใช่เช่นนั้น ผู้ที่จะใช้เทคนิคผสมพื้นฐานแล้วได้ประโยชน์คือผู้ที่เข้าใจและเลือกเครื่องมือได้ถูกต้องเท่านั้น เนื่องจากเห็นหลายคนเทรดฟิวเจอร์สด้านชอร์ตแล้วไม่ยอมปิดเพราะคิดว่าตลาดกำลังจะลงลุงแมวน้ำก็อดเป็นห่วงไม่ได้