Saturday, August 25, 2012

25/08/2012 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ : ที่นี่มีเรื่องเล่า คุกกี้ที่มุมศาลาแดง



ทางเดินสกายวอล์กที่แยกศาลาแดง อยู่หน้าโรงแรมดุสิตธานีและหน้าโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตรงสุดทางเดินนั้นคือมุมสกายวอล์กเหนือร้านแมคโดนัลด์ ที่ลุงแมวน้ำพูดถึง ในภาพก็มีคนมาเรี่ยไรอยู่


“คุณลุงค้า หยุดก่อน หยุ๊ดดด....หน่อยค่า...” หญิงสาวเสียงหวานแต่งกายด้วยเสื้อสีฟ้า ในมือถือแฟ้มคล้ายๆเมนูอาหาร เรียกให้ลุงแมวน้ำหยุด ขณะที่ลุงแมวน้ำกำลังเดินอยู่บนสกายวอล์กตรงแยกศาลาแดงหัวมุมถนนสีลมตรงโรงแรมดุสิตธานี

“ขอเวลาหนูสักครู่นะคะ” หญิงสาวเกริ่นพร้อมกับยกแฟ้มที่คล้ายเมนูอาหารในมือมากางเตรียมจะอธิบายรายละเอียดให้ลุงแมวน้ำฟัง

“โอ๊ย หนู” ลุงแมวน้ำชะลอพุงที่กระดึ๊บไปบนสกายวอล์ก และพูดกับหญิงสาว “หนูเรียกลุงคุยสักสิบครั้งได้แล้วนะ ลุงยังจำหน้าหนูได้เลย แล้วหนูจำไม่ได้เหรอว่าเรียกลุงตั้งหลายครั้งแล้ว”

“แหะๆ” สาวน้อยหัวเราะจืดๆ “คุณลุงหน้าแหลมๆ ปากแหลมๆ ไม่ค่อยเหมือนใคร จำได้อยู่หรอกค่ะ แต่นี่มันหน้าที่หนูนี่คะ หนูก็ต้องเรียกคุณลุงเอาไว้ก่อน”

“คำตอบก็อย่างเดิมนั่นแหละจ้ะ ลุงไปก่อนละนะ” ลุงแมวน้ำพูด แล้วก็เดินต่อไป

ลุงแมวน้ำใช้ทางสกายวอล์กที่ศาลาแดงนี้เป็นประจำเพื่อมาที่สวนลุม เมื่อลงจากรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เอ้อ ไม่ใช่ รถไฟฟ้าบนดิน ลุงก็เดินตามทางเดินลอยฟ้าตรงมาทางสี่แยกศาลาแดง แล้วลงจากสกายวอล์กที่หน้าโรงแรมดุสิตธานี จากนั้นเดินลงทางเดินใต้ดินของรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วไปโผล่ที่หน้าประตูสวนลุม แต่หากลุงแมวน้ำอยากกินไอติมก็จะเดินลงทางด้านท้อปซูเปอร์มาร์เก็ต เมื่อกินไอติมเสร็จจึงค่อยข้ามไปสวนลุม

และตรงมุมทางเดินสกายวอล์กด้านซูเปอร์มาร์เก็ตหรือว่ามุมทางเดินที่อยู่เหนือร้านแมคโดนัลด์นี่เอง ลุงแมวน้ำเห็นว่าเป็นมุมที่มีสีสันมากที่สุดจุดหนึ่งในย่านศาลาแดงเลยทีเดียว เพราะมุมทางเดินจุดนี้มักมีกิจกรรมต่างๆอยู่เสมอตั้งแต่เช้ายันค่ำ



สกายวอล์กตรงแยกศาลาแดงในยามค่ำ ที่เห็นมีไฟสว่างคือร้านแมคโดนัลด์ เหนือขึ้นไปที่ทางเดินเข้ามุมกันอยู่ก็คือมุมสกายวอล์กนั่นเอง


หากเป็นตอนเช้าถึงตอนสายๆ เราอาจได้พบสตรีสองคนนุ่งห่มขาว แต่งกายในชุดแม่ชี ถือบาตรขอรับบริจาคพร้อมกับอวยชัยให้พร หลังจากตอนสายๆเป็นต้นไปจนถึงตอนค่ำ เราจะได้พบชีวิตมากหน้าหลายตาแวะเวียนมาสร้างสีสันให้แก่มุมสกายวอล์กนี้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหญิงในชุดนักเรียนนั่งเป่าขลุ่ย คุณยายขายทองม้วนและข้าวเกรียบ หนุ่มผมเซอร์ดีดกีตาร์ร้องเพลงเปิดหมวก กลุ่มนักศึกษายืนขอรับบริจาคเพื่อหาทุนไปออกค่าย ฯลฯ

นอกจากนี้ก็ยังมีกลุ่มชายหญิงเสื้อสีฟ้าสังกัดมูลนิธิแห่งหนึ่งมาขอรับบริจาค แล้วยังมีกลุ่มชายหญิงในเสื้อสีส้มสังกัดมูลนิธิอีกแห่งหนึ่งมาขอรับบริจาคเช่นกัน และท้ายที่สุด คนสุดท้ายที่ลุงแมวน้ำนึกได้ว่ามายืนอยู่แถวนี้เหมือนกัน ก็คือคนขายคุกกี้

คนขายคุกกี้ที่ว่านี้เป็นชายร่างสันทัด ยืนอยู่ข้างรถเข็นคันเล็กพร้อมกับกล่องคุกกี้กองอยู่ในรถเข็นเป็นตั้ง ที่กล่องคุกกี้เขียนว่า คุกกี้พระพร พร้อมกับมีป้ายเล็กๆเขียนไว้ทำนองว่าเชิญอุดหนุนคุกกี้คนพิการ

ดังที่บอกว่ามุมสกาลวอล์กตรงนี้เป็นมุมที่มีสีสันเพราะมีคนและกลุ่มคนมากหน้าหลายตาแวะเวียนกันมาใช้สถานที่ ถ้าตอนเช้ามักเห็นแม่ชี ส่วนตอนกลางวันไปจนถึงเย็นมักเห็นกลุ่มคนเสื้อสีส้มกับเสื้อสีฟ้าสลับกัน สองกลุ่มนี้เห็นบ่อยที่สุด ส่วนคนอื่นๆที่ลุงแมวน้ำพูดถึง เช่น เด็กหญิงเป่าขลุ่ย ฯลฯ รวมทั้งคนขายคุกกี้นี้ ลุงแมวน้ำพบไม่บ่อยนัก

มีอยู่วันหนึ่ง ลุงแมวน้ำใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน ก็ว่าจะไปสวนลุมนั่นแหละ แต่ว่าจะแวะกินไอติมเสียก่อน พอลุงออกจากขบวนรถไฟฟ้าก็เดินไปทางบันไดเลื่อนด้านที่จะออกไปศาลาแดง บางทีลุงก็ขึ้นลิฟต์เพราะว่าแก่แล้ว ขึ้นบันไดเลื่อนเจ็บพุงอีกต่างหาก แต่วันนั้นลิฟต์ขัดข้อง ลุงจึงจำต้องขึ้นบันไดเลื่อน

ตอนที่ลุงขึ้นบันไดเลื่อนแล้วก็เหลือบมองย้อนไปทางขบวนรถไฟใต้ดินที่ลุงเพิ่งออกมา ก็เห็นชายขายคุกกี้คนนี้กำลังเดินลากรถเข็นที่บรรจุเต็มไปด้วยคุกกี้ ลุงเห็นชายคนนี้เดินอย่างยากลำบาก แต่ละก้าวช้ามาก เมื่อสังเกตดูจึงเห็นว่ารองเท้าของชายคนนี้ทั้งสองข้างเป็นรองเท้าพิเศษ เป็นพวกรองเท้ามีเหล็กดาม สำหรับคนที่ขาไม่ปกติ ลำพังเดินตัวเปล่าก็น่าจะลำบากอยู่แล้ว แต่นี่ยังลากรถคุกกี้อีก แถมยังต้องลากขึ้นบันไดเลื่อนอีก เห็นความอึดขนาดนี้ลุงก็ยอมแพ้แล้ว สักครู่หนึ่งก็เห็นเจ้าหน้าที่รถไฟฟ้ามาช่วยดันรถเข็นให้ขึ้นบันไดเลื่อนได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาคนขายคุกกี้มาส่งจนถึงข้างบน วันนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่ลุงทำความรู้จักกับคนขายคุกกี้ผู้นี้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นแม้ว่าเราจะไม่เคยคุยกันเลยก็ตาม

เอาละ เริ่มดราม่าแล้ว อ่านกันต่อ...

หลังจากนั้นผ่านมาหลายวัน ลุงแมวน้ำก็ไม่ได้เห็นคนขายคุกกี้คนนี้อีกเลย จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ลุงแมวน้ำเดินอยู่บนสกายวอล์ก มองแต่ไกล เห็นคนขายคุกกี้ยืนขายอยู่ที่มุมสกาลวอล์กตำแหน่งเดิม

ไม่ใช่แต่เพียงเท่านั้น ยังมีกลุ่มชายหญิงใส่เสื้อสี ยืนขอรับบริจาคอยู่ในทำเลเดียวกัน ลุงแมวน้ำว่าจะซื้อคุกกี้เสียหน่อย แต่พอเห็นคนเสื้อสี ลุงก็ยังไม่อยากเข้าไป เพราะถูกตื๊อบ่อยๆเข้าก็รำคาญเหมือนกัน ก็ยืนดูอยู่ห่างๆไปก่อน แบบว่าเป็นนักสังเกตการณ์น่ะ

ภาพที่ลุงเห็นคือชายหญิงที่ใส่เสื้อสีทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง พยายามกระจายกันเข้าไปทักทายคนที่เดินผ่านไปมาเพื่อชวนคุย คนเดินสกายวอล์กส่วนน้อยที่คุยด้วย แต่ส่วนใหญ่เดินหนี ลุงแมวน้ำมองดูก็คิดว่ามันเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก ทำไมดูแล้วเหมือนสิบแปดมงกุฎยังไงก็ไม่รู้

แต่ที่คาดไม่ถึงก็คือ การที่คนเหล่านี้โฉบไปโฉบมาทำให้คนเดินออกห่าง ผลก็คือคนขายคุกกี้ที่ยืนขายอยู่ตรงมุมสกายวอล์กนั้นขายคุกกี้ไม่ได้เลยเพราะว่าไม่มีคนเดินเข้าไปใกล้ กลายทำงานของชายหญิงกลุ่มนั้นเท่ากับเป็นการไล่แขกให้คนขายคุกกี้ไปในตัว ก็แม้แต่ลุงยังไม่อยากเดินผ่านเลย คนอื่นก็อาจมีความคิดคล้ายกันนี้ก็ได้

ลุงแมวน้ำคิดต่อไปอีกหน่อย คิดว่าชายหญิงกลุ่มนี้ทำงานสังกัดมูลนิธิ วัตถุประสงค์ก็เพื่อหาทุนไปช่วยเหลือผู้อื่น แล้วทำไมความเมตตาที่จะหยิบยื่นให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ยืนขายของอยู่ตรงที่เดียวกัน ขยับที่ให้สักนิดให้ลูกค้าเข้าไปซื้อคุกกี้ได้ ไม่ใช่กระจายตัวกันเป็นกำแพงไล่แขกอยู่แบบนั้น คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่เมตตาเอื้อเฟื้อ แล้วคุณจะทนลำบากมาหาเงินเอาไปช่วยคนที่อยู่ไกลๆได้อย่างไร ลุงแมวน้ำก็ยังสงสัย เป็นความสงสัยที่ยังหาคำตอบไม่ได้...

ลุงแมวน้ำยืนดูอยู่นานทีเดียว ในที่สุดก็เห็นคนขายคุกกี้ลากรถเข็นเดินเขยกช้าๆ ไปหาทำเลขายที่อื่น เห็นสองขาที่ค่อยๆก้าวอย่างยากลำบากทำให้ลุงนึกถึงเหตุการณ์ทีบันไดเลื่อนวันก่อน เห็นแล้วสะท้อนใจจริงๆ

วันนั้นลุงได้อุดหนุนคุกกี้พระพรนี้มาด้วย คุกกี้ใส่ในกล่องกระดาษ ราคากล่องละ 99 บาท ก็คิดเสียว่าหนึ่งร้อยบาทนั่นแหละ มีสองรส รสข้าวโอ๊ตกับรสงา กล่องหนึ่งมีประมาณ 30 ชิ้น น้ำหนักคุกกี้ 210 กรัม (ไม่รวมถุงและกล่อง) ลุงแมวน้ำเอามาชั่งเองเพราะอยากรู้ว่าคุกกี้ตกกิโลกรัมละเท่าไร คำนวณแล้วก็ได้ประมาณกิโลกรัมละ 500 บาท

ลองกินดูก็อร่อยแฮะ รสชาติอร่อยดีทีเดียว พูดถึงราคา หากวิจารณ์กันตรงไปตรงมาก็บอกว่าราคาค่อนข้างสูง เพราะว่าคุกกี้ทั่วไปราคาประมาณกิโลกรัมละ 300 บาทบวกลบ กิโลละ 500 บาทก็มีแต่ว่ามักเป็นพวกคุกกี้มีแบรนด์หรือคุกกี้นอก พวกของพรีเมียมน่ะ


คุกกี้พระพร ในกล่องกระดาษสีสวย มีสองรส รสข้าวโอ๊ตกับรสงา ราคากล่องละ 99 บาท น้ำหนักสุทธิของคุกกี้ในกล่องประมาณ 210 กรัม มีคุกกี้อยู่ 30-32 ชิ้น


ภาพคุกกี้ที่อยู่ในกล่อง


ข้อความที่ติดอยู่ที่ถุงคุกกี้พระพร

จากนั้นลุงแมวน้ำก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ที่ระบุไว้ในกล่องคุกกี้ คือ www.pantakij.com เมื่อเข้าไปดูก็พบว่าคุกกี้พระพรนี้ทำและขายโดยกลุ่มคนพิการ และทำเป็นธุรกิจอย่างจริงจัง ไม่รับเงินบริจาค วัตถุประสงค์ของธุรกิจก็เพื่อช่วยให้ผู้พิการมีอาชีพ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ในสังคมด้วยตนเอง กำไรจากการขายคุกกี้นี้นอกจากเอาไปส่งเสริมอาชีพผู้พิการแล้วยังแบ่งปันไปยังโรงเรียนในต่างจังหวัดด้วย หากพิจารณาตามเนื้อหาในเว็บไซต์แล้ว คุกกี้พระพรนี้จัดว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคมอย่างหนึ่งได้เลย

และยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มนี้ยังตั้งเป้าที่จะนำกำไรจากการขายคุกกี้ไปขยายธุรกิจต่อ โดยคิดทำธุรกิจ ไปรษณีย์พระพร ขึ้น อันเป็นธุรกิจไปรษณีย์เอกชนที่ผู้พิการเป็นเจ้าของและเป็นผู้ดำเนินกิจการ

ลุงแมวน้ำแอบสังเกตคนขายคุกกี้คนนี้ แกขายของทรหดมาก ความตั้งใจทำงานนี่ให้เกินร้อยไปเลย คุกกี้ก็อร่อย แถมยังตั้งใจทำธุรกิจจริงจัง ไม่ได้ขายความสงสารแต่สินค้าด้อยคุณภาพ ราคาคุกกี้แม้ค่อนข้างสูงแต่ไม่ได้ทำให้เกิดภาพในใจลุงแมวน้ำว่าขูดรีดหรือเอาเรื่องความด้อยโอกาสมาหากิน ตรงกันข้าม ลุงแมวน้ำกลับรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้มีศักดิ์ศรี ทำธุรกิจจริงจัง ของแพงหน่อยก็ว่ากันไปตามกลไกตลาด ของก็มีคุณภาพสมน้ำสมเนื้อ ถูกใจก็ซื้อ ไม่ถูกใจก็ไม่ต้องซื้อ

ลุงแมวน้ำอยากแนะนำว่าหากพบเห็น คุกกี้พระพร นี้ อาจลองแวะดู แวะชม หรือจะแวะคุยกับคนขายสักนิดก็ได้ ลุงแมวน้ำไม่ได้เชียร์ให้ซื้อ เพียงแค่อยากบอกว่า ซื้อแล้วสบายใจก็ซื้อไป ไม่สบายใจก็อย่าเพิ่งซื้อ เพราะเขาทำธุรกิจ อีกอย่างหนึ่งที่ลุงแมวน้ำอยากบอกก็คือ เรื่อง ไปรษณีย์พระพร ลุงแมวน้ำคิดว่าเข้าใจความฝันของพวกเขานะ เพราะลุงเองก็กำลังสานความฝันครั้งใหญ่ของลุงเหมือนกัน ดังนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกดี แต่ลุงแมวน้ำได้เปรียบกว่าตรงที่มีทุนอยู่แล้ว แต่พวกเขาเหล่านี้ยังต้องดิ้นรนสะสมทุนอยู่ ดังนั้นความฝันของเขาหากทำสำเร็จเมื่อไร ความฝันนั้นจะมีคุณค่าและมีความหมายยิ่งกว่าฝันของลุงแมวน้ำมากนัก เพราะเป็นฝันที่สำเร็จได้ด้วยหยาดเหงื่อ น้ำตา และความเหนื่อยยากนานาประการ... ของผู้ที่ยังขาดโอกาสในสังคม...

วันนี้ดราม่าไปหน่อยไหม หวังว่าคงไม่ว่ากัน ก็วันหยุดนี่ ไม่คุยเรื่องลงทุน เห็นอะไรที่อยากเล่าลุงแมวน้ำก็นำมาเล่า อยากให้ คุกกี้พระพร นี้เป็นพระพรสำหรับผู้ซื้อสมดังเจตนาของผู้ขายด้วย ^__^



ไปรษณีย์เอกชนที่เป็นธุรกิจของผู้พิการ ต่อยอดความฝันจากธุรกิจคุกกี้พระพร

Friday, August 24, 2012

24/08/2012 ทองคำพุ่ง, สัญญาณเศรษฐกิจ สรอ สับสน

รายงานวันเทรดที่ 23/08/2012


เมื่อวันที่ 23 ตลาดหุ้นย่านเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียว แต่ว่าเขียวไม่มาก ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดแดงเกือบทุกตลาด ยกเว้นอังกฤษที่ปิดเขียวได้ ส่วนตลาดหุ้นเยอรมนี ดัชนี DAX -1.0%

ทางด้านตลาดหุ้นสหรับอเมริกาก็ปิดแดง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ -0.9%

ที่น่าสนใจคือเรื่องค่าเงิน สัปดาห์นี้ค่าเงินเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า ทำให้เงินตราสกุลอื่นๆแข็งค่าขึ้น โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นไม่มากนักเนื่องจากเศรษฐกิจกลุ่มยูโรโซนยังอ่อนแออยู่ ที่แข็งค่าค่อนข้างมากได้แก่เงินตราสกุลมั่นคง เช่น ฟรังก์สวิส โครน โครนา และเงินตราสกุลเอเชียต่างๆ เช่น ดอลลาร์ออสเตรเลีย เงินบาท และงินริงกิตของมาเลเซีย ส่วนเงินเยนและดอลลาร์สิงคโปร์ช่วงนี้ไม่ค่อยเท่าไร แข็งค่าไม่มากนัก นอกจากนี้ ทองคำก็ยังพุ่งขึ้นมาแรงทีเดียว

สาเหตุก็เนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์ เฟด (FED) หรือธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ได้ออกรายงานการประชุมของคณะกรรมการตลาดเปิดของสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกว่า FOMC (Federal Open Market Committee) เป็นหน่วยงานย่อยในเฟด มีหน้าที่ควบคุมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งลักษณะงานก็คล้ายกับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) ของธนาคารแห่งประเทศไทยนั่นเอง

FOMC นี้ประชุมกันเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม ประชุมอยู่ 2 วัน คือ 31 กค. กับ 1 สค. จากนั้นก็มีการแถลงข่าวหลังเสรจประชุม ตอนนั้นตลาดหุ้นและตลาดอัตราแลกเปลี่ยนก็จับจ้องรอฟังแถลงข่าวกันมาทีหนึ่งแล้วว่าเฟดจะแย้มเรื่อง QE3 ออกมาหรือไม่ แต่ก็ไม่มีอะไร พอมาต้นสัปดาห์นี้ รายงานการประชุมของ FOMC ออกมา กลับมีประเด็นอยู่นิดหน่อย เพราะในรายงานการประชุมมีบันทึกไว้ว่า "คณะกรรมการหลายคนมีความเห็นว่าควรออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในเร็ววันนี้หากยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของ สรอ ฟื้นตัวไปได้พอสมควรแล้ว" ภาษาวกวนนิดหน่อย ภาษาการเมืองก็แบบนี้แหละ

เท่านั้นเอง ก็ไปตีความกันว่าเฟดส่งสัญญาณ QE3 ออกมาแล้ว ทองคำก็เลยพุ่ง เงินดอลลาร์ สรอ ก็อ่อนค่า เงินดอลลาร์ถูกขายและหนีไเป็นเงินสกุลอื่น ส่วนใหญ่เป็นสกุลมั่นคง และสกุลเอเชีย แต่สัปดาห์นี้เท่าทีดูการเปลี่ยนแปลง เงินเยนแข็งค่าน้อย เงินไหลเข้าไปในดอลลาร์ออสเตรเลีย บาท และริงกิตค่อนข้างมาก ทำให้สามสกุลนี้แข็งค่าขึ้นมาค่อนข้างมาก ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลของตลาดตราสารหนี้ไทยที่ว่ามีเงินต่างชาติไหลเข้ามาซื้อตราสารหนี้ไทยในเดือนที่แล้วและเดือนนี้ค่อนข้างมาก ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อคืนก็มีตัวเลขเกี่ยวกับการขายบ้านของ สรอ ออกมาอีก จำนวนบ้านที่ขายได้มีมากขึ้น แต่ราคาเฉลี่ยที่ขายได้ลดลง นี่ก็เป็นสัญญาณที่สับสนว่าเศรษฐกิจของ สรอ ดีขึ้นหรือไม่กันแน่

ยัง... เรื่องสับสนยังไม่หมด เงินดอลลาร์ สรอ อ่อน ทองคำก็ขึ้น แต่น้ำมันดิบไม่ขึ้นตาม กลับลงเสียอีก อีกทั้งสินค้าเกษตรก็ลง ตอนนี้สินทรัพย์เสี่ยงในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ อัตราแลกเปลี่ยน แม้แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร ก็ผันผวนและไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน เดาทิศทางกันไม่ถูก

ช่วงนี้หากอินกับข่าวมากๆจะมึน เดี๋ยวจะกินอาหารไม่อร่อย นอนก็ไม่เป็นสุข คำแนะนำของลุงแมวน้ำก็คือ สบายกว่ากันเยอะเลย อยู่เฉยๆดีกว่า แน่ะ ขอร้องเป็นเพลงเสียหน่อย เก็บเงินไว้ในกองทุนรวมตลาดเงินดีที่สุด สถานการณ์ชัดเจนแล้วค่อยมาว่ากันใหม่


ส่วนหนึ่งของรายงานการประชุม FOMC ที่เปิดเผยออกมาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ดูที่ระบายเข้ม



เงินดอลลาร์ สรอ ร่วง ภาพข้างล่างนี้เป็น usd index หรือดัชนีดอลลาร์ สรอ เกิดสัญญาณขายตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ภาพแท่งเทียนของลุงแมวน้ำยังเขียวอยู่ เกิดจากสูตรคำนวณปัดเศษคลาดเคลื่อน ลุงแมวน้ำยังแก้ไขไม่ทัน ที่จริงต้องเป็นแท่งแดงตั้งแต่วันที่ 21 แล้ว



ทองคำพุ่งตัดทะลุปลายชายธงขึ้นไป เป็นสัญญาณกลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้นชนิดหนึ่ง แต่เนื่องจากพิจารณาจากค่าโมเมนตัม แม้จะเริ่มมีกำลังมากขึ้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับเป็นขาขึ้น เนื่องจากหากเป็นกรณีราคาพุ่งแรงภายในวันหรือสองวัน ค่าโมเมนตัมจะขึ้นตามไม่ทัน กรณีนี้แผนภาพแท่งเทียนจะจับความเปลี่ยนแปลงไวกว่าค่าโมเมนตัม แต่ก็ยังไม่ควรประมาทและคิดว่าราคาทองคำจะไปโลด ต้องดูต่อไปอีก




กราฟเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราหลายสกุล หากดูกันเฉพาะในสัปดาห์นี้ เงินโครนาของสวีเดน ดอลลาร์ออสเตรเลีย บาท และริงกิตของมาเลเซีย แข็งค่าแรงกว่าสกุลอื่นๆ แต่หากนับทองคำด้วยก็ต้องบอกว่าทองคำแรงสุด




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 23/08/2012




ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 23/08/2012