Thursday, June 7, 2012

06/06/2012 * นับคลื่นทองคำ


การลงทุนและค่าเงิน 07/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 06/06/2012)



ลุงแมวน้ำไปแสดงหกคะเมนตีลังกาที่ต่างเมืองมาสองวัน ตอนไปหุ้นตกแรง ตอนกลับมาหุ้นขึ้นใหญ่ ตอนขึ้นนี่อาจจะเอาคืนแรงกว่าตอนที่ลงเสียอีก แต่จะขึ้นเท่าไรหรือลงเท่าไรก็ตาม อยากให้สังเกตกันประการหนึ่งก็คือความผันผวนเริ่มมากขึ้น ไม่ต้องดูค่าดัชนีความผันผวนก็ได้ เห็นหุ้นขึ้นลงวันละเกินกว่า 1% ต่อเนื่องกันละก็พอบอกได้แล้วว่าช่วงนี้ตลาดผันผวนมากขึ้น

วันที่ 06/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่รีบาวด์จากที่ลงไปเมื่อวันก่อน อีกทั้งรีบาวด์ได้ค่อนข้างแรงด้วย อินโดนีเซีย +3.3% ตลาดหุ้นอินเดีย +2.7% ยกเว้นจีนที่ปิดแดงนิดหน่อย -0.1%

ตลาดหุ้นไทย SET index +1.7% โดย SET index ปิดที่ 1117.95 แต่ต่างชาติขายสุทธิ 2391 ล้านบาท เริ่มสับสนกับท่าทีของฝรั่งแล้วใช่ไหม ทำไมบางวันซื้อ บางวันขาย หากงงก็อย่าไปสนใจ นี่ลุงแมวน้ำพูดจริงๆ ปกติลุงแมวน้ำดูฝรั่งซื้อขายประกอบเท่านั้น หากซื้อต่อเนื่องหรือขายต่อเนื่องหลายสัปดาห์ค่อยมีนัยสำคัญให้เอามาพิจารณาประกอบแนวโน้มและการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ แต่หากว่าซื้อบ้างขายบ้างแบบนี้ลุงแมวน้ำไม่ได้ให้น้ำหนักอะไร เพราะเอามาคิดก็สับสนเปล่าๆ

ตลาดฝั่งยุโรปก็รีบาวด์แรงเช่นกัน ส่วนใหญ่ขึ้นกันเกินกว่า +2% ดัชนีเอเธนคอมโพสิต (Athex composit index) ของกรีซอยู่ที่ 477.42 (+0.2%) ขึ้นน้อยมากเพราะขึ้นไม่ค่อยไหว อีกทั้งยังหลุด 500 จุดลงมาแล้วด้วย ส่วน DAX ของเยอรมนีปิด +2.1%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาก็รีบาวด์แรง ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +3.2% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา +2.4%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 06/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 82.2 จุดถึง 82.8 จุด เงินสกุลยุโรปแข็งค่า เงินยูโรกับฟรังก์สวิส +1.0% โครนกับโครนา +0.6% เงินรูเบิลผันผวนมาก วันนี้ +1.7%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกแข็งค่าเช่นกัน เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย +1.9% เงินดอลลาร์สิงคโปร์ +0.9% ส่วนเงินบาท +0.6% เงินเยนอ่อนค่า -0.6%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ทั้ง wti +1.1% และเบรนต์ +2.1% ด้านทองคำขึ้นเล็กน้อย +0.4% แต่โลหะเงิน +3.4% ปกติโละเงินเล่นแรงอยู่แล้ว ทองแดง +2.7% สินค้าเกษตรวันนี้รีบาวด์แรง ดัชนีสินค้าเกษตร 73.13 จุด (+2.6%)

เช้านี้ (07/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 82.2 จุด เงินยูโร 1.257 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.36 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.47 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 85.5 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 101.0 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1622 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์



นับคลื่นทองคำ


ลุงแมวน้ำติดค้างบทความเอาไว้นานแล้ว เขียนเอาไว้แล้วยังไม่จบ แล้วก็ไม่ได้มาต่อให้จบเสียที นั่นคือเรื่องเกี่ยวกับ ราคาทองคำ และ การลงทุนทองคำ บทความ เลือกลงทุนทองคำอะไรดี (1) อยู่วันที่ 02/03/2012 โน่นแน่ะ แวะไปดูก่อนก็ได้หากลืม พรุ่งนี้จะเขียนต่อให้จบ แต่วันนี้ขอนับคลื่นทองคำดูกันก่อน

ลองดูภาพต่อไปนี้


กราฟราคาทองคำและการนับคลื่น




สถานการณ์ราคาทองคำในตอนนี้แม้ว่าจะมีรีบาวด์ขึ้นมาจาก 1500 ดอลลาร์ สรอ กว่าๆ มาที่ 1600 ดอลลาร์ สรอ กว่าๆ แต่หากวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วสัญญาณกลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้นยังมีน้ำหนักน้อย เมื่อยังมีน้ำหนักน้อย ลุงแมวน้ำก็ยังต้องประเมินว่ายังเป็นทิศทางขาลงอยู่ ต่อเมื่อมีสัญญาณกลับทิศเกิดขึ้นหลายๆประการและมีน้ำหนักมากพอ จึงค่อยประเมินกันใหม่

ทีนี้จากการนับคลื่นในกรอบเวลาขนาดใหญ่ ดังภาพต่อไปนี้


กราฟราคาทองคำในรอบ 40 ปีและการนับคลื่นในระดับคลื่นใหญ่



ลุงแมวน้ำประเมินว่าขณะนี้เราอยู่ในคลื่นขาลง a-b-c ในระดับคลื่นสีน้ำเงิน แต่หากมองในระดับคลื่นใหญ่ (supercycle) เมื่อพิจารณาจากกราฟราคาทองคำในรอบ 40 ปี เราน่าจะอยู่ในคลื่นใหญ่ 4 (สีดำ) ซึ่งหากพิจารณาคลื่นในระดับสีน้ำเงินและสีดำร่วมกัน ลุงแมวน้ำคิดว่าคลื่นขาลง (สีน้ำเงิน) ครั้งนี้เป็นคลื่นเชิงซ้อน (complex wave) ตามอิทธิพลของคลื่น 4 (สีดำ) ซึ่งคงไม่ใช่นับกันง่ายๆแบบ a-b-c แต่น่าจะผันผวนมาก เช่น a-b-c-b-c หรืออาจเป็นรูปแบบเชิงซ้อนอื่นๆ แต่รวมความแล้วลุงแมวน้ำคิดว่าหากเป็นคลื่นเชิงซ้อนก็ไม่น่าเทรดเลย ควรหลีกเลี่ยง

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยใช้ระดับฟิโบนาชชีเป้าหมาย คาดว่ากว่าจะจบคลื่น c (สีน้ำเงิน) อันหมายถึงการจบคลื่น 4 (สีดำ) คงยังอีกนาน และราคาอาจลงไปได้ถึง 1100 ดอลลาร์ สรอ/สรอยออนซ์ ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงคิดว่าราคาทองคำที่ขึ้นไปในช่วงนี้ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของคลื่น 4 (สีดำ) มากกว่า

พรุ่งนี้คุยเรื่องทองคำต่ออีกครับ วันนี้ลุงแมวน้ำต้องไปแสดงแล้ว



ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 06/06/2012




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 06/06/2012

Monday, June 4, 2012

สรุปภาวะการลงทุนประจำเดือนพฤษภาคม 2012 (01/05/2012 - 31/05/2012)



วันนี้ลุงแมวน้ำมีของเล่นใหม่มาฝาก นั่นคือ รายงานสรุปภาวะการลงทุนประจำเดือน รายงานประจำเดือนนี้เป็นมุมมองที่กว้างกว่ารายงานประจำสัปดาห์ ทำให้เรามีมุมมองในกรอบเวลาต่างๆกันหลายกรอบ เชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่พวกเราบ้าง

ที่จริงวันนี้วันหยุด ลุงแมวน้ำยังอยากให้พวกเราพักสบายๆอีกสักวัน ไม่อยากเอาเรื่องการลงทุนมาทำให้จิตใจขุ่นมัว เพราะรายงานนั้นแดงทั้งฉบับเลย มีสีเขียวปนอยู่นิดเดียว แต่เนื่องจากลุงแมวน้ำติดภารกิจต้องไปแสดงที่ต่างจังหวัด ขวัญใจมหาชนก็แบบนี้แหละ ^_^ ไม่แน่ใจว่าวันอังคารเช้าจะอัปเดตทันหรือเปล่า ไหนๆก็ไหนๆ ทำเสียตอนนี้เลยก็แล้วกัน หากถูกใจโปรดส่งปลามาเป็นกำลังใจหน่อย

ในรอบเดือนพฤษภาคม 2012 หรือว่า 05/2012 ที่ผ่านมา สถานการณ์ทั่วโลกไม่ค่อยดีนัก สาเหตุหลักมาจากเรื่องปัญหาวิกฤตหนี้ของกลุ่มสหภาพยุโรปที่จริงต้องพูดให้ชัดอีกหน่อยว่าเป็นปัญหาที่มาจากกลุ่มประเทศที่ใช้เงินยูโรร่วมกัน (Eurozone) ซึ่งมีอยู่ 17 ประเทศ ส่วนกลุ่มสหภาพยุโรปนั้นมีทั้งหมด 27 ประเทศ

เงื่อนตายที่ยังคลายไม่ออกและเป็นเงื่อนสำคัญที่พาให้กลุ่มยูโรโซนนี้เสียหลักไปทั้งกลุ่มก็คือการที่แต่ละประเทศในกลุ่มมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไม่เท่าเทียมกันแต่กลับมาใช้เงินสกุลเดียวกัน ทำให้มีปัญหาในการบริหารทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน และการคลังของแต่ละประเทศ รวมทั้งเป็๋นปัจจัยเร่งที่ทำให้ปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซประทุขึ้นมาจนนานาประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มต้องทุ่มเงินเข้ามาช่วยอุ้ม

แต่อย่างไรก็ดี ยิ่งนานวันเข้าสถานการณ์ก็ยิ่งส่อว่าหนทางแก้ปัญหาของกลุ่มดูจะยากเย็นยิ่งขึ้นทุกที ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสได้กลุ่มฝ่ายซ้ายซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยมาตรการรัดเข็มขัด ตามมาด้วยผลการเลือกตั้งทั่วไปของกรีซที่พรรคฝ่ายขวาซึ่งสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัดไม่ได้รับเลือกมากพอที่จะตั้งรัฐบาลได้ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งขึ้นใหม่ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้สถาบันการเงินในสเปนและอิตาลีถูกลดอันดับเครดิตกันระนาว

เท่านั้นยังไม่พอ ทางฝั่งเอเชีย ตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนก็ออกมาไม่ค่อยดีเท่าไรนัก สะท้อนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใครต่อใครคาดหวังว่าจีนจะเป็นประเทศพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยโลก แต่สุดท้ายก็คงไม่ใช่ นอกจากนี้สถาบันการเงินของญี่ปุ่นยังถูกลดอันดับเครดิตอีกด้วยเช่นกัน ดังนั้นในเดือนที่ผ่านมาจึงเป็นเดือนที่มีแต่ข่าวไม่ค่อยดีเต็มไปหมด

ทีนี้มาดูตัวเลขในรายงานกันบ้าง ในเดือน 05/2012 ดัชนีชี้วัดตลาดหุ้นระดับโลกคือ Dow Jones Glogal Index กับ MSCI All Countries World Index ร่วงลงมาประมาณ -9% ทั้งคู่ แต่หากพิจารณาแยกตามภูมิภาคจะเห็นว่ากลุ่มยุโรปร่วงไปประมาณ -14% สหรัฐอเมริกา -6% กลุ่มเอเชียแปซิฟิกลงไป -10% กลุ่มละตินอเมริกาลงไป -14% กลุ่มแอฟริกาลงไป -8% สำหรับกลุ่มเอเชียแปซิฟิกนั้นหากดูย่อยลงไปอีก กลุ่มที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าเพื่อนคือกลุ่มอาเซียน (ASEAN.L) -5% และกลุ่มอ่าวผู้ผลิตน้ำมัน (กลุ่ม GCC) -4%

หากดูในรายประเทศ ประเทศที่ตลาดหุ้นลงแรงที่สุดคือกรีซ -25% รองลงมาคือรัสเซีย -22% ทำให้เงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนค่าอย่างหนัก ผู้ที่ถือกองทุนกลุ่ม BRICS อยู่ต้องระมัดระวังเพราะนอกจากรัสเซียที่ลงหนักแล้ว จีน อินเดีย บราซิลก็ออกอาการเป๋แล้วเช่นกัน

ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงในเดือนที่ผ่านมานั้นไม่มีเลย มีพียงตลาดหุ้นจีนที่บวกได้นิดหน่อย คือ +0.2% และตลาดหุ้นมาเลเซีย +0.6% ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นเดือนที่ผ่านมา ปรับตัวลง -7%

สำหรับตลาดหุ้นไทย หุ้นในกลุ่ม SET50 ที่ยังมีแรงอยู่ก็คือกลุ่มค้าปลีก BIGC +14% และ ROBINS +10% ส่วน CPALL ลงไป -10% และบางตัวที่อาการหนักคือ STA -25%, ESSO -22%, PTTGC -21%, BANPU -19%

ทางด้านสินค้าโภคภัณฑ์ เดือน 05/2012 ทองคำ (GC) ลงไป -6% น้ำมันดิบ WTI (CL) -17% สินค้าเกษตร -10% สินค้าเกษตรลงหนักตามราคาน้ำมันดิบ ยางพารา RSS3 ก็ลงไป -10% เช่นกัน แม้ว่าจะพยายามดึงและดันราคาเอาไว้ด้วยข่าวต่างๆ แต่สุดท้ายราคาก็เป็นไปตามกลุ่ม

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แข็งค่ามาก ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD Index, DX) +5.4% เงินยูโรอ่อนค่า -6.4% เงินเยนแข็งค่า +1.8% เงินบาทอ่อนค่า -3.6% สิงคโปร์ดอลลาร์ -4.1%

ทางด้านตลาดตราสารหนี้ อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ทั่วโลกส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงเนื่องจากเงินหนีความผันผวนจากตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์เข้าไปพักผ่อนอยู่ในตลาดตราสารหนี้ โดยเฉพาะอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอมริกันลดลงอย่างฮวบฮาบเนื่องจากผลของอัตราแลกเปลี่ยนด้วย คือเงินสกุลเอเชียและยุโรปส่วนหนึ่งไหลออกและเข้าไปอยู่ในเงินสกุลดอลลาร์ สรอ และพันธบัตรอเมริกัน

วันนี้ลุงแมวน้ำจะพูดถึงเรื่องตราสารหนี้มากหน่อย เพราะตัวเลขต่างๆที่เกี่ยวกับตราสารหนี้ก็พอจะบอกอะไรเกี่ยวกับตลาดหุ้นได้ด้วยเช่นกัน ลองมาดูกันดังภาพต่อไปนี้



ภาพข้างบนเป็นอัตราผลตอบแทนของ พันธบัตรรัฐบาลกรีซ อายุ 10 ปี จะเห็นว่าสถานการณ์ในเดือนมีนาคมดีขึ้น เพราะว่าอัตราผลตอบแทนลดลง แต่ก็ยังถือว่าสูงลิ่วอยู่ (ปกติไม่ควรเกิน 7%) จากนั้นเดือนพฤษภาคม หลังเลือกตั้ง สถานการณ์ก็แย่ลงอีก ดูจากอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นแสดงว่าพันธบัตรนี้ไม่มีใครอยากได้ ใครที่มีอยู่ก็พยายามขายออกไป




ภาพข้างบนเป็น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสเปน อายุ 10 ปี จะเห็นว่าขยับเข้ามาใกล้ 7% ขึ้นทุกที หากเกินกว่า 7% แปลว่าต้นทุนทางการเงินของรัฐบาลสเปนสูงมากจนเกินกำลังที่จะชดใช้หนี้ได้แล้ว จำเป็นต้องมีใครมาช่วยอุ้ม ซึ่งก็หนีไม่พ้นไอเอ็มเอฟและธนาคารกลางของยุโรปกับสถาบันและกลไกทั้งหลายที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับปัญหาวิกฤติหนี้ ตอนนี้สเปนมีปัญหาเรื่องประชาชนขาดความมั่นในในสถาบันการเงินและพากันถอนเงินจากธนาคารไปเก็บไว้ที่บ้านแล้ว กรีซก็เช่นกัน หากปัญหาลุกลามอาจทำให้สถาบันการเงินพังและลามเป็นโดมิโนได้ ผลสุดท้ายยากคาดเดา




ภาพข้างบนเป็น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี อายุ 10 ปี แนวโน้มเข้าใกล้ 7% เข้าไปทุกทีเช่นกัน




มาดู อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อายุ 10 ปี กันบ้างตามภาพข้างบนนี้ จะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนลดอย่างฮวบฮาบแม้อัตราผลตอบแทนจะต่ำมากก็ตาม เพราะนักลงทุนตองการหาที่ที่ปลอดภัย ไม่ใช่ต้องการเก็งกำไร




อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนี อายุ 10 ปี ก็เช่นกัน ดังภาพบน อัตราผลตอบแทนน้อยมากแต่ก็มีแต่คนอยากได้




มาดูด้านพันธบัตรเอเชียกันบ้าง ข้างบนเป็น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย อายุ 10 ปี นักลงทุนใช้เป็นที่หลบภัยเช่นกัน



อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี ไม่ค่อยเคลื่อนไหวนัก เพราะมีเงินไหลออกนั่นเอง



จากภาพต่างๆข้างบน พันธบัตรในย่านเอเชียนั้นแม้จะมีอัตราผลตอบแทนที่ลดลง (แปลว่ามีคนอยากซื้อ) แต่ลุงแมวน้ำคาดว่าเงินลงทุนบางส่วนต้องไหลออกไปเข้าสหรัฐอเมริกาและดอลลาร์ สรอ เพราะว่าช่วงนี้เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่ามาก และน่าจะแข็งค่าต่อไปได้อีก เงินลงทุนจากตะวันตกที่เข้ามาในเอเชียเมื่อเจอกับค่าเงินดอลลาร์ สรอ ที่แข็ง แม้ว่าได้กำไรจากพันธบัตรก็อาจไม่มากนัก ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอาจมากกว่า ดังนั้นเงินบางส่วนจึงต้องไหลกลับ

ทีนี้หากพวกเราต้องการพักเงินในตลาดพันธบัตรบ้างจะทำอย่างไร ทางเลือกสำหรับนักลงทุนรายย่อยของไทยก็คือฝากเงินกับกองทุนตลาดเงิน ซึ่งลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของไทย ในบ้านเรายังไม่มีกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรระยะยาว กับอีกทางเลือกหนึ่งคือลงทุนกับกองทุนรวมตราสารหนี้ที่เป็น FIF คือไปลงทุนในกองทุนพันธบัตรในต่างประเทศอีกทีหนึ่ง ซึ่งก็มีอยู่เพียงไม่มีกองทุน เท่าที่ลุงแมวน้ำรวบรวมไว้ในตาราง

KFTRB กองทุนแม่คือ PIMCO Total Return Bond Fund นโยบายกองทุนคือลงทุนในตราสารหนี้สหรัฐอเมริกา ซึ่งฟังดูเผินๆก็น่าจะดีและให้ผลตอบแทนได้ดีในช่วงนี้เพราะว่าพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันกำลังเป็นที่ต้องการ ราคาพันธบัตรอเมริกันอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นในเดือนเดียวถึง +5.2%  แต่หากดูจากการเปลี่ยนแปลงของ NAV ของ KFTRB ในรอบเดือนที่ผ่านมา nav +0.8% เท่านั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่ราคาดีในตอนนี้เป็นพวกที่อายุเกิน 7 ปี ส่วนของ PIMCO อายุเฉลี่ยไม่ได้นานขนาดนั้น และอีกประการ ในขณะนี้ PIMCO มีโครงสร้างการลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ MBS (Mortgage-backed Securities) ซึ่งเป็นตราสารหนี้ที่ผูกพันกับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยมีอยู่ในพอร์ตประมาณกว่า 50% ซึ่งตราสารพวกนี้เคลื่อนไหวไปตามทิศทางตลาดหุ้น สรอ และมีพันธบัตรอยู่ประมาณ 30% ของพอร์ต ดังนั้นเมื่อตลาดหุ้นลง nav ของ PIMCO ก็ลดลงด้วย

ส่วนอีกสองกองทุนที่มีกองทุนแม่เป็น Templeton Global Bond Fund กับ Aberdeen Global - Emerging Markets Bond Fund ลงทุนในตราสารหนี้ตลาดเกิดใหม่ สองกองทุนนี้มีดูเรชัน (duration) ต่างกัน กองหลังดูเรชันประมาณ 10 ปีซึ่งดูเผินๆก็น่าจะดี แต่ก็ดังที่ลุงแมวน้ำบอกคือเสียเปรียบในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อดอลลาร์ สรอ แข็ง ดูค่า nav ที่สวนทางกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรก็คงพอทำให้เราทราบได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีผลมากเพียงใด


ความเห็นของลุงแมวน้ำก็คือ ช่วงนี้พักเงินในกองทุนตลาดเงิน (money market fund) ก่อนดีกว่า ได้แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ได้น้อยแต่ก็ไม่ขาดทุน แต่เลือกกองด้วยนะ


อีกประการคือ ทองคำ แต่ต้องรอก่อน ไม่ใช่ตอนนี้ สำหรับตอนนี้แค่ตามดูไปก่อน เพราะว่าหากวิกฤตหนี้ยุโรปลุกลามจนถึงขั้นสถาบันการเงินล้ม เมื่อนั้นคนจะถอนเงินจากธนาคารและซื้อทองคำเก็บบางส่วน อีกประการ ปี 55 นี้สถาบันคุ้มครองเงินฝากของไทยจะลดการคุ้มครองเหลือเพียงบัญชีละ 1 ล้านบาท ดังนั้นทองคำอาจเป็นทางเลือกได้ทางหนึ่ง แต่ลุงแมวน้ำขอย้ำว่ายังไม่ใช่เวลานี้ ตอนนี้ทองคำยังเป็นขาลงอยู่ แล้วลุงแมวน้ำจะมาวิเคราะห์ทองคำในความเห็นแบบแมวน้ำๆให้ฟังในโอกาสต่อไป 

ตอนนี้ขอลาไปก่อนละคร้าบ ^_^