Monday, April 23, 2012

สรุปรอบสัปดาห์ * ตลาดหุ้นขึ้นเล็กน้อย ยุโรปเด่น ยูโรแข็งค่า สินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัว



วันนี้ลุงแมวน้ำปรับปรุงรายงานใหม่ นั่นคือ ในคอลัมน์ Change ในตารางนั้นเดิมทีเป็นการเปลี่ยนแปลงของราคา (หรือดัชนี) ที่เป็นรายวัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าวันนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวานร้อยละเท่าไร แต่เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาลุงแมวน้ำรายงานตารางดัชนี หุ้น และฟิวเจอร์สนี้สัปดาห์ละครั้ง ลุงแมวน้ำจึงปรับให้คอลัมน์ Change นี้เปลี่ยนเป็น Change (% week) อันหมายความว่าราคาหรือ ณ วันสิ้นสัปดาห์ เปลี่ยนแปลงไปจากวันสิ้นสัปดาห์ก่อนหน้าเท่าไร คิดเป็นร้อยละ อันที่จริงดูเป็นรายสัปดาห์ก็เห็นภาพในมุมมองที่กว้างขึ้น ลุงแมวน้ำกว่าดีเหมือนกัน

อย่าเห็นว่าเปลี่ยนแปลงรายการเพียงคอลัมน์เดียว ลุงแมวน้ำแก้รายงานจนมึน เพราะการคำนวณเปลี่ยนไปพอสมควร กว่าจะแก้เสร็จต้องกินยาหอมไปหลายแก้วทีเดียว ^_^

สัปดาห์ที่ 16/04/2012-20/04/2012 ตลาดหุ้นโดยรวม ดัชนีระดับโลกปรับตัวขึ้นเล็กน้อย แต่หากพิจารณาในระดับภูมิภาค ตลาดหุ้นยุโรปขึ้นมากที่สุดโดยเน้นในกลุ่มตลาดสำคัญ เช่น อังกฤษ เยอรมนี ยุโรปเหนือ ฯลฯ ส่วนตลาดยุโรปตะวันออกยังอ่อนตัว สเปนร่วงลงอีก -2.0% ฝั่งอเมริกาเหนือก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนฝั่งอเมริกาใต้อ่อนตัวนิดหน่อย

ดัชนีโลก Dow Jones Global index (W1DOW) ซึ่งเฉลี่ยจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น +0.8% ดัชนีโลกอีกดัชนีหนึ่งคือ MSCI All Country World Index ก็เพิ่มประมาณ +1.2% ดัชนีตลาดหุ้นกลุ่มยุโรป Dow Jone Europe Index (E1DOW) +2.7%

ดัชนีตลาดหุ้นกลุ่มเอเชียแปซิฟิกเฉลี่ยในรอบสัปดาแล้วปรับตัวลงเล็กน้อย คือ -0.6% หากดูในส่วนดัชนีตลาดกลุ่มอาเซียน FTSE ASEAN USD Index (ดูแทนด้วย ASEAN.L) ปรับตัว -1.0% ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้อ่อนตัวทำให้ฉุดกลุ่มลง

ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงในรอบสัปดาห์ ได้แก่ ตลาดหุ้นเม็กซิโก เยอรมนี อังกฤษ และสวีเดน เหล่านี้ +2% กว่าๆ ตลาดหุ้นที่ลงแรงคือตลาดหุ้นอาร์เจนตินา -6.5% น่าจะเป็นเพราะการเมืองเนื่องจากรัฐบาลอาร์เจนตินามีนโยบายยึดบริษัทน้ำมันคืนจากเอกชนมาเป็นรัฐวิสาหกิจ กับตลาดที่ลงแรงรองลงมาคือตลาดหุ้นไต้หวัน

ส่วนตลาดหุ้นไทยในรอบสัปดาห์ SET index ปรับตัวขึ้น +2.2% ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิต่ออีก โปรแกรมพอร์ตจำลองถือหุ้นในกลุ่ม SET50 เพิ่มเป็น 30 ตัว หุ้น LH ขึ้นแรง +11% รองลงมาคือ BH และ MINT +7% หุ้นที่ลงแรงคือ TUF -8%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ในรอบสัปดาห์อ่อนตัว ทั้งน้ำมันดิบ สินค้าเกษตร และทองคำ มีกลุ่มโลหะอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นได้ น้ำตาล (SB #11) ลงแรง -5.5% ตามมาด้วยข้าวโพด (C) -2.9% น้ำตาลและข้าวโพดไม่ใช่พืชอาหารเพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเอทานอลที่ใช้เป็นพลังงานด้วย ช่วงนี้บราซิลมีผลผลิตอ้อยสูงประกอบกับราคาพลังงานอ่อนตัว ราคาอ้อยกับข้าวโพดจึงอ่อนตัว ที่ปรับตัวเพิ่มมีเพียงไม่กี่สินค้า เช่น โกโก้ (CC) +3% ช่วงนี้โกโก้กับถั่วเหลืองขึ้นต่อเนื่อง ถั่วเหลืองแพงขึ้นมาก

ทองคำ (GC) -1.5% ส่วนน้ำมันดิบ wti -0.5% แต่น้ำมันดิบเบรนต์ -2.0% ดัชนีสินค้าเกษตร DJUBSAG ตลอดสัปดาห์ปรับตัวลง -1.3% ส่วนยางพารายังลงต่อ -2.3%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในรอบสัปดาห์เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาอ่อนตัวลง ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อ่อนตัว -1.0% เงินตราสกุลยุโรปแข็งค่า เงินยูโร ฟรังก์สวิส โครน โครนา แข็งค่าประมาณ +1.0% ทางด้านเงินตราเอเชียแปซิฟิกอ่อนตัว เงินเยนอ่อน -0.7% ดอลลาร์สิงคโปร์อ่อนนิดหน่อย -0.17% เงินบาทอ่อน -0.23 เงินบาทอ่อนค่ากว่าเงินสิงคโปร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียทรงตัว

ด้านตราสารหนี้ ลุงแมวน้ำยังปรับปรุงอยู่ มีปัญหาเรื่องข้อมูลอยู่บ้าง ลองรายงานเป็นกองทุนตราสารหนี้ไปก่อนก็แล้วกัน สัปดาห์นี้ KFTRB (ลงทุนใน PIMCO Total Return Bond Fund) มี nav เพิ่มขึ้น +0.3% ส่วน TMBGRF (ลงทุนใน Templeton Global Bond fund) มี nav เพิ่มขึ้น +0.4%


ค่าเงินวันนี้ 23/04/2012

เที่ยงนี้ (23/04/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 79.2 จุด เงินยูโร 1.320 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 81.37 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 30.95 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 103.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 118.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1642 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์


กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ


ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆ

Saturday, April 21, 2012

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เมนูประหยัด เมนูลดน้ำหนัก ต้มยำเห็ดนางฟ้า





ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้สินค้าขึ้นราคาไปมากทีเดียว โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร ข้าวแกงริมถนนเดี๋ยวนี้ราคาจานละ 35-40 บาทไปแล้ว ในขณะที่ข้าวแกงตึกแถว (หมายถึงร้านในตึกแถว) ราคาจานละ 30-35 บาท ไม่น่าเชื่อแต่ว่าก็เป็นเรื่องจริงที่ราคาอาหารตามแผงลอยริมถนนนั้นราคาแพงกว่าที่ขายในร้านห้องแถวเสียอีก

สินค้าขึ้นราคานั้นกลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มอาหาร ของใช้ยังพอประหยัดได้ เสื้อผ้าก็เปลี่ยนใหม่ช้าลงหน่อย ก็พอประทังไปได้ แต่อาหารการกินนี่สิ จะบอกว่ากินให้น้อยลงก็พูดยาก บางคนกินมากจะลดให้น้อยก็พอไหว แต่บางคนกินน้อยอยู่แล้วก็ไม่รู้ว่าจะลดอย่างไร อีกอย่างหนึ่งก็คือผู้ที่มีรายได้น้อยนั้นรายจ่ายส่วนใหญ่หมดไปกับค่าอาหารการกิน โดยเฉลี่ยแล้ว 60%-70% ของรายจ่ายในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยหมดไปกับค่าอาหารการกิน ดังนั้นการที่อาหารขึ้นราคาจึงกระทบกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมากกว่ากลุ่มอื่น

เอาละ ก็สรุปว่าข้าวของแพง ราคาอาหารแพง วันนี้ลุงแมวน้ำจึงเอาเมนูราคาประหยัดที่ลุงแมวน้ำทำกินเองมาทำให้ชมให้อ่านกันดีกว่า เป็นอาหารที่แคลอรีต่ำ แต่ให้คุณค่าทางโภชนาการใช้ได้เลยดีเดียว ราคามือละ 16 บาทเอง นอกจากเป็นเมนูราคาประหยัดแล้วยังเหมาะเป็นเมนูลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะว่าให้แคลอรีต่ำและไขมันต่ำ กินเป็นอาหารมื้อเย็นก็เหมาะมาก เพราะว่ามื้อเย็นกินแล้วก็พักผ่อน กลางคืนไม่ได้ใช้พลังงานอะไร ไม่จำเป็นต้องกินอาหารมื้อหนัก นี่ลุงแมวน้ำแนะให้ประหยัด แต่ในทางเศรษฐศาสตร์บอกว่าการประหยัดนี่ไม่ดี เพราะเป็น paradox of thrift คึอประหยัดแล้วจะเกิดผลเสียเนื่องจากเศรษฐกิจไม่หมุน จีดีพีไม่โต หากคนประหยัดกันหมดผู้ผลิตจะอยู่ไม่ได้แล้วเลิกจ้างคนงาน ก็จะมีคนตกงาน แล้วเศรษฐกิจก็จะยิ่งหดตัว ผู้คนก็จะยิ่งลำบาก ว่าไปโน่น แต่ในฐานะปัจเจกบุคคลเราแต่ละคนคงต้องคิดถึงการคุ้มครองเงินในกระเป๋าของเราก่อน เรื่อง paradox of thrift คงต้องเอาไว้ว่ากันทีหลัง

อาหารมื้อประหยัดของลุงแมวน้ำวันนี้เป็น ต้มยำเห็ดนางฟ้า ส่วนประกอบก็มีเห็ดนางฟ้า โปรตีนเกษตร (หรือถั่วเหลืองก็ได้) เต้าหู้อ่อน งา และผักหวานบ้าน กับเครื่องปรุงอีกนิดหน่อย นั่นคือ ต้มยำก้อนสำเร็จรูป

ที่ลุงแมวน้ำอยากจะแนะนำเป็นพิเศษก็คือเห็ดนางฟ้านี่แหละ หลายๆคนชอบกินผักแต่ก็กลัวยาฆ่าแมลงที่แฝงมาในผัก จะซื้อผักปลอดสารหรือผักอินทรย์ก็แสนแพง ลุงแมวน้ำจึงแนะนำเห็ดนางฟ้า ราคาไม่แพง มีคุณค่าทางอาหารในแง่ให้วิตามิน กรดอมิโนบางตัว และเกลือแร่บางชนิด นอกจากนี้ยังมีเส้นใยสูง ช่วยในการขับถ่าย อีกทั้งพวกเห็ดนี่ใช้ยาฆ่าแมลงไม่ได้ เพราะเห็ดจะตาย ดังนั้นการบริโภคเห็ดจึงปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง กินผักแล้วสลับมากินเห็ดบ้างก็ไม่เลว ที่ควรระวังเกียวกับเห็ดก็มีอยู่บ้าง เช่น เห็ดหูหนูขาว อาจมีการใช้สารฟอกสีได้เพื่อให้ขาวสวย

เห็ดนางฟ้ามีหลายราคา ราคาเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หน้าหนาวแพงหน่อย แต่หน้าอื่นก็ไม่แพง เห็ดนางฟ้ามีหลายเกรด หลายราคา เกรดของเห็ดนางฟ้าแบ่งตามขนาดดอกเห็ด ดอกใหญ่เนื้อจะเหนียว ราคาถูกหน่อย ส่วนดอกเล็กจะกรอบกรุบ ราคาแพงหน่อย เมื่อปลายปีที่แล้วเห็นนางฟ้าราคาอยู่ในช่วงกิโลกรัมละ 30 บาท ถึง 80 บาท ขึ้นกับเกรดอย่างที่ว่า แต่หากไปซื้อเห็นนางฟ้าตามตลาดสดตอนเย็นๆ ราคาจะถูกลงอีกครึ่งหนึ่ง เพราะว่าแม่ค้าจะขายเลหลัง ลุงแมวน้ำชอบไปซื้อตอนเย็นนี่แหละ ถูกดี ^_^ เมื่อปลายปีที่แล้ว ลุงแมวน้ำซื้อได้ในราคาตอนเย็น กิโลกรัมละ 15 บาท เอง แต่มาปีนี้ เห็ดนางฟ้าเกรดดอกใหญ่หน่อย กิโลกรัมละ 40 ถึง 60 บาท และหากไปตอนเย็นก็ไม่มีของอีก ของมีน้อย ตอนนี้ลุงแมวน้ำจึงต้องซื้อในราคากิโลกรัมละ 60 บาทและต้องไปตอนเช้าด้วย กลัวหมด จ๊าก...

ส่วนประกอบสำคัญอีกอย่างของเมนูลุงแมวน้ำก็คือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ใช้เป็นแหล่งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่ลุงแมวน้ำใช้ก็มีโปรตีนเกษตร เต้าหู้อ่อน และถั่วเหลืองเมล็ด และพวกนี้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการที่ต่างกัน

มาดูกันที่ถั่วเหลืองเมล็ดก่อน ถั่วเหลืองเมล็ดแห้งนี่หาซื้อง่าย ตามห้างก็มี ถุงหนึ่ง 500 กรัม ราคายี่สิบกว่าบาท แบ่งกินได้ตั้งหลายครั้ง ถั่วเหลืองเมล็ดแห้งมีสารอาหารครบครัน แถมได้ฮอร์โมนพืชด้วย เพราะเรากินถั่วเหลืองทั้งเมล็ด แต่ก็มีไขมันสูง หากคนที่ไขมันไม่สูงก็กินได้ไม่เป็นไร หากไขมันสูงต้องระวังไว้บ้าง

ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองที่อยากแนะนำถัดมาคือโปรตีนเกษตร กิโลกรัมหนึ่งเกือบร้อยบาท โปรตีนเกษตรนี้ทำมาจากถั่วเหลืองเมล็ดที่สกัดน้ำมันออกแล้ว ส่วนใหญ่จึงเป็นแป้งกับโปรตีน ดังนั้นหากระวังเรื่องไขมันก็กินโปรตีนเกษตรดีกว่า

เต้าหู้ เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอีกอย่างหนึ่ง เต้าหู้ทำจากน้ำต้มถั่วเหลือง (ก็น้ำเต้าหู้นั่นแหละ) คือเอาถั่วเหลืองต้มน้ำแล้วเอาส่วนที่ละลายอยู่ในน้ำมาทำ ส่วนกากถั่วเหลืองที่เหลือจากการต้มก็เอาไปทำอย่างอื่นต่อ เช่น ทำขนม ฯลฯ ดังนั้นเต้าหู้จึงมีคุณค่าทางโภชนาการน้อยหน่อย คือมีทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน แต่ในปริมาณน้อยลง เพราะคุณค่าบางส่วนยังติดอยู่ในกากถั่วเหลืองนั่นเอง

เต้าหู้มีสองแบบ คือเต้าหู้อ่อน (เต้าหู้หลอดก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้) ลักษณะอ่อนนุ่มกลิ่นอ่อน เต้าหู้อ่อนทำจากน้ำเต้าหู้กับแคลเซียมซัลเฟต ดังนั้นคนที่กินเต้าหู้อ่อนจะได้รับแคลเซียมด้วย ส่วนเต้าหู้แข็งมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง กลิ่นแรง พวกนี้เตรียมจากน้ำเต้าหู้กับแมกนีเซียมซัลเฟต คนที่กินเต้าหู้แข็งจะไม่ได้รับแคลเซียมส่วนเพิ่ม ลุงแมวน้ำใช้เต้าหู้อ่อนเพราะกลิ่นอ่อนกว่าและได้แคลเซียม ราคาเต้าหู้อ่อนตามตลาดสดตกประมาณห่อละ 10 บาท (200 กรัม) ตามต่างจังหวัดบางทีก็เรียกเต้าหูใบตองเพราะว่าเอาใบตองห่อ แต่ก็คือเต้าหู้อ่อนนั่นเอง จะใช้เต้าหู้หลอดก็ได้แต่ว่าแพงขึ้นอีกหน่อย

เอาละ เมื่อรู้จักส่วนประกอบสำคัญแล้วทีนี้ก็มาปรุงกันดีกว่า วิธีทำก็ไม่ยุ่งยาก มีเพียงเตาแก๊ส เตาไฟฟ้า หรือเตาไมโครเวฟก็ทำได้ทั้งนั้น

ขั้นแรกก็เอาเห็นนางฟ้า 150 กรัม เต้าหู้อ่อนหรือเต้าหู้หลอด 50 กรัม กับผักหวานบ้านนิดหน่อยมาล้างน้ำ ผักหวานนี่ลุงแมวน้ำปลูกเอง จึงไม่ได้คิดราคา ^_^ จากนั้นเอามาต้มให้เดือด หรือใช้ต้มในเตาไมโครเวฟก็ได้ คือทำยังไงก็ได้เพื่อให้เกิดการต้ม

เมื่อเดือดสักครู่แล้วก็ใส่โปรตีนเกษตรลงไป 15 กรัม ทิ้งไว้สักครู่โปรตีนเกษตรก็จะนิ่ม วันนี้ลุงแมวน้ำทำเป็นเมนูที่ใช้โปรตีนเกษตร (หากใช้ถั่วเหลืองก็ดัดแปลงนิดหน่อย คือแช่ถั่วเหลือง 6 ชั่วโมงจนนิ่ม จากนั้นเอาไปต้มพร้อมกับเห็ดนางฟ้า) แล้วก็ใส่ก้อนต้มยำลงไป ก้อนนี้ราคาประมาณก้อนละ 3 บาท ลุงแมวน้ำใช้ครึ่งก้อนเอง ไม่ต้องใส่มากเพราะว่าเกลือสูง จากนั้นก็โรยงาคั่วลงไปสัก 20 กรัม (กะประมาณเอาก็ได้ ไม่ต้องชั่งน้ำหนักหรอก) แล้วถ้าอยากได้รสชาติเข้มข้นอีกนิดก็ใส่น้ำพริกเผาเพิ่มลงไปเองก็ได้ตามด้วยน้ำมะนาวอีกหน่อย หรือจะไม่ใส่ก็ได้

เมนูนี้เป็นเมนูเกือบเจ ที่บอกว่าเกือบเจก็เพราะว่าก้อนต้มยำนั่นแหละ ข้างกล่องเขียนว่ามีส่วนประกอบของไก่ จึงทำให้เมนูนี้เป็นแค่เกือบเจ 

ผู้ที่กินเจหรือกินมังสวิรัติมักได้โปรตีนจากถั่วเหลืองเป็นหลัก ซึ่งถั่วเหลืองนี้ขาดกรดอะมิโนสำคัญที่ร่างกายต้องการอยู่ชนิดหนึ่งคือเมไทโอนีน (methionine) คือมีน้อยจนไม่เพียงพอ ไม่ถึงกับไม่มีเลย แต่ในงามีเมไทโอนีนสูง ดังนั้นจึงควรกินถั่วเหลืองคู่กับงา ร่างกายจะได้ไม่ขาดเมไทโอนีน



แค่นี้เอง เสร็จแล้ว เมนูนี้ให้พลังงานประมาณ 180 กิโลแคลอรี ราคาประมาณ 16 บาท นี่คิดจากวัตถุดิบที่ใช้ปรุง ไม่ได้คิดค่าพลังงาน ได้โปรตีนประมาณ 17 กรัม เยอะกว่าการกินข้าวมันไก่หนึ่งจานเสียอีก ไขมันมีเพียง 6 กรัมเท่านั้น ส่วนไกลซีมิกโหลด (glycemic load) ไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าต่ำมาก กินบ่อยๆหุ่นดีเชียว มีเงินเหลือเก็บอีกด้วย ขอบอก แต่อย่าบ่อยมากเกินไป สลับกับการกินอย่างอื่นบ้าง ถั่วเหลืองนี่มีกรดยูริกสูง หากกินมากบางคนถึงกับมีค่ากรดยูริกในเลือดสูงขึ้นมาก ก็ต้องระวังเรื่องโรคเก๊าต์ไว้ด้วย ดังนั้นควรกินสลับดีกว่า อย่ากินอะไรอย่างเดียวซ้ำๆ