Saturday, March 3, 2012

เช้าวันหยุดกับมัฟฟินเว้นกรรม มัฟฟินธัญพืชทุเรียน



เช้านี้เป็นเช้าวันหยุดอันสดใส อากาศยามเช้าตรู่เย็นสบาย แถวโรงละครสัตว์ของลุงแมวน้ำมีเสียงนกจ้อกแจ้กจอแจทีเดียว ปกติลุงแมวน้ำไม่เคยโพสต์นอกวันเทรดเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่เราต้องลอง ต้องเรียนรู้ อะไรที่เป็นเรื่องดีๆก็สามารถริเริ่มได้ ลองทำดูได้ จริงไหม

วันนี้ลุงแมวน้ำตื่นแต่เช้า ยังไม่สว่างดีเลย วันหยุดมาใช้ชีวิตสบายๆกันดีกว่า ไม่มีกำไรขาดทุน ไม่มีราคาหุ้น ไม่มีกราฟ ไม่มีการวิเคราะห์ทางเทคนิค เอาความคิดเรื่องการลงทุนออกจากสมองไปชั่วคราว ลุงแมวน้ำเอาผ้ากันเปื้อนคาดพุง ควงตะหลิวเข้าครัว เอ... ไม่ใช่สิ จะทำมัฟฟินคงไม่ต้องควงตะหลิว เผลอไป ^_^

วันนี้ลุงแมวน้ำทำมัฟฟินมาให้กินกัน เป็นมัฟฟินสุขภาพ คือมัฟฟินธัญพืชทุเรียน ลุงแมวน้ำไปได้ความคิดจากขนมไหว้พระจันทร์ ลองชิมขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนก็คิดว่าเข้าท่า เลยเอามาลองทำเป็นมัฟฟินดู คิดว่ารสชาติน่าจะไปกันได้เช่นกัน

มัฟฟินนี้เป็นมัฟฟินเจ ไม่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์เลย จะเรียกให้เท่ว่ามัฟฟินเว้นกรรมก็ได้ กินแล้วไม่เบียนเบียนชีวิตอื่น จิตใจเราเองก็พลอยเป็นสุขที่ลดการเบียนเบียนลง ที่ลุงแมวน้ำมักบอกว่าชอบกินปลา ก็เป็นแมวน้ำก็ต้องกินปลาใช่ไหม ที่จริงพูดขำๆไปอย่างนั้นเอง ปกติลุงแมวน้ำกินเนื้อสัตว์น้อยมาก เนื้อปลาก็กินนิดหน่อย เฉลี่ยแล้วกินเนื้อกินปลาสัปดาห์ละมื้อหรือสองมื้อเท่านั้น และกินไม่มากด้วย แค่พอหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนมื้ออื่นๆลุงแมวน้ำกินผัก เห็ด และผลไม้ กินเห็ดนี่ดี ไม่มียาฆ่าแมลงตกค้าง ต่างจากผัก เพราะการทำฟาร์มเห็ดเอายาฆ่าแมลงพ่นเห็ดไม่ได้ เห็ดจะไม่งอก ผู้บริโภคก็ปลอดภัยไปด้วย นอกจากนี้มัฟฟินนี้ยังเป็นมัฟฟินที่มีไขมันต่ำ อาหารนอกบ้านที่เรากินกันทุกวันนี้ลุงแมวน้ำเห็นว่าใส่น้ำมันมากเหลือเกิน น้ำมันก็แพงแต่ทำไมดูอาหารอะไรก็เห็นแต่มันเยิ้มไปหมด วิถีชีวิตแบบชาวเมืองส่วนใหญ่จึงมีไขมันในเลือดสูงไง

มัฟฟินธัญพืชทุเรียนของลุงแมวน้ำนี้ส่วนที่เป็นแป้งประกอบด้วยแป้งสาลี ข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ (riceberry rice) แป้งถั่วเหลือง จมูกข้าวหอมมะลิ ส่วนที่เป็นน้ำตาลก็ใช้น้ำตาลจากตาลโตนด ไม่ได้ใช้น้ำตาลทราย เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของตาลโตนดด้วย อีกอย่างคือน้ำตาลจากตาดโตนดใช้กรรมวิธีทำแบบพื้นบ้าน ไม่ฟอกสี

ส่วนที่เป็นไขมันลุงแมวน้ำใช้น้ำมันจากธัญพืช นั่นคือน้ำมันรำข้าว ส่วนประกอบอื่นก็คืองาดำ งาขาว และงาอะไรอีกอย่างจำชื่อไม่ได้แล้ว ได้มาจากบนดอยทางภาคเหนือ นอกจากนี้ก็ยังมีเมล็ดทานตะวัน และทุเรียน ทุเรียนนี่ก็เป็นทุเรียนพื้นบ้านของนราธิวาส จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน เมล็ดใหญ่ เนื้อน้อย แต่กลิ่นหอมแรง เหมาะสำหรับใช้ทำขนม

ส่วนประกอบสำคัญของมัฟฟินที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงเป็นพิเศษนั่นก็คือข้าวกล้องไรซ์เบอรี่ ข้าวไรซ์เบอรีนี้เป็นข้าวพันธุ์ผสมระหว่างข้าวหอมนิลกับข้ามหอมมะลิ 105 ลักษณะพิเศษของข้าวนี้คือมีสารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มโพลีฟีนอลอยู่สูง รวมทั้งมีธาตุเหล็กสูงด้วย อีกทั้งมีดัชนีน้ำตาล (glycemic index) ไม่สูง ถือเป็นข้าวที่มีคุณสมบัติดีมาก หากินได้ค่อนข้างยากเพราะเกษตรกรที่ปลูกยังน้อย อีกทั้งยังต้องปลูกแบบเกษตรอินทรีย์อีกด้วย จึงยังมีผู้ปลูกไม่มากนัก ส่วนจมูกข้าวที่ใช้ก็มีสารแกมมาออไรซานอล (gamma orizanol)


หลังจากที่ทำเสร็จแล้วจะได้มัฟฟินสีโกโก้ อันเป็นสีที่เกิดจากสารต้านอนุมูลอิสระสีม่วงเข้มในข้าวไรซ์เบอรี ลุงแมวน้ำมีรูปเปรียบเทียบให้ดูระหว่างมัฟฟินวานิลาที่ทำในสัปดาห์ที่แล้ว กับมัฟฟินธัญพืชทุเรียนเว้นกรรมในสัปดาห์นี้ สีต่างกันเห็นได้ชัดทีเดียว

สำหรับด้านคุณค่าทางอาหารนั้น มัฟฟิน 1 ชิ้น หนัก 70 กรัม มีไขมันประมาณ 3 กรัม เป็นไขมันอิ่มตัวเพียง 0.5 กรัมเท่านั้น และมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 1.5 กรัม จัดว่ามีไขมันน้อยมาก มีโปรตีนประมาณ 4.5 กรัม ซึ่งโปรตีนระดับนี้ก็พอๆกับในข้าวแกงจานเล็กหนึ่งจาน ให้พลังงาน 165 กิโลแคลรี ซึ่งต่ำมาก (มัฟฟินหรือเค้กทั่วไปที่น้ำหนักเท่ากัน 70 กรัมนี้มักให้พลังงาน 300 กิโลแคลรีขึ้นไป ขึ้นกับสูตร บางสูตรมีแคลอรีสูงถึง 400 หรือ 500 กิโลแคลอรีก็มี) นอกจากนี้ยังมีไกลซีมิกโหลด (glycemic load) 14.6 ถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับน้ำหนักมัฟฟิน และมีปริมาณโซเดียมเพียง 90 มิลลิกรัม ผู้ที่คุมน้ำตาลและคุมปริมาณโซเดียมก็สามารถกินได้ อีกทั้งมีใยอาหาร (dietary fiber) ประมาณ 1.5 กรัม สูงทีเดียว รวมทั้งยังมี nondietary fiber ที่ช่วยในการขับถ่ายและดูดซับไขมันอีก

ตอนที่ทำเสร็จยังเป็นเวลาเช้าตรู่อยู่เลย ลุงแมวน้ำจึงนำมัฟฟินที่เสร็จใหม่ๆมากินกับกาแฟ กลิ่นมัฟฟินหอมแบบกลิ่นโกโก้ทั้งๆที่ไม่ได้ใส่โกโก้ลงไปเลย กลิ่นหอมนี้เจือด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆของข้าวหอม ไม่มีกลิ่นทุเรียนเลย ต่อเมื่อเคี้ยวมัฟฟินนั่นแหละ เมื่อเนื้อมัฟฟินละลายในปากแล้วจึงจะได้กลิ่นหอมของทุเรียนพื้นเมืองของนราธิวาส กินมัฟฟินสลับกับการดื่มกาแฟสดที่ไม่เติมนมหรือน้ำตาลใดๆ กลิ่นหอมและรสชาติละมุนลิ้นของมัฟฟินกับกลิ่นหอมเข้มของกาแฟต่างช่วยขับเน้นรสชาติของกันและกัน อูยยยยยย... น้ำลายไหลอีกแล้ว

พูดถึงรสชาติก็ต้องบอกว่าพอใช้ได้ แม้จะไม่อร่อยเลิศล้ำเพราะหวานไม่มาก ไม่มัน ไม่เค็ม เนื่องจากลุงแมวน้ำต้องการให้น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ เกลือต่ำ แต่ก็คิดว่ารสชาติแบบนี้ภายใต้ข้อจำกัดด้านสุขภาพเช่นนี้ก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ทีเดียว

ดิ่มกาแฟ กินมัฟฟิน ชมสวนยามเช้า ลุงปลูกกุหลาบดับเบิลดีไลต์ไว้ด้วย ดอกที่วางอยู่ข้างแก้วกาแฟนั่นแหละ กำลังบานหอมกรุ่นเชียว ความสุขเล็กๆ ไม่สิ้นเปลือง ไม่เบียดเบียนกัน และได้สุขภาพที่ดี แบบนี้แม้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ^_^

Friday, March 2, 2012

01/03/2012 * ตื่นทองอีกแล้ว เลือกลงทุนทองคำอะไรดี (1)

ค่าเงินเช้านี้ 02/03/2012 (รายงานวันเทรดที่ 01/03/2012)


เมื่อวันที่ 1 ตลาดหุ้นฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดแดง มีปิดเขียวบ้างอย่างเช่นตลาดหุ้นเกาหลีใต้และไทย ฯลฯ ดัชนี Set index ปิดที่ 1164.98 (+0.35%) ต่างชาติซื้อสุทธิประมาณ 2545 ล้านบาท

ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเปิดเขียว ตลาดสำคัญของยุโรปล้วนแต่ปิดสูงเกินกว่า +1% ทั้งสิ้น ทางด้านฝั่งอเมริกาตลาดก็ผันผวน บราซิลปิดเขียวแบบเปิดต่ำปิดสูง ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปิดเขียวในแบบเปิดสูงปิดต่ำ ดัชนี DAX ของเยอรมนี +1.25% ส่วนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) +0.22% ดัชนี DJI วันนี้ยังกลับมายืนเหนือ 13,000 จุดไม่ได้

อัตราแลกเปลี่ยนเมื่อวันที่ 1 เงินดอลลาร์ สรอ แกว่งตัวในกรอบแคบมากตลอดทั้งวัน usd index อยู่ในกรอบ 78.65 ถึง 78.95 จุด เงินสกุลยุโรปไม่พร้อมใจกัน มีทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า เงินยูโร -0.14% ฟรังก์สวิส -0.2% และโครนา -0.1% ส่วนโครนแข็งค่า +0.24%

ทางด้านเงินสกุลเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้น ออสเตรเลียดอลลาร์ +0.6% เงินเยน +0.2% ส่วนดอลลาร์สิงคโปร์ +0.2% ส่วนเงินบาทอ่อนค่า -0.15%

โลหะมีค่าคือทองคำและเงินในวันที่ 1 นี้ราคาดีดกลับขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ร่วงแรงในวันก่อนหน้านี้

เช้านี้ (02/03/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 78.8 จุด เท่ากับเมื่อเช้าวาน ยูโร 1.331 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินบาท 30.5 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti เช้านี้อยู่ที่ 108.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล (+2.0%) น้ำมันดิบเบรนต์ 125.9 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล (+2.3%) ราคาทองคำ 1719 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ (+0.5%) ส่วนดัชนีสินค้าเกษตร 79.72 จุด (-0.3%)

ขณะนี้ถือว่า SETI สามารถผ่านจุดยอดคลื่นเดิมที่ 1144.44 จุดมาได้แล้ว ในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ขณะนี้ SETI อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่มีกำลังพอสมควร เป้าหมายถัดไปของ SETI ตามการประเมินด้วยการวัดค่าฟิโบนาชชี (Fibonacci) คือประมาณ 1230 จุด



ตื่นทองอีกแล้ว เลือกลงทุนทองคำอะไรดี

เมื่อวันที่ 29/02/2012 ราคาทองคำปรับตัวลงแรง จากเกือบ 1800 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ ร่วงลงมาเหลือ 1680 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ (ราคาในระหว่างวัน) ในวันนั้นมีเหตุการณ์สำคัญอยู่สองอย่าง คือ ธนาคารกลางของยุโรปประกาศอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ประเทศที่ใช้เงินยูโรอีก 529,000 ล้านยูโร ผลจากข่าวการอัดฉีดนี้ทำให้เงินยูโรอ่อนลงแบบทันทีทันใดและดอลลาร์ สรอ ก็แข็งค่าขึ้นอย่างทันทีทันใดเช่นกัน ขณะเดียวกัน ราคาทองคำและโลหะเงินก็ร่วงลงมา

เหตุการณ์สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรส โดยสรุปว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่ดีนัก อัตราว่างงานแม้ดีขึ้นแต่ก็ยังสูงอยู่ และการฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรที่ส่อนัยว่าจะมีการอัดฉีดเงินรอบสามหรือที่เรียกว่า QE3 ทำให้ตลาดหุ้น สรอ อ่อนตัวในระหว่างวัน แต่ไม่น่ามีผลต่อราคาทองคำนัก ที่เห็นได้ชัดน่าจะเป็นผลจากเรื่องการอัดฉีดสภาพคล่องทางฝั่งยุโรปมากกว่า เพราะการใส่เงินหมุนเวียนในระบบในปริมาณมากย่อมทำให้ค่าเงินอ่อนลง

ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในระยะสั้นๆเงินยูโรยังเป็นขาขึ้นอยู่ ส่วนดอลลาร์ สรอ ในระยะสั้นของเป็นขาลง แต่ทว่าในระยะที่ยาวออกไปกว่านี้ลุงแมวน้ำกลับมองว่าเงินดอลลาร์ สรอ เป็นขาขึ้น

และในเชิงการวิเคราะห์เทคนิคเช่นเดียวกัน ลุงแมวน้ำยังมองราคาทองคำในแนวโน้มระยะยาวว่าเป็นขาลง ส่วนในระยะสั้นนั้นเดิมทีมองเป็นขาขึ้น แต่ขณะนี้ราคาทองคำได้หลุดกรอบล่างของช่องราคาลงมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้เป็นภาวะไร้ทิศทางอยู่ อาจกลับทิศเป็นขาลงหรือขึ้นต่อก็ยังต้องรอดูต่อไป ดังนั้น การลงทุนทองคำ ในช่วงนี้ควรระมัดระวัง รอดูไปก่อนจะดีกว่า

ลุงแมวน้ำติดตามตามข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์เห็นว่าแรงเชียร์ซื้อค่อนข้างมากทีเดียว หลายๆคนบอกว่าถึง 1,700 ดอลลาร์ สรอ ก็หลับตาซื้อไปเลย แต่หากวิเคราะห์ทางเทคนิคโดยไม่ใช้อคติ ราคาที่ร่วงลงมานี้ยังไม่ใช่จังหวะซื้อ ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน สัญญาณขายก็เกิด โมเมนตัมก็ไม่มีแรง สัญญาณกลับทิศแนวโน้มก็มีให้เห็นหลายประการแล้ว ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่ใช่จังหวะซื้อ แม้แต่การลงทุนทองคำระยะยาวก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลงทุนในตอนนี้ ดูสถานการณ์ให้ชัดก่อนค่อยลงทุนก็ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้ตื่นทองกัน หากลุงแมวน้ำไม่พูดอะไรเรื่องลงทุนทองคำเลยเดี่ยวจะเชย ก็ขอคุยเรื่องทองๆเสียหน่อยก็แล้วกัน เอาเป็นว่าหากจะเลือกลงทุนทองคำจะลงทุนในช่องทางไหนดี

ปัจจุบันการลงทุนทองคำสะดวกกว่าเมื่อก่อนมาก ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ปีหากต้องการลงทุนทองคำก็ต้องไปที่ร้านทอง หากไม่ซื้อเป็นทองคำแท่งก็ซื้อเป็นทองรูปพรร๊ แต่เดี๋ยวนี้มีช่องทางการลงทุนให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวม ซึ่งยังแบ่งได้อีกว่าเป็นกองทุนรวมทองคำแบบทั่วไปหรือแบบ RMF ซึ่งกองทุนรวมทองคำนี้มีมากกว่า 20 กองทุน ลุงแมวน้ำยังนับไม่หมดเลย เยอะมากจริงๆ นอกจากนี้ก็ยังมีอีทีเอฟทองคำให้เลือกเทรดในกระดานหุ้นได้อีกถึง 5 ตัว

เมื่อมีทางเลือกเยอะแบบนี้แล้วจะเลือกลงทุนทองคำในช่องทางไหนดี ลุงแมวน้ำขอยกเรื่องปัจจัยด้านอัตราแลกเปลี่ยนมาให้พิจารณาเพื่อเเป็นแนวทางในการเลือก

ปกติราคาทองคำมักสวนทางกับเงินดอลลาร์ สรอ นั่นคือ หากเงินดอลลาร์ สรอ อ่อน ทองกมักขึ้น และหากเงินดอลลาร์ สรอแข็ง ทองคำก็มักราคาตก ทีนี้การลงทุนของนักลงทุนในไทย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อทองคำแท่ง ซื้อกองทุนรวม หรือซื้อขายอีทีเอฟก็ตาม ต้องอิงราคาทองคำในต่างประเทศทั้งสิ้น ดังนั้นเรื่องปัจจัยของอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินดอลลาร์ สรอกับเงินบาทจึงมีบทบาทสำคัญทีเดียว

โดยปกติหากราคาทองคำขึ้น เงินบาทมักจะแข็งตามไปด้วย (เพราะดอลลาร์ สรอ อ่อน) ดังนั้นหากนักลงทุนซื้อทองคำแล้วขายได้กำไร (คือซื้อถูกขายแพง ซื้อแพงขายถูกไม่เกี่ยว) แสดงว่าราคาทองคำและเงินบาทอยู่ในขาขึ้น ส่วนเงิน ดอลลาร์ สรอ อยู่ในขาลง ดังนั้นแม้นักลงทุนขายทองคำได้กำไรจากสวนต่างของราคา แต่ก็มักต้องขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะราคาทองคำที่ซื้อขายต้องคิดจากเงินดอลลาร์ สรอ ในขณะนั้นเสมอ

ทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนทองคำขณะที่ทองคำอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นก็คือควรเลือกลงทุนในทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ด้วย จะได้ไม่ได้ไปขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ลองมาดูตัวอย่างในภาพและตารางต่อไปนี้ไปก่อน แล้วพรุ่งนี้ลุงแมวน้ำจะมีเขียนต่ออีก วันนี้เวลาไม่พอ ลุงแมวน้ำต้องไปแสดงแล้ว ^^


กราฟแสดงราคาทองคำ (GC) ทองคำ ในระยะกลางทองคำเป็นแนวโน้มขาลง ส่วนระยะสั้นไร้ทิศทางเพราะเริ่มมีสัญญาณกลับทิศให้เห็นแล้ว



ราคาของทองคำมักสวนทางกับดอลลาร์ สรอ ภาพนี้แสดงราคาทองคำในช่องทางการลงทุนต่างๆ (เช่น ลงทุนฟิวเจอร์สทองคำ ลงทุนกองทุนทองคำ ลงทุนอีทีเอฟทองคำ ฯลฯ) ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนตัว




ตารางแสดงตัวอย่างเปรียบเทียบการลงทุนทองคำในภาวะดอลลาร์สหรัฐอเมริกาเป็นแนวโน้มขาลง โดยเปรียบเทียบกับการลงทุนทองคำที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเงินกับการลงทุนทองคำที่ไม่มีการป้องกันความเสี่ยง





ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 01/03/2012 




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 01/03/2012