Monday, January 30, 2012

27/01/2012 * RSS3, Currencies

วันนี้เป็นวันสุดท้ายในรอบสัปดาห์ สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ตลาดหุ้นย่านเอเชียไม่ค่อยคึกคักนักเนื่องจากหลายประเทศหยุดยาวในเทศกาลตรุษจีน แต่ตั้งแต่วันที่ 30 เป็นต้นไปน่าจะเปิดกันหมดแล้ว

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,076.29 จุด เพิ่มขึ้น 7.75 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ ROBINS, TCAP ก่อนหน้านี้ก็เกิดสัญญาณซื้อ SCCC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 43 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศในรอบสัปดาห์นี้จุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลกยังอยู่ที่สถานการณ์ในยุโรป ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมปนเปกันเช่นเคย แต่อย่างไรก็ดี ขณะนี้หากมองในภาพรวมแล้วนักลงทุนไม่ได้มองสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกเลวร้าย ตรงกันข้าม อาจมองค่อนไปในทางดีด้วยซ้ำ สังเกตได้จากในรายงานที่ขณะนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกเกือบทุกตลาดล้วนแต่เป็นสัญญาณซื้อกันทั้งนั้น มีบางตลาดเท่านั้นที่ยังเป็นสัญญาณขาย เช่น โปรตุเกส คูเวต แม้จะสวนกับความรู้สึกของนักลงทุนหลายๆคนแต่การลงทุนตามแนวโน้มต้องยึดตัวเลขและข้อเท็จจริงเพื่อคำนวณเป็นค่าทางเทคนิค ข้อเท็จจริงก็เป็นเช่นนี้ก็ต้องวางกลยุทธ์ไปตามข้อมูลที่มี ดังนั้นในขณะนี้กลยุทธ์การลงทุนของลุงแมวน้ำจึงเป็นแบบแนวโน้มขาขึ้น ไม่เทรดด้านชอร์ต เมื่อมีสัญญาณกลับทิศแล้วจึงค่อยมาประเมินกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับตลาดหุ้นไทย ลุงแมวน้ำมองว่าดัชนี SETI คงไปถึง 1,085 จุดได้ (คลาดเคลื่อนได้นิดหน่อย) ซึ่งดัชนีขณะนี้ 1,076.29 จุดก็ถือว่ามาถึงระดับฟิโบนาชชีดังกล่าวแล้ว หลังจากนี้มาดูกันต่อไป

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ในสัปดาห์นี้เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า ค่าเงินยูโรรวมทั้งเงินชาติอื่นๆแข็งค่าขึ้น ยกเว้นเงินเยนที่ค่อนข้างนิ่งเช่นเคย ทองคำพุ่งแรง ส่วนน้ำมันยังทรงตัวและยังเกิดสัญญาณขาย แต่ลุงแมวน้ำคาดว่าสัญญาณขายครั้งนี้เป็นสัญญาณหลอก ต่อไปราคาน้ำมันดิบทั้ง wti และเบรนต์คงไปต่อ

สัปดาห์ที่ผ่านมาราคายางพาราอ่อนตัวลงไปบ้าง ส่วนหนึ่งเกิดจากตลาดจีนหยุด แต่สัปดาห์หน้าราคาคงไปต่อเพราะแนวโน้มขาขึ้นยังมีกำลัง อาจมีราคาย่อเนื่องจากทำคลื่นย่อยขาลงบ้าง แต่ในที่สุดคงคงได้เห็น 145 บาท/กก

เกือบลืมบอกไป ลุงแมวน้ำปรับปรุงรายงานโดยเพิ่มกองทุนอีทีเอฟเข้าไปอีก ส่วนใหญ่เป็นกองทุนทองคำที่เข้ามาใหม่ ได้แก่

  • 1DIV อ้างอิงดัชนี SET High Dividend 30 Index ซึ่งคำนวณจากหุ้นปันผลสูง 30 ตัว พูดง่ายๆก็คืออีทีเอฟ 1DIV นี้อ้างอิงกับราคาของหุ้นปันผลสูง 30 ตัวนั่นเอง
  • GLD เป็นอีทีเอฟที่ลงทุนในกองทุนต่างประเทศอีกทีหนึ่ง กองทุนแม่คือ SPDR Gold Trust ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
  • GOLD99 อ้างอิงกับราคาทองคำในตลาดลอนดอน
  • KG965 ลงทุนในทองคำแท่งของไทย ดังนั้นจึงอ้างอิงกับราคาทองคำแท่งภายในประเทศ
บางรายการยังคำนวณสัญญาณซื้อขายไม่ได้เนื่องจากข้อมูลยังน้อยเกินไปจะเห็นเป็นเครื่องหมาย # แต่อีกไม่นานคงมีข้อมูลมากพอและเริ่มเกิดสัญญาณซื้อขาย









    Monday, January 23, 2012

    20/12/2012 * DJI, DAX, FTSEMib, Currencies

    วันนี้เป็นวันสุดท้ายในรอบสัปดาห์ อีกทั้งยังเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนเทศกาลตรุษจีนอันเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน ในสัปดาห์หน้าจะมีตลาดหุ้นหลายชาติที่มีเชื้อสายจีนหยุดทำการ โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนหยุดทำการหลายวัน

    วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,058.66 จุด ลดลง 0.28 จุด

    หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BAY และมีสัญญาณขาย BIGC ส่วนเมื่อวานมีสัญญาณซื้อ BBL, KBANK, PTTGC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 39 ตัว

    กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (CL) น้ำมันดิบเบรนต์ยังไม่เกิดสัญญาณขาย ส่วนกองทุนอีทีเอฟต่างประเทศ DBO ก็เกิดสัญญาณขาย

    ตลาดต่างประเทศในรอบสัปดาห์นี้จุดสนใจของนักลงทุนทั่วโลกยังอยู่ที่สถานการณ์ในยุโรป ซึ่งมีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมปนเปกัน ข่าวร้ายก็คือกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือที่เรียกว่า IMF เรียกร้องให้ชาติต่างๆใส่เงินเข้ามาในกองทุนเพิ่มเพราะลำพังเงินทุนที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่พอกับการรับมือวิกฤติเศรษฐกิจของยุโรป ส่วนทางด้านธนาคารโลกก็เตือนถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นในปีนี้อันเกิดจากปัญหายุโรปซึ่งอาจจะรุนแรงกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ส่วนข่าวดีก็คือฝรั่งเศสและสเปนขายพันธบัตรได้อย่างราบรื่นแม้ว่าจะถูกลดอันดับเครดิตก็ตาม

    หากนักลงทุนติดตามข่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้คงทราบดีแล้วว่าองค์กรทางเศรษฐกิจระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารโลก ธนาคารแห่งสหภาพยุโรป หรือแม้แต่บริษัทจัดอันดับเครดิตต่างๆ ต่างก็คาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่าเผาจริง (ปีที่แล้วเผาหลอก) เพราะชาติที่มีปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปมีหนี้ที่ถึงกำหนดชำระในปีนี้รออยู่เป็นมูลค่ามหาศาล หลายๆชาติไม่น่ามีขีดความสามารถที่จะชำระหนี้ได้ แต่ปัญหาที่นักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเราอาจสงสัยก็คือ ในเมื่อปีนี้เผาจริง แต่เหตุใดตลาดหุ้นทั่วโลกจึงได้ขึ้นเอาและขึ้นเอา

    สำหรับข้อนี้เองลุงแมวน้ำก็อธิบายไม่ได้ หากประเมินจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจลุงแมวน้ำก็คิดว่าขณะนี้เปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่กำลังทำงานอยู่ รอเพียงให้ถึงเวลาที่จะระเบิดเท่านั้น โอกาสที่จะไม่ระเบิดนั้นคงยาก แต่ตลาดหุ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาค่อยๆปรับตัวขึ้น ซึ่งหากนักลงทุนที่หวั่นไหวไปกับข่าวอาจจะขายหุ้นแล้วทำพอร์ตให้ว่าง ข้อนี้ก็ยังไม่มีอะไรเสียหาย แค่เสียดายโอกาสทำกำไรในช่วงที่ผ่านมา แต่ผู้ที่ลงทุนในฟิวเจอร์สโดยเปิดสัญญาขายหรือถือสัญญาด้านชอร์ตเอาไว้คงเจ็บตัวไปพอสมควร

    ปรากฏการณ์ราคากับระดับดัชนีนี้เป็นผลจากปัจจัยทางจิตวิทยา แม้ว่าต่อไปตลาดหุ้นทั่วโลกอาจจะลงหนัก แต่เราก็ไม่รู้ว่าตลาดจะลงหนักในวันใด รู้แต่ว่าตอนนี้ตลาดกำลังขึ้นอยู่ หากลงทุนผิดทางกว่าจะถึงวันที่ตลาดลงหนักอีกรอบเราอาจเสียหายหนักไปแล้ว ดังนั้นการลงทุนควรลงทุนตามแนวโน้มของตลาดในระยะกลางๆ ไม่ควรลงทุนตามแนวโน้มใหญ่เพราะว่ากรอบเวลานานเกินไป (สมมติเช่นแนวโน้มใหญ่เป็นคลื่น C แต่ว่าขณะนี้คลื่นระยะกลางเป็นแนวโน้มขาขึ้นอันเป็นคลื่นย่อยในคลื่น C แบบนี้ก็ควรลงทุนตามแนวโน้มระยะกลางคือเทรดเป็นขาขึ้นไป) รวมทั้งไม่ควรลงทุนตามแนวโน้มระยะสั้นมากเพราะกรอบเวลาสั้นเกินไป อีกทั้งไม่ควรไปคิดดักทางตลาดเพราะมีโอกาสพลาดพลั้งได้

    เราลองมาดูดัชนีสำคัญในโลกว่าขณะนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง เริ่มต้นด้วยดัชนีเดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา


    จากภาพจะเห็นว่าขณะนี้ DJI มาถึงระดับฟิโบนาชชี 78.6% อีกแล้ว หากขณะนี้ DJI อยู่ในคลื่น C จริง ดัชนีควรจะไปต่อไม่ไหวและเริ่มไหลลงที่ระดับดัชนีแถวๆนี้แล้ว ติดตามดูอีกไม่นานก็คงรู้

    ต่อมาก็เป็นดัชนี DAX ของเยอรมนี ดังภาพต่อไปนี้


    จากภาพ ระดับดัชนียังไม่ถึงระดับฟิโบนาชชี 61.8% ดังนั้นตลาดหุ้นเยอรมนีและกลุ่มยุโรปน่าจะขึ้นต่อได้อีกจึงค่อยลง ดัชนี DAX น่าจะไปได้ถึง 6600 จุด หรือหากแรงกว่านั้นก็อาจไปได้ถึง 7000 จุด จากนั้นจึงค่อยลง

    มาดูดัชนีของอิตาลีกันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้


    จากภาพ รูปแบบคลื่นไม่ปกติ ลุงแมวน้ำยังนับคลื่นไม่ถูกเหมือนกัน แต่สังเกตว่าช่วงปลายปี 2011 ต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ กราฟของดัชนีมีท้องคลื่นทียกสูงขึ้น (higher trough) อันเป็นรูปแบบของคลื่นขาขึ้น ก็อาจตั้งเป็นข้อสังเกตไว้ได้ว่าช่วงนี้ตลาดหุ้นอิตาลีอาจมีสถานการณ์ดีขึ้นและเป็นขาขึ้นไปได้ระยะหนึ่ง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดหุ้นของเยอรมนีที่ยังขึ้นต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง

    มาดูทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนกันบ้าง สัปดาห์นี้เงินดอลลาร์ทรงตัวไม่ไปต่อ กลายเป็นแกว่งในช่วงแคบ เงินตราสกุลอื่นจึงแกว่งในช่วงแคบด้วยเช่นกัน สัปดาห์นี้เงินบาทดูอ่อนค่า ส่วนดอลลาร์สิงคโปร์ เยน และดอลลาร์ออสเตรเลียค่อนข้างนิ่ง