วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,026.28 จุด เพิ่มขึ้น 9.09 จุด
หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย MAKRO ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 12 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย
ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกามีทั้งปิดบวกและปิดลบคละกัน ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงได้แก่ตลาดหุ้นตุรกีและเยอรมนี
Friday, September 23, 2011
Tuesday, September 20, 2011
19/09/2011 * ตลาดลงโดยปริมาณซื้อขายน้อยแปลว่าลงไม่จริงกระนั้นหรือ, portfolio
วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,017.19 จุด ลดลง 16.15 จุด
หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BIGC, TRUE ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 13 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้เกิดสัญญาณขายทองคำ (GC) และน้ำมันดิบ (CL) ลุงแมวน้ำปรับมุมมองสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งกลุ่มเป็นแนวโน้มขาลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร พลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และโลหะมีค่า ดังนั้นจึงปิดสัญญาซื้อและเปิดสัญญาขายไป
ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาปรับตัวลดลงทั้งสามภูมิภาค ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงไม่มี ส่วนตลาดที่ลงแรง ได้แก่ แอฟริกาใต้ ตามด้วยกลุ่มยุโรป ตลาดเอเชียที่ลงแรงคือฮ่องกง
มาดูพอร์ตลงทุนของลุงแมวน้ำกัน นี่เป็นผลการดำเนินงานของพอร์ตลงทุนจำลอง ซื้อขายทุกสัญญาณ (autotrade) ขาดทุนจากน้ำมันดิบอย่างหนัก ส่วน S50 ก็ไม่ค่อยดี
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ มีสำนักให้ยึดอย่างชัดเจนและหาความรู้ตามแนวทางของสำนักนั้นๆ เช่น สายเทคนิคก็หาความรู้ด้านการลงทุนด้วยปัจจัยทางเทคนิค สายปัจจัยพื้นฐานก็หาความรู้ในแนวปัจจัยพื้นฐาน การซื้อขายตามคำแนะนำของผู้อื่นโดยที่ตนเองไม่สามารถวินิจฉัยได้เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ที่ลุงแมวน้ำกล่าวเช่นนี้เพราะในขณะที่ตลาดผันผวนเช่นนี้ มีคำแนะนำแก่นักลงทุนรายย่อยต่างๆนานามากมาย ทั้งแนะนำให้ซื้อ แนะนำให้ขาย แนะนำให้อยู่เฉยๆ หากนักลงทุนไม่มีแนวทางของตนเองคงสับสน โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวอลุมหรือปริมาณซื้อขายในตลาดว่ามีน้อย พร้อมทั้งคำแนะนำว่าหากปริมาณซื้อขายหดหายแปลว่าตลาดลงไม่จริง แบบนี้ซื้อได้ ฯลฯ
มาคุยกันในเรื่องปริมาณซื้อขายเพียงประเด็นเดียวก่อน ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีการนำวอลุมหรือปริมาณซื้อขายมาวิเคราะห์ด้วย โดยจะเห็นได้จากมีการพัฒนาอินดิเคเตอร์ที่เกี่ยวกับปริมาณซื้อขายอยู่หลายชนิด แต่สายปัจจัยทางเทคนิคบางคนก็ใช้ปริมาณซื้อขาย บางคนก็ไม่ใช้ อย่างลุงแมวน้ำเองปกติไม่ได้ใช้ แค่ใช้ดูประกอบบางช่วงเท่านั้น
จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำ ตลาดที่ปริมาณซื้อขายหดหายมี 3 แบบ คือ
ตลาดลงแล้วปริมาณซื้อขายน้อยลง แต่เมื่อตลาดขึ้นปริมาณซื้อขายจะตามมา แบบนี้
โดยทั่วไปเรียกว่าอาการตลาดไม่อยากลง เป็นเพราะส่วนใหญ่ยังมองขึ้นอยู่ ดังนั้นเมื่อตลาดลงจึงอยู่เฉยๆ รอตลาดขึ้นจึงเข้า
ตลาดขึ้นโดยมีรปิมาณซื้อขายน้อย แต่เมื่อตลาดลงปริมาณซื้อขายจะมากตามมา แบบนี้โดยทั่วไปเรียกว่าอาการตลาดไม่อยากขึ้น เป็นเพราะส่วนใหญ่มองทางขาลง เมื่อตลาดขึ้นจึงอยู่เฉยๆ
ตลาดมีปริมาณซื้อขายน้อยทั้งเมื่อยามตลาดขึ้นและตลาดลง แบบนี้คือทุกคนยังไม่รู้จะไปทางใด รอดูความชัดเจนก่อน
จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำ เท่าที่สังเกตมา ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง หากปริมาณซื้อขายน้อย ไม่ได้หมายความว่าตลาดอยากไปอีกทางหนึ่งแล้วจะไปได้สำเร็จ สมมติเช่น เมื่อตลาดลงแล้วปริมาณซื้อขายน้อย ไม่ได้แปลว่าต่อไปตลาดจะขึ้นแน่ หากตลาดขึ้นแล้วปริมาณซื้อขายมากตามมาแล้วไปต่อได้ก็ถือว่าขึ้นได้สำเร็จก็ดีไป แต่ตลาดที่ลงโดยปริมาณซื้อขายน้อยนั้น เมื่อตลาดลงเรื่อยๆไปถึงระดับหนึ่ง นักลงทุนจะทนไม่ไหวและถอดใจ จากนั้นตัดใจขาย เมื่อนั้นปริมาณซื้อขายด้านขาลงจะตามมา สุดท้ายก็กลับกายเป็นแนวโน้มขาลงอย่างนี้ก็มี
ขาขึ้นที่ปริมาณซื้อขายน้อยก็เป็นตรงข้ามกัน เมื่อตลาดขึ้นจนถึงสูงถึงระดับหนึ่งแล้วปริมาณซื้อขายจะตามมาเอง ก็เป็นได้เหมือนกัน
ดังนั้นเรื่องที่ว่าขึ้นแล้วปริมาณซื้อขายต่ำคือขึ้นไม่จริง ลงแล้วปริมาณซื้อขายต่ำคือลงไม่จริง ไม่ใช่เรื่องแน่นอนเสมอไป นักลงทุนควรใช้ความรู้ด้านเทคนิคหรือปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักมากกว่า หากเข้าใจและใช้ปริมาณซื้อขายประกอบเป็นจึงค่อยใช้
หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BIGC, TRUE ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 13 ตัว
กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้เกิดสัญญาณขายทองคำ (GC) และน้ำมันดิบ (CL) ลุงแมวน้ำปรับมุมมองสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งกลุ่มเป็นแนวโน้มขาลงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร พลังงาน โลหะอุตสาหกรรม และโลหะมีค่า ดังนั้นจึงปิดสัญญาซื้อและเปิดสัญญาขายไป
ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาปรับตัวลดลงทั้งสามภูมิภาค ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงไม่มี ส่วนตลาดที่ลงแรง ได้แก่ แอฟริกาใต้ ตามด้วยกลุ่มยุโรป ตลาดเอเชียที่ลงแรงคือฮ่องกง
มาดูพอร์ตลงทุนของลุงแมวน้ำกัน นี่เป็นผลการดำเนินงานของพอร์ตลงทุนจำลอง ซื้อขายทุกสัญญาณ (autotrade) ขาดทุนจากน้ำมันดิบอย่างหนัก ส่วน S50 ก็ไม่ค่อยดี
ตลาดลงโดยปริมาณซื้อขายน้อยแปลว่าลงไม่จริงกระนั้นหรือ
การลงทุนไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ มีสำนักให้ยึดอย่างชัดเจนและหาความรู้ตามแนวทางของสำนักนั้นๆ เช่น สายเทคนิคก็หาความรู้ด้านการลงทุนด้วยปัจจัยทางเทคนิค สายปัจจัยพื้นฐานก็หาความรู้ในแนวปัจจัยพื้นฐาน การซื้อขายตามคำแนะนำของผู้อื่นโดยที่ตนเองไม่สามารถวินิจฉัยได้เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
ที่ลุงแมวน้ำกล่าวเช่นนี้เพราะในขณะที่ตลาดผันผวนเช่นนี้ มีคำแนะนำแก่นักลงทุนรายย่อยต่างๆนานามากมาย ทั้งแนะนำให้ซื้อ แนะนำให้ขาย แนะนำให้อยู่เฉยๆ หากนักลงทุนไม่มีแนวทางของตนเองคงสับสน โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวอลุมหรือปริมาณซื้อขายในตลาดว่ามีน้อย พร้อมทั้งคำแนะนำว่าหากปริมาณซื้อขายหดหายแปลว่าตลาดลงไม่จริง แบบนี้ซื้อได้ ฯลฯ
มาคุยกันในเรื่องปริมาณซื้อขายเพียงประเด็นเดียวก่อน ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีการนำวอลุมหรือปริมาณซื้อขายมาวิเคราะห์ด้วย โดยจะเห็นได้จากมีการพัฒนาอินดิเคเตอร์ที่เกี่ยวกับปริมาณซื้อขายอยู่หลายชนิด แต่สายปัจจัยทางเทคนิคบางคนก็ใช้ปริมาณซื้อขาย บางคนก็ไม่ใช้ อย่างลุงแมวน้ำเองปกติไม่ได้ใช้ แค่ใช้ดูประกอบบางช่วงเท่านั้น
จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำ ตลาดที่ปริมาณซื้อขายหดหายมี 3 แบบ คือ
ตลาดลงแล้วปริมาณซื้อขายน้อยลง แต่เมื่อตลาดขึ้นปริมาณซื้อขายจะตามมา แบบนี้
โดยทั่วไปเรียกว่าอาการตลาดไม่อยากลง เป็นเพราะส่วนใหญ่ยังมองขึ้นอยู่ ดังนั้นเมื่อตลาดลงจึงอยู่เฉยๆ รอตลาดขึ้นจึงเข้า
ตลาดขึ้นโดยมีรปิมาณซื้อขายน้อย แต่เมื่อตลาดลงปริมาณซื้อขายจะมากตามมา แบบนี้โดยทั่วไปเรียกว่าอาการตลาดไม่อยากขึ้น เป็นเพราะส่วนใหญ่มองทางขาลง เมื่อตลาดขึ้นจึงอยู่เฉยๆ
ตลาดมีปริมาณซื้อขายน้อยทั้งเมื่อยามตลาดขึ้นและตลาดลง แบบนี้คือทุกคนยังไม่รู้จะไปทางใด รอดูความชัดเจนก่อน
จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำ เท่าที่สังเกตมา ไม่ว่าตลาดขึ้นหรือลง หากปริมาณซื้อขายน้อย ไม่ได้หมายความว่าตลาดอยากไปอีกทางหนึ่งแล้วจะไปได้สำเร็จ สมมติเช่น เมื่อตลาดลงแล้วปริมาณซื้อขายน้อย ไม่ได้แปลว่าต่อไปตลาดจะขึ้นแน่ หากตลาดขึ้นแล้วปริมาณซื้อขายมากตามมาแล้วไปต่อได้ก็ถือว่าขึ้นได้สำเร็จก็ดีไป แต่ตลาดที่ลงโดยปริมาณซื้อขายน้อยนั้น เมื่อตลาดลงเรื่อยๆไปถึงระดับหนึ่ง นักลงทุนจะทนไม่ไหวและถอดใจ จากนั้นตัดใจขาย เมื่อนั้นปริมาณซื้อขายด้านขาลงจะตามมา สุดท้ายก็กลับกายเป็นแนวโน้มขาลงอย่างนี้ก็มี
ขาขึ้นที่ปริมาณซื้อขายน้อยก็เป็นตรงข้ามกัน เมื่อตลาดขึ้นจนถึงสูงถึงระดับหนึ่งแล้วปริมาณซื้อขายจะตามมาเอง ก็เป็นได้เหมือนกัน
ดังนั้นเรื่องที่ว่าขึ้นแล้วปริมาณซื้อขายต่ำคือขึ้นไม่จริง ลงแล้วปริมาณซื้อขายต่ำคือลงไม่จริง ไม่ใช่เรื่องแน่นอนเสมอไป นักลงทุนควรใช้ความรู้ด้านเทคนิคหรือปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักมากกว่า หากเข้าใจและใช้ปริมาณซื้อขายประกอบเป็นจึงค่อยใช้
Subscribe to:
Posts (Atom)