Wednesday, July 28, 2010

27/07/2010 * RSS, Tocom Rubber

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 853.68 จุด เพิ่มขึ้น 13.44 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BANPU, ESSO, PTT, PTTEP, SCC, TOP, TTA ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 41 ตัว S50 และ SET50 basis ขณะนี้เป็น 6.05

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อฟิวเจอร์ส PTTEP, TTA และ ยางพารา (RSS) ลุงแมวน้ำตัดสินใจปิดสัญญาขาย (cover short position) และเปิดสัญญาซื้อ (open long position)RSS ไป

ด้านกองทุนอีทีเอฟ วันนี้มีสัญญาณซื้อ ENGY

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

วันนี้เราลองมาวิเคราะห์เชิงเทคนิคของยางพารา ทั้ง RSS3 และ Tocom Rubber กัน

ก่อนอื่นคงต้องเท้าความกันก่อน หากจะดูในภาพใหญ่เราต้องดูกันที่กราฟของยางญี่ปุ่น ทั้งนี้ เนื่องจากยางญี่ปุ่นสะสมข้อมูลมายาวนาน ส่วนยางไทย RSS ของตลาด AFET นั้นเพิ่งมีข้อมมูลไม่กี่ปีมานี้เอง

เมื่อตอนต้นปี 2010 ลุงแมวน้ำประเมินว่าขณะนี้เราได้จบคลื่น 5 (สี้น้ำเงิน) อันเป็นคลื่นระดับใหญ่ไปแล้วตั้งแต่เมื่อกลางปี 2008 และจบคลื่น A (สีน้ำเงิน) ไปแล้วเมื่อปลายปี 2008 ขณะนี้เรากำลังอยู่นคลื่น B (สีน้ำเงิน) ตามภาพต่อไปนี้



เหตุที่ประเมินว่าเพิ่งจบคลื่น A (สีน้ำเงิน) ก็เพราะว่ากรอบเวลายังสั้นอยู่ ภายในเวลาไม่ถึงปีการทำ A-B-C ในระดับคลื่นใหญ่เป็นไปได้ยาก

หลังจากได้ภาพกว้างมาแล้ว ลุงแมวน้ำก็มานับคลื่นยางไทย RSS ให้สอดคล้องกับยางโตคอม โดยในตอนต้นปี 2010 ได้เป็นดังนี้



ประเด็นของเราก็คือเรากำลังมองว่าเมื่อไรจะจบ B (สีน้ำเงิน) ปกติคลื่น B นี้ไม่ควรสูงเกิน 107.80 บาท เนื่องจากที่ระดับราคานี้เป็นยอดคลื่น 5 (สีน้ำเงิน)ปกติคลื่น B ต้องไม่สูงกว่าคลื่น 5

ต่อมาเมื่อเวลาผ่านไป ล่าสุดเราได้กราฟราคาของยางโตคอมกับยางไทยเป็นดังนี้





ในเดือนเมษายน 2010 ราคายางพาราทำยอดคลื่นใหม่ เมื่อพิจารณาจากกราฟยางโตคอมก็ยังพอสันนิษฐานได้ว่า ณ เดือนเมษายน 2010 นี้ราคายางทำยอดคลื่น B (สีน้ำเงิน)

แต่เมื่อมาพิจารณากราฟราคายางไทย RSS พบว่าที่เดือนเมษายนนี้ยางพาราคาทำราคาสูงสุดที่ยอดคลื่น 113.85 บาท ซึ่งเป็นยอดคลื่นที่สูงกว่ายอดคลื่น 5 เราจะมองว่าเป็นยอดคลื่น B (สีน้ำเงิน) คงไม่ได้แล้ว

นี่คือตัวอย่างของความขัดแย้งของกราฟราคาแม้จะเป็นสินค้าตัวเดียวกันก็ตาม และเมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรวินิจฉัยว่ายอดคลื่นที่เดือนเมษายน 2010 นี้เป็นยอดคลื่นอะไร

ถ้ายังพยายามมองยอดคลื่นนี้ให้เป็นยอดคลื่น B ก็จะมีปัญหากับกราฟยางโตคอม ทางที่เป็นไปได้ก็คือต้องอธิบายว่าคลื่น C (สีน้ำเงิน) ได้จบไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2008 และหลังจากนั้นเราก็เข้าสู่คลื่นขาขึ้น 1-2-3-4-5 โดยเมื่อเดือนเมษายน 2010 เป็นยอดคลื่น 3 และขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่น 4 เตรียมที่จะเข้าสู่คลื่น 5 หากอธิบายเช่นนี้ก็จะอธิบายกราฟราคาของยางโตคอมและยางไทยได้ทั้งคู่

อีกประการ หลังจากยอดคลื่นเมื่อเดือนเมษายน 2010 รูปแบบของราคาหลังจากนั้นแกว่งไปมา เกิดสัญญาณหลอกหลายครั้งหลายหน รูปแบบเช่นนี้เหมาะกับคลื่น 4 มากกว่าที่จะเป็นคลื่น C ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงต้องปรับการนับคลื่นใหม่เป็นว่าขณะนี้เราอยู่ในคลื่น 4

ถามว่าคลื่น 4 จะจบลงเมื่อไร ลุงแมวน้ำก็ตอบไม่ได้ แต่จากช่วงที่ผ่านมาเกิดสัญญาณหลอกหรือ false signal หลายรอบ รวมทั้งรูปแบบราคาก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมชายธง เป็นไปได้เหมือนกันว่าเมื่อได้ที่มีการฝ่าทะลุปลายชายธงออกไปได้ก็จะเข้าสู่คลื่น 5 ดังนั้นสัญญาณซื้อของยาง RSS ที่เกิดขึ้นในวันนี้ลุงแมวน้ำจึงไม่กล้าประมาทว่ามันเป็น false signal อาจเป็นการเริ่มคลื่น 5 ก็ได้ และหากเป็นคลื่น 5 จริงก็ยังมีโอกาสให้ทำกำไรได้อีกเนื่องจากราคาต้องไปถึงอย่างน้อยเท่ากับยอดคลื่น 3 หรือ 113.85 บาท ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงตัดสินใจปิดสัญญาขายและเปิดสัญญาซื้อไป โอกาสที่จะเป็นสัญญาณหลอกอีกมีอยู่ร้อยละ 25

Tuesday, July 27, 2010

23/07/2010 - 26/7/2010 * DJI, MSCI World Index, MSCI Emerging Markets Index

23/07/2010

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 840.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.23 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 34 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อฟิวเจอร์สของดัชนีดาวโจนส์ (DJ) ลุงแมวน้ำตัดสินใจปิดสัญญาขาย (cover short position) และเปิดสัญญาซื้อ (open long position)

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones, DJI) ของสหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อ

ดังที่ลุงแมวน้ำเคยประเมินเอาไว้ว่าเป็นไปได้ว่าขณะนี้ดัชนีดาวโจนส์จบคลื่น 3 (สีน้ำตาล) อันเป็นการจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) ไปแล้ว และขณะนี้เรากำลังอยู่ในคลื่นขาลง C (สีน้ำเงิน) แต่ทำไมลุงแมวน้ำจึงยังตัดสินใจเปิดสัญญาซื้อ DJ เหตุผลก็คือรูปแบบของคลื่นในดัชนีดาวโจนส์นั้นอ่านได้ยาก รูปแบบของคลื่นโดยทั่วไปที่อ่านได้ง่ายที่สุดก็คือรูปแบบซิกแซก (zigzag) โดยจังหวะของลูกคลื่นจะเป็น 1-2-3-4-5-A-B-C คลื่น 1,3,5,A,C เป็น motive wave หรือว่าคลื่นในทิศทางหลัก ส่วนคลื่น 2,4,B เป็น reactive wave หรือคลื่นสวนทางหรือคลื่นปรับฐานนั่นเอง

แต่ในความเป็นจริงแล้วธรรมชาติของคลื่นราคาไม่ได้มีเพยีงแต่รูปแบบซิกแซก แต่ยังมีรูปแบบย่อยอื่นๆอีก โดยเฉพาะ reactive wave ก็มีคลื่นย่อยอีกกว่ายี่สิบแบบ ซึ่งบางรูปแบบก็นับได้ยาก ต้องเกิดไปแล้วจึงจะเห็น ตอนที่เกิดอยู่ก็ดูไม่ออก ไม่รู้ว่าเป็นคลื่นอะไรกันแน่ กรอบเวลาก็มีส่วนทำให้การนับสับสนเพราะไม่รู้แน่ว่าเป็นคลื่นอะไรในกรอบเวลาขนาดไหน

เมื่อการนับคลื่นเป็นจิตวิสัยค่อนข้างมาก เอาแน่นอนได้ยาก ด้วยเหตุนี้เองลุงแมวน้ำจำต้องอาศัยเป็นเครื่องมือประกอบเท่านั้น เครื่องมือหลักก็คือสัญญาณซื้อขายนั่นเอง ประกอบกับการดูสัญญาณการกลับทิศ (trend reversal signal) เมื่อมีสัญญาณที่บ่งชี้การกลับทิศหลายๆอย่างประกอบกันก็ต้องปรับกลยุทธ์การเทรดเสียใหม่

ขณะนี้สัญญาณการกลับทิศของดัชนีดาวโจนส์ที่เห็นชัดมีดังนี้
  1. การหลุดกรอบของ SEC (standard error channel)
  2. ท้องคลื่นยกสูงขึ้น (rising trough)
มีเพียง 2 ประการที่เห็นชัด ส่วนเหตุผลรองที่ลุงแมวน้ำใช้ประกอบการพิจารณาในครั้งนี้ก็คือ
  1. DJI เกิดสัญญาณหลอก (false signal) มาแล้วติดกัน 2 ครั้ง โอกาสที่จะเกิดสัญญาณหลอก 3 ครั้งติดกันมีร้อยละ 25 ซึ่งจะว่าน้อยก็ไม่น้อย แต่จะว่ามากไม่มาก ลุงแมวน้ำกลัวตกรถ
  2. กราฟของ MSCI World Index (ดูด้วยกองทุน IWRD แืทน) และ MSCI Emerging Markets Index (ดูด้วยกองทุน EEM แทน) ก็มีแนวโน้มว่าจะกลับทิศเช่นกัน
  3. TED Spread และ LIBOR-OIS Spread ลดลง








ด้วยเหตุนี้ลุงแมวน้ำจึงเผื่อใจเอาไว้ว่าอาจจะนับคลื่นผิด ดังนั้นจึงต้องเทรดตามน้ำไปก่อน หากครั้งนี้เปิดสัญญาซื้อแล้วกลายเป็น false signal ครั้งต่อไปก็ต้องเปิดสัญญาขายตามไปอีก



26/07/2010

วันนี้ตลาด SET, AFET, TFEX ของไทยหยุดทำการเนื่องจากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย