Tuesday, March 9, 2010

08/03/2010 * โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำ (2)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 720.29 จุด ลดลง 3.67 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 โปรแกรมของลุงแมวน้ำวันนี้มีสัญญาณขาย CPF ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ 36 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายข้าวโพด (C)

กลุ่มดัชนีต่างประเทศ วันนี้ดัชนีนิกเกอิ (NIX) ของประเทศญี่ปุ่นเกิดสัญญาณซื้อ จะเห็นว่าขณะนี้ดัชนีตลาดต่างประเทศที่อยู่ในรายงานของลุงแมวน้ำเกิดสัญญาณซื้อกันหมดแล้ว บ่งบอกให้เห็นแนวโน้มในภาพรวมได้

พอร์ตจำลองของลุงแมวน้ำขณะนี้ขาดทุนอยู่หนึ่งตัวคือฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ (CL) ฟิวเจอร์ส์ที่ทำกำไรมากทุ่สุดในขณะนี้คือน้ำตาลทราย (SB) รองลงมาคือฟิวเจอร์สของดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) และฟิวเจอร์ส์ยางพารา (RSS) ตามลำดับ

วันนี้หุ้นไทยค่อนข้างแกว่ง ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวฉุดตลาดคือปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ส่วนปัจจัยบวกที่ช่วยดันตลาดในช่วงนี้น่าจะเป็นเงินของต่างชาติที่เข้ามาซื้อหุ้นไทย นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่อราคาหุ้นในตลาดอีก ซึ่งหากจะคาดก็คงยากคาดการณ์ได้ว่าปัจจัยใดจะมีพลังขับเคลื่อนตลาดมากกว่ากัน หลายคนช้อนซื้อก็ลุ้นตลาดขึ้น หลายคนที่ชิงขายไปแล้วก็ลุ้นตลาดลง

แต่สำหรับลุงแมวน้ำและผู้ที่เทรดในระบบตามแนวโน้มคงไม่จำเป็นต้องลุ้นล่วงหน้าแต่อย่างใด เพราะเราเชื่อว่าราคาปิดเป็นคำตอบสุดท้ายที่ตอบสนองปัจจัยทุกสิ่งทุกอย่างไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ลุงแมวน้ำเปิดสัญญาซื้อ S50 อยู่แล้ว (เปิดมาหลายวันแล้วตามสัญญาณซื้อครั้งที่ผ่านมา) หากต่อไปดัชนีร่วงจนถึงสัญญาณขายลุงแมวน้ำก็จะปิดสัญญา และหากดัชนีเดินหน้าไปต่อ ลุงแมวน้ำก็ถือเอาไว้เฉยๆปล่อยให้กำไรต่อไปและรอให้เกิดสัญญาณขายครั้งต่อไปจึงค่อยปิดสัญญา ไม่ช้อนซื้อ ไม่ชิงขาย เพราะเราไม่รู้อนาคตที่แท้จริง และเพราะว่าเราใช้ระบบเทรดตามแนวโน้ม ไม่ใช่การเทรดนำแนวโน้ม เราอาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้แต่ไม่ควรทำอะไรจนกว่าจะเกิดสัญญาณซื้อขาย


โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำ (2)

ปกติผู้ที่มีรายได้เกินพอจากการยังชีพหรือพูดง่ายๆว่าเหลือกินเหลือใช้นั้นการออมไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ หรือผู้ที่รายได้ไม่พอแก่การยังชีพนั้นเมื่อพูดถึงการออมดูจะเป็นเรื่องยาก หรือสำหรับบางคนอาจบอกว่าเป็นไปไม่ได้เอาเลยทีเดียว เหตุผลของการไม่ออมก็คือออมไม่ไหว แต่ละเดือนจะใช้จ่ายยังไม่พอถึงสิ้นเดือนเลย แล้วจะออมได้อย่างไร

ดังนั้นหากจะจำเป็นต้องออมแล้ว พฤติกรรมของคนไทยมักออมเพื่อเหตุเจ็บป่วยหรือฉุกเฉินเป็นลำดับแรก ส่วนการออมเพื่อการเกษียณอายุนั้นเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญในลำดับรองลงมา ทั้งนี้ อาจจะเนื่องจากเห็นว่ายังมีเวลาอีกมากก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี ในผู้ที่พอจะออมไหวก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นอีกว่าผู้ออมมีกำลังในการออมไม่มาก แต่ละเดือนมีเงินเก็บไม่มาก ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น
  • เงินที่ออมได้ไม่รู้ว่าจะจัดสรรปันส่วนอย่างไรจึงจะเหมาะสม
  • จะออมเพื่อการเจ็บป่วย ฉุกเฉิน ต้องเท่าไรจึงจะพอ
  • หากออมเพื่อการเจ็บป่วย ฉุกเฉินยังมีเงินออมไม่มาก แล้วจะออมเพื่อเกษียณอายุได้อย่างไร ถึงจะออมจนแก่ก็ได้เพียงแค่เรื่องเจ็บป่วยฉุกเฉินเท่านั้น คงไม่มีทางสร้างบำนาญหลังเกษียณได้
ฯลฯ

เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุหรือบำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำนั้น ลุงแมวคิดขึ้นมาเอง ใช้เงินออมทั้งสิ้นประมาณ 192,000 บาท โดยใช้เงินออมเริ่มแรกเพื่อการลงทุน 120,000 บาท หลังจากนั้นออมอีกเดือนละ 2,000 บาทเป็นเวลา 3 ปี เมื่อออมครบจำนวนแล้วก็ปล่อยให้เงินต้นนี้ทำงานต่อไป ต่อไปเมื่อเรามีเงินออมอีกเราก็สามารถทำโครงการออมเพื่อการอื่นได้อีก เช่น การออมเพื่อเหตุเจ็บป่วย ฉุกเฉิน การออมเพื่อแต่งงาน การออมเพื่อการศึกษาบุตร ฯลฯ

หลักการของลุงแมวน้ำก็คือทำการออมเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งเป็นโครงการการลงทุน ใช้เงินต้นก้อนหนึ่ง จากนั้นปล่อยให้เงินทำงานต่อไป เราไม่ต้องเติมเงินลงไปในกองทุนนั้นอีกแล้ว และเงินออมก้อนต่อๆไปที่ออมได้ก็สามารถนำมาทำเป็นทุนในโครงการอื่นๆได้อีก

สำหรับโครงการลงทุนนี้ ผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์หรือว่าต่อยอดเอาเองได้ ยกตัวอย่างเช่น ลุงแมวน้ำยกโครงการลงทุนเพ่อการเกษียณอายุมาเป็นตัวแบบ แต่ผู้อ่านสามารถนำไปดัดแปลงเป็นโครงการลงทุนเพื่อเหตุเจ็บป่วย ฉุกเฉินก็ได้ เป็นต้น

เมื่ออ่านถึงตอนนี้แล้ว หากยังงงๆ ลองติดตามอ่านต่อไปในวันถัดไป จะได้รู้รายละเอียดว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ลุงแมวน้ำจะเกษียณอายุอย่างสบายๆได้ด้วยเงินเพียงเกือบสองแสนบาท เรามาลองทำโครงการจริงด้วยกันและติดตามผลการลงทุนด้วยกันไปเลย



Monday, March 8, 2010

05/03/2010 * ปรับปรุงรายงาน, โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำ (1)

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลุงแมวน้ำได้ปรับปรุงเพิ่มเติมข้อมูลในรายงานให้มากขึ้น รายละเอียดของการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอ่านได้จากส่วนล่างของหน้านี้

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 723.96 จุด ลดลง 6.86 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 โปรแกรมของลุงแมวน้ำวันนี้มีสัญญาณขาย DTAC, HANA ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ 37 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

กลุ่มดัชนีต่างประเทศ วันนี้ดัชนี STI ของสิงคโปร์ (STI), KOSPI ของเกาหลีใต้ (KS11), TAIEX ของไต้หวัน (TWII) และ BOVESPA ของปราซิล (IBOVESPA) เกิดสัญญาณซื้อ ดัชนีตลาดสำคัญในโลกกลายเป็นสัญญาณซื้อเพิ่มมากขึ้น



โครงการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ บำนาญสร้างเองของลุงแมวน้ำ (1)

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ประเทศก็เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า aging society แล้ว

คำว่าสังคมผู้สูงอายุนี้หมายถึงสังคมใดที่มีประชากรเกินอายุ 60 ปีขึ้นไปเกินร้อยละ 10 ยกตัวอย่างเช่นหมู่บ้านหนึ่งมีประชากรในหมู่บ้านรวมทั้งสิ้น 100 คน ในหมู่บ้านนี้มีคนชราที่อายุเกิน 60 ปีอยู่ 11 คน เราเรียกหมู่บ้านนี้ว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุได้

และยิ่งไปกว่านั้น หากสังคมใดมีคนชราร้อยละ 20 ขึ้นไปเราจะเรียกสังคมนั้นว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์หรือว่า aged society ยกตัวอย่างจากหมู่บ้านเดิมที่มีประชากรอยู่ 100 คน เมื่อใดที่หมู่บ้านนั้นมีคนชรา (อายุเกิน 60 ปี) ตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป หมู่บ้านนั้นก็จะกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์

ดังที่ลุงแมวน้ำกล่าวมาแล้วว่าปัจจุบันประเทศไทยถือว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว และในปัจจุบัน (พ.ศ. 2553) ประเทศไทยมีผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 11.9 จากการคาดหมายทางประชากรศาสตร์ คาดว่าประเทศไทยน่าจะเข้าสู่ผู้สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2567 หรือในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้เอง

อย่างไรก็ดี การคาดการณ์นี้เป็นการมองในภาพรวมระดับประเทศ แต่หากมองในภาพของสังคมที่ย่อยลงมาอีก เช่น ในระดับจังหวัด ขณะนี้มีบางจังหวัดที่ได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดสิงห์บุรีที่ปัจจุบันมีผู้สูงอายุมากถึงร้อยละ 24 ของประชากรในจังหวัด

การเป็นสังคมผู้สูงอายุเกิดจากอัตราการเกิดของประชากรต่ำเป็นเวลานานๆ สาเหตุของอัตราการเกิดต่ำนั้นก็มาจากหลายอย่าง เช่น ผลจากการรณรงค์คุมกำเนิด ผลจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป คนแต่งงานช้าลง คนอยู่เป็นโสดมากขึ้น ฯลฯ

ผลของการเป็นสังคมผู้สูงอายุหรือว่าสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์นั้นที่เห็นได้ชัดก็คือผู้สูงอายุจะหวังพึ่งลูกหลานได้ยาก ลองคิดดูง่ายๆ สมมติว่าในสังคมหนึ่งที่นิยมการมีลูกเพียงคนเดียว หากมีลูกคนเดียวไป 3 ชั่วคน คนรุ่นที่สามต่อไปจะต้องรับภาระดูแลพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทั้งหมด 6 คน แล้วจะเอาแรงที่ไหนไปดูแลไหว นี่ยังไม่นับกรณีผู้ที่อยู่เป็นโสด

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ดังนั้นลุงแมวน้ำขอสรุปโดยรวบรัดว่าผู้ที่อยู่ในวัยทำงานในขณะนี้ต่อไปเมื่อเข้าสู่วัยเกษียณแล้วมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งตนเองมากขึ้น การหวังพึ่งลูกหลานหรือว่าพึ่งคนอื่นคงเป็นไปได้ยาก

การพึ่งตนเองได้ต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ควรมีสุขภาพที่ดี มีการประกันสุขภาพ จะได้ลดการพึ่งพาผู้อื่นลงได้ นอกจากนี้ยังต้องมีรายได้ไว้เลี้ยงตนเองในยามเกษียณอายุไปแล้ว จะได้ไม่เป็นภาระด้านการเงินแก่ผู้อื่น หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือต้องมีเงินเก็บเอาไว้ใช้ในยามที่เกษียณไปแล้วหรือที่เรียกว่ามีบำนาญนั่นเอง

หลายคนเป็นลูกจ้าง หลายคนประกอบอาชีพอิสระ แล้วเราจะมีเงินเก็บเพื่อเอาไว้เป็นบำนาญชีวิตได้อย่างไรในเมื่อเราไม่ได้เป็นข้าราชการหรือไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพใดๆ ครั้นจะพึ่งพากองทุนการออมแห่งชาติที่กำลังจัดตั้งขึ้นมาเพื่อการออมของประชาชนทั่วไปก็ให้บำนาญเต็มที่เพียง 1,710 บาทต่อเดือน รวมกับเบี้ยยังชีพคนชราอีก 500 บาท รวมแล้วก็ได้บำนาญเดือนละสองพันกว่าบาท คงไม่น่าจะพึ่งพาเป็นรายได้หลักหลังเกษียณได้ น่าจะเป็นได้แค่รายได้เสริมเท่านั้น

บางคนอาจคิดว่าชีวิตหลังเกษียณไปแล้วก็ยังมีแรง มีกำลังสมอง ยังสามารถหารายได้ได้อยู่ หรือไม่ก็คิดว่าตนเองออมไม่ไหวเพราะภาระค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้นจึงไม่ได้วางแผนการออมเพื่อการเกษียณเอาไว้ แต่ลุงแมวน้ำอยากบอกว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน อะไรที่ทำได้ในตอนนี้ก็ควรทำเสีย ยกตัวอย่างลุงแมวน้ำเอง ลุงแมวน้ำหาเลี้ยงชีวิตด้วยการแสดงละครสัตว์ อีกหน่อยพอแก่มากกว่านี้ก็คงแสดงไม่ไหว หรือถึงแสดงไหวก็อาจไม่มีใครจ้าง ดังนั้นชีวิตหลังเกษียณคงไม่มีรายได้อะไร จะหวังพึ่งลูกหลานก็ยากดังที่ว่า

ถ้าเป็นในสังคมเกษตร เกษตรกรที่รู้จักวางแผนจะเตรียมแหล่งรายได้หลังเกษียณของตนด้วยการปลูกไม้ยืนต้นตั้งแต่ยังอยู่ในวัยแรงงาน เช่น ปลูกยางนา ประดู่ ฯลฯ ไร่หนึ่งปลูกได้ประมาณ 200 ต้น ไม้ยืนต้นเหล่านี้เมื่อมีอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถขายได้ถึงต้นละประมาณ 20,000 บาท ปลุกตอนหนุ่มสาว เมื่อถึงวัยชราก็ทยอยตัดขาย ปลูกไร่หนึ่งก็มีเงินหลังเกษียณได้แล้ว 4 ล้านบาท

แต่ถ้าอยู่ในสังคมเมืองอย่างลุงแมวน้ำ เป็นลูกจ้างคณะละครสัตว์ ไม่ได้ทำการเกษตร ไมได้รับราชการ และไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วจะมีบำนาญชีวิตได้อย่างไร นี่คือปัญหาแบบคนเมืองโดยทั่วไป คำตอบก็คือต้องสร้างเอาเอง


(โปรดอ่านต่อในวันถัดไป)



การปรับปรุง 5 มีนาคม 2553

มี การปรับปรุงรายงานอีกครั้งโดยรูปแบบของรายงานยังคงเดิมแต่ว่าเพิ่มเติม ฟิวเจอร์สของสินค้าเกษตรในต่างประเทศ เพิ่มเติมฟิวเจอร์สหุ้น (single stock futures) ของไทยบางตัว เพิ่มเติมกองทุน ETF 2 กองทุน และเพิ่มเติมดัชนีของตลาดหลักทรัพย์อีกหลายประเทศ

ขอสรุปรายการต่างๆที่ปรากฏในรายงานที่จะนำเสนอตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2553 เป็นต้นไป เป็นดังภาพต่อไปนี้



ทบทวนรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ต่างๆในรายงาน ดังต่อไปนี้

ดัชนี SET และฟิวเจอร์ส


ประกอบด้วย
SET ดัชนีเซ็ต ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย
SET50 ดัชนี SET50 ของไทย
S50 ฟิวเจอร์สที่อิงอัชนี SET50 ตลาด TFEX ของไทย

ฟิวเจอร์สของหุ้น


สำหรับ single stock futures ที่เลือกเข้ามาในรายงานนั้นคัดเลือกเฉพาะฟิวเจอร์สที่มีปริมาณในการเทรดและ มี OI มากพอสมควรเท่านั้น ได้แก่ฟิวเจอร์สของ ITD, KTB, LH, PTTEP, QH, TTA ฟิวเจอร์สทียังมีสภาพคล่องต่ำอยู่ไม่ได้นำมาแสดงเอาไว้

กองทุน ETF


ETF หรือ Exchange Traded Fund หมายถึงกองทุนเปิดของดัชนี (คือมีสินค้าอ้างอิงเป็นดัชนี) ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ สามารถซื้อขายได้เสมือนหุ้นตัวหนึ่ง ETF ที่ปรากฏในรายงานมี 2 กองทุน คือ

ENGY เป็นกองทุนที่อิงดัชนีกลุ่มพลังงานในตลาด SET
TDEX เป็นกองทุนที่อิงดัชนี SET50

ฟิวเจอรส์ของสินค้าเกษตร โลหะ ดัชนี และเงินตรา


ฟิวเจอร์สที่นำเสนอในรายงานมีอยู่หลากหลาย ทั้งจากผลิตภัณฑ์ต่างๆและจากตลาดต่างๆ สรุปได้ดังนี้
RSS ยางพาราตลาด AFET ของประเทศไทย ราคาปิดมีหน่วยเป็นบาท
IR ยางพาราตลาด TOCOM ของประเทศญี่ปุ่น ราคาปิดมีหน่วยเป็นเยน
WBR5 ข้าวตลาด AFET ของประเทศไทย ราคาปิดมีหน่วยเป็นบาท

GC ทองคำตลาด COMEX ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นดอลลาร์ สรอ
GF ทองคำตลาด TFEX ของประเทศไทย ราคาปิดมีหน่วยเป็นบาท
CL น้ำมันดิบตลาด NYMEX ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นดอลลาร์ สรอ

C ข้าวโพดตลาด CBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นเซ็นต์ สรอ
CC โกโก้ตลาด NYBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นดอลลาร์ สรอ
CT ฝ้ายตลาด NYBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นเซ็นต์ สรอ
KC กาแฟตลาด NYBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นเซ็นต์ สรอ
S ถั่วเหลืองตลาด CBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นเซ็นต์ สรอ
SB น้ำตาลตลาด NYBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นเซ็นต์ สรอ
DJ ดัชนีดาวโจนส์ตลาด CBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นจุด
DX ดัชนีดอลลาร์ สรอ ตลาด NYBOT ของประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาปิดมีหน่่วยเป็นจุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของต่างประเทศ


ประกอบด้วยดัชนีของตลาดหลักทรัพย์เกือบทุกภูมิภาคในโลก ดังนี้

ทวีปออสเตรเลีย
AORD (All Ordinaries) ดัชนีอลลออร์ดิแนรีของออสเตรเลีย

ทวีปอเมริกา
IBOVESPA (BOVESPA Index) ดัชนีโบเวสปาหรืออีโบเวสปา (อ่านได้ทั้งสองอย่าง) ของประเทศบราซิล
DJIA (Dow Jones Industrial Index) ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ตัวย่อ DJIA หรือ DJI

ทวีปยุโรป
DAXI ดัชนีแดกซ์ (DAX Index) ของเยอรมนี
FTSE100 ดัชนีฟุตซี (FTSE Index) ของอังกฤษ

ทวีปเอเซีย
HSKI ดัชนีหั่งเส็ง (Hang Seng Index) ของฮ่องกง
NIX ดัชนีนิกเกอิ 225 (Nikkei 225) หรือที่เรียกกันสั้นๆว่านิกเกอิ ของประเทศญี่ปุ่น
SSECI ดัชนีเซี่ยงไฮ้หรือดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai Stock Exchange Composite Index) ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
STI ดัชนีสเตรทส์ไทมส์ (Strait Times Index) ของสิงคโปร์
BSESN ดัชนีเซนเซกซ์ (BSE SENSEX) ของอินเดีย
KS11 ดัชนีคอสปี (KOSPI) ของเกาหลีใต้
TWII ดัชนีไทเอกซ์ (TAIEX) ของไต้หวัน