Thursday, April 17, 2014

17/04/2014 ต้องมีเงินเท่าไรสำหรับวัยเกษียณสุข (1)




เช้าวันสงกรานต์ แม้ว่าอากาศจะร้อนอบอ้าว แต่ว่าโขดหินของลุงแมวน้ำก็เย็นสบายพอสมควร ขณะที่ลุงแมวน้ำกำลังนอนผึ่งพุงอยู่บนโขดหินแสนสุขอยู่นั้นเอง ลิงจ๋อ แม่ยีราฟ กระต่ายน้อย และสมาชิกอื่นๆอีกหลายตัวในคณะละครสัตว์ก็แวะมาหา

“วู้ ลุงแมวน้ำ พวกเรามารดน้ำดำหัวลุงแน่ะ” ลิงจ๋อส่งเสียงเอะอะมาแต่ไกล

“ไม่น่าต้องลำบากเลย” ลุงแมวน้ำพูด

“ไม่ลำบากหรอกฮะ พวกเราจะมาขออั่งเปาด้วย” กระต่ายน้อยพูด

“อั่งเปานี่มันสำหรับตรุษจีนนี่ จะรออั่งเปาคงต้องรอปีหน้าละมั้ง” ลุงแมวน้ำอ้าปากค้าง เพราะไม่เคยเจอธรรมเนียมแจกอั่งเปาในวันสงกรานต์

“ไม่เป็นไรลุง พวกเราไม่ถือ จีนไทยไม่ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน ตรุษไทยจะผสมธรรมเนียมจีนบ้างก็ได้” ลิงจ๋อพูดหน้าตาย

“ลุงไม่ได้เตรียมเอาไว้น่ะสิ” ลุงแมวน้ำพูด “ไม่รู้ล่วงหน้านี่”

“ถ้ายังงั้นวันหลังค่อยมารดละกัน” ลิงจ๋อพูด “พวกเรา กลับกันก่อน”

“วุ้ย นายจ๋อบ้า” แม่ยีราฟดุ “ชอบแกล้งลุงแมวน้ำเสียเรื่อยเชียว ลุงอย่าไปฟังนายจ๋อ นายนี่ติดหุ้นจนเพี้ยนแล้ว”

“เอาเถอะ รดก็ได้ ไม่รดก็ได้ ตามสะดวกละกัน” ลุงแมวน้ำพูด

“รดสิคร้าบ ผมชอบแกล้งลุงแมวน้ำจัง ไม่รู้เป็นอะไร” ลิงจ๋อหัวเราะ

“เป็นโรคจิตไงฮะ” กระต่ายน้อยพูดบ้าง

“กลับไปลงหมวกเลย ไม่ต้องพูดมาก” ลิงดุกระต่าย

หลังจากที่หยอกล้อกันพอสนุกสนาน การรดน้ำดำหัวก็เริ่มขึ้น หลังจากที่รดน้ำเสร็จ บรรดาสมาชิกก็แยกย้ายกันกลับ เหลือเพียงแม่ยีราฟที่โอ้เอ้ ส่วนลิงจ๋อกับกระต่ายก็นั่งอยู่บนหลังแม่ยีราฟ

“ลุงแมวน้ำจ๊ะ ขอถามอะไรหน่อย” ยีราฟกระแอม

“เอาสิ ลุงตอบให้ฟรีๆ ไม่คิดเงินหรอก” ลุงแมวน้ำหัวเราะที่เห็นแม่ยีราฟท่าทางจริงจัง

“ฉันอยากรู้ว่าฉันควรมีเงินเก็บสักเท่าไรจึงจะมีชีวิตหลังเกษียณอย่างมีความสุขน่ะ” ยีราฟถาม

“โอ๊ย คุณเธอมาถามอะไรเอาตอนนี้ ยังสาวอยู่เลย” ลิงจ๋อขำ

“ฉันน่ะวัยกลางยีราฟแล้ว ต้องคิดเตรียมการสำหรับอนาคตไว้บ้าง นายจ๋อก็ต้องคิดไว้บ้างนะ วันๆเอาแต่ลอยไปลอยมา” ยีราฟเตือน

“อ้าว ฉันก็โหนกิ่งไม้ไปมา วันๆก็ต้องลอยไปลอยมาอยู่แล้ว” ลิงจ๋อพูดตลก แต่สังเกตดูท่าทางก็อึ้งไปนิดหนึ่ง

“ว่าไงจ๊ะลุง” ยีราฟถามอีก “ฉันอยากรู้ จะได้เตรียมเก็บเงินเอาไว้”

ยีราฟสาวตัวนี้มีนิสัยเก็บหอมรอมริบอีกทั้งยังมักวางแผนชีวิตเอาไว้ล่วงหน้า ต่างจากลิงจ๋อที่สนุกสนานเฮฮา ไม่ค่อยคิดวางแผนอนาคตเท่าไรนัก

“ที่แม่ยีราฟถามนั้นก็ตอบได้ยาก เพราะว่าคำตอบมีอยู่หลากหลาย ขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง” ลุงแมวน้ำพูดอย่างใช้ความคิด “มันต้องมีรายละเอียดมากกว่านี้ อย่างเช่นว่าต้องการมีคุณภาพชีวิตระดับไหนหลังจากที่เกษียณไปแล้ว จำนวนเงินออมที่แตกต่างกันย่อมส่งผลให้คุณภาพชีวิตหลังเกษียณแตกต่างกันออกไป”

“ก็เอาแบบที่ฉันพอมีกำลังทำได้นั่นแหละลุง” ยีราฟตอบแบบเอากีบเท้าทุบดิน

“เอาล่ะ ลุงพอเข้าใจ” ลุงแมวน้ำพูด “แม่ยีราฟเองตอนนี้อาจยังวาดภาพตนเองเมื่อหลังเกษียณไม่ออก ระดับคุณภาพชีวิตหลังเกษียณก็ขึ้นกับกำลังในการออมยามหนุ่มสาวด้วย ไม่ใช่ว่าอยากสบายเท่าไรก็จะไปถึงจุดนั้นได้”

“ถ้ายังงั้นคงต้องคุยกันต่อละ ไปนั่งที่สวนข้างโขดหินกันดีกว่า” ลุงแมวน้ำเชิญชวน “นายจ๋อกับกระต่ายน้อยจะกลับก่อนไหม ลุงคงต้องคุยกับแม่ยีราฟสักพัก”

“ไม่กลับฮะลุง” กระต่ายน้อยบนหลังยีราฟส่ายหางดุ๊กดิ๊ก “ฟังลุงกับน้ายีราฟคุยกันดีกว่า”

“ผมก็ด้วย” ลิงจ๋อตอบ

พวกเราจึงเดินมานั่งคุยกันที่สวนข้างโขดหิน อันเป็นสถานที่ที่เรามักมานั่งคุยกันเป็นประจำอยู่แล้ว

“เอาล่ะ” ลุงแมวน้ำพูด “มาเข้าเรื่องกัน ฝรั่งเขามีการสำรวจและพบว่าหากต้องการมีชีวิตหลังเกษียณที่ใกล้เคียงกับก่อนเกษียณ ควรมีเงินใช้ราว 70% ของรายได้ก่อนเกษียณ”

“งง” ลิงจ๋อรีบพูด

“แปลง่ายๆว่า สมมติว่าก่อนเกษียณ มีรายได้เดือนละ 10,000 บาท เมื่อยามที่เกษียณไปแล้ว หากต้องการรักษาคุณภาพชีวิตให้ใกล้เคียงเดิม ก็ควรมีรายได้หลังเกษียณเดือนละ 7,000 บาท หากต่ำกว่านั้นมากเท่าไร คุณภาพชีวิตก็จะลดหย่อนลงไปตามส่วน”

“แล้วมันแปลว่าฉันต้องมีเงินเก็บเท่าไรล่ะลุง” ยีราฟยังไม่หายสงสัย “ลุงตอบมาเป็นตัวเลขชัดๆเลยสิ”

ลุงแมวน้ำเริ่มปวดหัวกับคำถาม แต่แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้

“เอายังงี้” ลุงแมวน้ำพูด “ต้องมีสักห้าล้านสี่”

“เจี๊ยก” แม่ยีราฟร้อง “ทำไมมันเยอะยังงี้ ลุงแมวน้ำไปเอาตัวเลขมาจากไหน”

“แหม เธอนี่” ลิงจ๋ออดพูดไม่ได้ “พอลุงแมวน้ำบอกว่าตอบยาก เธอก็จะให้ฟันธงเอาตัวเลขมา พอลุงแมวน้ำบอกตัวเลข เธอก็ร้องเจี๊ยกเป็นลิง จะเอายังไงกันแน่”

“ก็ตกใจนี่ เงินมันเยอะ” ยีราฟพูด

“ที่จริงก็ไม่เยอะหรอกนะ” ลุงแมวน้ำพูด “เงิน 5,400,000 บาทนี้ถือว่าใช้ชีวิตได้ตามอัตภาพเท่านั้นด้วย ไม่ใช่สุขสบายหรูหรา”

“แล้วลุงไปเอาตัวเลขมาจากไหนน่ะ ผมก็ชักสงสัย” ลิงจ๋อสงสัยด้วย “ขนาดนี้ลุงยังบอกว่าแค่ตามอัตภาพ”

“ลุงจะอธิบายให้ฟัง” ลุงแมวน้ำพูดพลางดึงม้วนกระดาษออกมาจากหูกระต่าย เมื่อคลี่ออกมาก็เป็นตารางแผ่นหนึ่ง

“ลุงเคยคำนวณเอาไว้เล่นๆเมื่อสองสามปีก่อน พอดีวันนี้ได้ใช้ประโยชน์” ลุงแมวน้ำพูด “ก่อนอื่นลุงขอเท้าความสักหน่อย คือจากการสำรวจของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่าปัจจุบันคนไทย 77.4% มีการเก็บออมเงิน และมีผู้ที่ไม่มีเงินออมเลยอยู่ 22.6%

“ทีนี้ในจำนวน 77.4% ที่มีเงินออมนั้น มีวัตถุประสงค์ในการออมเงินหลายแบบ เช่น ออมเพื่อการศึกษาบ้าง เพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้บ้าง ส่วนผู้ที่ออมเพื่อวัยเกษียณมีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

“และจากการสำรวจของทีดีอาร์ไอที่ทำในกลุ่มผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุไทยมีผู้ที่มีเงินออมอยู่เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น พูดง่ายๆว่าคนแก่ 100 คน มีคนแก่ที่มีเงินออมเพียง 33 คนเท่านั้น ที่เหลืออีก 64 คนไม่มีเงินเก็บหรือเงินออม ต้องมีชีวิตหลังเกษียณที่ไม่ค่อยมั่นคง”

“หูย น่ากลัวจัง” แม่ยีราฟเริ่มวิตกจริต “แล้วฉันต้องทำยังไงเนี่ย”

“ยังไม่ต้องทำอะไร ฟังลุงเล่าให้จบก่อนสิ” ลุงแมวน้ำรีบขัด “เอ้า มาดูตารางกัน”




ลุงแมวน้ำพูดพลางคลี่ตารางกางให้ดูกันถนัดๆ

“นี่เป็นตารางที่ลุงคิดเอาไว้เมื่อปี 2554 เป็นการประเมินค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตหลังเกษียณ ว่าหากเกษียณในปีนั้นแล้วชีวิตหลังเกษียณจะมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

“ค่าใช้จ่ายนั้นลุงก็ทำเอาไว้ให้ดูกันง่ายๆ รายจ่ายบางรายการเกิดเป็นประจำทุกวัน บางอย่างเกิดทุกเดือน ก็กรอกในช่องรายจ่ายประจำวันหรือประจำเดือน พวกที่เกิดไม่แน่นอน หรือนานๆมีค่าใช้จ่ายสักที ก็เหมาไปเลยเป็นรายปี แล้วทุกอย่างจะเอามาคำนวณในขั้นสุดท้ายว่ารวมแล้วปีหนึ่งมีค่าใช้จ่ายเท่าไร

“สำหรับตารางนี้ เป็นคุณภาพชีวิตหลังเกษียณ สำหรับค่าครองชีพในเมืองใหญ่ และใช้จ่ายอย่างประหยัด สำหรับคนเดียว อาศัยอยู่ในคอนโดหรือบ้านเดี่ยวมีเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง คือไม่มีภาระเรื่องผ่อนบ้านแล้ว

“ลุงจะยกตัวอย่างค่าใช้จ่ายบางรายการ จะเห็นว่าให้ค่าอาหารวันละ 100 บาทต่อคน ก็ไม่เหลือเฟือ ค่าเสื้อผ้าให้ปีละ 4000 บาท ก็ไม่มาก ผู้สูงอายุควรใส่ใจเรื่องเสื้อผ้านิดนึง ซื้อของใหม่สีสดใสบ้าง จิตใจจะสดชื่น อย่าใส่แต่เก่าๆ โทรมๆ จิตใจจะห่อเหี่ยว อันนี้เป็นจิตวิทยาผู้สูงอายุ

“ค่ารถให้วันละ 150 บาท ขึ้นรถไฟฟ้าบ้าง รถเมล์บ้าง ไปหาเพื่อนฝูง หรือไปเดินเล่นสวนสาธารณะ ค่าพักผ่อนหย่อนใจให้ปีละ 20,000 บาท ได้แค่ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไปฮ่องกงสิงคโปร์

“งานบ้านต้องทำเอง จ้างแม่บ้านไม่ได้เพราะต้องประหยัด ส่วนการออกกำลังกายก็คงได้แค่เป็นสมาชิกฟิตเนสของ กทม หรือตีแบด ตีเทนนิส ว่ายน้ำ เป็นครั้งคราว จะเป็นสมาชิกฟิตเนสคลับแบบหรูๆก็ไม่ไหว

“และที่สำคัญคือ ให้ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพปีละ 10,000 บาท หมายความว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็พึ่งบัตรทองทั้งหมด ขาดเหลืออะไรก็ควักกระเป๋าจ่ายเองได้เพียงปีละ 10,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเผื่อไว้ให้น้อยมาก นี่แหละที่ลุงว่าคุณภาพชีวิตตามแผนนี้ค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย ไม่ได้หรูหราอะไรเลย

“ทีนี้ตามตาราง จะเห็นว่าหากเกษียณปี 2554 ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณในปี 2554 จะเป็น 246,500 บาทต่อปี ปีนี้ลุงถือว่าเป็นปีฐานในการคำนวณ หากไม่เกษียณในปี 2554 จะเกษียณปีไหนล่ะ สมมติปี 2566 ณ ปีนั้น ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณจะกลายเป็นปีละ 331,515 บาทต่อปี เพราะผลจากเงินเฟ้อนั่นเอง 

“เอาละ สมมติว่าทำงานถึงปี 2565 คือแม่ยีราฟอายุ 60 ปีและในปีนั้นมีเงินออม 5,400,000 บาท ตัวเลขนี้ลุงสมมติขึ้นมาลอยๆก่อน เงินออมห้าล้านสี่แสนบาทในปี 2566 หากเงินนั้นไม่ได้งอกเงยให้ผลตอบแทนใดๆอีกเลย เงินก้อนนั้นแม่ยีราฟก็จะใช้ไปได้อีกจนถึงอายุ 74 ปีเท่านั้น”

“แล้วถ้าฉันอายุยืนกว่านั้นล่ะ” ยีราฟสงสัย

“อ้าว ไม่รู้แล้ว ก็เงินหมดแล้วนี่ จะอยู่ต่อยังไงนั่นคือปัญหา” ลุงแมวน้ำตอบ “แต่ถ้าเงินห้าล้านสี่นั้นแม่ยีราฟเอาไปลงทุนและให้ผลตอบแทนบ้าง สัก 5% ต่อปี แม่ยีราฟก็จะประวิงเวลาใช้เงินไปได้จนอายุ 80 ปีกว่าที่เงินจะหมด และถ้าแม่ยีราฟสร้างผลตอบแทนจากเงินออมได้ปีละ 8% แม่ยีราฟก็จะมีเงินใช้จนถึงอายุ 93 ปี กว่าที่เงินจะหมด ดังนั้นเงินออมที่ต้องเก็บออมเอาไว้ก็สำคัญ และที่สำคัญอีกอย่างคือต้องรู้จักให้เงินทำงานด้วย ไม่อย่างนั้นจะอยู่ได้ยาก ดังที่ลุงยกตัวอย่างมาให้ดู” ลุงแมวน้ำสรุป

“แล้วถ้าอยากมีชีวิตที่สบายขึ้นกว่านี้ละลุง ต้องมีเงินออมสักเท่าไร” ลิงจ๋อชักสนใจและถามขึ้นมาบ้าง

Sunday, April 13, 2014

13/04/2014 : สุขสันต์วันสงกรานต์ เข้าสู่ปีที่ 6 ดูหนังวันหยุดกัน




ลุงแมวน้ำเริ่มทำเว็บบล็อกนี้มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ของปี 2009 มาจนถึงวันนี้ สงกรานต์ 2014 เวลาได้เวียนมาบรรจบครบ 5 ปีพอดี

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างเกิดขึ้นในโลกและในตลาดทุน อันเป็นของธรรมดาโลก ลุงแมวน้ำก็ปรับเปลี่ยนแนวทางในการนำเสนอหลายต่อหลายครั้ง ทั้งปรับเล็กๆน้อยๆและปรับครั้งใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

จนถึงวันนี้ ขณะที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 6 สถานการณ์การลงทุนในโลกและในไทยก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปอีก ลุงแมวน้ำจึงทำการปรับปรุงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

คงเห็นว่าลุงแมวน้ำปรับปรุงรูปโฉมของเว็บบล็อกเสียใหม่ อันเปรียบเหมือนกับการแต่งบ้าน ครั้งนี้แต่งเสียยกใหญ่ ทาสีบ้านและตกแต่งเสียใหม่ ดูแปลกตาออกไป ราวกับขึ้นบ้านใหม่ แต่ที่จริงก็บ้านเดิมนั่นแหละ ^_^

นอกจากการเปลี่ยนรูปโฉมภายนอกแล้ว เนื้อหาภายในก็ยังปรับเปลี่ยนไป โดยลุงแมวน้ำจะปรับแนวทางการนำเสนอให้ครอบคลุมการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยจะเน้นไปที่การลงทุนในตลาดทุนของอเมริกา เพราะที่สหรัฐอเมริกามีผลิตภัณฑ์ในการลงทุนมากมายหลายหลาก มีทั้งหุ้น อีทีเอฟ (etf) และอนุพันธ์คือฟิวเจอร์สและออปชัน (futures & options) ครอบคลุมการลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลก และครอบคลุมสินทรัพย์เสี่ยงประเภทต่างๆ ดังนั้นการเข้าสู่ตลาดทุนของสหรัฐอเมริกาก็เท่ากับสามารถกระจายการลงทุนไปได้ทั่วโลก และกระจายไปในสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ อาทิ หุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์

นอกจากนี้ ลุงแมวน้ำยังจะคุยเกี่ยวกับเรื่องกองทุนรวมที่อยู่ในตลาดทุนไทยแต่ไปลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมายเช่นกัน โดยมีทั้งกองทุนรวมธรรมดาและกองทุนรวมแบบลดหย่อนภาษี (RMF) ที่พาเงินของเราไปลงทุนในต่างประเทศ โดยครอบคลุมสินทรัพย์เสี่ยงในประเภทต่างๆเช่นกัน ทั้งหุ้น พันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และอสังหาริมทรัพย์

ดังนั้นเว็บบล็อกของลุงแมวน้ำตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป จึงเป็นก้าวย่างใหม่ของการลงทุน นั่นคือ การโกอินเตอร์หรือออกไปสู่โลกกว้าง

ในช่วงปีที่แล้ว 2013 ลุงแมวน้ำปรับปรุงเว็บบล็อกน้อยลง และหันไปโพสต์ในเฟซบุ๊กเสียมากกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าลุงแมวน้ำขี้เกียจนั่นเอง ^_^ โพสต์ในเฟซบุ๊กง่ายกว่า แต่ว่าปีนี้ลุงแมวน้ำจะพยายามปรับปรุงเสียใหม่ ด้วยการหันกลับมาเขียนเรื่องราวในเว็บบล็อกเป็นหลัก เพราะแม้จะทำได้ยาก แต่ว่าทำให้ผู้อ่านติดตามเรื่องราวได้ง่ายและดีกว่า จะค้นมาดูในภายหลังก็ง่ายกว่าด้วย พร้อมกันนั้นก็จะคัดลอกเนื้อหาไปโพสต์ในเฟซบุ๊กด้วย แต่ภาพที่นำไปโพสต์ในเฟซบุ๊กอาจไม่ครบถ้วนเท่ากับในเว็บบล็อก แต่ก็เรียกได้ว่าอำนายความสะดวกกันสุดๆ ใครถนัดอ่านในสื่อชนิดใดก็เลือกได้ตามใจชอบ

เอาละ พูดเรื่องการเปลี่ยนแปลงกันไปแล้ว ต่อไปเรามาคุยเรื่องบันเทิงในวันหยุดกันดีกว่า ^_^

ช่วงเทศกาล โดยเฉพาะสงกรานต์ เป็นช่วงที่ลุงไม่อยากไปไหนเลย เพราะแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งในและต่างประเทศจะมีคนไทยแห่ไปเที่ยวกันเต็มไปหมด ไปเที่ยวเมืองจีน ฮ่องกง ในช่วงสงกรานต์ราวกับอยู่ในเมืองไทย เพราะว่านักท่องเที่ยวไทยเต็มไปหมด เดินอยู่บนถนนสุขุมวิทยังคล้ายเดินอยู่เมืองนอกมากกว่าเสียอีก ^_^

พูดถึงคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ ตอนนี้ร้านค้าไทยกลัวนักท่องเที่ยวจีนกันมาก เรียกว่าอยากได้เงินแต่ไม่อยากต้อนรับ เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวจีนที่แสดงพฤติกรรมไม่ค่อยดีเอาไว้จนร้านค้าเข็ดขยาด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องมารยาทและความเกรงอกเกรงใจ

แต่ขณะเดียวกัน ตอนนี้คนญี่ปุ่นก็กลัวนักท่องเที่ยวไทยเช่นเดียวกัน และก็ด้วยเหตุผลทำนองเดียวกันกับที่ร้านค้าไทยกลัวนักท่องเที่ยวจีน เนื่องจากตอนนี้มีนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมาก เพราะค่าเงินเยนอ่อน ทำให้ค่าทัวร์ไปญี่ปุ่นไม่แพง อีกทั้งยังไม่ต้องขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่นอีกด้วย ได้ข่าวว่านักท่องเที่ยวไทยไปสร้างวีรกรรมเอาไว้ที่ญี่ปุ่นพอสมควรทีเดียว

ว่าจะพูดเรื่องบันเทิงวันหยุด ไหงมาพูดเรื่องท่องเที่ยวไปได้ มากลับเข้าเรื่องกันดีกว่า ^_^

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เดินทางไปไหน ลุงแมวน้ำมีหนังซีรีส์จีนแนวแอคชั่น ดรามา ผจญภัยมาให้ชมกันแก้เหงา ตอนนี้ลุงกำลังติดเรื่องนี้งอมแงมอยู่เช่นกัน เราไปดูรายละเอียดกัน

ภาพยนตร์ซีรีส์ที่ว่านี้เป็นนิยายผจญภัย แฟนตาซี บู๊ ขำ รัก เศร้า แถมเพลงยังไพเราะอีกต่างหาก เรียกว่ามีครบทุกรส แต่ไม่จับฉ่าย ก่อนอื่นลุงเล่าความเป็นมาเสียก่อน

รู้จัก เฉินหลง กันใช่ไหม แจกกี ชาน (Jackie Chan) ไง เป็นนักแสดงและผู้กำกับชาวฮ่องกง หนังแนวที่ถนัดคือหนังแนวแอคชันกังฟู เพราะว่าเฉินหลงเองนั้นดังมาจากการเป็นดาราหนังกังฟูนั่นเอง

หนังแอคชันกังฟูของเฉินหลงนั้นไม่โหด ไม่ใช่ประเภทตัดแขน ตัดหัว เลือดท่วมจอ แต่เป็นหนังบู๊แนวขำๆ สมัยที่เฉินหลงหนุ่มๆนั้นเริ่มดังจากหนังแนวกำลังภายใน จากนั้นก็มาโด่งดังจากหนังชุด Police Story ซึ่งมีหลายภาค ลุงก็นับไม่หมด แต่อย่างน้อยก็ 5 ภาคล่ะ ซึ่งหนังชุด Police Story นี้ในภาคไทยมีชื่อว่า วิ่งสู้ฟัด บู๊กันแหลกลาญ และต่อมา หนังของเฉินหลงที่ฉายในไทยต้องมีคำว่า ฟัด ห้อยอยู่ด้วยตลอด เช่น วิ่งกระเตงฟัด ใหญ่ฟัดโลก ฯลฯ

และเมื่อเฉินหลงมีอายุมากขึ้น ก็พยายามลดคิวบู๊ของตนเองในหนังลง เพราะสังขารย่อมเสื่อมไปตามวัย จะให้วิ่งสู้ฟัดแบบหนุ่มๆย่อมไม่ได้ และนี่เองที่เป็นจุดเปลี่ยนของแนวหนังเฉินหลง

ในปี 2005 เฉินหลงออกฉายหนังเรื่อง The Myth หรือชื่อไทยคือ ดาบทะลุฟ้า ฟัดทะลุเวลา แนวของหนังเปลี่ยนจากแนวตำรวจที่บู๊แหลกลาญ กลายเป็นการหยิบตำนานรักมาเล่าขาน โดยผสมฉากบู๊เข้าไป เป็นหนังแอคชันกังฟูที่มีความเป็นดราม่าสูง ซึ่งทำให้เฉินหลงเลี่ยงบทบู๊เจ็บตัวไปได้เยอะทีเดียว ในขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างสีสันใหม่ๆให้แก่หนังของตน

เนื้อเรื่องของ The Myth หนังเรื่องนี้เป็นแนวทวิภพ คือย้อนยุค ลัดมิติ ทะลุเวลาไปสู่อดีตในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ โดยพระเอก (เฉินหลง) เป็นนักโบราณคดี เดินทางย้อนเวลาไปหลงรักสนมของจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งนางเอกในเรื่องนี้เป็นดาราเกาหลีชื่อคิมฮีซอน เพลงเอกของหนังเรื่องนี้ไพเราะมาก เราลองมาดูตัวอย่าง (trailer) ของหนังเรื่องนี้กัน




หนังเรื่องนี้เรตติงหรือคะแนนนิยมทางโลกตะวันตกไม่ค่อยเท่าไรนัก แต่ความนิยมในย่านเอเชียใช้ได้เลยทีเดียว ดังนั้นต่อมาในปี 2009 เฉินหลงจึงนำหนังเรื่อง The Myth นี้มาขยายเป็นหนังซีรีส์เพื่อฉายทางทีวี โดยในฉบับซีรีส์นี้มีเนื้อหาและรายละเอียดในเชิงประวัติศาสตร์เพิ่มเติมขึ้นอีกมากมาย มีความเป็นดราม่าสูง ขณะเดียวกันก็ยังมีกังฟูและมุขขำๆ ฮาๆ ตามสไตล์ของเฉินหลง

ภาพยนตร์ชุดทางทีวีนี้ทุ่มทุนสร้างถึง 40 ล้านหยวนหรือ 200 ล้านบาท ยาว 50 ตอน ออกฉายในปี 2010 ทางช่อง CCTV 8 ของจีน ดาราแสดงนำเปลี่ยนใหม่เป็นดาราจีน พระเอกเปลี่ยนจากเฉินหลงจมูกโตเป็นหูเกอ ดาราจีนหน้าตากวน ส่วนนางเอกก็เป็นไป๋ปิง ดาราจีนเช่นกัน มาดูภาพโปสเตอร์หนังซีรีส์กัน


The Myth 2010 (TV series)


เพลงเอกของซีรีส์จีนนี้ยังเป็นเพลงเดิม คือ Endless Love (美丽的神话 ชื่อในภาษาจีนแปลว่าเทพนิยายอันงดงาม) จาก The Myth 2005 ที่เป็นหนังโรง แต่เปลี่ยนนักร้องและไม่มีเนื้อร้องท่อนเกาหลีแล้ว (Endless Love เวอร์ชัน 2005 มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งเป็นภาษาเกาหลีด้วย) เพลงนี้ดังทีเดียว มีนักร้องนำมาร้องหลายคู่ ฉบับที่นิยมกันคือฉบับที่ร้องโดยหูเกอกับไป๋ปิง รองลงมาเป็นคัฟเวอร์เวอร์ชัน ร้องโดยซุนหนานกับหานหง เรามาฟังฉบับของหูเกอไป๋ปิงกัน




ซีรีส์นี้ยังไม่ได้นำเข้ามาฉายในเมืองไทย แต่สามารถดูได้ทาง youtube ตามนี้เลยคร้าบ






มีพากย์ไทยให้เรียบร้อย ทยอยออกสัปดาห์ละตอน ตอนนี้มีพากย์ไทยถึง 16 ตอนแล้ว (ดูที่ playlist ทางด้านขวา จะมีชื่อตอนให้เลือกดู)

และถ้าหากไม่ทันใจ ก็ไปดูฉบับที่เป็นพากย์อังกฤษ (ซับอังกฤษ) ซึ่งมีครบทั้ง 50 ตอนแล้ว ไปที่นี่เลย




ที่นี่นอกจากมีฉบับซับอังกฤษแล้วยังมีฉบับซับไทยด้วย แต่แปลไทยกะพร่องกะแพร่ง เพราะแปลด้วยโปรแกรม ฉบับซับอังกฤษลุงแมวน้ำประเมินว่าถ่ายทอดได้สัก 80-90% ส่วนซับไทยนั้นรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องเดาเยอะทีเดียว

พักผ่อนดูหนังกันให้สนุกในวันสงกรานต์คร้าบ