Tuesday, July 30, 2013

30/07/2013 * ตลาดยังเป็นขาขึ้น และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (22/07/2013 - 26/07/2013)



วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้ามืด อากาศเย็นสบายน่านอนทีเดียว ฝนตกปีนี้ลุงแมวน้ำมีปัญหาใหม่เกิดขึ้น นั่นคือปลิงบุก ปลิงนะ ไม่ใช่ลิง ปลิงตัวหนึบๆที่ดูดเลือดนั่นแหละ ตอนนี้มันอาละวาดอยู่ในสวน แล้วยังลามมาที่โขดหินของลุงแมวน้ำ วันๆต้องไล่จับเอาไปปล่อยตั้งหลายรอบ นี่ดีนะที่ไม่ไปอาละวาดในโรงละครสัตว์ ไม่อย่างนั้นผู้ชมสาวๆต้องกรี๊ดเป็นแน่ ^_^

มาสรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วกันดีกว่า 

มาดูที่สหรัฐอเมริกากันก่อน สัญญาณเศรษฐกิจของอเมริกาค่อนข้างสับสน คือ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดขายบ้านมือสองกลับลดลง การขอรับสวัสดิการสำหรับผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นกว่าคาดการณ์ (หมายความว่าคนตกงานเพิ่มขึ้นกว่าที่คาด) แต่ยอดขายสินค้าคงทนกลับเพิ่มขึ้นด้วย ก็ดูแปลกๆ แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่มีผลต่อตลาดหุ้นก็คือความชัดเจนเรื่องคิวอี แม้ว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาลุงเบนจะไม่ได้พูดอะไรเพื่อเพิ่มความสับสน แต่ว่าผลการสำรวจของบลูมเบิร์กที่สอบถามความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์กลับพบว่านักเศรษฐศาสตร์เห็นว่าลุงเบนจะเริ่มลดวงเงินคิวอีเดือนในงวดกันยายนนี้กลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้นักลงทุนหวั่นไหว ตลาดหุ้นอเมริกาในสัปดาห์ที่แล้วจึงทรงตัว ขึ้นนิดลงหน่อย 

ทางด้านยุโรป ตัวเลขทางเศรษฐกิจในกล่มยุโรปดูดีขึ้น เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและบริการ เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งอัตราการว่างงานของสเปนปรับตัวลงนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดี รวมความแล้วข่าวดีมีพอสมควร แต่ตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งขึ้นและลง อังกฤษ เยอรมนี ปรับตัวลง ส่วนประเทศที่มีปัญหาเยอะ เช่น กรีซ อิตาลี สเปน ฯลฯ ปรับตัวขึ้น

ทางด้านเอเชีย เรื่องกังวลของเอเชียก็เห็นจะหนีไม่พ้นตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน เมื่อไม่นานมานี้ก็กังวลเรื่องสภาพคล่องของภาคการเงินการธนาคาร พอเรื่องนี้ซาลงก็มากังวลเรื่องหนี้เสียของรัฐบาลท้องถิ่นของจีนอีก แม้ว่าลุงหลี่ นายกรัฐมนตรีจะรับประกันว่าจะไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวน้อยกว่า 7% แต่ตลาดหุ้นจีนก็ตอบสนองไม่ค่อยดีนัก ขึ้นแล้วก็ลงต่อ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเศรษฐกิจญี่ปุ่นอีก ว่าจะฟื้นจริงหรือฟื้นไม่จริง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวลงแรงในตอนปลายสัปดาห์ เรื่องเศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นค่อนข้างซับซ้อนทีเดียว ตลาดหุ้นในย่านเอเชียจึงมีทั้งขึ้นและลง ส่วนตลาดหุ้นไทย ดัชนีเซ็ตปรับตัวลงเล็กน้อย

แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคจะมีทั้งดีและไม่ดี แต่ความผันผวนของตลาดหุ้นในเอเชียขึ้นอยู่กับตลาดหุ้นอเมริกาและตลาดหุ้นจีนมากกว่า และแม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกในรอบสัปดาห์ที่แล้วจะมีทั้งขึ้นและลงคละกัน แต่หากสังเกตในรายงานท้ายบทความนี้จะเห็นว่า ในภาพรวมแล้วตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่เป็นสัญญาณซื้อ มีตลาดหุ้นที่เป็นสัญญาณขายเพียงไม่กี่ตลาดเท่านั้น เช่น จีน อินเดีย ฯลฯ ดังนั้นลุงแมวน้ำยังมองในภาพรวมว่าตลาดยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ เดี๋ยวเรามาดูกราฟกัน 

ก่อนจะไปถึงกราฟลุงแมวน้ำขอพูดเรื่องตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ก่อน สัปดาห์ที่แล้วสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าเกษตรและน้ำมันร่วงต่อ สินค้าเกษตรนี่ลงแล้วลงอีก ยังหาก้นเหวไม่เจอ กลุ่มที่ขึ้นมีเพียงกลุ่มโลหะมีค่า ได้แก่ ทองคำและโลหะเงิน

ทางด้านตราสารหนี้ ทั้งตลาดพันธบัตรอเมริกาและไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรัฐบาลรอายุสั้นทรงตัว ส่วนกลุ่มอายุยาวสูงขึ้น แปลว่ามีแรงขายพันธบัตรในกลุ่มอายุยาว 

ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่แล้วเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า ทำให้เงินตราสกุลอื่นแข็งค่าขึ้น ยกเว้นเงินบาทไทยอ่อนตัวลงเล็กน้อย 



ลุงแมวน้ำพาชมตลาด


สัปดาห์นี้ลุงขอพูดเรื่องตลาดหุ้นมากหน่อย ส่วนพันธบัตร สินค้าโภคภัณฑ์ และค่าเงิน คงพูดเพียงนิดหน่อย ขอเอาไว้คุยในโอกาสต่อไปบ้าง

เรามาดูกราฟดัชนีตลาดหุ้นต่างๆกันดีกว่า เขามีพระยาน้อยชมตลาดใช่ไหม นี่เป็นลุงแมวน้ำชมตลาด ไม่ใช่ตลาดสด แต่เป็นตลาดหุ้น ^_^



ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ดูอาการไม่ค่อยดี มีช่อง (gap) ขาลงติดกันสองช่องทีเดียว ต้องระวังไว้ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นอาจลงได้อีกมาก หากตลาดหุ้นญี่ปุ่นลง เงินเยนจะแข็ง และฉุดให้เงินบาทอ่อนได้



ตลาดหุ้นจีน รอมร่อจะหลุดจากจุดต่ำสุดเดิม แต่ก็ยังไม่หลุด พร้อมกันนั้นก็ก่อตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมชายธงแล้ว อีกไม่นานจะรู้ว่าหมู่หรือจ่า ถ้าหลุดลงมาข้างล่างคงส่งผลกระทบมากพอดู



ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



ตลาดหุ้นฮ่องกง ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เกิดรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง ยังไม่รู้ว่าจะขึ้นหรือลง



ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



ตลาดหุ้นเยอรมนี ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น และใกล้ทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลเดิมแล้ว



ตลาดหุ้นไทย ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้นเช่นกัน



เราดููตลาดหุ้นประเทศต่างๆกันแล้ว สองประเทศสุดท้ายที่เราจะดูกันในรายละเอียด คือตลาดหุ้นอเมริกาและตลาดหุ้นไทย

มาดูตลาดหุ้นอเมริกากันก่อน




ตลาดหุ้นอเมริกายังเป็นขาขึ้น



ตลาดหุ้นและพันธบัตรของสหรัฐอเมริกา ภาพนี้มีทั้งหุ้นและพันธบัตรอยู่ด้วยกัน รูปย่อยบนเป็นราคาพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน อายุ 10 ปีและ 30 ปี รูปย่อยกลางเป็นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน อายุ 10 ปี และ 30 ปี ส่วนรูปล่างเป็นดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์



ภาพนี้ลุงแมวน้ำทำมาเป็นพิเศษ คือมีทั้งราคาพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพันธบัตร และดัชนีตลาดหุ้น เปรียบเทียบกัน เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน

เราดูภาพย่อยบนกันก่อน ตอนนี้ตลาดพันธบัตรอเมริกัน หากเป็นระยะกลาง คือพิจารณาตั้งแต่เดือนเมษายน 2013 เป็นต้นมา จะเห็นว่าราคาพันธบัตรเป็นแนวโน้มขาลง (และอัตราผลตอบแทนเป็นขาขึ้น) 

แต่หากพิจารณาในระยะสั้น คือในเดือนกรกฎาคม 2013 จะเห็นว่าแนวโน้มของราคาพันธบัตรในระยะสั้นเป็นขาขึ้น (และอัตราผลตอบแทนเป็นขาลง)

ที่ลุงแมวน้ำกำลังจะบอกก็คือ ตอนนี้ตลาดพันธบัตรกำลังหาจุดสมดุลใหม่อยู่ และภาพที่เป็นนี้ถือว่าเป็นสัญญาณในเชิงบวก เพราะว่าราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นในระยะสั้นได้แสดงว่ามีนักลงทุนเข้าซื้อ และก็แปลว่านักลงทุนไม่ได้หนีตลาดพันธบัตรไปไหน เพราะจำเดิมนั้นเรากลัวกันว่าผลจากการลดและเลิกคิวอีของลุงเบนจะทำให้ตลาดพันธบัตรดิ่งฮวบ เพราะมีแต่คนทิ้งพันธบัตร แต่จากภาพนี้แสดงว่านักลงทุนไม่ได้กลัวตลาดพันธบัตร ยังมีการเข้าซื้ออยู่ หากเป็นเช่นนี้ จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น เพราะว่าหากตลาดพันธบัตรค่อยๆอ่อนตัวลงอย่างช้าๆ (คืออัตราผลตอบแทนค่อยๆเพิ่มอย่างไม่ฮวบฮาบ) เงินจะค่อยๆถ่ายจากตลาดพันธบัตรมายังตลาดหุ้น แต่หากตลาดพันธบัตรแตกตื่น ผลก็คือจะดิ่งทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น 

จากภาพนี้ ลุงแมวน้ำมองว่าเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น คือตลาดหุ้นอเมริกาจะค่อยๆขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย ไม่ได้ส่งผลร้าย



ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในคลื่นใด



หลังจากที่ลุงเบนแถลงต่อสภาคองเกรส สำนักข่าวบลูมเบิร์กก็ทำการสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 54 คน ผลสำรวจเดือน ก.ค. ปรากฏว่า 44% คิดว่าลุงเบนจะลดวงเงินซื้อตราสารลงเหลือ 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ เปรียบเทียบกับผสำรวจเดือน มิ.ย. ที่มีผู้คิดว่าลุงเบนจะลดวงเงินในการประชุมครั้งหน้านี้ 27%

จาก 27% ขยับมาเป็น 44% ตลาดหุ้นทั่วโลกเลยหวั่นไหวส่วนของไทยนั้นปัจจัยการเมืองเข้ามาเสริม ทำให้ลงลึกกว่าตลาดเพื่อนบ้าน

ลุงแมวน้ำลองมานับคลื่นดูอีกครั้ง คราวนี้นับทั้งในระดับคลื่นใหญ่และคลื่นรอง รวมทั้งคลื่นย่อย เพื่อให้เห็นภาพในหลายกรอบเวลา เราลองมาดูกัน




ตลาดหุ้นไทย นับคลื่น 2 แบบ

ดูภาพประกอบไปด้วยกัน จากการนับคลื่นของลุงแมวน้ำ ถ้าในระดับคลื่นใหญ่ (สีดำ) เราน่าจะอยู่ในคลื่น 5 (สีดำ) ส่วนในระดับคลื่นรองลงมา (สีน้ำเงิน) ลุงแมวน้ำคิดว่ามีทางเป็นไปได้สองแบบ

เรามาดูภาพบนกันก่อน เป็นการนับคลื่นรองแบบแรก หากเป็นไปตามสถานการณ์ภาพบน เราน่าจะอยู่ในคลื่น 4 (สีน้ำเงิน) ซึ่งคลื่น 4 นี้ลงได้ลึกถึง ดัชนี 900-1000 จุดเลยทีเดียว และโดยลักษณะของคลื่น 4 (สีน้ำเงินนี้) เป็นคลื่นในระดับกรอบเวลาใหญ่พอควร อีกทั้งมีความผันผวนสูง จะทำให้เกิดสัญญาณหลอกหลายครั้ง คิดว่าเป็นขาขึ้นแล้ว แล้ว แล้ว แล้ว... หลอกไปเรื่อยแต่ที่จริงเป็นขาลง จนเราหมดตังค์

เอาใหม่ ดูภาพล่าง ภาพล่างนี้เป็นการนับคลื่นรองแบบที่สอง หากเป็นไปตามสถานการณ์ภาพล่างนี้ เราน่าจะอยู่ในคลื่น 3 (สีน้ำเงิน) โดยคลื่น 3 นี้ยังไม่จบคลื่น กำลังทำคลื่นย่อย 4 (สีม่วงอยู่) คลื่นย่อยนี้เป็นคลื่น 4 ความผันผวนก็สูงเช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นคลื่นในระดับคลื่นย่อย คือกรอบเวลาสั้นลง ก็คงทำให้เจ็บ น่าเบื่อ แต่คงไม่ถึงกับแย่แบบกรณีแรก และหากเป็นไปตามกรณีหลังนี้ คลื่น 3 น่าจะไปจบที่ประมาณ 2000-2100 จุด จากนั้นก็จะเข้าคลื่น 4 (สีน้ำเงิน)

ทั้งสองภาพนี้ ลุงแมวน้ำประเมินว่าในที่สุดเราก็จะอยู่ในคลื่น 4 (สีน้ำเงิน) จนได้ เพียงแต่ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนเท่านั้นเอง หากเป็นกรณีตามภาพแรก ตอนนี้เราก็อยู่ในคลื่น 4 แล้ว แต่หากเป็นตามภาพล่าง คลื่น 4 ก็คือเรื่องของอนาคตข้างหน้า

ถามว่าลุงแมวน้ำมองแบบไหน ตอนนี้ลุงแมวน้ำประเมิน 40/60 คือมองว่าเราน่าจะอยู่ในกรณีหลังมากกว่า มีโอกาสเป็นตามกรณีหลังสัก 60% สาเหตุก็คือ ตอนนี้ตลาดหุ้นอเมริกาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ผลจากเงินอัดฉีดตามโครงการ QE ยังมีอยู่ ดังนั้นตลาดหุ้นย่านเอเชียยังได้อานิสงส์อยู่ ประกอบกับหากเศรษฐกิจจีนไม่แย่ไปกว่านี้ ศูนย์กลางการค้าและเงินทุนของโลกจะค่อยๆย้ายมาเอเชีย ที่จริงตอนนี้เป็นยุคทองของเอเชีย เมื่อก่อนเรามุ่งตะวันตกหรือ go west เดี๋ยวนี้ใครๆก็มุ่งมาตะวันออกหรือ go east กันแล้ว ดังนั้นตอนนี้เป็นโอกาสของเอเชียมากกว่า ตลาดหุ้นคงไม่น่าซบเซา


ส่วนอีก 40% เผื่อใจว่าอาจเป็นตามกรณีแรก ที่ลุงแมวน้ำให้น้ำหนักกรณีแรกสูงอยู่เหมือนกันก็เพราะว่าดูคลื่นลมการเมืองของไทยค่อนข้างรุนแรง หากปัจจัยการเมืองมีผลรุนแรงต่อตลาดหุ้น เราก็น่าจะอยู่ในคลื่น 4 (สีน้ำเงิน) และลงไปแถวๆ 1000 จุด เพราะกรรมสร้างรูปแบบทางเทคนิค แม้ว่าเราจะนับคลื่นอย่างไรสุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์จริง




เปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนของเงินตราสกุลสำคัญบางสกุล และทองคำ




 photo s5026072013weeklyreport.gif

Tuesday, July 16, 2013

16/07/2013 * ลุงเบนกลับลำ และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (07/07/2013 - 12/07/2013)

วันนี้เรามาสรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วกันคร้าบ

มาดูทางฝั่งเอเชียกันก่อน

ภาพเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนบ่งบอกอาการชะลอตัว ทำให้ประเทศต่างๆในเอเชียกังวลเศรษฐกิจของตนเองเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคู่ค้ากับจีนกันทั้งนั้น เมื่อกำลังการบริโภคของจีนหดตัวลงย่อมกระทบถึงการส่งออก ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีการอัดฉีดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอาเบะ แต่ว่าอารมณ์เศรษฐกิจจะจับตามองที่จีนมากกว่า

ทางด้านตลาดหุ้น ทางฝั่งเอเชียแปซิฟิก ตลาดหุ้นเอเชียย่านเอเชียใต้และตะวันออก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ก็มองๆตลาดหุ้นจีนอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อตลาดหุ้นจีนร่วงแรง ตลาดหุ้นไทยและในย่านเอเชียก็พลอยลงหรือซึมไปด้วย แต่ต่อมาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนพูดในทำนองที่ให้กำลังใจว่าจีนจะรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่สมควร นั่นหมายถึงว่าหากชะลอตัวมากเกินไปก็พร้อมที่จะเข้าช่วย ตลาดหุ้นจีนจึงรีบบาวด์ขึ้นมาหลายร้อยจุดภายในไม่กี่วัน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วย

โดยสรุป ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นในย่านเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ที่ขึ้นแรงที่สุดคือตลาดหุ้นรัสเซีย

ทางด้านเศรษฐกิจยุโรป บรรยากาศเศรษฐกิจก็ยังไม่ค่อยดีเช่นเคย สัปดาห์ที่แล้วสถาบันจัดอันดับ S&P ลดอันดับเครดิตของอิตาลี ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีก็ยังไม่ค่อยดี แต่ว่าตลาดหุ้นหลายประเทศในยุโรปก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะเยอรมนีเกิดสัญญาณซื้อแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปไม่ค่อยมีผลกับตลาดหุ้นไทยเท่าไรในช่วงนี้

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยมากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้วน่าจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หรือจะพูดให้ชัดก็ต้องบอกว่าอยู่ที่วาทะของลุงเบน เพราะว่าลุงเบนไปพูดที่เมืองเคมบริดจ์ ทำนองว่าคิวอียังเป็นมาตรการที่จำเป็นอยู่ เพียงเท่านี้ตลาดหุ้นอเมริกา เอเชีย รวมไทยด้วย ก็ปรับตัวขึ้นรับข่าว เพราะตีความเอาว่ายังไม่เลิกคิวอีง่ายๆหรอก และหลังจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่อีก ดัชนีตอนนี้ถือว่าเป็น all time high คือสูงสุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว

ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นอเมริกา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น +2.17% ส่วนดัชนีแนสแดก 100 ปรับตัวขึ้นถึง +4% ส่วนตลาดหุ้นในย่านอเมริกาใต้มีทั้งปรับตัวขึ้นและลง คละกันไป

ทางด้านตราสารหนี้ หรือว่าตลาดพันธบัตร ตอนนี้ตลาดพันธบัตรเป็นเรื่องที่น่าจับตามองทีเดียว เพราะว่าการลดหรือเลิกคิวอีจะมีผลต่อตลาดพันธบัตรมาก และตลาดพันธบัตรส่งผลกระทบไปยังอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รวมทั้งตลาดหุ้นอีกด้วย หลายคนกลัวกันว่าตลาดพันธบัตรจะลงแรงแบบถล่มทลายเพราะการเลิกคิวอี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดพันธบัตรเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาแล้ว ทำให้ราคาพันธบัตรกระเตื้องขึ้น (คืออัตราผลตอบแทนลดลง) ทั้งในตลาดอเมริกาและในตลาดพันธบัตรไทย โดยของไทยนั้น พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีปรับตัวลง 4 จุดเบสิส

 ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้ยังสับสน เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ดอลลาร์ สรอ อาจกลับทิศเป็นขาลง (คือแนวโน้มอ่อนค่า) ส่วนเงินเยนกับยูโรอาจกลับทิศเป็นแนวโน้มแข็งค่า ส่วนเงินบาทก็เริ่มแข็งค่าขึ้น ในทางเทคนิคอาจกลับทิศเป็นแข็งค่าได้เช่นกัน ต้องตามดูในสัปดาห์นี้อีกที

อ้อ ด้านสินค้าเกษตร ตอนนี้สาละวันเตี้้ยลง ราคาสินค้าเกษตรไหลลงไม่หยุด ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับทิศเป็นขาขึ้นได้

ก็สรุปให้ฟังคร่าวๆ ข้างล่างเป็นกราฟ ลุงแมวน้ำมีอธิบายประกอบกราฟไปด้วย


ขอวกมาพูดเรื่องลุงเบนกันหน่อย

ประเด็นเรื่องวาทะของลุงเบนนั้น ลุงแมวน้ำก็งงๆอยู่เหมือนกัน พูดแบบนี้จะบอกว่าอะไรก็ไม่รู้ จะแปลว่าลุงเบนกลับลำต่อคิวอีออกไปยาวๆเกินกว่ากลางปีหน้าหรือเปล่า

ลุงแมวน้ำเห็นลุงเบนอึมครึมอีกแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งทำตัวเป็นนายชัดเจนมาได้ไม่นาน ก็อยากแสดงความเห็นบ้าง ว่าทำอึมครึมไปเรื่อยๆแบบนี้ตลาดปั่นป่วนเปล่าๆ น่าจะทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อย

หากลุงเบนหรือว่าเฟดกังวลเรื่องเศรษฐกิจฟืนจริงหรือฟื้นไม่จริง จนยังไม่กล้ากำหนดวันยุติคิวอี ลุงแมวน้ำก็ว่าทำดัชนีคอมโพสิตหรือว่าดัชนีผสมอะไรขึ้นมาสักตัวหนึ่งเป็นตัวชี้วัดก็ได้ แล้วทุกคนก็ดูตามนั้น คือพยายามทำให้เป็นตัวชี้วัดในเชิงปริมาณ นักลงทุนก็ได้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่หากใช้ดุลพินิจตัดสินใจ ก็จะอึมครึมเป็นแบบที่ผ่านมา

หากพูดว่าดัชนีคอมโพสิตหลายคนอาจมองยาก เราพูดเป็นแบบการตัดเกรดในชั้นเรียนก็ได้ สมมติว่าดัชนีคอมโพสิตคือ GPA หรือว่าเกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ยก็มาจากการตัดเกรดหลายๆวิชาใช่ไหม เราก็เอาตัวชี้วัดอะไรมาสักจำนวนหนึ่ง สมมติว่า 10 ตัวก็ได้ ตัวชี้วัดหนึ่งตัวก็เหมือนหนึ่งรายวิชา

ยกตัวอย่างเช่น เราใช้อัตราการว่างงานเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่ง เอาแบบถ่วงน้ำหนักก็ได้ สมมติว่าคิดน้ำหนักไป 6 หน่วยกิต เมื่อใดที่อัตราการว่างงานต่ำกว่า 7.5% ให้ B และหากต่ำกว่า 6.5% ให้ A

อัตราเงินเฟ้อก็เป็นอีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 6 หน่วยกิต หากเงินเฟ้อเกินกว่า 1.5% ให้ B หากเกิน 2.% ให้ A แบบนี้เป็นต้น

ยอดการซื้อขายบ้านก็อีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 3 หน่วยกิต เป็นต้น

แล้วเราก็เอาเกรดทุกวิชามาทำเป็นเกรดเฉลี่ย คำนวณทุกเดือน แล้วกำหนดเกณฑ์ออกมา เช่น เมื่อไรที่เกรดเฉลี่นเกิน 3.0 ก็ให้ลดวงเงินซื้อตราสารลงเหลือ 6.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยเกิน 3.5 ก็ลดวงเงินลงอีกเหลือ 4.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยกลับแย่ลง ก็เพิ่มวงเงินเข้าไปอีก ฯลฯ

หากเมื่อไรได้ 4.0 ก็เลิกเลย แบบนี้เป็นต้น ตลาดก็เฝ้าดูตัวเลขไปทุกเดือน แล้วทุกคนก็รู้ได้เอง คิดได้เอง ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องกังวลว่าลุงเบนจะเอายังไงกันแน่

ลุงก็ออกความเห็นแบบแมวน้ำๆละนะ ที่จริงลุงเบนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ลุงแมวน้ำเท่ากับว่าเป็นแมวน้ำสอนสังฆราช แต่ขอลุงพูดหน่อยเถอะ เพราะเห็นความอึมครึมมาตลอดแล้วก็อดพูดบ้างไม่ได้ ^_^



ดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้ว พร้อมกันน้้นราคาพันธบัตรที่ไหลลงก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ตอนนี้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกำลังหาดุลยภาพใหม่ของตนเองอยู่ ยังต้องใช้เวลาอีก

แม้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะยังไม่ดีนัก รวมทั้งของเยอรมันเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ว่าดัชนีตลาดหุ้นของเยอรมนีก็เกิดสัญญาณซื้อ แล้วกำลังไต่ระดับไปเพื่อทำจุดสูงสุดใหม่


ดัชนีตลาดหุ้นไทย กำลังรอสัญญาณซื้อที่ 1464 จุดอยู่ ถ้าผ่านได้ก็ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นได้

ตลาดพันธบัตรไทยก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน ราคาพันธบัตรรัฐบาลเริ่มรีบาวด์ รูปแบบทางเทคนิคกำลังทำแนวโน้มขาขึ้นอยู่ แต่ยังต้องดูไปอีก


ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อาจกำลังกลับทิศเป็นขาลง เกิดรูปแบบเกาะกลับทิศแล้ว


เงินเยนกำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า แต่ยังไม่ชัด


เงินบาทหลุดจากกรอบ SEC เริ่มก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า


ราคาสินค้าเกษตรไหลลงมาถึงระดับฟิโบนาชชี 100% แล้ว ยังไม่มีท่าว่าจะหยุด



ราคายางพาราก่อตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง อีกไม่นานจะรู้ว่าขึ้นต่อหรือลงต่อกันแน่







 photo s5012072013weeklyreportcopy.gif