Tuesday, July 16, 2013

16/07/2013 * ลุงเบนกลับลำ และสรุปตลาดในรอบสัปดาห์ (07/07/2013 - 12/07/2013)

วันนี้เรามาสรุปภาวะตลาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วกันคร้าบ

มาดูทางฝั่งเอเชียกันก่อน

ภาพเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนบ่งบอกอาการชะลอตัว ทำให้ประเทศต่างๆในเอเชียกังวลเศรษฐกิจของตนเองเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคู่ค้ากับจีนกันทั้งนั้น เมื่อกำลังการบริโภคของจีนหดตัวลงย่อมกระทบถึงการส่งออก ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีการอัดฉีดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอาเบะ แต่ว่าอารมณ์เศรษฐกิจจะจับตามองที่จีนมากกว่า

ทางด้านตลาดหุ้น ทางฝั่งเอเชียแปซิฟิก ตลาดหุ้นเอเชียย่านเอเชียใต้และตะวันออก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ก็มองๆตลาดหุ้นจีนอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อตลาดหุ้นจีนร่วงแรง ตลาดหุ้นไทยและในย่านเอเชียก็พลอยลงหรือซึมไปด้วย แต่ต่อมาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนพูดในทำนองที่ให้กำลังใจว่าจีนจะรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่สมควร นั่นหมายถึงว่าหากชะลอตัวมากเกินไปก็พร้อมที่จะเข้าช่วย ตลาดหุ้นจีนจึงรีบบาวด์ขึ้นมาหลายร้อยจุดภายในไม่กี่วัน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วย

โดยสรุป ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นในย่านเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ที่ขึ้นแรงที่สุดคือตลาดหุ้นรัสเซีย

ทางด้านเศรษฐกิจยุโรป บรรยากาศเศรษฐกิจก็ยังไม่ค่อยดีเช่นเคย สัปดาห์ที่แล้วสถาบันจัดอันดับ S&P ลดอันดับเครดิตของอิตาลี ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีก็ยังไม่ค่อยดี แต่ว่าตลาดหุ้นหลายประเทศในยุโรปก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะเยอรมนีเกิดสัญญาณซื้อแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปไม่ค่อยมีผลกับตลาดหุ้นไทยเท่าไรในช่วงนี้

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยมากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้วน่าจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หรือจะพูดให้ชัดก็ต้องบอกว่าอยู่ที่วาทะของลุงเบน เพราะว่าลุงเบนไปพูดที่เมืองเคมบริดจ์ ทำนองว่าคิวอียังเป็นมาตรการที่จำเป็นอยู่ เพียงเท่านี้ตลาดหุ้นอเมริกา เอเชีย รวมไทยด้วย ก็ปรับตัวขึ้นรับข่าว เพราะตีความเอาว่ายังไม่เลิกคิวอีง่ายๆหรอก และหลังจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่อีก ดัชนีตอนนี้ถือว่าเป็น all time high คือสูงสุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว

ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นอเมริกา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น +2.17% ส่วนดัชนีแนสแดก 100 ปรับตัวขึ้นถึง +4% ส่วนตลาดหุ้นในย่านอเมริกาใต้มีทั้งปรับตัวขึ้นและลง คละกันไป

ทางด้านตราสารหนี้ หรือว่าตลาดพันธบัตร ตอนนี้ตลาดพันธบัตรเป็นเรื่องที่น่าจับตามองทีเดียว เพราะว่าการลดหรือเลิกคิวอีจะมีผลต่อตลาดพันธบัตรมาก และตลาดพันธบัตรส่งผลกระทบไปยังอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รวมทั้งตลาดหุ้นอีกด้วย หลายคนกลัวกันว่าตลาดพันธบัตรจะลงแรงแบบถล่มทลายเพราะการเลิกคิวอี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดพันธบัตรเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาแล้ว ทำให้ราคาพันธบัตรกระเตื้องขึ้น (คืออัตราผลตอบแทนลดลง) ทั้งในตลาดอเมริกาและในตลาดพันธบัตรไทย โดยของไทยนั้น พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีปรับตัวลง 4 จุดเบสิส

 ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้ยังสับสน เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ดอลลาร์ สรอ อาจกลับทิศเป็นขาลง (คือแนวโน้มอ่อนค่า) ส่วนเงินเยนกับยูโรอาจกลับทิศเป็นแนวโน้มแข็งค่า ส่วนเงินบาทก็เริ่มแข็งค่าขึ้น ในทางเทคนิคอาจกลับทิศเป็นแข็งค่าได้เช่นกัน ต้องตามดูในสัปดาห์นี้อีกที

อ้อ ด้านสินค้าเกษตร ตอนนี้สาละวันเตี้้ยลง ราคาสินค้าเกษตรไหลลงไม่หยุด ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับทิศเป็นขาขึ้นได้

ก็สรุปให้ฟังคร่าวๆ ข้างล่างเป็นกราฟ ลุงแมวน้ำมีอธิบายประกอบกราฟไปด้วย


ขอวกมาพูดเรื่องลุงเบนกันหน่อย

ประเด็นเรื่องวาทะของลุงเบนนั้น ลุงแมวน้ำก็งงๆอยู่เหมือนกัน พูดแบบนี้จะบอกว่าอะไรก็ไม่รู้ จะแปลว่าลุงเบนกลับลำต่อคิวอีออกไปยาวๆเกินกว่ากลางปีหน้าหรือเปล่า

ลุงแมวน้ำเห็นลุงเบนอึมครึมอีกแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งทำตัวเป็นนายชัดเจนมาได้ไม่นาน ก็อยากแสดงความเห็นบ้าง ว่าทำอึมครึมไปเรื่อยๆแบบนี้ตลาดปั่นป่วนเปล่าๆ น่าจะทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อย

หากลุงเบนหรือว่าเฟดกังวลเรื่องเศรษฐกิจฟืนจริงหรือฟื้นไม่จริง จนยังไม่กล้ากำหนดวันยุติคิวอี ลุงแมวน้ำก็ว่าทำดัชนีคอมโพสิตหรือว่าดัชนีผสมอะไรขึ้นมาสักตัวหนึ่งเป็นตัวชี้วัดก็ได้ แล้วทุกคนก็ดูตามนั้น คือพยายามทำให้เป็นตัวชี้วัดในเชิงปริมาณ นักลงทุนก็ได้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่หากใช้ดุลพินิจตัดสินใจ ก็จะอึมครึมเป็นแบบที่ผ่านมา

หากพูดว่าดัชนีคอมโพสิตหลายคนอาจมองยาก เราพูดเป็นแบบการตัดเกรดในชั้นเรียนก็ได้ สมมติว่าดัชนีคอมโพสิตคือ GPA หรือว่าเกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ยก็มาจากการตัดเกรดหลายๆวิชาใช่ไหม เราก็เอาตัวชี้วัดอะไรมาสักจำนวนหนึ่ง สมมติว่า 10 ตัวก็ได้ ตัวชี้วัดหนึ่งตัวก็เหมือนหนึ่งรายวิชา

ยกตัวอย่างเช่น เราใช้อัตราการว่างงานเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่ง เอาแบบถ่วงน้ำหนักก็ได้ สมมติว่าคิดน้ำหนักไป 6 หน่วยกิต เมื่อใดที่อัตราการว่างงานต่ำกว่า 7.5% ให้ B และหากต่ำกว่า 6.5% ให้ A

อัตราเงินเฟ้อก็เป็นอีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 6 หน่วยกิต หากเงินเฟ้อเกินกว่า 1.5% ให้ B หากเกิน 2.% ให้ A แบบนี้เป็นต้น

ยอดการซื้อขายบ้านก็อีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 3 หน่วยกิต เป็นต้น

แล้วเราก็เอาเกรดทุกวิชามาทำเป็นเกรดเฉลี่ย คำนวณทุกเดือน แล้วกำหนดเกณฑ์ออกมา เช่น เมื่อไรที่เกรดเฉลี่นเกิน 3.0 ก็ให้ลดวงเงินซื้อตราสารลงเหลือ 6.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยเกิน 3.5 ก็ลดวงเงินลงอีกเหลือ 4.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยกลับแย่ลง ก็เพิ่มวงเงินเข้าไปอีก ฯลฯ

หากเมื่อไรได้ 4.0 ก็เลิกเลย แบบนี้เป็นต้น ตลาดก็เฝ้าดูตัวเลขไปทุกเดือน แล้วทุกคนก็รู้ได้เอง คิดได้เอง ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องกังวลว่าลุงเบนจะเอายังไงกันแน่

ลุงก็ออกความเห็นแบบแมวน้ำๆละนะ ที่จริงลุงเบนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ลุงแมวน้ำเท่ากับว่าเป็นแมวน้ำสอนสังฆราช แต่ขอลุงพูดหน่อยเถอะ เพราะเห็นความอึมครึมมาตลอดแล้วก็อดพูดบ้างไม่ได้ ^_^



ดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้ว พร้อมกันน้้นราคาพันธบัตรที่ไหลลงก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ตอนนี้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกำลังหาดุลยภาพใหม่ของตนเองอยู่ ยังต้องใช้เวลาอีก

แม้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะยังไม่ดีนัก รวมทั้งของเยอรมันเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ว่าดัชนีตลาดหุ้นของเยอรมนีก็เกิดสัญญาณซื้อ แล้วกำลังไต่ระดับไปเพื่อทำจุดสูงสุดใหม่


ดัชนีตลาดหุ้นไทย กำลังรอสัญญาณซื้อที่ 1464 จุดอยู่ ถ้าผ่านได้ก็ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นได้

ตลาดพันธบัตรไทยก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน ราคาพันธบัตรรัฐบาลเริ่มรีบาวด์ รูปแบบทางเทคนิคกำลังทำแนวโน้มขาขึ้นอยู่ แต่ยังต้องดูไปอีก


ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อาจกำลังกลับทิศเป็นขาลง เกิดรูปแบบเกาะกลับทิศแล้ว


เงินเยนกำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า แต่ยังไม่ชัด


เงินบาทหลุดจากกรอบ SEC เริ่มก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า


ราคาสินค้าเกษตรไหลลงมาถึงระดับฟิโบนาชชี 100% แล้ว ยังไม่มีท่าว่าจะหยุด



ราคายางพาราก่อตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง อีกไม่นานจะรู้ว่าขึ้นต่อหรือลงต่อกันแน่







 photo s5012072013weeklyreportcopy.gif

Sunday, July 14, 2013

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ บำรุงผิวพรรณ ผ่องใส ลดริ้วรอย ด้วยโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง (เจ/มังสวิรัติ) (3)



เปรียบเทียบผิวหนังของคนในวัยหนุ่มสาวกับในวัยผู้ใหญ่ ผิวหนังของหนุ่มสาวมีกระบวนการผลัดเซลล์ผิวที่ดีซึ่งมีส่วนช่วยให้ผิวหนังดูผ่องใส เรียบเนียน ต่างจากในวัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรา ซึ่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลงไปตามวัย ส่งผลให้ชั้นขี้ไคลสะสมหนาตัวขึ้น ทำให้ผิวหนังแลดูหมองคล้ำ กระดำกระด่าง ไม่เรียบ ไม่เนียน

ผิวหนังในวัยผู้ใหญ่จนถึงวัยชรามีการเกิดริ้วรอยขึ้นอันเป็นไปตามวัย การผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลงจะซ้ำเติมให้ริ้วรอยเหล่านี้ เนื่องจากเมื่อเซลล์ผิวชั้นขี้ไคลมีการสะสมตัวหนาขึ้น จะทำให้ริ้วเล็กๆ (line) เห็นได้ชัดขึ้น เพราะริ้วเล็กๆเหล่านี้เกิดในระดับชั้นขี้ไคลนั่นเอง นอกจากนี้ร่อง (wrinkle) และรอยย่น (fold) ที่เกิดในระดับลึกลงไปเพราะคอลลาเจนที่ลดลง ก็ยังดูเด่นชัดขึ้นด้วย



บทความนี้เดิมทีลุงแมวน้ำคิดว่าคงเขียนตอนเดียวจบ แต่เมื่อเขียนจริงๆก็คุยอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถึงตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 3 แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ วันหยุดเป็นวันพักผ่อน ผ่อนชีวิตให้ช้าลงสักนิดในวันหยุด ไม่ต้องรีบ ทำอะไรเรื่อยๆเปื่อยๆ ช้าบ้างก็ดีเหมือนกัน



ผิวผ่องใส ลดริ้วรอย ด้วยการผลัดเซลล์ผิว


การผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลหรือที่ภาษาฝรั่งเรียกว่าชั้นสตราตัมคอร์เนียม (stratum corneum) หรือบางทีก็เรียกว่าชั้นฮอร์นีเลเยอร์ (horny layer) นั้นเป็นกระบวนการธรรมชาติ เพื่อลอกเซลล์เก่าที่ตายแล้วออกไป โดยปกติกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหนังนี้ใช้เวลาประมาณ 28 วันหรือคิดง่ายๆก็คือ 1 เดือน

ผลดีของการผลัดเซลล์ผิว เปรียบเทียบเพื่อให้เห็นภาพ เซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคลนั้นก็เปรียบเสมือนเกราะบางๆที่่ห่อหุ้มผิวกายเอาไว้ เกราะนี้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกโดยตรง หากเปรียบกับรถยนต์เราคงนึกภาพออกว่าหากเราใช้รถยนต์โดยไม่ปัดฝุ่นหรือไม่ล้างเลยผลจะเป็นอย่างไร รถก็คงเขลอะมอมแมมเนื่องจากฝุ่นละออง

ฉันใดก็ฉันนั้น ผิวหนังของเราก็เช่นกัน เกราะชั้นนอกสุดของเรานั้นเนื่องจากสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ไม่ว่าจะเป็นอากาศ ฝุ่นละออง สารเคมี ความร้อน ความเย็น ฯลฯ ดังนั้นจึงมักหมองมัว ประกอบกับตัวเซลล์ชั้นขี้ไคลเองเป็นเซลล์ที่หมดอายุไปแล้ว ดังนั้นสิ่งที่หมดอายุไปแล้วสภาพก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก

และเหตุผลอีกประการก็คือ คนในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป ก็คืออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป กระบวนการผลัดเซลล์ผิวนั้นจะค่อยๆช้าลง ยิ่งอายุมากขึ้น กระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะยิ่งช้าลง เนื่องจากสังขารและกระบวนการต่างๆย่อมเสื่อมไปตามวัยนั่นเอง

ผลจากการที่สูงวัยขึ้น และกระบวนการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ทำให้เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วมาสะสมอยู่ที่ชั้นขี้ไคลมากขึ้นก่อนที่จะได้ผลัดทิ้งไป ทำให้ผิวชั้นขี้ไคลมีความหนากว่าสมัยหนุ่มสาว ผลจากชั้นขี้ไคลที่สะสมตัวหนาขึ้นนี้สามารถสังเกตได้ด้วยสายตา คือผิวหนังจะดูหมอง คล้ำ กระดำกระด่าง ไม่ผ่อง ไม่เนียน

และนอกจากนี้ การที่ชั้นขี้ไคลสะสมหนาตัวขึ้น ทำให้ช่วยขับเน้นริ้วรอย ร่อง และรอยย่นบนผิวหนังให้เด่นชัดขึ้นอีกด้วย ดังภาพประกอบด้านบน

ดังนั้น ในวัยผู้ใหญ่ขึ้นไป การเร่งการผลัดเซลล์ผิวจึงมีประโยชน์ เพราะทำให้ชั้นขี้ไคลซึ่งสะสมหนาตัวนั้นผลัดออกไปเร็วขึ้น ทำให้ผิวหนังดูผ่องใส และสามารถช่วยลดริ้วรอยลงได้นิดหน่อย ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น ดังกลไกที่ลุงแมวน้ำได้อธิบายไปแล้ว

ลุงแมวน้ำขอย้ำว่าโดยข้อเท็จจริงแล้ว การผลัดเซลล์ผิวช่วยลดริ้วรอยเล็กๆ (line) ได้เท่านั้น ส่วนร่อง (wrinkle) หรือรอยย่น (fold) นั้นแค่ช่วยให้ดูดีขึ้น เพราะร่องและรอยย่นเกิดในผิวหนังระดับลึกลงไป เกี่ยวข้องกับโปรตีนคอลลาเจน (collagen) และอิลาสติน (elastin) ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุ 



โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง กรดผลไม้ ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว


หลังจากที่เราทำความเข้าใจกับเรื่องส่วนประกอบของผิวหนัง และที่มาที่ไปของการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ทีนี้เราก็จะมาดูกันว่า หากต้องเร่งการผลัดเซลล์ผิวเราจะทำอย่างไร

การเร่งการผลัดเซลล์ผิวนั้นหากศัพท์วิชาการในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า exfoliation ซึ่งตรงกับคำว่าผลัดเซลล์ผิวในภาษาไทย แต่คำภาษาอังกฤษที่มักใช้ในภาษาทั่วไปหรือในการโฆษณาผลิตภัณฑ์มักใช้คำว่า skin peeling นั้นหมายถึงการลอกหรือปอกผิวออกไป เหมือนกับปอกเปลือกผลไม้ 

ปกติคนวัยหนุ่มสาวการผลัดเซลล์ผิวก็เป็นไปตามปกติอยู่แล้ว แต่ในวัยผู้ใหญ่ การผลัดเซลล์ผิวจะช้าลง ดังนั้นการเร่งการผลัดเซลล์ผิวก็คือการช่วยให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวดำเนินไปตามปกติเหมือนในวัยหนุ่มสาวนั่นเอง ปกติการผลัดเซลล์ผิวนั้นมีสองแบบ หากเร่งการผลัดเซลล์ผิวอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรง กรณีนี้ต้องให้แพทย์ผิวหนังทำ

ส่วนการเร่งแบบนิดๆหน่อยๆ เราสามารถทำเองได้โดยใช้กรดผลไม้ หรือที่เรียกว่า fruity acid (ยกเว้นกรดผลไม้ที่ใช้ในปริมาณเข้มข้นในรูปสารสกัด ก็ให้ผลรุนแรงได้เช่นกัน แต่ที่มีในธรรมชาติไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น)

มนุษย์ค้นพบมานานแล้วว่าผลไม้บางชนิดสามารถช่วยบำรุงผิวพรรณได้ ดังนั้นเราจึงพบว่าตำรับบำรุงผิวแบบชาวบ้านที่ตกทอดกันมานั้นมีตำรับที่เกี่ยวกับผลไม้อยู่หลายตำรับทีเดียว เช่น การใช้แตงกวาแปะผิว แอปเปิ้ลแปะผิว การใช้น้ำมะขามบำรุงผิว ฯลฯ ซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์จึงค้นพบว่าสารที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณที่อยู่ในผลไม้เหล่านี้ก็คือกรดอ่อนๆที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวนั่นเอง โดยกรดอ่อนที่อยู่ในผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิดที่มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ ซึ่งเรียกรวมๆกันว่า กรดผลไม้ หรือ fruity acid

กรดผลไม้นั้น ในทางเคมี คือกลุ่มของกรดที่เรียกว่ากรดอัลฟาไฮดรอกซี (alpha hydroxy acids) หรือที่เรียกว่า เอเอชเอ (AHA) นั่นเอง มาถึงตอนนี้หลายคนคงร้องอ๋อแล้ว เพราะว่าเอเอชเอนั้นเป็นส่วนผสมที่นิยมกันมากในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา 

ดังที่ลุงแมวน้ำบอกแล้วว่ากรดผลไม้นี้มีอยู่หลายชนิด กรดผลไม้แต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปบ้าง รวมทั้งขนาดโมเลกุลก็แตกต่างกันด้วย เรามาดูกันว่ากรดผลไม้ที่นิยมใช้กันนั้นมีอะไรบ้าง


โครงสร้างโมเลกุลของกรดผลไม้ชนิดต่างๆ




  • กรดไกลคอลิก (glycolic) เป็นกรดผลไม้ที่มีขนาดโมเลกุลเล็กที่สุดในกลุ่ม AHA มีในอ้อย
  • กรดแลกติก (lactic acid) เป็นกรดที่จัดอยู่ในกลุ่มกรดผลไม้ที่ขนาดโมเลกุลเล็กเป็นอันดับสองรองลงมาจากกรดไกลคอลิก ตามชื่อแล้วก็คิดว่าน่าจะพบในผลไม้ แต่ที่จริงไม้ใช่ กรดแลกติกนี้แม้อยู่ในกลุ่ม fruity acid แต่เป็นกรดที่มีในโยเกิร์ต
  • กรดมาลิก (malic acid) มีในแอปเปิล มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
  • กรดทาร์มาริก (tartaric acid) มีในมะขาม องุ่น มีขนาดโมเลกุลใหญ่ขึ้นมาอีก
  • กรดซิตริก (citric acid) มีในส้มต่างๆและมะนาวต่างๆ มีขนาดโมเลกุลใหญ่ที่สุดในกลุ่ม


ขนาดของโมเลกุลกรดมีผลต่อการซึมลงไปในชั้นผิวหนัง กรดโมเลกุลเล็กทำงานได้ดีกว่ากรดโมเลกุลใหญ่ ดังนั้นจะเห็นว่ากลุ่มกรดไกลคอลิกมีศักยภาพในการผลัดเซลล์ผิวได้ดีที่สุด แต่การหาอ้อยมาใช้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผลไม้ที่หาซื้อง่ายเป็นพวกมะขาม ส้ม มะนาว แต่ก็มีขนาดโมเลกุลใหญ่ ดั้งนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นกรดแลกติกเพราะว่ามีขนาดโมเลกุลเล็กและหาซื้อได้ง่าย ทำเองก็ยังได้

กลไกที่กรดผลไม้ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวอยู่ที่ว่ากรดเหล่านี้จะไปทำให้ชั้นขี้ไคลอ่อนตัวลง มีแรงยึดเกาะกันน้อยลง ทำให้หลุดลอกออกได้ง่ายขึ้น



โยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ไม่ได้แค่ผลัดเซลล์ผิว ยังช่วยสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอย


ดังที่ลุงแมวน้ำเล่ามาแล้วว่าหน้าที่หลักของกรดผลไม้นั้นคือเร่งการผลัดเซลล์ผิว และกรดผลไม้ที่หาง่าย ใช้สะดวก อีกทั้งมีคุณสมบัติที่ดี นั่นคือโยเกิร์ต เพราะว่ากรดแลกติกมีขนาดเล็ก โยเกิร์ตที่ว่านี้หมายถึงโยเกิร์ตนมวัวทั่วไป

แต่ว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง (soy yogurt) นั้นมีดีมากกว่านั้นอีก เพราะว่านอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวผ่องแล้ว ยังมีคุณสมบัติเพิ่มเติมอีก นั่นคือ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอยในระดับร่องและรอยย่นที่อยู่ในระดับลึกได้อีกด้วย 

คุณสมบัติในการลดริ้วรอยระดับลึกนั้นเกิดจากคุณสมบัติของตัวกรดเอง จากงานวิจัยใหม่ๆ พบว่า กรดไกลคอลิก กรดแลกติก และกรดซิตริก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ (dermis) ได้อีกด้วย

และนอกจากนี้ ในโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง ยังมีสารธรรมชาติที่เรียกว่าเจนิสทีน (genistein สารนี้ไม่มีในนมวัว) ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย อันเป็นคุณสมบัติลดริ้วรอย (anti wrinkle) รวมทั้งยังมีสารเลซิทิน (lecithin สารนี้มีในนมวัวด้วย) ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง

ดังนั้นการใช้โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองเป็นครีมบำรุงผิว นอกจากช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูผ่องใสแล้ว การใช้ในระยะยาวยังช่วยลดริ้วรอยได้อีกด้วย



โยเกิร์ตนมถั่วเหลืองลุงแมวน้ำ เพิ่มภูมิต้านทานแก่ผิวหนังด้วยจุลินทรีย์โพรไบโอติก


ที่สำคัญที่สุดที่เป็นข้อดีของโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำ ที่ไม่มีในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น ก็คือ มีจุลินทรีย์ในกลุ่มแลกติกแอซิดแบกทีเรีย (lactic acid bateria) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นบนผิวหนังนั่นเอง และที่พิเศษไปกว่านั้น คือเสริมด้วยจุลินทรีย์ในกลุ่มโพรไบโอติก (probiotic bacteria) ซึ่งเท่ากับว่าโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรลุงแมวน้ำสามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ผิวหนังได้อีกด้วย 

จุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนี้สำคัญนักเชียว เนื่องจาก ด่านแรกที่สกัดกั้นการรุกรานจากจุลินทรีย์ภายนอกไม่ให้เข้ามาทางผิวหนังก็คือกลุ่มจุลินทรีย์ประจำถิ่นและภูมิคุ้มกันบนผิวหนังนั่นเอง ดังนั้นการบำรุงผิวด้วยโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกนี้จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้นแบบองค์รวม และช่วยลดการอักเสบและติดเชื้อบนผิวหนังได้



ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตสูตรโพรไบโอติก ใช้อย่างไร


วิธีใช้ก็ไม่ยาก ก็เอาโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองสูตรโพรไบโอติกที่เรากินนั่นแหละ แบ่งมาหน่อยนึง ชโลมตัวให้ทั่วหลังอาบน้ำ จากนั้นทิ้งไว้สัก 10-15 นาที หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำเปล่า ไม่ต้องใช้ครีมอาบน้ำซ้ำ

หลังจากใช้ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตที่ว่านี้ เพียงแค่ครั้งหรือสองครั้ง จะสังเกตพบว่าผิวหนังชุ่มชื้นมากขึ้น แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆด้วย น่ากินดี (กลิ่นโยเกิร์ตนั่นเอง) ^_^

หากใช้ในระยะยาว จะช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขึ้น ลดริ้วรอย ลดการอักเสบติดเชื้อของผิวหนังลงได้ ผิวหนังจะมีสุขภาพดีขึ้น

แถมเคล็ดลับนิดนึง ใครที่มือเท้าแช่น้ำ โดนผงซักฟอกบ่อยๆ มือเท้ามักอักเสบ หรือที่เรียกว่าน้ำกัดมือ น้ำกัดเท้า นั่นเอง พยายามใส่ถุงมือหรือรองเท้า ลดการโดนน้ำลง และใช้โยเกิร์ตชโลมมือเท้าบ่อยๆ ผิวหนังจะหายอักเสบเร็วขึ้น

และที่ลุงแมวน้ำอยากฝากให้ไปทดลองกันหน่อย ก็คือ ผลในการระงับกลิ่นอับในจุดซ่อนเร้น โดยทฤษฎีแล้วน่าจะช่วยได้บ้างนะ ก็ฝากเอาไปทดลองกัน



ครีมบำรุงผิวโยเกิร์ตนมถั่วเหลือง สูตรโพรไบโอติกของลุงแมวน้ำ หาซื้อได้ที่ไหน


ไม่มีขายคร้าบ ของดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอาเอง แต่ว่าทำไม่ยากหรอก ตามนี้เลย วิธีทำอยู่ในตอนที่ 3

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 1)

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 2)

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 3)


ท้ายที่สุดนี้ ลุงแมวน้ำอยากบอกว่านี่ไม่ใช่ของวิเศษนะคร้าบ ดังนั้น ต้องเข้าใจว่าการใช้นั้นต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ และเข้าใจประสิทธิผลว่าช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดีขึ้นได้บ้างเท่านั้น เพราะถึงอย่างไรก็ตาม สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ย่อมเปลี่ยนไปตามวัย จะเหนี่ยวรั้งได้ก็แค่นิดหน่อย และที่สำคัญอีกประการก็คือ ปัจจัยอื่นก็มีผลด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น หากผิวไปออกแดดอยู่เป็นประจำ ผลของรังสียูวีในแดดที่ไปทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังย่อมมีสูง เมื่ออัตราการทำลายสูงกว่าการสร้าง ผิวหนังก็ย่อมเหี่ยวลงๆ ใช้อะไรก็ช่วยไม่ไหว การหลีกเลี่ยงแสงแดดจ้าจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดกว่า และใช้ครีมบำรุงเพื่อปรับปรุงสภาพผิวให้ฟื้นขึ้นบ้าง


เอาละ จบเสียที ลองเอาไปใช้กันดูนะคร้าบ ^_^