Tuesday, April 14, 2015

สุขสันต์วันสงกรานต์ เข้าสู่ปีที่ 7 การลงทุนของลุงแมวน้ำ (2)



ลุงแมวน้ำโกอินเตอร์ ลงทุนในต่างประเทศ


ลุงแมวน้ำออกไปลงทุนในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2013 เรียกได้ว่าเป็นรุ่นแรกๆที่ออกไปตามลงทุนตามระบบ ต้องขอขยายความเรื่องนี้สักหน่อยเมื่อก่อนหน้านี้การลงทุนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือฟิวเจอร์สค่อนข้างยุ่งยาก คือเราต้องไปเปิดพอร์ต (เปิดบัญชีซื้อขาย) กับโบรกเกอร์ในต่างประเทศเอง และต้องโอนเงินในการเทรดตามกฎกติกาของโบรกเกอร์นั้น ซึ่งโบรกเกอร์ในต่างประเทศนั้นมีมากมาย ด้านความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์เป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนต้องรับความเสี่ยงเอาเอง

ต่อมาเมื่อ ธปท ผ่อนคลายกฎเรื่องการนำเงินออกไปลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้ง กลต ได้อนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยลงทุนในต่างประเทศได้โดยผ่านโบรกเกอร์ไทย ทำให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนซื้อหุ้นหรือฟิวเจอร์สได้โดยผ่านทางโบกรกเกอร์ไทย ทำให้การลงทุนสะดวกและอุ่นใจขึ้นมาก เพราะโบรกเกอร์ไทยนั้น กลต ควบคุมอยู่ ไม่ต้องกลัวโดนโกง เมื่อระบบต่างๆพร้อม ลุงแมวน้ำจึงออกไปลงทุนบ้าง


ไปตลาดอเมริกาเพื่อโยงไปสู่การลงทุนตลาดชายขอบ (Frontier Market)


ตลาดหุ้นต่างประเทศแห่งแรกที่ลุงออกไปลงทุนก็คือตลาดหุ้นอเมริกา เหตุที่ไปตลาดอเมริกาเพราะที่นั่นมีอีทีเอฟ (อีทีเอฟคือกองทุนรวมที่ซื้อขายได้บนกระดานหุ้นเสมือนหุ้นตัวหนึ่ง) ธีมต่างๆให้เลือกมากมายกว่าหนึ่งพันอีทีเอฟทีเดียว ลุงสนใจลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (emerging market) กับตลาดชายขอบ (frontier market) ซึ่่งอีทีเอฟในตลาดหุ้นอเมริกานี้น่าจะสามารถตอบโจทย์การลงทุนของลุงได้

ขออธิบายเกี่ยวกับตลาดเกิดใหม่และตลาดชายขอบสักหน่อย ตลาดเกิดใหม่ก็คือตลาดหุ้นในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย ไทย เกาหลีใต้ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฯลฯ ส่วนตลาดชายขอบนั้นเป็นตลาดที่เกิดมาหลังจากตลาดเกิดใหม่เสียอีก ดังนั้นจึงมีระดับขั้นของการพัฒนาน้อยกว่าตลาดเกิดใหม่ แต่ก็มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าตลาดเกิดใหม่ ตัวอย่างของตลาดชายขอบ เช่น เวียดนาม กัมพูชา เมียนมาร์ บังคลาเทศ ปากีสถาน อาร์เจนตินา ไนจีเรีย เคนยา มอรอกโค ฯลฯ

ลุงก็ไปลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกาโดยซื้ออีทีเอฟเวียดนาม (VNM) อินโดนีเซีย (EIDO) และตลาดชายขอบ (FM) เริ่มลงทุนประมาณปลายปี 2013 หรือต้นปี 2014 ประมาณนี้แหละ อีทีเอฟเหล่านี้ซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์ สรอ แต่ตัวกองทุนอีทีเอฟเองไปลงทุนประเทศใดก็ใช้เงินสกุลท้องถิ่นนั้นแล้วรับรู้ผลกำไรขาดทุนโดยแปลงเป็นสกุลดอลลาร์ สรอ อีกที

ผลการลงทุนเป็นไงน่ะหรือ ลุงจะเล่าให้ฟัง


ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (VNINDEX สีส้ม) เทียบกับอีทีเอฟ VNM (สีเขียว) ช่วงที่ลุงแมวน้ำลงทุนนั้นตลาดไร้ทิศทาง รออยู่นานก็ไม่ไปไหน อีกทั้งยังขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน

ดูที่ตลาดหุ้นเวียดนามก่อน ตอนที่ลุงลงทุนใน VNM นั้นดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ที่ประมาณ 400 กว่า ถึง 500 กว่าจุด วนเวียนอยู่แถวนั้น และหลังจากนั้นก็ยังวนเวียนอยู่แถวนั้นไม่ไปไหน อีกทั้งเงินด่องของเวียดนามอ่อนค่า ดังนั้นแม้ดัชนีจะขึ้นแต่หากคำนวณผลจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยแล้วก็ไม่คุ้ม ลุงแมวน้ำลงทุนอยู่ประมาณ 3 ไตรมาสก็เห็นว่าสู้กับปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนไม่ไหว จึงขายอีทีเอฟ VNM ออกไป โดยขาดทุนนิดหน่อย



ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (Jakarta composite index สีส้ม) และอีทีเอฟ EIDO (สีเขียว) ช่วงที่ลุงแมวน้ำลงทุนตลาดเป็นขาขึ้นแต่ได้ผลตอบแทนน้อยเนื่องจากผลของอัตราแลกเปลี่ยน

มาดูตลาดหุ้นอินโดนีเซียกัน ตอนที่ลุงเข้าลงทุนใน EIDO นั้นตลาดหุ้นอินโดนีเซียเป็นขาขึ้นตลอด ถือว่าเป็นจังหวะที่ดี แต่ก็อีกนั่นแหละ เสียเปรียบเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนไปพอควร เนื่องจากเงินรูเปียะค่อนข้างผันผวน ถืออยู่ราวสามไตรมาส สุดท้ายก็คิดว่าขายดีกว่า ได้กำไรมาพอควร ดูเหมือนจะเกือบ 10% ดัชนีขึ้นเยอะแต่ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามดัชนีเพราะอัตราแลกเปลี่ยน


อีทีเอฟ FM ตัวโปรดของลุงแมวน้ำ เริ่มแรกก็สร้างผลตอบแทนที่ดี แต่สุดท้ายลืมดูไพักหนึ่ง เจอสงครามราคาน้ำมันดิบและอีโบลาระบาด หนีแทบไม่ทัน >.<

ตัวสุดท้าย อีทีเอฟตลาดเกิดใหม่ FM ตัวนี้เป็นตัวที่ลุงชอบมาก ไตรมาสเดียวก็ขึ้นไปราวๆ 20% แล้ว ตัวนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเพราะลงทุนในหลายประเทศและหลายสกุลเงิน ในทางทฤษฎีถือว่าเป็น natural hedged คือความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนหักล้างกันเองจนเกือบหมด

ความผิดพลาดประการสำคัญของการลงทุนในต่างประเทศของลุงไม่ใช่เรื่องอัตราแลกเปลี่ยน เพราะเรื่องนั้นรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอ แต่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดูแล คือลุงอัปเดตราคาไม่ค่อยบ่อยนัก บางทียุ่งๆก็เว้นไม่ได้ดูไปหลายสัปดาห์

ในราวกลางปี 2014 ประมาณช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม แถวนั้นแหละ ที่ราคาน้ำมันดิบเริ่มดิ่งอย่างรวดเร็วเพราะโอเปกเริ่มสงครามตัดราคาน้ำมันดิบ และนอกจากนี้ ทางแอฟริกาหลายประเทศก็มีเชื้ออีโบลาระบาดเสียด้วย ทีนี้ FM ของลุงนี่มีทั้งคูเวต แอฟริกา อะไรต่ออะไรเต็มไปหมด ได้รับผลกระทบไปเยอะทีเดียว เพียงสองเดือน ราคา FM ก็ดิ่งอย่างรวดเร็ว ลุงเปิดจอมาดูอีกทีกำไรหายไปหมด เห็นท่าไม่ดีก็รีบขายออกไป

สรุปรวมงานนี้ได้แค่เท่าทุน กำไรนิดเดียวถือว่าเท่าทุนก็แล้วกัน นี่ยังไม่รวมผลจากเงินบาทอ่อนค่าในช่วงนั้น เพราะการรับรู้กำไรของลุงต้องแปลงดอลลาร์ สรอ เป็นบาทอีกทอดหนึ่ง ซึ่งลุงก็ป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ด้วยการซื้อดอลลาร์ฟิวเจอร์ส นี่ว่ากันตามทฤษฎีเลย ซึ่งเท่าที่เล่ามานี้จะเห็นว่าเวลาทำงานจริงๆก็เรื่องเยอะหลายขั้นตอนอยู่ ทำเอาลุงมึนเหมือนกัน >.<

การลงทุนในต่างแดนของลุงก็ได้ผจญภัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก

หลังจากอีทีเอฟชุดนี้แล้ว ลุงก็ยังให้ความสนใจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ตลาดชายขอบ รวมทั้งตลาดฟื้นไข้อันได้แก่ญี่ปุ่นกับยุโรปอีกด้วย เพราะตลาดเหล่านี้เป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่งดงาม แต่การลงทุนในตลาดเหล่านี้ล้วนแต่ต้องระมัดระวังอัตราแลกเปลี่ยนทั้งสิ้น

ตลาดยุโรปลงทุนเป็นเงินยูโร ค่าเงินยูโรอ่อนตัวมาก หากจะลงทุนต้องป้องกันความเสี่ยงเงินยูโร

ตลาดญี่ปุ่นลงทุนเป็นเงินเยน  ค่าเงินเยนอ่อนตัวมากเช่นกัน หากจะลงทุนต้องป้องกันความเสี่ยงเงินเยน

ดังนั้นจะเห็นว่าหากเป็นนักลงทุนส่วนบุคคล เราคงลงทุนหลายตลาดหลายสกุลเงินไม่ไหวหรอก ลุงก็คิดว่าตนเองดูแลไม่ไหว ดังนั้นต้องเลือกการลงทุนเพียงสกุลเงินเดียวจะสะดวกในการดูแลมากกว่า

ถ้าเช่นนั้นจะลงทุนในตลาดไหนดีละที่สร้างผลตอบแทนได้ดี อีกทั้งปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนน้อย???


มุ่งสู่ตลาดฮ่องกง


พิจารณาดูแล้วตลาดหุ้นฮ่องกงนี่แหละตอบโจทย์ที่สุด ลุงคิดว่าดีกว่าตลาดอเมริกาเสียอีก เพราะในช่วงปีที่แล้วตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวแล้ว ส่วนตลาดฮ่องกงยังไร้ทิศทางอยู่ คือโมเมนตัมมาทางตลาดหุ้นจีนกันหมด ไม่ค่อยมีใครสนใจตลาดหุ้นฮ่องกง ทั้งๆที่ตลาดหุ้นฮ่องกงนั้นถูกแสนถูก อีกทั้งหุ้นที่เป็นดูอัลลิสต์ (dual list คือหุ้นที่จดทะเบียนทั้งในตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง) พวกหุ้นที่จดทะเบียนสองตลาดนี้ หุ้นที่เทรดในตลาดหุ้นจีน (ที่เรียกว่า A-share) มีราคาแพงกว่าหุ้นเดียวกันที่จดในตลาดฮ่องกง (ที่เรียกว่า H-share) พูดง่ายๆคือหุ้น H-share ถูกกว่า A-share ทั้งๆที่เป็นหุ้นเดียวกัน H-share บางตัวถูกกว่า A-share ถึง 30% หรือ 40% ก็มี ในทางทฤษฎี ในที่สุดราคาของสองตลาดนี้จะลู่เข้าหากัน แปลว่าสักวันหนึ่งราคาหุ้น H-share จะวิ่งขึ้นไปหาราคาหุ้น A-share


ปี 2014 ตลาดหุ้นจีน (สีส้ม) เป็นขาขึ้น ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกง (เส้นสีเขียว) ไม่ไปไหน ในทางทฤษฎี สักวันตลาดฮ่องกงจะต้องขึ้นตามตลาดหุ้นจีน

และนอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฮ่องตรึงกับเงินดอลลาร์ สรอ อัตราแลกเปลี่ยนนิ่งมาก หมดกังวลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนได้เลย ดูแลแค่ด้าน บาท-ดอลลาร์ สรอ เพียงขาเดียวเท่านั้น

ลุงก็จัดแจงแปลงเงินดอลลาร์ สรอ เป็นดอลลาร์ ฮ่องกงแล้วเข้าลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงโดยไม่รอช้า ^_^


Monday, April 13, 2015

สุขสันต์วันสงกรานต์ เข้าสู่ปีที่ 7 การลงทุนของลุงแมวน้ำ (1)




เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก พริบตาเดียวก็ผ่านไป 6 ปี  ลุงแมวน้ำเริ่มทำเว็บบล็อกนี้มาตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ของปี 2009 มาจนถึงวันนี้ สงกรานต์ 2015 เวลาได้เวียนมาบรรจบครบ 6 ปีแล้ว นับว่าเป็นเวลาที่นานพอดูทีเดียว... นานจนลุงแมวน้ำเองก็นึกไม่ถึงว่าจะทำเว็บบล็อกด้านการลงทุนได้นานขนาดนี้ ^_^

เดิมทีลุงแมวน้ำคิดจะทำเล่นๆ ทำเพราะอยากทำ อยากบอกอยากเล่าเรื่องการลงทุนในมุมมองของลุงแมวน้ำ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น เหนื่อยก็จะเลิก แต่ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าบางช่วงจะเหนื่อย จะล้า คิดเลิกทำอยู่หลายครั้งเหมือนกัน แต่ในที่สุดก็ไม่ได้เลิกทำ จึงได้ทำมาจนมาถึงทุกวันนี้

พูดเรื่องแฟนคลับของลุงแมวน้ำกันสักนิด แฟนคลับตามสถิติของเฟซบุ๊ก ณ ตอนนี้มีอยู่ 3,145 คน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศไทย ผู้อ่านที่ติดตามอ่านจากต่างประเทศก็มีบ้างจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ แคนาดา สวีเดน เยอรมนี เม็กซิโก บราซิล ตุรกี บางประเทศลุงก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามาอ่านได้ยังไงเนี่ย ส่วนแฟนคลับที่อยู่ในย่านนี้ก็มี สปป ลาว สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น กัมพูชา เมียนมาร์ ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฯลฯ

ผู้อ่านที่ติดตามอ่านบทความของลุงนั้นเป็นชายราว 60% และเป็นหญิง 40% โดยมีกลุ่มอายุกระจายกันไป เรียกว่าแฟนคลับของลุงแมวน้ำมีทุกเพศทุกวัย ก็แน่ละ ขวัญใจมหาชนก็ต้องแบบนี้ ^_^

แต่ที่น่าสังเกตคือกลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไปนั้นมีราว 15%-20% ของแฟนคลับทั้งหมดทีเดียว รุ่นบูมเมอร์กับเจนเอ็กซ์มีพอสมควร และที่น่าสังเกตอีกเรื่องก็คือ นี่ขนาดลุงชอบเล่าเรื่องเก่าๆแก่ๆก็ยังมีแฟนคลับหนุ่มสาวอ่านอยู่ไม่น้อย แสดงว่าหนุ่มๆสาวๆก็ยังไม่เบื่อลุงกัน (มั้ง) นี่แหละที่เป็นกำลังใจให้ลุงเขียนอะไรต่ออะไรออกมาเรื่อยๆ

แนวทางการเขียนของลุงแมวน้ำนั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ธีมการเขียนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าในแต่ละปีมีเรื่องใดที่น่าสนใจ ปรับปรุงรูปโฉมเว็บบล็อกมาก็หลายครั้งเพื่อไม่ให้จำเจ การตกแต่งบ้าน (เว็บบล็อก) ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เพิ่งทำไปเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้คงยังใช้เช่นนี้อยู่เพราะดูไปแล้วก็ยังดีอยู่

ส่วนธีมการลงทุนที่ลุงยึดเมื่อปีที่แล้วเป็นแนวทางการลงทุนแบบองค์รวม คือชีวิตกับการลงทุนเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่ได้มีแต่เพียงเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น แต่ลุงแมวน้ำยังเขียนเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การมองชีวิต ในทัศนะของลุงแมวน้ำให้อ่านกันด้วย

ด้านการลงทุนนั้นลุงแมวน้ำจับประเด็นที่หุ้น กองทุนรวม กับอีทีเอฟ โดยเน้นที่หุ้นมากหน่อย รวมทั้งยังใช้ธีมโกอินเตอร์ คือพาพวกเราออกไปดูลงทุนในต่างประเทศด้วย แต่ก็ยังเขียนเรื่องการลงทุนต่างประเทศไม่มากนัก

นั่นก็เป็นเรื่องราวที่ผ่านมาและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

สำหรับก้าวต่อไปในปีที่ 7 นี้ถือเป็นการพลิกโฉมของบล็อกลุงแมวน้ำอีกครั้งหนึ่ง เพราะแนวโน้มการลงทุนในโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและรวดเร็ว... การเปลี่ยนแปลงนั้นมากมายและรวดเร็วจนลุงแมวน้ำเองก็นึกไม่ถึง จะมีอะไรใหม่ๆมาให้อ่านและลงทุนกันบ้าง เรามาดูกัน


ธีมปีที่ 7 ทะยานสู่พรมแดนใหม่


ธีมการลงทุนในปีที่ 7 นี้ลุงแมวน้ำใช้หัวข้อว่า "ทะยานสู่พรมแดนใหม่" หรือ Toward a New Frontier ซึ่งที่จริงลุงแมวน้ำก็เริ่มเขียนมาบ้างแล้ว โดยเริ่มเขียนบทความในชุดนี้ตั้งแต่เมื่อต้นปี 2015 เนื่องจากวิถีชีวิตในยุคเทคโนโลยีก้าวกระโดดนี้เปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก รวมทั้งสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากเช่นเดียวกัน ประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้วซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ มีการแก้ปัญหาแบบนอกตำราเศรษฐศาสตร์ด้วยนำเงินในอนาคตมาใช้ในปัจจุบันอย่างมากมายในรูปแบบที่เราเรียกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน

เดิมทีมีชาติที่ทำคิวอีเป็นล่ำเป็นสันอยู่ชาติเดียวคือสหรัฐอเมริกา แต่ต่อมาญี่ปุ่นและเขตเศรษฐกิจยูโรโซนก็ทำบ้าง ทำให้เงินตราที่ล้นโลกอยู่แล้วล้นมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดโอกาสและความเสี่ยงในรูปแบบใหม่ที่ในอดีตไม่เคยเผชิญมาก่อน ดังนั้นอนาคตนับจากนี้จึงยากคาดเดา เปรียบเสมือนกับว่าเราก้าวเข้าสู่พรมแดนใหม่ สู่ขอบเขตที่เราไม่เคยไปถึงมาก่อน มันอาจเป็นน่านน้ำอันอุดมสมบูรณ์ แต่ก็อาจแฝงภยันตรายที่เราไม่เคยเผชิญมาก่อน... ดังนั้น ลุงแมวน้ำจึงนำธีมนี้มานำเสนอ พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันในปีที่ 7 นี้

และปีนี้ลุงจะคุยเรื่องการลงทุนในต่างประเทศให้มากขึ้น เนื่องจากโลกในยุคปัจจุบันเชื่อมโยงถึงกันใกล้ชิดเข้าไปทุกที เราคงไม่สามารถปิดตัวเองอยู่แต่การลงทุนในท้องถิ่นได้ รวมทั้งในภาคเศรษฐกิจจริงก็เช่นเดียวกัน โลกทุกวันนี้แทบจะไร้พรมแดนอยู่แล้ว สินค้า เงินทุน แรงงาน เคลื่อนย้ายไปได้โดยสะดวก การแข่งขันในรูปแบบใหม่ๆเกิดขึ้น ด้วยกฎกติกาของโลกยุคใหม่ทำให้ธุรกิจท้องถิ่นต้องแข่งขันกับธุรกิจข้ามชาติด้วย ไม่ว่าเราจะอยากแข่งหรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าเราจะพร้อมแข่งหรือไม่ก็ตาม นี่เป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้

ลุงแมวน้ำได้นำเสนอบทความในชุด ทะยานสู่พรมแดนใหม่ ไปบ้างแล้ว หลายคนอาจสังเกตพบว่าบทความชุดนี้พลิกโฉมไปจากเดิมมาก ทั้งแนวคิดและวิธีการ มีการนำแนวคิดทางด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาผสมกับปัจจัยพื้นฐาน (เช่นในเรื่องหุ้นพีอีสูง หุ้นพีอีต่ำ) มีการเชื่อมโยงแนวคิดจากกฎธรรมชาติมาสู่แนวคิดในการลงทุน (เช่น เรื่องวัฏจักรชีวิตและวัฏจักรเศรษฐกิจ หมู่เกาะกาลาปาโกสกับทฤษฎีวิวัฒนาการ) เพราะโลกในยุคใหม่ไม่เหมือนเดิม ดังนั้นเราอาจใช้วิธีคิดแบบเดิมไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องมีมุมมองใหม่ๆบ้าง

ในวันถัดไป เรามาคุยกันต่อ ลุงแมวน้ำจะอัปเดตการลงทุนของลุงแมวน้ำในรอบปีที่ผ่านมาให้ฟัง ทั้งการลงทุนในไทยและการลงทุนในต่างประเทศ ลุงตระเวนลงทุนในหลายประเทศแต่ยังไม่เคยเล่า กับโครงการทำธุรกิจเพื่อสังคม กองทุนสงเคราะห์ชีวิตที่ด้อยโอกาสของลุงแมวน้ำคร้าบ