Thursday, October 3, 2013

03/10/2013 * อเมริกาชัตดาวน์ แนวโน้มราคาทองคำ ดอลลาร์ สรอ ยูโร เยน บาท และตลาดหุ้นไทย


โอบามาแคร์ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นโยบายสำคัญของพรรคเดโมแครต คนชอบก็มาก คนชังก็เยอะ


อเมริกาชัตดาวน์ เมื่อเดโมแครตประลองกำลังกับรีพับลิกัน

ช่วงหลังลุงแมวน้ำอัปเดตทางเฟซบุ๊กมาสักพักหนึ่งแล้ว เพราะว่าทำง่ายและคล่องตัวดี การปรับปรุงเว็บบล็อกทำได้ยากกว่า แต่การอัปเดตทาง FB ก็ทำได้สะดวกเฉพาะประเด็นสั้นๆ หากมีภาพประกอบเยอะ ลุงแมวน้ำก็ยังเลือกใช้เว็บบล็อกในการพูดคุยกันมากกว่า

วันนี้เรามาคุยกันหลายเรื่อง เรื่องแรกคือประเด็นอเมริกาชัตดาวน์หรือภาวะรัฐบาลเงินชอร์ตจนหน่วยราชการบางส่วนต้องปิดทำการ

ลุงแมวน้ำทบทวนประเด็นนี้สั้นๆละกัน เพราะคิดว่าพวกเราคงหาอ่านได้ไม่ยาก เรื่องของเรื่องก็คือตอนนี้รัฐบาลเงินขาดมือ รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง เดิมทีอาศัยการกู้เงินมาเสริมสภาพคล่อง แต่ก็มาติดที่ว่ากู้เงินจนเต็มเพดานแล้ว กู้อีกไม่ได้ ทางออกก็คือต้องแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้ ให้สามารถก่อหนี้ได้มากขึ้น จะได้กู้เงินต่อไปได้

แต่เนื่องจากการเมืองของอเมริกาตอนนี้ ประธานาธิบดีหรือว่าน้าโอบามาเป็นฝ่ายพรรคเดโมแครต และสมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่ก็เป็นพรรคเดโมแครต แต่ว่าสมาชิกสภาผู้แทนส่วนใหญ่เป็นฝ่ายพรรครีพับลิกัน เมื่อรัฐบาลกับสภาล่างหรือสภาผู้แทนเป็นคนละพวกกันก็ทำงานได้ยาก

กฎหมายสำคัญของรัฐบาลพรรคเดโมแครตฉบับหนึ่งก็คือกฎหมายที่เรารู้จักกันในชื่อเล่นว่าโอบามาแคร์ กฎหมายนี้ก็คือกฎหมายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้านั่นเอง

ตอนนี้หลักประกันสุขภาพของประชาชนคนอเมริกันก็คือการซื้อประกันสุขภาพ ซึ่งคนมีเงินก็ซื้อได้ แต่ว่าคนจนซื้อไม่ไหวเพราะว่าเลี้ยงปากท้องยังไม่พอ จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อประกันสุขภาพ ดังนั้นคนอเมริกันที่ยากจนหลายสิบล้านคนจึงไม่มีประกันสุขภาพ พวกนี้หากเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะว่าค่ารักษาพยาบาลในอเมริกาแพงมาก 

พรรคเดโมแครตก็พยายามออกกฎหมายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาเป็นสิบปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมามีเอาสมัยน้าโอบามา โดยสาระสำคัญของกฎหมายนี้คือ ใครที่ยากจนรัฐจะอุดหนุนเงินให้เพื่อเอาไปซื้อประกันสุขภาพ จะได้มีประกันสุขภาพกันทุกคน แต่พรรคเดโมแครตไม่เคยผลักดันกฎหมายนี้ได้สำเร็จ เพราะว่าพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นพรรคของชนชั้นกลางและสูงไม่เอาด้วย เนื่องจากไม่ต้องการเอาเงินภาษีอากรจำนวนมากไปอุ้มคนจน ก็เพิ่งจะมาสำเร็จเอาในยุคน้าโอบามานี่เอง

แต่กฎหมายฉบับนี้มีวิบากกรรม เกือบจะได้บังคับใช้อยู่แล้ว พรรครีพับลิกันที่กุมเสียงสภาล่างส่วนใหญ่อยู่พยายามเตะสกัดแต่ก็ไม่สำเร็จ ก็บังเอิญมามีเรื่องรัฐบาลขาดสภาพคล่องเพราะกู้เต็มเพดานหนี้แล้ว เมื่อจะขยายเพดานเงินกู้ จึงทำให้เกิดการต่อรองกันระหว่างพรรคเดโมแครตต้นสังกัดของน้าโอบามากับพรรครีพับลิกันที่มีฐานเสียงหลักเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง โดยตัวประกันของการต่อรองนี้ก็คือกฎหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้าโอบามาแคร์นี่เอง แต่ต่อรองกันยังไม่สำเร็จเพราะเรื่องมันยาวมาก แต่เงินก็ขาดมืออยู่ พรรคเดโมแครตกับรีพับลิกันก็เลยตกลงกันว่าถ้ายังงั้นออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวกันก่อนละกัน โดยกฎหมายนี้ไม่ได้ทำให้ก่อหนี้เพิ่ม แต่ช่วยในแง่ให้รัฐบาลสามารถดึงเงินรายได้บางส่วนมาใช้ได้ก่อน

กฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้ใช้มาแล้วฉบับหนึ่ง ก็มีสภาพคล่องมาได้ชั่วระยะหนึ่ง มาตอนนี้เงินสดขาดมืออีกแล้ว ก็ต้องอาศัยกฎหมายงบประมาณชั่วคราวอีกฉบับ ซึ่งเป็นฉบับที่เป็นเรื่องกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง เนื่องจากสภาล่างผ่านกฎหมายนี้แต่ว่ามีการแปรญัตติ (ฝีมือพรรครีพับลิกันนั่นเอง) ให้เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายโอบามาแคร์ไปอีกหนึ่งปี

กฏหมายงบประมาณชั่วคราวนี้จึงเป็นเหมือนกฎหมายที่วางยาพรรคเดโมแครตเอาไว้เนื่องจากพ่วงเรื่องการเลื่อนบังคับใช้กฎหมายโอบามาแคร์ไว้ด้วย แน่นอน พรรคเดโมแครตก็ไม่เอา เพราะต้องการบังคับใช้โอบามาแคร์ทันที น้าโอบามาบอกว่าหากจะต่อรองเรื่องโอบามาแคร์ก็ไม่ต้องคุยกัน

ดังนั้น ในขั้นตอนการอนุมัติกฎหมายของวุฒิสภา (ซึ่งพรรคเดโมแครตกุมเสียงข้างมากอยู่) วุฒิสภาจึงไม่เห็นชอบกับกฎหมายฉบับนี้ เป็นไงเป็นกัน เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อ ก็แปลว่าคราวนี้เงินต้องชอร์ตจริงๆ

เมื่อกฎหมายงบประมาณชั่วคราวไม่ผ่าน ปัญหาเรื่องรัฐบาลเงินชอร์ตก็แก้ไม่ตก เมื่อเงินชอร์ตก็ปล่อยให้ชอร์ตไป ก็ต้องปิดหน่วยงานบางส่วนลงเพื่อรักษากระแสเงินสดที่มีเหลือเพียงน้อยนิดเอาไว้ รวมทั้งน้าโอบามาเองยังงดเดินทางไปเยือนต่างประเทศเพื่อต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

การต่อรองทางการเมืองในครั้งนี้ ตอนนี้เปรียบเสมือนรีพับลิกันกำลังตัดไม้ข่มนามเดโมแครต เพราะว่ากฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้เป็นแค่หนังตัวอย่าง หนังฉายจริงคือกฎหมายขยายเพดานหนี้ที่จะเข้าสภาในเร็วๆนี้ หากฎหมายขยายเพดานหนี้ผ่านสภาไม่ได้ ปัญหาจะบานปลายใหญ่กว่าตอนนี้มากนัก อย่างเช่น พันธบัตรรัฐบาลอาจต้องผิดนัดชำระหนี้ หรือพันธบัตรเด้งได้ นอกจากนี้ประเทศยังอาจถูกลดอันดับเครดิต ฯลฯ ดังนั้นคงต้องรอดูกันไปก่อนว่าฝ่ายการเมืองจะเจรจาต่อรองกันได้มากน้อยเพียงใด



แนวโน้มราคาทองคำ และเงินดอลลาร์ สรอ ยูโร และเยน

เมื่อรู้ที่มาที่ไปของความปั่นป่วนในสหรัฐอเมริกาแล้ว คราวนี้มาดูค่าเงินกับราคาทองคำกัน ดูภาพตามไปเลยคร้าบ ภาพมาก่อน คำบรรยายตามหลัง





ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) เป็นดัชนีที่บ่งชี้ค่าเงินดอลลาร์อเมริกันเมื่อเทียบเงินสกุลหลักอื่นๆ 6 สกุล ดัชนีดอลลาร์ สรอ หลังจากหลุดจากเส้นแนวโน้มแล้วก็มีการรีบาวด์เหมือนกับจะพยายามกลับขึ้นไปใหม่ แต่ในที่สุดก็เห็นชัดแล้วว่ากลับขึ้นไปไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ จึงมีแนวโน้มขาลง และล่าสุด ดัชนีหลุด 80 จุดลงมาแล้ว

หากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐาน เงินดอลลาร์ สรอ ก็น่าจะอ่อนค่า เพราะว่าตอนนี้รัฐบาลเสี่ยงที่จะเสียเครดิตการเงิน ประกอบกับลุงเบนยังไม่ลดวงเงินอัดฉีด ดังนั้นดอลลาร์ สรอ จึงอ่อนค่าลง





เงินยูโร แนวโน้มใหญ่เป็นขาลงอยู่ แนวโน้มกลางเป็นขาขึ้น และกำลังพยายามฝ่าด่านอยู่ ล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เงินยูโรผ่านแนวต้านสำคัญพร้อมทั้งเกิดหน้าต่างขาขึ้น (rising window) ล่าสุดยังแข็งค่าต่อเนื่อง 

จับตาดูกันต่อไป ค่าเงินยูโรนี้เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ หากเงินยูโรสามารถแข็งค่าผ่าน 1.3700 ยูโร/ดอลลาร์ สรอ ได้ก็เท่ากับว่าฝ่าแนวต้านสำคัญและทะลุกรอบขาลงใหญ่ได้สำเร็จ เงินยูโรก็จะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นใหญ่ และแปลว่าเงินดอลลาร์ สรอ จะอ่อนตัวลงอีกมาก 





เงินเยน ตอนนี้กำลังทะลุปลายสามเหลี่ยมชายธงขึ้นมา หากทะลุได้จริง ก็แปลว่าในระยะสั้นเงินเยนมีแนวโน้มแข็งค่า 

เงินเยน แนวโน้มใหญ่ของเงินเยนเป็นขาขึ้น คือเป็นแนวโน้มแข็งค่า แต่ผลจากนโยบายอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลของนายกรัฐมนตรีอาเบะ ซึ่งก็คือเป็นคิวอีฉบับญี่ปุ่นนั่นเอง ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลง หากเทียบเคียงกับมาตรการคิวอีของลุงเบนแล้ว คิวอีของลุงอาบะน่าจะทำให้เงินเยนกลับทิศเป็นแนวโน้มใหญ่ขาลง

แต่ว่าจากรูปแบบทางเทคนิคกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้รูปแบบแนวโน้มใหญ่ยังไม่เปลี่ยน นั่นคือเงินเยนยังมีแนวโน้มใหญ่และแนวโน้มระยะสั้นเป็นแนวโน้มแข็งค่าอยู่ ดังนั้นใครที่คิดว่าในระยะยาวเงินเยนต้องอ่อนค่า ลุงแมวน้ำบอกว่าไม่แน่ รูปแบบทางเทคนิคยังไม่เป็นยังงั้น





ทองคำ ราคาทองคำนี่ก็แปลก ธรรมชาติของราคาทองคำสวนทางกับเงินดอลลาร์ สรอ แต่ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนค่า พร้อมไปกับราคาทองคำที่อ่อนตัวลง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น คือปรากฏการณ์เงินดอลลาร์ สรอ กับราคาทองคำคล้อยตามกันนั้นเกิดขึ้นได้แต่ไม่ควรนานนัก 

สำหรับกรณีเช่นตอนนี้ ลุงแมวน้ำก็ว่าผิดปกติ สัปดาห์ที่แล้ว SPDR gold trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำใหญ่ที่สุดในโลก ก็ยังขายสุทธิอยู่ นักวิเคราะห์บางคนตั้งสมมติฐานว่าอเมริกากดราคาทองคำลงเพื่อพยุงค่าเงินดอลลาร์ สรอ เอาไว้ เพราะตามจริงแล้ว ดอลลาร์ สรอ ควรจะอ่อนค่ามากกว่านี้ แต่เนื่องจากราคาทองคำร่วงลง จึงช่วยชะลอเงินดอลลาร์ สรอ ไม่ให้อ่อนค่าเร็วนัก ซึ่งเรื่องนี้จะจริงหรือไม่คงไม่มีใครยืนยันได้ แต่ในทางเทคนิค ตอนนี้ทองคำเป็นแนวโน้มขาลงอยู่

ระวังเอาไว้บ้าง สองวันมานี้ ราคาทองคำร่วงแรงตามมาด้วยขึ้นแรง คือเกิดแท่งเทียนดำใหญ่ แล้วตามติดมาด้วยแท่งเทียนขาวใหญ่ แปลว่าอาจกลับทิศได้ 


แนวโน้มเงินบาท




เงินบาทจะไปทางไหน จากการวิเคราะห์ทางเทคนิค เงินบาทแข็งค่าจนหลุดเส้นแนวโน้มและเกิดช่อง (gap) แม้ว่าหลังจากนั้นจะอ่อนค่าลง แต่สิบวันแล้วก็ยังอ่อนค่ามาปิดช่องไม่ได้ ดังนั้นต้องมองว่าที่เงินบาทอ่อนค่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเพียงการเด้งชั่วคราว แนวโน้มน่าจะแข็งค่าต่อไป 



แนวโน้มตลาดหุ้นไทย





ตลาดหุ้นไทยน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดของช่วงนี้มาแล้ว  เมื่อพิจารณาจากเครื่องมือด้านโมเมนตัม ตอนนี้อยู่ในภาวะไร้ทิศทาง แต่หากพิจารณาด้วยการนับคลื่น เราน่าจะอยู่ในคลื่นขาขึ้น ส่วนจะจบคลื่น 4 แล้วหรือไม่ยังยากตอบได้ เพราะว่าคลื่น 4 น่าเวียนหัว อาจไม่จบง่ายๆ 

หากเงินบาทแข็งค่าก็จะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในแง่มีเงินทุนไหลเข้ามา รวมทั้งน่าจะมีส่วนช่วยให้ตลาดหุ้นเข้าสู่คลื่น 5 ได้เร็วขึ้น

ทางที่ดีก็ดูไปกันทีละด่าน ตอนนี้เราผ่าน 1400 จุดมาแล้ว ต่อไปก็ดูที่ด่าน 1513 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ และเป็นยอดคลื่น B เดิม หากผ่านได้แปลว่าน่าจะเข้าคลื่น 5 แล้ว คราวนี้ไปโลด ^_^

ยังคร้าบ ยังอาจไม่โลด เพราะว่าปัจจัยเสี่ยงหรือว่าภัยคุกคามของตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่ นั่นคือ เรื่องการเมือง ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ความเสี่ยงทางการเมืองยังมากอยู่ ทางโหราศาสตร์ก็บอกว่า ตอนนี้ดาวเสาร์กับราหูกำลังเล็งลัคนาดวงเมืองอยู่ อาจเกิดเรื่องไม่คาดหมายได้ นี่ลุงแมวน้ำเอาทุกศาสตร์มาวิเคราะห์เลยนะเนี่ย ^_^ ดังนั้นก็เผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้ด้วย 





Sunday, September 29, 2013

29/09/2013 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เมนูสุขภาพเจ/มังสวิรัติ ข้าวอบต้มข่าไก่



ช่วงนี้ลุงแมวน้ำไม่ค่อยได้อัปเดตอะไรทางเว็บบล็อกเท่าไรนัก เนื่องจากลุงมีงานมากขึ้น กับอีกอย่างหนึ่งก็คือตลาดหุ้นอยู่ในคลื่น 4 ซึ่งไม่ได้ไปไหนไกล ขึ้นๆลงๆอยู่แถวนี้ ก็เลยไม่มีประเด็นอะไรให้อัปเดตมากนัก รอเวลาอย่างเดียวว่าเมื่อไรจะเข้าสู่คลื่น 5 เสียที

นักวิเคราะห์และโบรกเกอร์ต่างๆตอนนี้ปรับเป้าปลายปีกันไปหลายรอบ เมื่อต้นปีก็ 1700-1800 จุด นี่ลุงเฉลี่ยๆเอานะ แต่ละโบรก แต่ละค่าย ตัวเลขไม่ตรงกันหรอก แต่พอกลางปีก็เหลือ 1400-1500 จุด มาล่าสุดนี้ ตอนที่ตลาดหุ้นทรงตัวอยู่เหนือ 1400 จุดได้ ก็ปรับใหม่อีก ตอนนี้เป้าปลายปีอยู่ที่ประมาณ 1550 จุด แต่ลุงแมวน้ำยังไม่เคยเปลี่ยน รถไฟสาย 1700 ของลุงยังอยู่เหมือนเดิม 

อ้าว วันนี้วันหยุดนี่ ลืมไป เราอย่าเพิ่งคุยเรื่องการลงทุนให้หนักสมองเลย คุยกันเรื่องอื่นดีกว่า ชีวิตไม่ได้มีแต่การลงทุน ชีวิตยังมีด้านที่งดงามอื่นๆอีกเยอะแยะ ^_^

แต่ด้านที่ไม่งดงามก็มี นั่นคือ ของแพง ตอนนี้ข้าวของแพงขึ้นทุกวัน ล่าสุด ลุงพบว่ามอเตอร์ไซค์รับจ้างขึ้นราคาแล้ว ขึ้นอยู่หลายบาทเหมือนกัน น้ำมันไม่ได้แพงขึ้นก็จริง แต่ว่าอาหารการกินแพงขึ้น ค่าครองชีพของคนขับมอเตอร์ไซค์สูงขึ้น หากคิดราคาเดิมก็ไม่พอกิน ก็ต้องปรับราคา

แต่มีสินค้าที่ไม่ปรับราคาอยู่เหมือนกัน นั่นคือ บรรดาผลิตภัณฑ์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งหลาย พูดง่ายๆก็คือ ตอนนี้กิจการที่เป็นเอสเอ็มอี โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นรายย่อย สายป่านสั้น กำลังรับผลกระทบอย่างหนัก ค่าจ้างพนักงานปรับเพิ่ม พนักงานหายากขึ้น แต่ไม่กล้าปรับราคาสินค้าของตนเอง เพราะแค่นี้ก็ขายไม่ออกจะแย่อยู่แล้ว ถ้าปรับขึ้นราคาก็อาจจะขายไม่ออกหนักยิ่งขึ้น

พ่อค้าแม่ค้าที่ขายพวกอาหารการกิน ใช่ว่าเมื่อปรับราคาแล้วจะมีรายได้เพิ่มขึ้นทุกราย เท่าที่ลุงลองสอบถามมา พวกที่ปรับราคาแล้วลูกค้าหายไปก็มี นี่คือกลไกตลาด ก็คนซื้อขาดกำลังซื้อ จะซื้ออะไรสักทีก็ต้องไตร่ตรอง

ตอนนี้ก็ใกล้เทศกาลเจเข้ามาทุกทีแล้ว ลุงแมวน้ำจึงเอาเมนูอาหารเจ/มังสวิรัติ แบบเมนูสุขภาพ ทำกินเองง่ายๆ มาฝาก วันหยุดบางทีก็แสนจะขี้เกียจ อยากพักผ่อนเยอะๆ ^_^ ดังนั้นการทำอะไรกินเองลุงก็เน้นที่ทำง่ายๆเป็นหลัก แต่ก็อร่อยพอควร อีกทั้งมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ และที่สำคัญคือประหยัด

เมนูสุขภาพเจ/มังสวิรัติ วันนี้เป็นข้าวอบต้มข่าไก่คร้าบ ไก่ปลอมนะ ไม่ใช่ไก่จริง ^_^

ปกติอาหารพวกแกงนี่จะทำยาก ต้องสมัยก่อนต้องโขลก ต้องตำ ต้องขูดมะพร้าวตั้นกะทิกันวุ่นวาย แต่ยุคมิลเลเนียมนี่ง่ายขึ้นมาก เพราะว่าใช้เครื่องปรุงสำเร็จรูป อีกทั้งประหยัดกว่าด้วย ที่ประหยัดกว่าเพราะว่าเมื่อก่อนทำแกงแต่ละทีต้องทำหม้อใหญ่ๆจึงจะคุ้ม เดี๋ยวนี้บางทีครอบครัวหนึ่งอยู่กันสองคน บางทีก็อยู่คนเดียวในคอนโด แล้วจะทำแกงหม้อใหญ่ยังไงไหว แต่เครื่องปรุงสำเร็จรูปนั้นส่วนใหญ่ทำสำหรับ 3-4 ที่ ดังนั้นถือว่าประหยัดกว่าเพราะว่าไม่ต้องทำมากมาย

แนวคิดของข้าวอบต้มข่านี้เกิดจากความขี้เกียจของลุงแมวน้ำนั่นเอง วันหยุดอยากทำอะไรง่ายๆ ไม่ต้องล้างจานให้มากมายด้วย อยากเอาทุกอย่างใส่ลงในหม้อข้าวแล้วหุง เป็นอาหารจานเดียว นี่แหละ ความเกียจคร้านทำให้เกิดนวัตกรรม ดังนั้นเมนูนี้จะเรียกว่าเป็นเมนูขี้เกียจของลุงแมวน้ำก็ได้ ^_^

ข้าวอบต้มข่านี้ทำแล้วจะกินได้ประมาณ 3-4 อิ่ม

เอ้า เรามาลงมือลงครีบทำกันเลย เตรียมวัตถุดิบและเครื่องปรุงกันก่อน ดูตามภาพเลยคร้าบ ภาพมาก่อน คำอธิบายตามหลัง





เครื่องแกง 1 ซอง

นี้คือเครื่องปรุงสำเร็จรูปของแกงต้มข่า ที่จริงมันก็คือเครื่องแกงสำหรับทำแกงต้มข่านั่นเอง แต่ลุงแมวน้ำเอามาประยุกต์ เจ้าของเครื่องแกงนี้ก็คงยังไม่รู้ว่าเครื่องแกงนี้เอามาทำข้าวอบได้ ^_^




ลุงแมวน้ำเลือกใช้ยี่ห้อนี้ก็เพราะว่ารสชาติใช้ได้ นอกจากนี้ดูจากส่วนผสมข้างหลังซอง เห็นว่าไม่มีเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาปน ก็เอาละ ใช้ทำเมนูมังสวิรัติได้ เครื่องแกงต้มข่ามีหลายยี่ห้อ บางยี่ห้อใส่เนื้อไก่ลงไป บางยี่ห้อใส่น้ำปลาลงไป ก็ไม่มังฯแล้ว ส่วนยี่ห้อนี้ไม่มี แต่จะเข้าขั้นเป็นอาหารเจได้หรือเปล่าลุงก็ไม่แน่ใจ เพราะว่าสังเกตดูตรงเครื่องเทศ 18% ไม่รู้ว่าใส่เครื่องอะไรบ้าง หากมีกระเทียมก็ไม่ใช่เจแล้ว แต่ก็เอาเถอะ เจตนาของลุงแมวน้ำคือไม่เบียดเบียน จะเจหรือมังสวิรัติ สำหรับลุงก็อะลุ้มอะล่วยกันได้

ลุงแมวน้ำมีข้อสังเกตอีกอย่างก็คือ ฉลากข้างหลังนี้สำคัญมาก น่าจะบอกไว้ด้วยว่าใส่ผงชูรสกับแต่งกลิ่นหรือเปล่า เผื่อว่าผู้ใช้จะได้เลือกใช้ได้ถูกใจยิ่งขึ้น บางยี่ห้อบอกมาเลยว่าไม่มีผงชูรส แต่ยี่ห้อนี้ไม่ได้บอก เนื่องจากปกติหากมีก็ต้องบอก ไม่บอกถือว่าไม่มี แต่หากจะเน้นให้กระจ่างแม้ไม่มีก็บอกไปด้วยว่าไมีมีก็จะดี







ข้าวสาร 1.5 ถ้วย หรือหนึ่งถ้วยตวงครึ่ง หรือน้ำหนักประมาณ 250 กรัม

วัตถุดิบต่อมาก็เป็นข้าวสาร ปกติลุงแมวน้ำกินข้าวไรซ์เบอร์รี่ซึ่งเป็นข้าวกล้องอินทรีย์ แต่ในเมนูนี้ลุงผสมด้วยข้าวกล้องหอมมะลิลงไปด้วย เพราะว่าหากใช้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ล้วนๆ ภาพที่ถ่ายออกมาจะเป็นข้าวสีดำๆ ไม่ค่อยน่าดู เกรงว่าหากเอาภาพมาใส่ในเว็บบล็อกแล้วผู้อ่านจะไม่กล้าเอาไปทำกิน หม้อที่หุงเพื่อถ่ายทำนี้จึงใช้ผสมกับข้าวหอมมะลิ

เอาเป็นว่าเรื่องข้าวสารนี้แล้วแต่สะดวก ใช้ข้าวกล้องหอมมะลิ ข้าวกล้องแดง ข้าวกล้องอะไรก็ได้ ซาวน้ำ 1 ครั้ง





เห็ดนางฟ้า 150 กรัม
ฟักทอง 120 กรัม
แครอท 1 หัว
ไส้กรอกเจ 4 แท่ง
กะทิ 50 มิลลิลิตร
น้ำเปล่า 600 มิลลิลิตร

ต้องอธิบายขยายความกันหน่อย

เห็ดนางฟ้ากับฟักทองนี่บอกเป็นถ้วยตวงไม่ถูก ได้แต่บอกเป็นน้ำหนัก แต่ของพวกนี้มากน้อยเปลี่ยนแปลงได้ตามความสะดวกของเรา หั่นเป็นชิ้นเล็ก

แครอทนี่ก็มีหัวใหญ่ หัวเล็ก ปริมาณก็ตามสะดวก มากไป น้อยไป ไม่เป็นไร หั่นเป็นชิ้นเล็ก อย่าใส่ลงไปทั้งแท่ง

กะทิ กะทินี่ก็ใช้กะทิกล่อง กล่องเล็กปกติขนาดประมาณ 250 มิลลิลิตร เราก็ตวงเอามา 50 มิลลิลิตร ใช้ถ้วยตวงที่มีขีดบอกอยู่ข้างๆ ว่ากี่มิลลิลิตร หรือกะเอาประมาณ 1/4 ของกล่องก็ได้ จะมากหรือน้อยกว่านี้ก็ได้ จะไม่ใส่เลยก็ได้ หากกลัวไขมันจากกะทิ

น้ำ ปกติปริมาณน้ำขึ้นกับชนิดของข้าวสาร ข้าวขัดขาว ข้าวกล้อง ข้าวเก่า ข้าวใหม่ ใช้น้ำไม่เท่ากัน ขึ้นกับความชอบของบางคนอีก บางคนชอบแฉะก็ใช้น้ำมาก บางคนชอบข้าวสวยก็ใส่น้ำน้อย สำหรับลุงแมวน้ำที่ใช้ข้าวกล้อง ลุงใช้น้ำกับกะทิประมาณ 650 มิลลิลิตร (คือน้ำกับกะทิรวมกันเป็น 650 มิลลิลิตร หากลดกะทิลงเท่าไร ก็เพิ่มน้ำไปเท่านั้น ให้รวมกันเป็น 650 เสมอ) เรื่องน้ำกับกะทินี่ต้องลองผิดลองถูกดูสักครั้งสองครั้ง ปรับจนถูกใจ

ไส้กรอก นี่เป็นแหล่งโปรตีน ใช้ไส้กรอกเจ 4 แท่ง หั่นเป็นชิ้นเล็ก จะเป็นไส้กรอกเจรสหมู ไส้กรอกเจรสไก่ ก็ได้ทั้งนั้น ในภาพจะมีไส้หมูเจปนอยู่ด้วย (สีขาวๆที่วางติดกับไส้กรอก) อันนั้นลุงตัดออก เพราะว่าหาซื้อยาก






จากนั้นก็ใส่ทุกอย่างลงไปในหม้อ รวมทั้งเครื่องแกงด้วยนะ ฉีกซองใส่ลงไปเลย ถ้าลืมใส่เครื่องแกงละก็พังเลย ^_^





จากนั้นก็หุงด้วยโหมด mixed rice ข้าวกล้องต้องใช้โหมดนี้ หากเป็นข้าวขาวใช้โหมด plain rice





ปล่อยให้หมอหุงข้าวทำงานไป เราก็ไปนอนรอ เสร็จหม้อหุงข้าวก็ตัดไฟของมันเอง แล้วก็กินได้แล้วละ





ใส่ในจาน หน้าตาก็เป็นแบบนี้ ดูคล้ำๆเหมือนกับไม่น่ากิน แต่อร่อยใช้ได้ทีเดียว กลิ่นข่า ตะไคร้ หอมฉุย และที่สำคัญคือเป็นเมนูสุขภาพ น้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ และโซเดียมต่ำ มีทั้งแครอท ฟักทอง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ส่วนในข้าวไรซ์เบอร์รี่เป็นกลุ่มพอลีฟีนอล แถมยังมีธาตุเหล็ก ไวตามิน และเกลือแร่อื่นๆ รวมทั้งให้เส้นใย เห็ดนางฟ้านี่ก็ให้เส้นใย มีไวตามินบ้างนิดหน่อย


สรุปว่าส่วนประกอบของเมนูในวันนี้ คือ

  1. เครื่องแกง 1 ซอง
  2. ข้าวสาร 1.5 ถ้วย หรือหนึ่งถ้วยตวงครึ่ง หรือน้ำหนักประมาณ 250 กรัม 
  3. เห็ดนางฟ้า 150 กรัม
  4. ฟักทอง 120 กรัม
  5. แครอท 1 หัว
  6. ไส้กรอกเจ 4 แท่ง
  7. กะทิ 50 มิลลิลิตร
  8. น้ำเปล่า 600 มิลลิลิตร

แหล่งวัตถุดิบและราคา

เครื่องแกงซองหนึ่งประมาณ 20 บาท หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต 

ข้าวสารก็หาได้ทั่วไป หรือตามที่ลุงเคยบอกเอาไว้ก็ได้ ข้าวไรซ์เบอรรี่ลุงซื้อมากิโลกรัมละ 80 บาท แต่บางแห่งก็ขายแพงกว่านี้

เห็ดนางฟ้า แครอท ฟักทอง ก็มีในซูเปอร์ฯ แต่หากซื้อในตลาดสด ราคาก็ถูกลง เห็ดนางฟ้ากิโลกรัมหนึ่ง 30-120 บาท แปรผันตามขนาดดอกเห็น ฤดูกาล และสถานที่ขาย ราคาในตลาดสดช่วงนี้ประมาณ 40-60 บาท  ฟักทองกิโลกรัมละ 20-25 บาท ส่วนแครอทกิโลกรัมละ 25-40 บาท 

วันก่อนลุงไปได้แครอทเลหลังที่ตลาดสด หัวเบ้อเริ่ม หนัก 200 กรัม ขายหัวละ 5 บาทเอง แม่ค้าจะรีบกลับบ้าน ^_^

กะทิ กล่องเล็กกล่องหนึ่งก็ 16-17 บาท หากหรูหน่อยก็ใช้กะทิธัญพืช คือกะทิปลอม ทำจากน้ำมันรำข้าว ราคากล่องละ 22-25 บาท จะไม่ใส่เลยก็ได้ จะได้ข้าวอบที่แคลอรี่ต่ำลง เพราะไขมันลดลง แต่รสชาติก็ยังใช้ได้อยู่ ลุงเคยลองแล้วเช่นกัน

ไส้กรอกเจ ปกติก็มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ในช่วงเทศกาลเจนี้มีขายในซูเปอร์ฯทุกแห่งทุกแห่ง แต่หากเป็นนอกช่วงเจ บางเวลาก็อาจไม่มีขาย เพราะขายไม่ดีเลยไม่เอามาขาย นอกจากนี้ ไส้กรอกเจในซูเปอร์ฯ ยังขายปลีก ห่อละไม่กี่ร้อยกรัม หากจะซื้อแบบราคาประหยัด คือซื้อเป็นกิโลกรัมต้องไปที่แหล่งขายอาหารเจ แหล่งอาหารเจราคาถูกมีอยู่สองที่ คือที่ตลาดใหม่ เยาวราช (ตลาดใหม่ ไม่ใช่ตลาดเก่า) กับชานกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก คือที่ซอยสันติอโศก ถนนนวมินทร์ ไส้กรอกเจตอนนี้ประมาณกิโลกรัมละ 150-160 บาท มี 20 แท่ง 

เคล็ดลับ หากต้องการใส่พวกผัก (แครอท เห็ด ฟักทอง) เยอะๆ ไม่ควรหุงในหม้อ เพราะอาจเกิดฟองล้นหม้อ และอีกอย่างคือวัตถุดิบพวกนี้อมน้ำไว้ในตัวเอง หากใส่มาก จะต้องไปปรับปริมาณน้ำที่ใช้ในการหุงข้าว ซึ่งปรับยาก เพราะเราเติมวัตถุดิบอื่นๆในปริมาณไม่แน่นอน หากปรับไม่เหมาะ ข้าวก็จะแฉะ จะแห้ง ไม่แน่นอน 

วิธีแก้ก็คือ เอาแครอท ฟักทอง เห็ดนางฟ้า แยกมาทำให้สุกด้วยเตาไมโครเวฟ คืออบในเตาไมโครเวฟนั่นเอง ใช้ไฟแรงสุด 3-5 นาที ส่วนข้าว กะทิ เครื่องแกง น้ำ ก็หุงในหม้อหุงข้าวตามปกติ เสร็จแล้วค่อยเอามาคลุกเคล้ารวมกันหลังจากข้าวสุกแล้ว

เอาละ เป็นอันว่าเสร็จแล้ว ข้าวอบต้มข่า เมนูขี้เกียจ เจ/มังสวิรัติ สุขภาพ ชื่อยาวเฟื้อยเชียว กินได้ 3-4 ที่ ต้นทุนประมาณ 100 บาท หากอยู่คนเดียวในคอนโด ทำตอนเช้า กินได้ทั้งวัน เช้ายันเย็น ใส่กล่องไปกินที่ที่ทำงานด้วย ^_^

ด้วยเครื่องปรุงสำเร็จรูปพวกนี้ เราสามารถทำเมนูข้าวอบแบบอาหารจานเดียวได้อีกเยอะแยะมากมาย ข้าวอบกระเทียมพริกไทย ข้าวอบกะเพรา ข้าวอบต้มยำ ข้าวอบสับปะรด ข้าวอบมัสมั่น ฯลฯ เอาไว้วันหลังลุงจะมาคุยให้ฟังอีก 

ขอตัวไปกินก่อนละคร้าบ หิวแล้ว ^_^