มาดูทางฝั่งเอเชียกันก่อน
ภาพเศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียก่อนหน้านี้ไม่ค่อยดีนักเนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีนบ่งบอกอาการชะลอตัว ทำให้ประเทศต่างๆในเอเชียกังวลเศรษฐกิจของตนเองเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นคู่ค้ากับจีนกันทั้งนั้น เมื่อกำลังการบริโภคของจีนหดตัวลงย่อมกระทบถึงการส่งออก ส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่นนั้นก็ยังมีการอัดฉีดตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอาเบะ แต่ว่าอารมณ์เศรษฐกิจจะจับตามองที่จีนมากกว่า
ทางด้านตลาดหุ้น ทางฝั่งเอเชียแปซิฟิก ตลาดหุ้นเอเชียย่านเอเชียใต้และตะวันออก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ก็มองๆตลาดหุ้นจีนอยู่ด้วยเช่นกัน เมื่อตลาดหุ้นจีนร่วงแรง ตลาดหุ้นไทยและในย่านเอเชียก็พลอยลงหรือซึมไปด้วย แต่ต่อมาเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีนพูดในทำนองที่ให้กำลังใจว่าจีนจะรักษาการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับที่สมควร นั่นหมายถึงว่าหากชะลอตัวมากเกินไปก็พร้อมที่จะเข้าช่วย ตลาดหุ้นจีนจึงรีบบาวด์ขึ้นมาหลายร้อยจุดภายในไม่กี่วัน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยด้วย
โดยสรุป ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นในย่านเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ที่ขึ้นแรงที่สุดคือตลาดหุ้นรัสเซีย
ทางด้านเศรษฐกิจยุโรป บรรยากาศเศรษฐกิจก็ยังไม่ค่อยดีเช่นเคย สัปดาห์ที่แล้วสถาบันจัดอันดับ S&P ลดอันดับเครดิตของอิตาลี ตัวเลขภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีก็ยังไม่ค่อยดี แต่ว่าตลาดหุ้นหลายประเทศในยุโรปก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะเยอรมนีเกิดสัญญาณซื้อแล้ว อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปไม่ค่อยมีผลกับตลาดหุ้นไทยเท่าไรในช่วงนี้
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกรวมทั้งไทยมากที่สุดในสัปดาห์ที่แล้วน่าจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกา หรือจะพูดให้ชัดก็ต้องบอกว่าอยู่ที่วาทะของลุงเบน เพราะว่าลุงเบนไปพูดที่เมืองเคมบริดจ์ ทำนองว่าคิวอียังเป็นมาตรการที่จำเป็นอยู่ เพียงเท่านี้ตลาดหุ้นอเมริกา เอเชีย รวมไทยด้วย ก็ปรับตัวขึ้นรับข่าว เพราะตีความเอาว่ายังไม่เลิกคิวอีง่ายๆหรอก และหลังจากนั้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่อีก ดัชนีตอนนี้ถือว่าเป็น all time high คือสูงสุดเท่าที่เคยมีมาแล้ว
ในสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดหุ้นอเมริกา ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น +2.17% ส่วนดัชนีแนสแดก 100 ปรับตัวขึ้นถึง +4% ส่วนตลาดหุ้นในย่านอเมริกาใต้มีทั้งปรับตัวขึ้นและลง คละกันไป
ทางด้านตราสารหนี้ หรือว่าตลาดพันธบัตร ตอนนี้ตลาดพันธบัตรเป็นเรื่องที่น่าจับตามองทีเดียว เพราะว่าการลดหรือเลิกคิวอีจะมีผลต่อตลาดพันธบัตรมาก และตลาดพันธบัตรส่งผลกระทบไปยังอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ รวมทั้งตลาดหุ้นอีกด้วย หลายคนกลัวกันว่าตลาดพันธบัตรจะลงแรงแบบถล่มทลายเพราะการเลิกคิวอี ในสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดพันธบัตรเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาแล้ว ทำให้ราคาพันธบัตรกระเตื้องขึ้น (คืออัตราผลตอบแทนลดลง) ทั้งในตลาดอเมริกาและในตลาดพันธบัตรไทย โดยของไทยนั้น พันธบัตรรัฐบาล 10 ปีปรับตัวลง 4 จุดเบสิส
ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน ตอนนี้ยังสับสน เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ดอลลาร์ สรอ อาจกลับทิศเป็นขาลง (คือแนวโน้มอ่อนค่า) ส่วนเงินเยนกับยูโรอาจกลับทิศเป็นแนวโน้มแข็งค่า ส่วนเงินบาทก็เริ่มแข็งค่าขึ้น ในทางเทคนิคอาจกลับทิศเป็นแข็งค่าได้เช่นกัน ต้องตามดูในสัปดาห์นี้อีกที
อ้อ ด้านสินค้าเกษตร ตอนนี้สาละวันเตี้้ยลง ราคาสินค้าเกษตรไหลลงไม่หยุด ยังไม่รู้ว่าเมื่อไรจะกลับทิศเป็นขาขึ้นได้
ก็สรุปให้ฟังคร่าวๆ ข้างล่างเป็นกราฟ ลุงแมวน้ำมีอธิบายประกอบกราฟไปด้วย
ขอวกมาพูดเรื่องลุงเบนกันหน่อย
ประเด็นเรื่องวาทะของลุงเบนนั้น ลุงแมวน้ำก็งงๆอยู่เหมือนกัน พูดแบบนี้จะบอกว่าอะไรก็ไม่รู้ จะแปลว่าลุงเบนกลับลำต่อคิวอีออกไปยาวๆเกินกว่ากลางปีหน้าหรือเปล่า
ลุงแมวน้ำเห็นลุงเบนอึมครึมอีกแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งทำตัวเป็นนายชัดเจนมาได้ไม่นาน ก็อยากแสดงความเห็นบ้าง ว่าทำอึมครึมไปเรื่อยๆแบบนี้ตลาดปั่นป่วนเปล่าๆ น่าจะทำอะไรให้มันชัดเจนหน่อย
หากลุงเบนหรือว่าเฟดกังวลเรื่องเศรษฐกิจฟืนจริงหรือฟื้นไม่จริง จนยังไม่กล้ากำหนดวันยุติคิวอี ลุงแมวน้ำก็ว่าทำดัชนีคอมโพสิตหรือว่าดัชนีผสมอะไรขึ้นมาสักตัวหนึ่งเป็นตัวชี้วัดก็ได้ แล้วทุกคนก็ดูตามนั้น คือพยายามทำให้เป็นตัวชี้วัดในเชิงปริมาณ นักลงทุนก็ได้เห็นภาพได้ชัดเจน แต่หากใช้ดุลพินิจตัดสินใจ ก็จะอึมครึมเป็นแบบที่ผ่านมา
หากพูดว่าดัชนีคอมโพสิตหลายคนอาจมองยาก เราพูดเป็นแบบการตัดเกรดในชั้นเรียนก็ได้ สมมติว่าดัชนีคอมโพสิตคือ GPA หรือว่าเกรดเฉลี่ย เกรดเฉลี่ยก็มาจากการตัดเกรดหลายๆวิชาใช่ไหม เราก็เอาตัวชี้วัดอะไรมาสักจำนวนหนึ่ง สมมติว่า 10 ตัวก็ได้ ตัวชี้วัดหนึ่งตัวก็เหมือนหนึ่งรายวิชา
ยกตัวอย่างเช่น เราใช้อัตราการว่างงานเป็นตัวชี้วัดตัวหนึ่ง เอาแบบถ่วงน้ำหนักก็ได้ สมมติว่าคิดน้ำหนักไป 6 หน่วยกิต เมื่อใดที่อัตราการว่างงานต่ำกว่า 7.5% ให้ B และหากต่ำกว่า 6.5% ให้ A
อัตราเงินเฟ้อก็เป็นอีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 6 หน่วยกิต หากเงินเฟ้อเกินกว่า 1.5% ให้ B หากเกิน 2.% ให้ A แบบนี้เป็นต้น
ยอดการซื้อขายบ้านก็อีกวิชาหนึ่ง ให้น้ำหนัก 3 หน่วยกิต เป็นต้น
แล้วเราก็เอาเกรดทุกวิชามาทำเป็นเกรดเฉลี่ย คำนวณทุกเดือน แล้วกำหนดเกณฑ์ออกมา เช่น เมื่อไรที่เกรดเฉลี่นเกิน 3.0 ก็ให้ลดวงเงินซื้อตราสารลงเหลือ 6.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยเกิน 3.5 ก็ลดวงเงินลงอีกเหลือ 4.5 หมื่นล้าน หากเกรดเฉลี่ยกลับแย่ลง ก็เพิ่มวงเงินเข้าไปอีก ฯลฯ
หากเมื่อไรได้ 4.0 ก็เลิกเลย แบบนี้เป็นต้น ตลาดก็เฝ้าดูตัวเลขไปทุกเดือน แล้วทุกคนก็รู้ได้เอง คิดได้เอง ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องกังวลว่าลุงเบนจะเอายังไงกันแน่
ลุงก็ออกความเห็นแบบแมวน้ำๆละนะ ที่จริงลุงเบนเคยเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ลุงแมวน้ำเท่ากับว่าเป็นแมวน้ำสอนสังฆราช แต่ขอลุงพูดหน่อยเถอะ เพราะเห็นความอึมครึมมาตลอดแล้วก็อดพูดบ้างไม่ได้ ^_^
ดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาทำจุดสูงสุดใหม่อีกแล้ว พร้อมกันน้้นราคาพันธบัตรที่ไหลลงก็เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ตอนนี้ทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรกำลังหาดุลยภาพใหม่ของตนเองอยู่ ยังต้องใช้เวลาอีก |
แม้ว่าเศรษฐกิจของยุโรปจะยังไม่ดีนัก รวมทั้งของเยอรมันเองก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ว่าดัชนีตลาดหุ้นของเยอรมนีก็เกิดสัญญาณซื้อ แล้วกำลังไต่ระดับไปเพื่อทำจุดสูงสุดใหม่ |
ดัชนีตลาดหุ้นไทย กำลังรอสัญญาณซื้อที่ 1464 จุดอยู่ ถ้าผ่านได้ก็ยืนยันแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นได้ |
ตลาดพันธบัตรไทยก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน ราคาพันธบัตรรัฐบาลเริ่มรีบาวด์ รูปแบบทางเทคนิคกำลังทำแนวโน้มขาขึ้นอยู่ แต่ยังต้องดูไปอีก |
ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อาจกำลังกลับทิศเป็นขาลง เกิดรูปแบบเกาะกลับทิศแล้ว |
เงินเยนกำลังก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า แต่ยังไม่ชัด |
เงินบาทหลุดจากกรอบ SEC เริ่มก่อตัวเป็นแนวโน้มแข็งค่า |
ราคาสินค้าเกษตรไหลลงมาถึงระดับฟิโบนาชชี 100% แล้ว ยังไม่มีท่าว่าจะหยุด |
ราคายางพาราก่อตัวเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมชายธง อีกไม่นานจะรู้ว่าขึ้นต่อหรือลงต่อกันแน่ |