Friday, June 1, 2012

31/05/2012 * ลงทุนอะไรดีในคลื่นเศรษฐกิจ C (1)


การลงทุนและค่าเงิน 01/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 31/05/2012)



วันที่ 31/05/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่เปิดลบค่อนข้างลึกแล้วกลับมาดีขึ้นในช่วงบ่าย ทำให้ปิดลบไม่มากนัก ส่วนใหญ่ปิดลบไม่ถึง -1% ตลาดหุ้นไทย SET index สวนกระแส สามารถปิดบวกได้ โดย SET index ปิดที่ 1141.50 (-0.25%) ต่างชาติซื้อสุทธิ 137 ล้านบาท

ส่วนตลาดฝั่งยุโรปกลับตรงขามกับเอเชีย คือเปิดเขียวแต่แล้วก็ไหลลงค่อนข้างลึก แต่ก็ดีขึ้นจนปิดลบไม่มากนัก บางตลาดก็ปิดบวกได้ ดัชนีเอเธนคอมโพสิต (Athex composit index) ของกรีซ +2.7% DAX ของเยอรมนีปิด -0.3%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +0.9% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาวันนี้ผันผวน แต่สุดท้ายปิดแดง -0.2%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 31 เงินดอลลาร์ สรอ ทรงตัว ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 82.7 จุดถึง 83.2 จุด เงินสกุลยุโรปเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย จะมีก็เพียงเงินรูเบิลของรัสเซียที่อ่อนค่ามากหน่อย -1.8%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ทรงตัว เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย +0.4% เงินดอลลาร์สิงคโปร์ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเงินบาท +0.2% เงินเยนที่แข็งค่าแรง +0.9%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ 31/05/2012 กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวลงต่อ ทั้ง wti และเบรนต์ -1.3% ด้านทองคำไม่ทรงตัว ทองแดง -0.6% สินค้าเกษตรวันนี้ลงแรงหน่อย ดัชนีสินค้าเกษตร 72.05 จุด (-1.4%) สินค้าหลักข้าวโพด ถั่วเหลือง ข้าวสาลีลงทั้งสามตัว

เช้านี้ (01/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 83.2 จุด เงินยูโร 1.235 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 78.51 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.83 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 86.2 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 101.6 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1555 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์


ลงทุนอะไรดีในคลื่นเศรษฐกิจ C


เมื่อวานลุงแมวน้ำทิ้งท้ายเอาไว้ว่าเศรษฐกิจขาลงนี้จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนดีหรือว่าจะ ลงทุนอะไรดี ลุงแมวน้ำก็ไม่มีคำตอบตายตัวหรอก แต่ว่าจะเอาอดีตมาทบทวนให้ดูว่าเมื่อตอนที่โลกอยู่ในคลื่นเศรษฐกิจ A หรือว่าช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์นั้นอะไรเป็นอะไรกันบ้าง จากนั้นก็เอามาเทียบเคียงกับสถานการณ์ในตอนนี้

ลองมาดูภาพนี้กันก่อน


กราฟเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ


ที่ลุงแมวน้ำมาช้าก็เพราะภาพนี้แหละ แต่งภาพยากจัง คือถ้าจับภาพมาเฉยๆละก็ง่าย ลุงแมวน้ำทำได้ไม่เสียเวลาอะไร แต่หากเป็นการนำข้อมูลหลายๆอยางมารวมกันและต้องแต่งภาพเองแล้วละก็ลุงแมวน้ำจะใช้เวลาค่อนข้างมาก ก็มีแค่สองครีบกับปลายจมูกนี่ ก็เลยช้าหน่อย ^_^

ภาพนี้เป็นกราฟของอะไรหลายๆอย่างรวมกัน เรามาดูกรอบเวลากันก่อน ในภาพนี้กินเวลาตั้งแต่คลื่น A คลื่น B และคลื่น C ตามสมมติฐานที่ลุงแมวน้ำเคยนับคลื่นใหญ่เอาไว้ ที่จริงคลื่น A นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2007 แต่ว่าลุงแมวน้ำทำกราฟไปไม่ถึง ตัดตอนมาเริ่มที่ปี 2008 เลย

สินทรัพย์ที่เอามาเปรียบเทียบกันมี 4 อย่าง ก็คือ หุ้น ซึ่งลุงแมวน้ำใช้ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ประเภทหุ้น ที่เห็นเป็นเส้นสีน้ำเงินใช้สัญลักษณ์ GSPC

นอกจากนี้ตัวแทนของหุ้นอีกตัวหนึ่งคือดัชนี DAX ของ เยอรมนี เห็นเป็นเส้นสีเขียวอ่อนที่ล้อไปกับเส้นสีน้ำเงิน

สินทรัพย์อื่นก็มี คือ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ (ใช้สัญลักษณ์ GLD เส้นสีเขียวเข้ม) น้ำมันดิบ (ใช้สัญลักษณ์ DBO เส้นสีน้ำตาล) และ สินค้าเกษตร (ใช้สัญลักษณ์ DBA เส้นสีฟ้า)

และมีพิเศษอีกหนึ่งเส้น คือเส้นสีแดง EDV เส้นนั้นคือ กองทุนพันธบัตร กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่อายุประมาณ 20-30 ปีเป็นหลัก (คือดูเรชันสูง)

เรื่องกรอบเวลา จากในรูป โซนที่สีพื้นเป็นสีชมพูคือช่วงที่เป็นคลื่น A ส่วนโซนที่พื้นเป็นสีเขียวอ่อนคือช่วงที่เป็นคลื่น B ตามสมมติฐานของลุงแมวน้ำ และส่วนสุดท้าย โซนที่พื้นสีขาว คือช่วงที่ลุงแมวน้ำคาดว่าเป็นคลื่นเศรษฐกิจ C

เอาละ จากรูป มาดูช่วงคลื่น A กันก่อน โซนอื่นอย่าเพิ่งดู เส้นทั้งหมดนี้สัมพัทธ์กันหรือว่าเปรียบเทียบกัน ทุกอย่างตั้งต้นที่ 0 เท่ากันหมด จะเห็นว่าเมื่อเริ่มต้นคลื่น A น้ำมันดิบยังพุ่งทะยานได้ แต่อย่างอื่นค่อยๆลง พอมาถึงช่วงที่ตลาดหุ้นไหลของคลื่น A (คลื่นย่อย 3 ใน A) ทุกอย่างก็ลงมาหมด หุ้น น้ำมัน สินค้าเกษตร สินทรัพย์ที่มีค่าเพิ่มขึ้นคือพันธบัตรกับทองคำ แต่หากลองสังเกตในรายละเอียดจะเห็นว่าในช่วงต้นทองคำก็เป๋เหมือนกัน คือราคาทองคำไหลลงมาด้วย แต่พอท้ายช่วงคลื่น A คือในราวปลายปี 2008 ราคาทองคำจึงค่อยดีดตัวขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันราคาพันธบัตรอ่อนตัวลง ความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2008 เป็นต้นมาเป็นเพราะผลจากมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องหรือ QE1 ที่ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป จากนั้นโลกก็ค่อยๆเข้าสู่คลื่น B

สภาพการณ์ในตอนนี้ที่เป็นคลื่น C เปรียบเทียบไปก็มีหลายอย่างที่คล้ายตอนต้นคลื่น A นั่นคือหุ้นตก พันธบัตรขึ้น และสินค้าโภคภัณฑ์และราคาทองคำลดลง อีกทั้งต่างก็ไม่มีมาตรการ QE ช่วยเช่นกัน ที่แตกต่างกันชัดเจนก็คือราคาน้ำมันดิบตอนนี้ไม่ได้พุ่งเหมือนช่วงปี 2007-2008

มาถึงตอนนี้แล้วพอมองออกหรือยังว่าควรลงทุนอะไรดี???

อนาคตไม่จำเป็นต้องเลียนแบบอดีตอย่างชนิดก้าวต่อก้าว แต่ก็พอบอกอะไรได้บ้าง อย่างน้อยจากภาพนี้ก็แสดงให้เห็นว่าในคลื่น C นี้ ควรเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆเอาไว้ก่อน แทนที่จะคิดว่าควรลงทุนอะไรดี

ยังไม่จบครับ ลุงแมวน้ำยังมีประเด็นที่จะคุยกันต่อ แต่ว่าขอผัดไว้เป็นตอนต่อไป ลุงแมวน้ำต้องไปแสดงแล้ว ^_^


อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 31/05/2012



ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 31/05/2012

Thursday, May 31, 2012

30/05/2012 * คลื่นเศรษฐกิจ C คราวนี้ตลาดหุ้นจะลงไปถึงไหน



ค่าเงินเช้านี้ 31/05/2012 (รายงานวันเทรดที่ 31/05/2012)

วันที่ 30/05/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกเปิดแดงเล็กน้อยเกือบทุกตลาด ตลาดหุ้นจีนเปิดแดงแล้วก็ขึ้นไปเขียว แต่ว่าได้เพียงไม่นาน จากนั้นตลาดหุ้นเอเชียก็ไหลลง ตลาดที่ปิดเร็วดีขึ้นบ้างตอนท้ายตลาด ส่วนตลาดที่ปิดช้า เมื่อฝั่งยุโรปเปิดแดงแล้วไหลลง ตลาดหุ้นเอเชียที่เหลือก็เลยพลอยลงหนักไปด้วย ฮ่องกงลงไป -2.0% สิงคโปร์ -0.6% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ SET index ลงหนักในช่วงบ่าย โดย SET index ปิดที่ 1138.63 (-1.3%) ต่างชาติซื้อสุทธิ 962 ล้านบาท ซื้อนะไม่ใช่ขาย ลุงแมวน้ำไม่ได้พิมพ์ผิด

ส่วนตลาดฝั่งยุโรปวันนี้ลงแรง ข่าวฝรั่งพาดหัวว่า sea of red คือแดงเป็นทะเล ดัชนีไอเบกซ์ 35 (IBEX 35) ของสเปนลงไป -2.6% ดัชนีเอเธนคอมโพสิต (Athex composit index) ของกรีซ -3.2% CAC40 ของฝรั่งเศา -2.0% DAX ของเยอรมนีปิด -1.8% ปัญหาก็มาจากเรื่องเดิมๆของกังวลเรื่องหนี้ของกรีซและมีสเปนเพิ่มเข้ามาอีก นี่ขนาดกังวลแต่บางวันก็ดีดขึ้นมาแรงๆได้ หากอธิบายด้วยข่าวจะตอบได้ยากแต่หากอธิบายด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะตอบได้ง่ายกว่า

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาก็ไม่แตกต่างออกไป แดงเหมือนกัน ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) -1.5% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา -1.3%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 30 เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าค่อนข้างแรง ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 82.4 จุดถึง 83.1 จุด เงินสกุลยุโรปอ่อนค่าหนัก เงินยูโร ฟรังก์สวิส โครน โครนา อ่อนค่าพอๆกันคือประมาณ -1.1%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ไปทางเดียวกัน คืออ่อนค่าลงค่อนข้างมากเนื่องจากดอลลาร์ สรอ ขึ้นแรง เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย -1.4% เงินดอลลาร์สิงคโปร์ -0.8% ส่วนเงินบาท -0.5% ยกเว้นเงินเยนที่แข็งค่า +0.5%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ 30/05/2012 กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวลงอย่างหนัก ทั้ง wti และเบรนต์ -3.4% น้ำมันดิบ wti หลุด 90 ดอลลาร์ลงมาแล้ว ด้านทองคำไม่ลง วันนี้ขึ้นสวน +1.0% ทองแดง -2.3% สินค้าเกษตรลงแต่ไม่แรง ดัชนีสินค้าเกษตร 73.04 จุด (-0.7%)

เช้านี้ (31/04/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 83.06 จุด เงินยูโร 1.237 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.04 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.88 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 87.7 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 103.3 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1564 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์



คลื่นเศรษฐกิจ C คราวนี้จะลงไปถึงไหน


ตอนนี้ภาพต่างๆเริ่มชัดขึ้นแล้ว หากวิเคราะห์ทางเทคนิค ในความเห็นของลุงแมวน้ำ ตลาดหุ้นในยุโรปในระดับแนวโน้มใหญ่น่าจะเป็นคลื่นใหญ่ C และอยู่ในคลื่นย่อย 3 คลื่น A ของยุโรปก็คือช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปี 2007-2009 นั่นเอง ส่วนคลื่น B คือช่วงฟื้นตัวจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ปั 2009-2011 ส่วนคลื่น C นั้นเริ่มจากประมาณเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นต้นมา ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาก็คล้ายคลึงกัน

เนื่องจากเยอรมนีถือเป็นพี่ใหญ่ของสหภาพยุโรป มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุด ดังนั้นลุงแมวน้ำถือเอากราฟทางเทคนิคของดัชนีแดกซ์ (DAX) ของตลาดหุ้นเยอรมนีเป็นตัวแทนของยุโรป หากเยอรมนีแย่เสียแล้วประเทศอื่นๆคงไม่ต้องพูดถึง อีกประการที่เลือกดัชนี DAX เป็นตัวแทนก็เพราะดัชนีนี้มีรูปทรงทางเทคนิคที่ชัดเจน นับคลื่นง่าย

เอาล่ะ ลองมาดูกันว่าคลื่น C คราวนี้จะลงไปถึงไหน


การนับคลื่นดัชนี DAX ของเยอรมนีและการประเมินจุดสิ้นสุดของคลื่น C


ภาพนี้เป็นกราฟรายสัปดาห์ ซึ่งใช้มองภาพในมุมกว้าง คลื่น C นี้เป็นระดับคลื่นใหญ่ คงกินเวลาหลายปี น่าจะนานกว่า 2 ปี คือนานกว่าคลื่น A

หลักการนับคลื่นย่อยของคลื่นขาลงที่ถูกก็คือ คลื่น A กับ C นับคลื่นย่อยเป็น 1-2-3-4-5 เพราะเป็น motive wave ส่วนคลื่นย่อยของ B นับเป็น a-b-c เพราะเป็น reactive wave แต่บางทีลุงแมวน้ำก็นับเอาง่ายๆ คือนับเป็นตัวเลขหมด แต่ก็ถือว่าไม่ถูกต้อง ไม่ควรเลียนแบบ

ในคลื่น C คลื่นย่อย 3 มักลงแรงที่สุด เหมือนคลื่น 3 ตอนขาขึ้นนั่นเอง ทั้งแรงและยาว ดังนั้นก็คาดว่าตลาดขาลงคราวนี้คงแรง ลึก และกินเวลานาน ส่วนคลื่น 5 ของ C นั้นจากการสังเกตของลุงแมวน้ำ มักเป็นคลื่นหมดแรง คือเหมือนคนนอนสลบ ตลาดจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานกว่าที่จะฟื้นมาเข้าคลื่นรอบขาขึ้นได้อีก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงมองว่าคลื่น C นี้คงกินเวลานาน อาจจะสัก 2 ถึง 5 ปีกระมัง

ถามว่าคลื่น C จะไปจบลงที่ไหน วิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยฟิโบนัชชีเป้าหมาย (target fibonacci) แล้วลุงแมวน้ำประเมินว่าดัชนี DAX น่าจะลงไปถึง 3400-3700 จุด นี่คืออย่างดี หากเป็นอย่างแย่น่าจะลงไปถึง 1700-2200 จุด

พรุ่งนี้เรามาดูกันว่าในเศรษฐกิจขาลงเช่นนี้จะเอาเงินไปไว้ที่ไหนดี หุ้นดีเฟนซีฟ (defensive stock) ดีไหม ทองคำดีไหม พันธบัตรดีไหม ฯลฯ แล้วพรุ่งนี้คุยกัน


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 30/05/2012



อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 30/05/2012