Wednesday, May 12, 2010

11/05/2010 * Currencies

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 772.09 จุด ลดลง 6.97 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ DTAC, TTW และมีสัญญาณขาย ESSO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 31 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของหุ้นเดี่ยว TTA เกิดสัญญาณซื้อ และฟิวเจอร์สของ PTTEP เกิดสัญญาณขาย นอกนั้นยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลง ส่วนฟิวเจอร์สของสินค้าเกษตรดูทิศทางยังไม่แน่นอน บางตัวลดลงต่อเนื่องยังหาก้นไม่เจอ เช่น ยางพารา (RSS) น้ำตาลทราย (SB) ลุงแมวน้ำได้กำไรจากการชอร์ตน้ำตาลทรายประมาณ 1,500% แล้ว

ทองคำ (GC) ทำสถิติสูงสุดใหม่ ปิดที่ 1,220.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนจุดสูงสุดในระหว่างวันอยู่ที่ 1,235.20 ดอลลาร์/ออนซ์

ทางด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดัชนีแดงไปหมดแทบทุกตลาด

อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลหลักในโลก ดูตามภาพต่อไปนี้

ภาพนี้เป็นการเปรียบเทียบระหว่างค่าเงินสกุลต่างๆและทองคำ ให้เงินดอลลาร์ สรอ มีค่าเป็น 100 หน่วยเสมอ ส่วนเงินสกุลอื่นๆและทองคำสัมพัทธ์กับดอลลาร์ สรอ วิธีดูก็คือ เงินสกุลใดตัวเลขตามแกน Y ยิ่งต่ำก็แสดงว่าเงินสกุลนั้นแข็งค่า ถ้าตัวเลขยิ่งสูงก็แสดงว่าเงินสกุลนั้นอ่อนค่า



จากภาพจะเห็นว่าเงินยูโร (EUR) อ่อนค่าเร็วมาก ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) กับดอลลาร์แคนาดา (CAD) ที่เคยแข็งก็อ่อนลง เงินเยน (YEN) แกว่งตัวแรงในช่วงนี้ ส่วนเงินไทย (Baht) กับเงินปอนด์อังกฤษ (GSD) นั้นค่อนข้างทรงตัว ทองคำแข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) ก็แข็งค่าขึ้น

Tuesday, May 11, 2010

10/05/2010 * DAX, AORD, BVSP, SSECI, BSESN, NIKKEI


เริ่มต้นวันทำงานแรกของสัปดาห์ วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 779.06 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่ทั้งหมด 31 ตัว

สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ทางด้านดัชนีตลาดต่างประเทศ วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดัชนีต่างประเทศทุกตลาดในรายงานล้วนแต่เป็นสัญญาณขาย

วันนี้ตลาดทางฝั่งยุโรปและอเมริกาขึ้นแบบถล่มทลาย ปรับตัวขึ้นกันไปตลาดละ 4-8% ส่วนตลาดฝั่งเอเซียปรับตัวขึ้นน้อยกว่า ประมาณ 1-4% วันก่อนที่ตลาดยุโรปและอเมริกาลงแบบถล่มทลายก็เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกฤตของประเทศกรีซ วันนี้ที่ตลาดขึ้นแบบถล่มทลายก็เพราะประเทศกรีซอีก เนื่องจากกลุ่มยูโรตัดสินใจที่จะอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าช่วยพยุงเศรษฐกิจของกรีซเอาไว้ ช่วงนี้ตลาดต่างประเทศแกว่งตัวรุนแรงมาก ทางเทคนิคเรียกว่ามี volatility สูง อย่างเช่นดัชนีดาวโจนส์ขึ้นลงวันละ 300-400 จุด วันหนึ่งขึ้น อีกวันหนึ่งลง นักลงทุนที่เฝ้าหน้าจอกว่าจะหมดเวลาทำการคงดูจอจนตาลาย

ดังที่เมื่อวานลุงแมวน้ำนำเอากราฟของดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) มาให้ดูกันพร้อมทั้งวิเคราะห์เอาไว้ว่าขณะนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาน่าจะอยู่ในคลื่น C (สีน้ำเงิน) แล้ว รวมทั้งดัชนี SET ของไทยที่ลุงแมวน้ำก็ประเมินว่าน่าจะเข้าสู่คลื่น C (สีน้ำเงิน) แล้ว และตราบใดที่ดัชนี SET ไม่สามารถขึ้นไปจนผ่าน 812.63 จุดได้ ลุงแมวน้ำก็จะยังไม่เปลี่ยนความเห็น วันนี้เราจะมาพิจารณาดัชนีตลาดหลักทรัพย์สำคัญของประเทศอื่นๆกันต่อ

อนึ่ง มุมมองของลุงแมวน้ำนี้เป็นมุมมองของตลาดในภาพใหญ่หรือคลื่นในกรอบเวลาที่นานมาก เป็นลูกคลื่นในระดับหลายสิบปี ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เพราะจะช่วยให้นักลงทุนมองเศรษฐกิจในกรอบเวลาที่แคบลงได้ดียิ่งขึ้น เปรียบเหมือนกับเราอยู่ในถนนซึ่งรถติด หากเราขับรถอยู่และรถติด เราก็คงเห็นสภาพการจราจรที่อยู่ตรงหน้าได้เพียงในระยะไม่กี่ร้อยเมตร ซึ่งบางครั้งก็ยังไม่เพียงพอที่จะทราบปัญหาว่ารถติดเกิดขึ้นจากสาเหตุใด แต่หากเรานั่ง ฮ. ไปดูภาพการจราจรจากที่สูงก็จะทำให้เราเห็นการจราจรในภาพกว้าง ทำให้มองเห็นปัญหา เข้าใจปัญหา และหาทางแก้หรือว่าทางหลบเลี่ยงได้ดียิ่งขึ้น

ดูทางฝั่งยุโรป ดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนี ในลูกคลื่นรอบใหญ่หลายสิบปี เศรษฐกิจของเยอรมนีน่าจะกำลังอยู่ในคลื่น B หรือเพิ่งจบ B ไปและกำลังอยู่ในคลื่น C ถ้ารูปแบบทางเทคนิคเป็นแบบนี้ แสดงว่าการที่เยอรมนีเข้าไปช่วยอุ้มประเทศอื่นในอียูที่มีปัญหาน่าจะเป็นการเตี้ยอุ้มค่อมเสียมากกว่า ดังภาพต่อไปนี้



มาทางด้านอเมริกาใต้ ดัชนีโบเวสปา (Bovespa, Ibovespa, BVSP) ของประเทศบราซิล สะท้อนภาพเศรษฐกิจของปลายคลื่น 5 อันเป็นคลื่นขาขึ้นลูกสุดท้าย หรืออาจจบคลื่น 5 ไปแล้วและกำลังอยู่ในคลื่น A ก็เป็นได้ หากเป็นกรณีหลังหมายความว่าคลื่น 5 นี้เป็น failed wave 5 คือจบคลื่นแบบผิดปกติ อันหมายความว่าสภาพเศรษฐกิจของบราซิลอาจทรุดลงอย่างกะทันหัน ดังภาพต่อไปนี้



วกไปทางด้านออสเตรเลียบ้าง ดัชนีอลลออร์ดิแนรีส์ (All Ordinaries, AORD) ของออสเตรเลีย น่าจะกำลังอยู่ในคลื่น 5 บ่งบอกแนวโน้มว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้น่าจะยังสดใสได้อีกหลายปี ดังภาพต่อไปนี้



มาทางด้านเอเซีย ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต (Shanghai Composite, SSECI) ของประเทศจีน น่าจะอยู่ในคลื่น 4 ของคลื่นยักษ์ขาขึ้น การที่อยู่ในคลื่น 4 นี้น่าจะทำให้สภาพเศรษฐกิจของจีนแกว่งตัวขึ้นลงแรงชวนให้ใจหายใจคว่ำไปนานหลายปีจวบจนเข้าคลื่น 5 แต่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตนี้มีข้อน่าสังเกต คือส่วนหนึ่งของคลื่น 4 หลุดทะลุแนวของยอดคลื่น 1 ไปแล้ว ซึ่งตามปกติแล้วท้องคลื่น 4 ไม่ควรต่ำกว่ายอดคลื่น 1 แสดงว่ารูปแบบคลื่นมีความผิดปกติ ดังนั้นคลื่น 5 ที่กำลังจะดำเนินต่อไปอาจเป็น failure wave ได้ อันสะท้อนถึงแนวโน้มทางเศรษฐกิจของจีนที่ไม่ค่อยสเถียร อาจพลิกผันอย่างไม่คาดหมายได้ ควรระวัง ดังภาพต่อไปนี้



ดัชนีเซนเซกซ์ (SENSEX, BSE30) ของอินเดีย น่าจะอยู่ในคลื่น 5 อันเป็นคลื่นขาขึ้นลูกสุดท้าย แต่น่าจะยังสดใสไปได้อีกหลายปี ดังภาพต่อไปนี้



ดัชนีนิกเกอิ (NIKKEI225) ของประเทศญี่ปุ่น หลังจากเศรษฐกิจตกต่ำมานานนับยี่สิบปี น่าจะใกล้จบคลื่น C หรืออาจเพิ่งจบคลื่น C ไป ถ้าเป็นกรณีหลัง ในช่วงคลื่น 1 และ 2 ญี่ปุ่นคงเหมือนกับยังพยายามตั้งไข่อยู่ แต่เมื่อไรที่เข้าคลื่น 3 ประเทศญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากไปอีกหลายปีเลยทีเดียว



หากลุงแมวน้ำนับคลื่นไม่ผิด จะเห็นได้ว่าประเทศทางด้านเอเซียยังน่าลงทุนเพราะอยู่ในคลื่นยักษ์ขาขึ้น ในขณะที่ฝั่งยุโรปและอเมริกาน่าจะอยู่ในคลื่นขาลง จะเห็นได้ว่าโลกในปัจจุบันทุนและความมั่งคั่งย้ายมาทางเอเซียแล้ว แต่ในอนาคตอีกหลายๆปี เมื่อวัฎจักรคลื่นของเอเซียเข้าสู่คลื่นขาลง ความมั่งคั่งก็คงโยกย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแทน

อย่างไรก็ดี แม้ในปัจจุบันเอเซีย และยุโรปอเมริกาอยู่ในคลื่นคนละด้าน ฝั่งหนึ่งอยู่ในขาขึ้น อีกฝั่งอยู่ในขาลง แต่ดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐอเมริกาก็ยังมีผลกระทบต่อตลาดทั่วโลกในระยะสั้นและกลางอยู่ดี ยกตัวอย่างเช่นเมื่อดาวโจนส์เข้าสู่คลื่น C ก็อาจทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่คลื่น 2 ได้ เป็นต้น