วันนี้ SET ปิดที่ 641.43 จุด เพิ่มขึ้น 17.43 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำซื้อ CPN ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 46 ตัว น่าสังเกตว่าขณะที่วันนี้หุ้นขึ้นไป 17.43 จุด แต่โปรแกรมซื้อเพิ่มเพียงตัวเดียว แสดงว่าดัชนีที่ขึ้นไปนั้นเกิดจากหุ้นตัวเดิมๆที่เกิดสัญญาณซื้อไปแล้วนั่นเอง แต่ลุงแมวน้ำเชื่อว่าอีกไม่นานโปรแกรมจะซื้อจนหมดทั้ง 50 ตัว
สำ หรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทุกตัวอยู่ในสถานะ long หมดแล้ว และไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดังนั้นจึงถือต่อไป พอร์ตจำลองดูดีขึ้นจากราคาฟิวเจอร์สทุกตัวที่ขึ้นมา
ขณะนี้ภาคธุรกิจกำลังบ่นกันเรื่องเงินบาทแข็งค่า เห็นที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงไปมากนั่นเอง ลองมาดูค่า US dollar index กัน
ราคาของดัชนีดอลลาร์ สรอ ขึ้นมาชนกรอบด้านบน จากนั้นก็ไหลลงไป และทำ lower low หรือทำจุดที่ต่ำจากจุดต่ำสุดในครั้งก่อน (จุดต่ำสุดครั้งก่อนคือ 78.47) รวมทั้งราคายังหลุดจากแนว fibonacci 61.8% เมื่อพิจารณาจาก fibonacci คาดการณ์ว่าราคาของดัชนีดอลลาร์ สรอ อาจลงไปได้ถึง 75.5 ซึ่งนั่นหมายความว่าเงินบาทจะแข็งค่ามากยิ่งขึ้น ราคาน้ำมันและทองคำจะสูงยิ่งขึ้น เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ราคายางก็จะสูงตาม รวมทั้งราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นในระยะสั้นตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะเดินหน้าต่อไปได้ แต่เมื่อไรที่ US dollar index ถึงจุดกลับตัว สภาพการณ์ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป ต้องคอยระวังให้ดีเมื่อราคาเข้าใกล้ 75.5 การกลับตัวอาจเกิดได้เสมอ
Tuesday, August 4, 2009
Monday, August 3, 2009
31/07/2009 * DJIA
วันนี้ SET ปิดที่ 624.00 จุด เพิ่มขึ้น 2.04 จุด
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำซื้อ RATCH และไม่ขาย MAKRO ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 45 ตัว เท่าเมื่อวาน
สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทุกตัวอยู่ในสถานะ long หมดแล้ว และไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดังนั้นจึงถือต่อไป พอร์ตจำลองดูดีขึ้นจากราคาฟิวเจอร์สน้ำมันและทองคำที่พุ่งขึ้นมา
ขณะนี้หนังสือพิมพ์และนักวิเคราะห์ต่างๆเริ่มจะมองทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาด้วยความมั่นใจมากขึ้นว่าจะพ้นวิกฤตแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ลุงแมวน้ำอยากให้ระมัดระวังเอาไว้บ้าง เหตุผลของลุงแมวน้ำเป็นดังนี้
ลองมาดูค่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัญอเมิกา ที่เรียกว่าดีชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) จากกราในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา ถ้าเรานับลูกคลื่นในรอบใหญ่ จะพบว่าเป็นดังภาพต่อไปนี้ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
นั่นคือ โอกาสที่เราอยู่ในคลื่น B มีอยู่สูง ซึ่งคลื่น B เป็นคลื่นขาขึ้นในคลื่นขาลง นั่นหมายความว่า เมื่อไรที่จบคลื่น B ดัชนีดาวโจนส์จะเข้าสู่คลื่น C ซึ่งในคลื่น C นั้น DJIA จะลงได้อีกมาก และการจะลงชนาดนั้นได้ก็ต้องหมายความว่าเกิดความผิดปกติอะไรสักอย่างกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ถ้าถามว่าคลื่น B จะจบลงที่ใด คำตอบคือ อาจเป็นไปได้ว่าจะขึ้นไปถึง 11,000 ถึง 12,500 จุดในภายในปลายปีนี้หรือลากไปจนปีหน้า แต่ไม่น่าเกินปีหน้า
และเมื่อถามว่าหลังจากนั้น คลื่น C จะลงไปถึงเท่าใด คำตอบก็คือ อาจเป็นไปได้ว่าจะลงไปถึง 3,700-6,000 จุด ซึ่งเป็นการลงที่รุนแรงมาก ดังนั้นเศรษฐกิจทั่วทั้งโลกก็ไม่อาจหนีพ้นจากวิกฤตไปได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่เทรดหุ้นและฟิวเจอร์สก็สามารถซื้อขายกันไปก่อนได้ เพราะคลื่น B นี้ยังขึ้นไปได้อีกและน่าจะกินเวลาอีกพอสมควร แต่สำหรับผู้ที่ซื้อกองทุน LTF, RMF ผู้ที่กำลังคิดจะผ่อนบ้าน รถยนต์ ควรมีแผนสำรองเอาไว้ด้วย ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์ดังที่ลุงแมวน้ำพูดจะทำอย่างไร เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผูกพันยาวนาน การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นคลื่น C หากเกิดจริงจะทำให้การลงทุนเสียหายได้มากหากหลบเลี่ยงหรือหนีไม่ได้
สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้โปรมแกรมของลุงแมวน้ำซื้อ RATCH และไม่ขาย MAKRO ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่ 45 ตัว เท่าเมื่อวาน
สำหรับกลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ทุกตัวอยู่ในสถานะ long หมดแล้ว และไม่มีสัญญาณซื้อขาย ดังนั้นจึงถือต่อไป พอร์ตจำลองดูดีขึ้นจากราคาฟิวเจอร์สน้ำมันและทองคำที่พุ่งขึ้นมา
ขณะนี้หนังสือพิมพ์และนักวิเคราะห์ต่างๆเริ่มจะมองทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาด้วยความมั่นใจมากขึ้นว่าจะพ้นวิกฤตแล้ว แต่อย่างไรก็ดี ลุงแมวน้ำอยากให้ระมัดระวังเอาไว้บ้าง เหตุผลของลุงแมวน้ำเป็นดังนี้
ลองมาดูค่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัญอเมิกา ที่เรียกว่าดีชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) จากกราในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา ถ้าเรานับลูกคลื่นในรอบใหญ่ จะพบว่าเป็นดังภาพต่อไปนี้ (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย)
นั่นคือ โอกาสที่เราอยู่ในคลื่น B มีอยู่สูง ซึ่งคลื่น B เป็นคลื่นขาขึ้นในคลื่นขาลง นั่นหมายความว่า เมื่อไรที่จบคลื่น B ดัชนีดาวโจนส์จะเข้าสู่คลื่น C ซึ่งในคลื่น C นั้น DJIA จะลงได้อีกมาก และการจะลงชนาดนั้นได้ก็ต้องหมายความว่าเกิดความผิดปกติอะไรสักอย่างกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ถ้าถามว่าคลื่น B จะจบลงที่ใด คำตอบคือ อาจเป็นไปได้ว่าจะขึ้นไปถึง 11,000 ถึง 12,500 จุดในภายในปลายปีนี้หรือลากไปจนปีหน้า แต่ไม่น่าเกินปีหน้า
และเมื่อถามว่าหลังจากนั้น คลื่น C จะลงไปถึงเท่าใด คำตอบก็คือ อาจเป็นไปได้ว่าจะลงไปถึง 3,700-6,000 จุด ซึ่งเป็นการลงที่รุนแรงมาก ดังนั้นเศรษฐกิจทั่วทั้งโลกก็ไม่อาจหนีพ้นจากวิกฤตไปได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่เทรดหุ้นและฟิวเจอร์สก็สามารถซื้อขายกันไปก่อนได้ เพราะคลื่น B นี้ยังขึ้นไปได้อีกและน่าจะกินเวลาอีกพอสมควร แต่สำหรับผู้ที่ซื้อกองทุน LTF, RMF ผู้ที่กำลังคิดจะผ่อนบ้าน รถยนต์ ควรมีแผนสำรองเอาไว้ด้วย ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์ดังที่ลุงแมวน้ำพูดจะทำอย่างไร เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผูกพันยาวนาน การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นคลื่น C หากเกิดจริงจะทำให้การลงทุนเสียหายได้มากหากหลบเลี่ยงหรือหนีไม่ได้
Subscribe to:
Posts (Atom)