Tuesday, October 30, 2012

30/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (22/10/2012 - 26/10/2012) * ร่วงทุกกลุ่ม

วันนี้เรามาอัปเดตตลาดในรอบสัปดาห์กันครับ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดทุนโดยรวมปรับตัวลงทุกภูมิภาค สาเหตุน่าจะมาจากผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ยอยประกาศออกมาต่อจากสัปดาห์ก่อนก็ไม่ประทับใจเช่นเดียวกับสัปดาห์ก่อนหน้า ตลาดจึงลง แม้ว่าจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีของอเมริกาที่ดีขึ้นกว่าที่คาดเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก

ส่วนทางด้านยุโรปผลการประชุมสุดยอดผู้นำของสหภาพยุโรปไม่มีอะไรคืบหน้า อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นของสเปนยังถูกลดอันดับเครดิต สถานการณ์ทางฝั่งยุโรปจึงยังไม่มีอะไรดีขึ้นนัก จะมีข่าวดีบ้างก็กลุ่มทรอยก้าขยายเวลาการปรับปรุงการคลังของกรีซออกไปอีกสองปี ทำให้กรีซพอมีเวลาหายใจนานขึ้นอีกหน่อย

สรุปแล้วภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงประมาณ -1.7% โดยเฉลี่ย ตลาดหุ้นเอเชียไม่แน่นอน มีทั้งที่ปรับตัวลงและปรับตัวขึ้น ที่ปรับตัวลงมักลงแรง เช่น ตลาดหุ้นจีน -3.6% ไต้หวัน -3.7% ออสเตรเลีย -2.1%

ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้น SETi ปรับตัวลง -2% แต่ S50 หรือว่าฟิวเจอร์สของ SET50 ลงแรงกว่า คือลงไปถึง -2.8% ก็ถือว่าตลาดไทยลงแรงกว่าตลาดโลกโดยเฉลี่ยอยู่บ้าง ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิตลอดทั้งเดือน คิดตั้งแต่ต้นเดือนก็หมื่นกว่าล้านบาท

ด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมก็ปรับตัวลงเช่นกัน ทองคำลงนิดหน่อย -0.7% โลหะเงินลง -0.1% น้ำมันดิบ wti ลงแรง -4.6% ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ลงเพียง -0.5% สินค้าเกษตรลงต่ออีก -1.4% โดยเฉพาะพืชพลังงานลงแรงตามน้ำมันดิบ ข้าวโพด -3.1% น้ำตาล -4.4%

ด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่แล้วเงินอัตราแลกเปลี่ยนไม่หวือหวา ปรับตัวในกรอบแคบ ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น ดัชนีดอลลาร์ สรอ usd index +0.6% เงินสกุลยุโรปอ่อนตัว เงินเยนอ่อนตัว เงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า ส่วนเงินบาทอ่อนค่า -0.13%

ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่แล้วก็ไม่หวือหวาเช่นกัน เส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรไทยมีทั้งปรับตัวขึ้นและปรับตัวลง โดยพันธบัตรอายุ 18 ปีหรือต่ำกว่านั้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงเล็กน้อยกับทรงตัว ส่วนพันธบัตรที่อายุมากกว่า 18 ปีมีอัตราผลตอบแทนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปีคงตัว ไม่ขึ้นไม่ลง ส่วนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุคงเหลือ 10 ปีปรับตัวลง 2 จุดเบสิส ลงนิดเดียว

ตอนนี้สถานการณ์คงทรงๆ ปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบไปก่อน เพราะทุกอย่างกำลังรีรอดูผลการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่าใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนถัดไป ต่อจากนั้นอีกไม่กี่วันก็คงเป็นการประกาศตัวผู้นำใหม่ของจีน หลังจากนั้นตลาดคงมีการเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองข่าว

สถานการณ์ล่าสุด จนถึงวันที่ 29/10/2012 ซูเปอร์พายุเฮอริเคนหรือที่เรียกกันว่า แฟรงเกนสตอร์ม (Frankenstorm) ซึ่งเพี้ยนมาจากผีดิบแฟรงเกนสไตน์ พายุนี้มีชื่อว่าแซนดี (Sandy) ชื่อน่ารักแต่ฤทธิ์เดชเหลือร้าย กำลังเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกาอยู่ กินพื้นที่หลายรัฐทีเดียว ผลจากพายุทำให้ชีวิตและทรัพย์สินเสียหายไปไม่น้อยทีเดียว อีกทั้งตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ในนิวยอร์กต้องปิดชั่วคราวในวันที่ 29-30 ตุลาคม สองวันนี้อเมริกาไม่มีซื้อขายหุ้นเพราะตลาดปิด ส่วนสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร ฯลฯ เหล่านี้มีการเทรดเฉพาะในระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ที่เทรดในห้องค้าก็หยุดเช่นกัน

ผลจากพายุนี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบ wti ลดลงเนื่องจากประเมินกันว่าธุรกิจหยุดชะงักไปหลายวันทำให้การใช้พลังงานลดลง ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ไม่ได้ลงด้วยเพราะคนละพื้นที่กัน

ทางด้านสถานการณ์น้ำมันดิบ ล่าสุดตะวันออกกลางยังไม่สงบดี ความวุ่นวายในซีเรียยังไม่จบ อีกทั้งอิหร่านประกาศออกมาแล้วเมื่อวานว่าตอนนี้นานาชาติกดดันด้วยการคว่ำบาตรอิหร่าน หากอิหร่านเข้าตาจะต้องตอบโต้บ้างแล้ว ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะตอบโต้อย่างไร อาจหมายถึงการสกัดช่องทางส่งน้ำมันดิบของกลุ่มตะวันออกกลางก็ได้







Photobucket

Monday, October 29, 2012

29/10/2012 * จับตาสถานการณ์ยุโรป เลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา และการผลัดผู้นำของจีน


วันนี้ลุงแมวน้ำยังทำข้อมูลประจำสัปดาห์ไม่เสร็จ แต่มีของมาฝาก

เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่น่าจับตามอง เพราะว่าขั้วอำนาจใหญ่ของโลกในสองซีกโลกกำลังผลัดผู้นำพร้อมๆกัน นั่นคือ ทางฝั่งตะวันตก สหรัฐอเมริกากำลังจะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ ใครจะได้เป็นประธานาธิบดี การเลือกตั้งนี้มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนอย่างไร แม้แต่สถานการณ์ในยุโรปก็ยังต้องรอดูผลจากการเลือกตั้งในครั้งนี้เช่นกัน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

หาคำตอบได้ที่นี่คร้าบ ลุงแมวน้ำไปฟังการบรรยายมาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในหัวข้อ "วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและต่างประเทศ" ของธนาคารซีไอเอ็มบี วิทยากรบรรยายได้น่าสนใจทีเดียว โดยเฉพาะให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาแบบฟังกันง่ายๆ ช่วยให้ติดตามข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ สรอ เข้าใจขึ้นอีกมา พร้อมกันนั้นยังอัปเดตสถานการณ์ทางฝั่งยุโรปให้อีกด้วย คุ้มค่าน่าฟังครับ บางส่วนของการบรรยายอยู่ที่นี่ ทีวีช่องลุงแมวน้ำ ตามไปฟังกันได้ มี 7 คลิป ลุงแมวน้ำยังไม่ได้เขียนบรรยายรายละเอียดของคลิปเพราะว่าทำไม่ทัน ฟังกันไปก่อนแล้วลุงแมวน้ำจะมาเขียนรายละเอียดให้ทีหลัง























อีกด้านหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือทางฝั่งตะวันออก เดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการเปลี่ยนผู้นำของจีนอันเป็นการเปลี่ยนตามวาระ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ก็น่าจับตาเช่นกัน เพราะจีนเป็นขั้วอำนาจใหญ่ขั้วหนึ่งของโลก อีกทั้งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน การเมืองในพรรคคอมมิวนิสต์ของจีนค่อนข้างรุนแรงทีเดียว สังเกตได้จากกรณีของป๋อซีไหลที่กวาดล้างขั้วอำนาจภายในกันอย่างถอนรากถอนโคน สะท้อนความรุนแรงอยู่ภายใน

นอกจากนี้ ตัวเต็งผู้นำของจีนยังเก็บตัวเงียบจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เกิดความอึมครึม การเปลี่ยนแปลงตัวผู้นำของจีนย่อมกระทบกับระบบเศรษฐกิจของจีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เศรษฐกิจของจีน รวมทั้งตลาดหุ้นของจีนก็รีรอเพื่อดูตัวผู้นำคนใหม่ของจีนอยู่ ตอนนี้ตลาดหุ้นของจีนไม่มีสัญญาณบ่งชี้ทั้งเลยไม่ว่าจะเป็นทางดีหรือทางร้าย แกว่งตัวออกข้างไปเรื่อย

แต่อีกไม่นาน เดือนหน้าก็รู้ว่าเมื่อขั้วอำนาจของโลกผลัดผู้นำถึงสองขั้ว โลกจะเป็นอย่างไรต่อไป


ดัชนี CSI300 ของตลาดหุ้นจีน กำลังไร้ทิศทาง รอดูผู้นำใหม่ของจีนอยู่





Saturday, October 27, 2012

27/10/2012 เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เที่ยวงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ







ลุงแมวน้ำว่างเว้นไม่ได้เขียนสารคดีเช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำเสียนาน ช่วงนี้งานพอจะคลายออกจากพุงของลุงแมวน้ำได้บ้าง จึงรีบมาเขียนให้อ่านกัน ^__^

สัปดาห์นี้เดิมทีว่าจะเขียนเกี่ยวกับธุรกิจของลุงแมวน้ำที่เขียนค้างเอาไว้ยังไม่จบ แต่พอดีลุงแมวน้ำได้ไปเดินงานสัปดาห์หนังสือมา หรือจะเรียกชื่อทางการให้เต็มยศก็ต้องเรียกว่า งานมหกรรมหนังสือสือระดับชาติ ครั้งที่ 17 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มา งานนี้จัดตั้งแต่วันที่ 18 - 28 ตุลาคม 2555 และเหลืออีกเพียง 2 วันก็จะสิ้นสุดลงแล้ว ลุงแมวน้ำจึงคิดว่ารีบเขียนเรื่องนี้ก่อนดีกว่า เผื่อว่าใครที่ได้อ่านแล้วอยากไปเที่ยวงานขึ้นมาจะได้ไปทัน

สารคดีเรื่องนี้ลุงแมวน้ำถ่ายทำเป็นวิดีโอคลิปด้วย พาเดินงาน 30 นาที ที่จริงลุงแมวน้ำเดินหลายชั่วโมง เดินกันจนเมื่อยพุง แต่ว่าถ่ายทำและตัดต่อมาให้ดูกันเพียง 30 นาที เป็นสีสันและบรรยากาศในวันพฤหสบดีที่ผ่านมา ลุงแมวน้ำไม่ชอบเดินในวันหยุดเพราะว่าคนแน่นมาก เดินเบียดแล้วดูอะไรไม่ค่อยสะดวก สู้เดินวันทำงานดีกว่า คนน้อยดี เมื่อถ่ายทำคลิปเสร็จแล้วจึงจับเป็นภาพนิ่งออกมาอีกทีหนึ่ง ดังนั้นในสารคดีเช้าวันหยุดครั้งนี้พวกเราจะได้ดูกันทั้งคลิปและภาพนิ่ง ภาพนิ่งไม่ชัดเหมือนที่เคยถ่ายผ่านๆมาเนื่องจากทำมาจากคลิปนั่นเอง อีกอย่างก็คือ ลุงแมวน้ำถ่ายคลิปจากโทรศัพท์ครีบถือ ไม่ได้ใช้กล้องวีดิโออย่างมืออาชีพ ดังนั้นคุณภาพก็อยู่ในระดับพอใช้ได้เท่านั้น แต่ก็พอดูได้ละน่า ^__^

เอาละ มาเดินชมงานกันดีกว่า ลุงแมวน้ำจะเลาตามภาพไปเรื่อยๆ ส่วนวีดิโอคลิปก็อยู่ข้างบน มี 2 คลิป ชมกันได้ตามอัธยาศัย ขอให้มีความสุขในวันหยุดกันทุกๆคนคร้าบ

อ้อ เตือนกันไว้ก่อนว่าการไปเดินเที่ยวงานที่มีคนแน่นๆอย่างเช่นงานหนังสือนี้ เรื่องที่ต้องระวังอย่างยิ่งก็คือเรื่องกลุ่มมิจฉาชีพ พวกกรีดกระเป๋า ล้วงกระเป๋า ฉกของ ฯลฯ โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่สะพายกระเป๋าไว้ข้างตัว หากถูกกรีดหรือถูกล้วงมักไม่รู้ สุภาพบุรุษที่พกกระเป๋าตังค์ไว้ที่กระเป๋ากางเกงก็เช่นกัน ทั้งกระเป๋าหลังและกระเป๋าหน้ามีโอกาสโดน จุดที่ที่ปลอดภัยจากการถูกกรีดถูกล้วงคือด้านหน้าลำตัวครับ ดังนั้นสตรีควรสะพายกระเป๋าไพล่มากอดไว้หน้าลำตัวดีกว่า ส่วนชายก็อาจจะสะพายย่ามหรือเป้สักใบแล้วไพล่มาด้านหน้าลำตัวเพื่อให้ย่ามบังกระเป๋ากางเกงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง วิธีนี้จะทำให้การกรีดหรือล้วงกระเป๋าทำได้ยาก ปลอดภัยขึ้นเยอะเลย ^__^


ลุงแมวน้ำลงจากรถไฟฟ้าแล้วก็เดินเข้างาน ที่เห็นในภาพนี้เป็นทางเดินห้องโถงใหญ่ งานหนังสือนี้ใช้พื้นที่เต็มที่ แม้แต่ทางเดิน หรือแม้แต่ถนนนอกอาคารก็ยังมีบู๊ธหนังสือ หนังสือเยอะมากจริงๆ


พื้นที่จัดแสดง ทำเป็นโซนเล็กๆเพื่อให้เต๊ะท่าถ่ายรูปกัน ทำด้วยกระดาษทั้งหมด โซนถ่ายรูปนี้อยู่หน้าแพลนารีฮอลล์ (Planary Hall)


เอาละ เดินเข้ามาในแพลนารีฮอลล์แล้ว ห้องนี้เป็นห้องที่ค่าเช่าพื้นที่แพงที่สุด บู๊ธในนี้ส่วนใหญ่ประชันกันแต่งบ๊ธสุดชีวิต บู๊ธนี้เป็นหนังสือวัยรุ่นแนวหวานแหวว


งานหนังสือสมัยก่อนเป็นเพียงเอาชั้นหนังสือมาตั้ง เอาหนังสือมาวาง เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องมีการจัดดิสเพลย์เข้ามาช่วยเพื่อให้น่าสนใจและเรียกลูกค้า บู๊ธนี้เป็นแนวหนังสืออ่านเล่นของวัยรุ่น หนังสือแปล หนังสือแนววัยรุ่นเป็นแนวที่ขายได้ โดยเฉพาะแนวหวานแหวว รัก โรแมนติก บู๊ธหนังสือแนวนี้มักมีวัยรุ่นมามุงกันแน่น แน่นอน เมื่อเป็นแนวที่นยมกัน สำนักพิมพ์ที่แข่งกันในแนวนี้ก็มีมากเช่นกัน


บู๊ธนี้วัยรุ่นแน่นทุกครั้ง เป็นการ์ตูน และเรื่องแปลจีน นิยายของหวงอี้ขายดีเชียว


บู๊ธนี้เป็นแนวนิยายเรื่องยาว พวกผู้หญิงนิยมอ่านกัน นักเขียนรุ่นใหญ่ก็เช่น ทมยันตี กฤษณา อโศกสินธุ์ แนวผู้ชายอ่านก็มี เช่นเพชรพระอุมาของพนมเทียน เป็นต้น แต่ลุงแมวน้ำไม่เคยอ่าน ยาวมาก อ่านไม่ไหว


นี่ก็แนววัยรุ่นหวานแหวว โรแมนติก


พวกแนวการฝีมือ ทำอาหาร มีคนสนใจเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะหนังสือการฝีมือ เช่นถักโครเชต์ แม่บ้านนิยมกันมาก มีกระแสพอสมควรทีเดียว


หนังสือแนวคอมพิวเตอร์ขายไม่ค่อยดีมาสองสามปีแล้ว นี่เป็นความเห็นส่วนตัวจากการสังเกตของลุงแมวน้ำ สำนักพิมพ์ที่ออกแนวคอมพิวเตอร์ต้องเอามาขายลดราคากัน รววมทั้งออกแนวหนังสืออื่นๆเพิ่มด้วย อาจเป็นเพราะคนรุ่นใหม่คุ้นเคยกับคอมพิวเตอร์มากขึ้นกระมัง โดยเฉพาะพวกระบบมือถือนี่แทบไม่มีใครซื้อคู่มืออ่าน เพราะดูเมนูก็ใช้เป็นแล้ว ส่วนบู๊ธหนังสือแนวสุขภาพการแพทย์แบบหมอชาวบ้าน เมื่อก่อนคนแน่นมาก มาสามสี่ปีมานี้คนแวะชมบางตาลงไป


หนังสือธรรมะเป็นหนังสืออีกแนวหนึ่งที่ขายดีและมีผู้นิยมผลิตกัน บางรายการแจกฟรีก็มี ในโซนซี (zone C) และทางเดินโถงกลางยังมีสำบู๊ธแนวธรรมะอีกหลายบู๊ธ สงสัยจะเป็นเพราะคนในยุคนี้หาที่พึ่งทางใจได้ยากกระมัง จึงหันมาสนใจธรรมะกัน คนนิยมอ่านก็มีสำนักพิมพ์แข่งขักันเยอะเช่นกัน บรรดาพระดังๆทีเทศน์เก่ง เทศน์สนุก ต่างมีสำนักพิมพ์วิ่งเข้าหากันหัวบันไดกุฏิไม่แห้ง


บู๊ธนี้เกาะกระแสเออีซี (AEC) หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ลุงแมวน้่ำไม่ค่อยแน่ใจว่าคนทั่วไปสนใจเรื่องราวเออีซีกันขนาดไหน


บู๊ธนี้ขวัญใจวัยรุ่น คนแน่นทุกครั้งเลย


ออกจากแพลนารีฮอลล์ก็เดินมาชมที่โซนพลาซ่า (Plaza zone) กันต่อ ลุงแมวน้ำจะเดินขึ้นบันไดแล้วนะ ^_^


วัยรุ่นนอกจากสนใจหนังสือการ์ตูน หนังสือหวานแหววแล้ว ยังสนใจหนังสืออีกแนวหนึ่ง นั่นคือแนวติวหรือคู่มือเรียน บู๊ธของสำนักพิม์ที่ขายหนังสือคู่มือเรียนระดับ ม.ปลาย ส่วนใหญ่คึกคักกัน บางคนไม่มาซื้อเอง สั่งให้พ่อแม่มาซื้อให้ พ่อแม่ก็ถือแท็บเบลต ในแท็บเบลตมีรูปหนังสือที่คุณลูกต้องการ มาเดินหาซื้อหนังสือให้คุณลูก สมัยนี้ต้องพกแท็บเบลตมาด้วยจะได้ซื้อไม่ผิดเล่ม


นี่ของสำนักพิมพ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทำหนังสือหลายแนว อ่านเล่นก็มี วิชาการก็มี การเมืองก็มี ไปจนถึงการฝีมือ ดูดวง โหราศาสตร์ ฯลฯ วันนี้คนบางตาไปบ้าง


นี่แนวหนังสือเด็ก ปกติหนังสือเด็ก เด็กมักไม่ได้ซื้อ แต่พ่อแม่ซื้อให้ หนังสือแนวเด็กอ่านเป็นกลุ่มหนึ่งที่เคยจัดว่าขายดี เพราะพ่อแม่ซื้ออะไรให้ลูกก็ต้องทุ่มกันหน่อย ราคาไม่เกี่ยง แต่หลายปีมานี้ลุงแมวน้ำก็ว่ากลุ่มหนังสือเด็กเงียบเหงาลงไปบ้าง หรือจะเป็นเพราะเด็กเกิดน้อยลงมั้ง


นี่เป็นบู๊ธของกลุ่มอีบุ๊ก (ebook) งานครั้งก่อนเมื่อเดือนเมษายน บู๊ธพวกอีบุ๊กเด่นเชียวเพราะผู้จัดงานเน้นจับกระแสอีบุ๊ก มางานนี้ไม่เน้นแล้ว เลยอยู่กันอย่างเหงาๆ


นี่ก็นิยาย เป็นแนวโนมานซ์ เห็นภาพหน้าปกไหม กอดจูบกันอุตลุด แต่คนดูไม่เยอะนะ ^__^


งานหนังสือเป็นงานหนึ่งที่มีมาสคอตเยอะมาก เห็นนับสิบตัวเดินกันว่อนทั่วงาน ชุดมาสคอตชุดหนึ่งก็แสนแพง เป็นหลักหมื่นถึงหลักแสน ในภาพนี่มาสคอตถอดรูปออกมานั่งพักเหนื่อย อยู่ในนั้นร้อนนะจะบอกให้ ต้องอดทนและแบกน้ำหนักมากเลยทีเดียว ชีวิตมาสคอตไม่ง่ายเลย ^__^


ลุงแมวน้ำออกจากโซนพลาซ่ามาแล้วนะคร้าบ ตอนนี้เกำลังเดินเข้าโซนซี (Zone C) โซนนี้มีบู๊ตเยอะที่สุด เพราะว่ามีถึงสองชั้น แม้บู๊ธที่อยู่ในโซนนี้จะไม่ตกแต่งอย่างอลังการเท่ากับบู๊ธใหญ่ๆในโซนพลานารีฮอลล์ แต่ก็มีสีสันน่าเดินน่าซื้อแตกต่างกันออกไป ในโซนนีจะมีหนังสือเด็ก ของเล่นเด็ก หนังสือคู่มือเรียน กวดวิชา หนังสือเรียนภาษาจีน ฯลฯ หนังสือวิชาการ สำนักพิมพ์ของหลายมหาวิทยาลัยก็มักมาอยู่ในโซนนี้กัน


สำนักพิมพ์ ทวพ. ชื่อที่คุ้นกันมาตั้งแต่เด็กเพราะในชั้นเรียนประถมมักมีหนังสือของสำนักพิมพ์นี้อยู่ด้วย แต่มาออกบู๊ธในงานหนังสือทีไรคนก็น้อยแบบนี้ทุกที หนังสือที่นำมาแสดงก็มีไม่มากนัก คงเน้นให้คนจำได้มากกว่ามั้ง


บู๊ธนี้ร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ใหญ่ รายนี้คงชอบอยู่โซนซีเพราะเห็นอยู่ตรงนี้ทุกที คนแน่นมากทุกครั้ง แต่สองสามครั้งที่ผ่านมาดูบางตาลงไปบ้าง


นี่เป็นแนวคู่มือเรียน กวดวิชา ของระดับนักเรียน บู๊ธแนวนี้มักมีวัยรุ่นสนใจ แต่ก็แล้วแต่ความดังของสำนักพิมพ์ด้วย ในหมู่นักเรียนจะรู้กันดีและแนะนำกันเองว่าควรใช้เล่มไหนของสำนักพิมพ์ไหน 


นี่ก็แนวคู่มือเรียน กวดวิชา กวดกันจนถึงระดับสอบเข้าเรียนปริญญาโทก็มีขาย


หนังสือแนวเด็กเล็ก น่ารัก สีสวยเชียว แต่ทำไมคนชมน้อยนักก็ไม่รู้


นี่แนวอะไรเอ่ย ไม่บอกคงเดาได้ หนังสือเก่าไง อย่าดูถูกโซนหนังสือเก่าเชียว บู๊ธหนังสือเก่าขายดีกันทั้งนั้นเลยจะบอกให้ หนังสือเก่าๆราคาแพง ซื้อขายกันแพงกว่าราคาปกอีก เพราะว่าเป็นหนังสือสะสม โดยเฉพาะหนังสืองานศพบางเล่มหายากและราคาแพงเพราะเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสม


ใครบอกว่าคนไทยเฉลี่ยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่เห็นนี้คือหนอนหนังสือตัวจริง ทั้งถุง ทั้งกระเป๋า เต็มไปด้วยหนังสือ


บู๊ธของ อสท นิตรสารการท่องเที่ยวของ อสท เมื่อก่อนเป็นที่นิยมมาก คนเบียดกันบู๊ธแทบระเบิด แต่หลายปีมานี้เหงาลงไปเรื่อยๆ หนังสือแนวท่องเที่ยวดูจะเหงาลงไปทั้งกลุ่มเลย


มาสคอตมาอีกแล้ว ตัวนี้หัวหนักมากกกกก เดินแล้วเซนิดหน่อย ^__^


ย้อนกลับมาที่ห้องโถงทางเดินอีกครั้ง นี่ของกรมศิลปากร ขายพวกหนังสือประชุมพงศาวดาร จดหมายเหตุลาลูแบร์ ฯลฯ คนน้อยเป็นปกติ


นี่บู๊ธมาใหม่ ขายหนังสือเกี่ยวกับต้านโกงอะไรนี่แหละ มีการแสดงย่อยๆด้วย ได้ยินแต่คำว่าโกงๆๆๆ ตลอดการแสดง


บางคนมาจากต่างจังหวัด ซื้อหนังสือแล้วจะทำอย่างไร จะแบกไปไหนด้วยก็ไม่สะดวก อย่ากระนั้นเลย ไปรษณีย์ไทยมาบริการให้แล้ว ซื้อแล้วใส่กล่อง จ่าหน้ากล่องส่งไปได้เลย แล้วเดินตัวเปล่าออกไปจากงาน ไม่ต้องแบกให้เมื่อย อ้อ อย่าลืมจ่ายเงินค่าส่งด้วย ไม่ได้ส่งฟรีเน้อ


ประมาณสามปีมานี้ ดูเหมือนว่าสำนักพิมพ์ที่ต้องการออกงานจะมีมากขึ้น ผู้จัดงานจึงต้องเสริมบู๊ธด้วยการใช้ถนนหน้าหอประชุมตั้งเต๊นต์เข้า แล้วก็ติดแอร์ เรียกว่าฮอลล์เอ (Hall A) เสร็จงานก็รื้อออกไป ได้บู๊ธเพิ่มมาอีกเยอะเลย


หนังสือในฮอลล์เอส่วนใหญ่เป็นสำนักพิมพ์ที่มาทีหลัง จึงจองบู๊ใธในตึกไม่ได้เพราะที่เต็มหมดแล้ว ในนี้ส่วนใหญ่เป็นแนววัยรุ่น การ์ตูนค่อนข้างเยอะ


การทัวร์งานหนังสือของลุงแมวน้ำก็จบลงที่ฮอลล์เอ เพราะถัดจากนี้ก็เป็นทางเข้าสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพอดี ลุงแมวน้ำเมื่อยครีบแล้ว กลับโรงละครสัตว์ดีกว่า ^__^

ใครว่างอย่าลืมไปชมงานกันนะคร้าบ

Wednesday, October 24, 2012

24/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (15/10/2012 - 19/10/2012) * อเมริกาฉุดโลก


วันนี้เรามาสรุปความเปลี่ยนแปลงของตลาดในรอบสัปดาห์ที่แล้วกัน แม้ว่าจะช้าไปหน่อยแต่ลุงแมวน้ำคิดว่ายังมีประโยชน์ครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมา 15/10/2012 ถึง 19/10/2012 สถานการณ์ในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกันไป

มาเริ่มที่ตลาดหุ้นกันก่อน ดูตลาดหุ้นยุโรปก่อนก็แล้วกัน ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมาสดใสทีเดียว ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับขึ้นไป +2.05% สถาบันจัดอันดับมูดีส์คงอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลสเปนเอาไว้ ทำให้สถานการณ์ดูดีมีความหวัง แม้ว่าสถาบันจัดอันดับอื่นจะลดความน่าเชื่อถือของธนาคารสเปนลงไปอีก ตลาดหุ้นสเปน กรีซ อิตาลีขึ้นแรง

ทางด้านสหรัฐอเมริกา เป็นช่วงที่ผลประกอบการไตรมาสสามทยอยออกมา บริษัทยักษ์ใหญ่ของ สรอ หลายแห่งมีผลประกอบการที่ดี แต่หลายแห่งที่ปล่อยออกมาในตอนท้ายสัปดาห์ก็น่าผิดหวัง และหลายแห่งที่น่าผิดหวังนี้เองที่ฉุดตลาดหุ้นอเมริกันและยุโรปในช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้วต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ไม่ให้ไปไหน ส่งผลทำให้ตลาดโลกโดยรวมพลอยถูกฉุดลงมาด้วย บริษัทยักษ์ที่ผลประกอบการน่าผิดหวังก็เช่น Microsoft, General Electric, McDonald's, Google, DuPont, United Technologies, 3M ฯลฯ

ทางด้านตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวขึ้น แต่รวมแล้วยังไม่แรงเท่ายุโรป ตลาดหุ้นญี่ปุ่นขึ้นแรง +5.5% ตามมาด้วยตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง ปัญหาเรื่องการพิพาทหมู่เกาะเตียวหยูระหว่างจีนกับญี่ปุ่นก่อนหน้านี้แรงกันทั้งคู่ ส่งผลให้คนจีนแอนตี้สินค้าญี่ปุ่นจนญี่ปุ่นอ่วม แถมสื่อมวลชนจีนยังเขียนวิจารณ์อีกว่ารัฐบาลจีนน่าจะขายพันธบัตรญี่ปุ่นออกมาเพื่อสั่งสอนญี่ปุ่นเสียหน่อย เนื่องจากจีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ถือพันธบัตรญี่ปุ่นเอาไว้เยอะมาก แต่ญี่ปุ่นไม่กลัวเรื่องนี้เพราะหากขายออกมาจริงเงินเยนจะอ่อน ญี่ปุ่นชอบมาก ที่ไม่ชอบคือถูกจีนแอนตี้สินค้ามากกว่า จากกรณีพิพาทดังกล่าว ตอนนี้ดูมีแนวโน้มว่าจะเจรจากันได้เพราะทะเลาะกันจนเศรษฐกิจเจ็บตัวไปบ้างแล้วทั้งคู่

ด้านตะวันออกกลาง เหตุการณ์ยังไม่ค่อยสงบ เรื่องซีเรียยังคาราคาซังอยู่

ตลาดหุ้นไทย SETI ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +0.83% น้อยกว่าเพื่อนบ้าน ต่างชาติยังขายสุทธิสลับซื้อสุทธิ แสดงว่าต่างชาติเองก็ยังรีๆรอๆดูอยู่

มาดูทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์กันบ้าง ในสัปดาห์ที่แล้วสินค้าโภคภัณฑ์ดูแปลกๆและยุ่งๆชอบกล โลหะมีค่ากับน้ำมันดิบไม่ค่อยดี ทองคำร่วง -2% โลหะเงินร่วง -4.7% น้ำมันิบเบรนต์ร่วง -3% ส่วนสินค้าเกษตรกลับปรับตัวขึ้น ฝ้ายขึ้นแรง +7.7% ตามมาด้วยโกโก้ +5.2% ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง ขึ้นหมด ส่วนยางพาราร่วงแรง

ด้านตลาดอัตราแลกเปลี่ยน สัปดาห์ที่แล้วเงินดอลลาร์ สรอ ทรงตัว แกว่งไปมาในกรอบ ไม่ได้ไปไหน แต่ราคาน้ำมันดิบกับทองคำร่วงแรงกว่าค่าเงิน เงินสกุลยุโรปแข็งค่า ส่วนเงินสกุลเอเชียไม่แน่นอน ดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่า เงินเยนอ่อนค่า ส่วนเงินบาทอ่อนค่าลง -0.26%

ด้านตลาดตราสารหนี้ สัปดาห์ที่แล้วผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น 11 จุดเบสิส ส่วนตลาดพันธบัตรไทยนั้นเมื่อวันที่ 17/10/2012 ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1 สลึง เหลือ 2.75 บาท ทำให้วันนั้นเพียงวันเดียวเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้นค่อนข้างมาก ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุคงเหลือ 10 ปีลดลง 16 จุดเบสิส (basis point, bp) ในวันเดียว ทำให้อัตราผลตอบแทนไม่ค่อยน่าจูงใจแล้วเพราะคงแพ้เงินเฟ้อ แต่ก็น่าจะมีผลด้านการสกัดเงินทุนไหลเข้าจากต่างชาติลงได้บ้าง แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกันค่อยๆปรับสูงขึ้นแสดงว่าเงินไหลออกจากตลาดพันธบัตรไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างอื่นมากขึ้น ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยนั้นลดต่ำลงจนไม่ค่อยจูงใจแล้ว แบบนี้หมายความว่าเงินเก่าที่ลงทุนอยู่ในตลาดพันธบัตรก็ยังคงอยู่ต่อไป แต่เงินใหม่ที่จะเข้ามาคงคิดหนักเพราะผลตอบแทนไม่ดีแล้ว เงินใหม่ที่เข้ามามีแนวโน้มกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นมากขึ้น

อ้อ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุคงเหลือ 10 ปี ณ 19/10/2012 อยู่ที่ 3.41% ลดลงทั้งสัปดาห์คิดเป็น -9 จุดเบสิส ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเดือนกันยายน 2555 เทียบกับเดือนกันยายน 2554 (คือรอบหนึ่งปี ล่าสุด) อยู่ที่ 3.38%

วันนี้ลุงแมวน้ำมีภาพมาฝากหลายภาพ ลุงแมวน้ำทำตารางสรุปรายสัปดาห์เวอร์ชันใหม่มาให้ดูกัน แต่ก่อนจะดูขอให้มา อัปเดตตลาดเมื่อวันที่ 23/10/2012 กันก่อน วันที่ 23 นี้ไทยเราหยุดราชการ ตลาดไม่ได้เทรด แต่ตลาดชาติอื่นยังทำการ ลุงแมวน้ำจึงนำภาพสรุปมาให้ดู ตลาดวันที่ 23 นี้ไม่ค่อยดีเท่าไร ผลประกอบการของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวฉุดตลาด


สรุปตลาดหุ้นที่สำคัญทั่วโลก 23/10/2012


สรุปอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญทั่วโลก 23/10/2012


สองภาพนี้ลุงแมวน้ำเอามาจาก CNN ดูง่ายดีกว่าของ yahoo เสียอีก


เอาละ หลังจากดูสรุปรายวันไปแล้ว คราวนี้มาดูตารางสรุปรายสัปดาห์กัน วันนี้มี 2 ตาราง หน้าตาคล้ายๆกันแต่คำนวณไม่เหมือนกัน ตารางแรกที่เห็นต่อไปนี้คือสรุปแบบเดิมที่เราดูกันเป็นประจำทุกสัปดาห์

ดูตารางแรกแล้วแล้วเลื่อนลงไปดูตารางที่สองด้วยนะคร้าบ


Photobucket



ข้างล่างต่อไปนี้เป็นตารางสรุปรายสัปดาห์แบบเพิ่มเติม ลุงแมวน้ำคำนวณขึ้นมาใหม่ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ราคาปิดหรือดัชนี (ในคอลัม close price) ปกติจะเป็นราคาปิดหรือดัชนีปิด ณ วันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ แต่สำหรับตารางข้างล่างนี้ลุงแมวน้ำคำนวณเป็นคะแนนมาตรฐาน (standard score) นั่นคือ เมื่อแปลงเป็นคะแนนมาตรฐานแล้วสามารถเปรียบเทียบกันได้ เอาไว้ใช้ดูความแรงของตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ในเชิงเปรียบเทียบกันนั่นเองว่าใครแรงกว่าใครและใครน่าลงทุนกว่าใคร

วิธีคิดของลุงแมวน้ำก็คือ ให้ราคาหรือดัชนีของทุกรายการ ตั้งต้นที่ก้นเหวของวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ราคาหรือดัชนีที่ก้นเหวคิดเป็น 0 ก้นเหวของแต่ละตัวจะอยู่ที่ประมาณปลายปี 2008 ถึง 2009 ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน

ลองมาดูตัวอย่างกัน อย่างดัชนี SET ของไทย ก้นเหวอยู่ที่วันที่ 29/10/2008 ดัชนี SETi ณ วันนั้นคิดเป็น 0 จากวันนี้ถึงวันนี้ SETi ปรับขึ้นขึ้นมาแล้วเป็น 240.42% จากวันฐานหรือวันก้นเหว ดังนั้นคะแนนมาตรฐานของ SETi ในตารางข้างล่างนี้จะรายงานเป็น 240.42 จุด

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เทียบกันได้ในแง่ความแรง อย่างเช่นดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ DJI ตอนนี้มีคะแนนมาตรฐานที่ 103.81 จุด แสดงว่าตลาดหุ้นไทยแรงกว่า DJI เยอะทีเดียว ส่วนตลาดหุ้นอินโดนีเซีย (JKSE) ได้ 289.71 จุด สรุปได้ว่าตลาดหุ้นย่านเอเชียนั้นตลาดหุ้นไทยที่ผ่านมาเด่นมาก แรงสุด เป็นรองแค่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเท่านั้น 

ทองคำ GC คะแนนเป็น 144.54 จุด แสดงว่าเทรดหุ้นไทยกำไรดีกว่าเทรดทองอีก ส่วนโลหะเงิน SI 265.15 จุด เงินแรงกว่าทอง แรงกว่าหุ้นไทยด้วยนิดหน่อย

สรุปแล้วหากดูจากอดีต สวรรค์ก็อยู่ที่ตลาดหุ้นไทยนี่เอง ไม่ต้องดิ้นรนไปเทรดที่ไหนให้ไกลหรอก แต่อย่าลืมว่านี่คือเรื่องอดีต อดีตไม่ได้รับประกันอนาคตนะคร้าบ แต่ก็พอใช้เป็นแนวทางอะไรได้บ้างละน่า ^_^

มีข้อควรระวังอยู่บ้าง ตลาดหุ้นบางตลาดก้นเหวไม่ได้อยู่ในช่วงปี 2008-2009 หรือก้นเหวไม่ได้อยู่ในช่วงแฮมเบอร์เกอร์ ยกตัวอย่างเช่นตลาดหุ้นจีน ก้นเหวของตลาดหุ้นจีนเพิ่งเกิดไม่กี่วันมานี้เอง หรืออย่างตลาดหุ้นกรีซ ก้นเหวเกิดขึ้นในปีนี้เอง นี่คือข้อยกเว้น ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่รายการเท่านั้น

รายการที่เป็น #N/A แปลว่าข้อมูลไม่พอ ส่วนใหญ่มักหมายถึงฐานข้อมูลที่ลุงแมวน้ำมีอยู่มีไม่ถึงปี 2008 นั่นคือ เลยคำนวณไม่ได้

ลองดูตารางข้างล่างนี้ให้คุ้นในเชิงการเปรียบเทียบ เพราะต่อไปลุงแมวน้ำจะเขียนบทความเรื่องการสแกนหาหุ้นเด่น ต้องใช้คะแนนมาตรฐานทำนองนี้ด้วยคร้าบ ^__^



Photobucket

Monday, October 22, 2012

22/10/2012 * แนวโน้มยังไปต่อ เตรียมรับมือเงินเฟ้อ


อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ในรอบ 11 ปี



ดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index)


อรุณสวัสดิ์คร้าบ


ช่วงนี้ลุงแมวน้ำคงต้องมาแบบผลุบๆโผล่ๆ เป็นนินจาแมวน้ำไปอีกสักพักหนึ่ง งานเยอะเหลือเกิน รับจ๊อบวุ่นวายไปหมด ขอเวลาให้ลุงทำเว็บไซต์ขายของให้เรียบร้อยก่อน จนป่านนี้ยังไม่เสร็จเลย และที่สำคัญก็คือช่วงนี้แหล่งข้อมูลทั้งหุ้นและฟิวเจอร์สของลุงแมวน้ำรวนอย่างหนัก ซ่อมข้อมูลกันจนมึน ตอนนี้ก็ยังซ่อมไม่เสร็จ ยังต้องใช้เวลาอีกหน่อย

มาดูกันเป็นบางประเด็นก็แล้วกัน ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังไม่ไปไหน มิหนำซ้ำเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมายังลงอีกด้วย เพราะผลประกอบการไตรมาสสามของบริษัทใหญ่ในอเมริกาออกมาดูไม่ค่อยดี น้ำมันกับทองคำเลยร่วง ตอนนี้พวกน้ำมัน ทองคำ สินค้าเกษตร เป็นสัญญาณขายอยู่ หากวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยระดับฟิโบนาชชีเป้าหมาย (targetting Fibonacci) ทองคำยังดูไม่ออกว่าจะลงได้แค่ไหน ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์อาจลงได้ถึงต้นๆของ 100 ดอลลาร์ สรอ คือร้อยกว่าๆ ส่วนยางพารา RSS3 ก็มีสัญญาณขาย อาจลงได้ถึง 91.5 บาท

ตัวเลขที่บอกข้างบนคือใช้การประเมินจากกราฟราคาของสินค้าแต่ละตัว คือใช้ปัจจัยทางเทคนิคของตนเองล้วนๆ แต่หากพิจารณาปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ สรอ ประกอบ ตอนนี้เงินดอลลาร์ สรอ กำลังอยู่ในทิศทางขาลง มีรีบาวด์บ้างแต่ก็น่าจะลงต่อ หากดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆน่าจะลงไม่มาก อาจไม่ลงลึกถึงขนาดที่ลุงแมวน้ำประเมินไว้

สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา อัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารแบบประจำ 1 ปี สองอย่างนี้แพ้เงินเฟ้อมาตลอด คือคิดเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปแล้วติดลบเกือบตลอดทุกเดือน สำหรับในขณะนี้ ผลจากโครงการประชานิยมต่างๆซึ่งเป็นการก่อหนี้สาธารณะในระยะยาว ก็คือการนำเงินในอนาคตมาใช้ คล้ายๆกับ QE นั่นเอง ผลจากโครงการต่างๆของรัฐทำให้ประเทศไทยมีการบริโภคที่สูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ค่อยๆปรับตัวขึ้นมาตลอด กระแสเงินที่ไหลเข้า จึงส่งผลกับอัตราเงินเฟ้อของไทยค่อยๆเพิ่มขึ้น ตอนนี้อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุคงเหลือ 10 ปี (real 10 yr Thai gov bond yield) จนถึงกันยายน 2012 เหลือประมาณ 0.2% ใกล้แพ้เงินเฟ้อเต็มที คิดว่าของเดือนตุลาคมนี้คงติดลบหรือว่าแพ้เงินเฟ้อแล้ว

ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะมีส่วนกดดันให้เงินไหลเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (ทั้งจากเงินของต่างชาติและเงินของนักลงทุนไทยเอง) ดังนั้นหากไม่มีเหตุการณ์พิเศษที่รุนแรงจนทำให้สถานการณ์พลิกผัน ลุงแมวน้ำคาดว่าตลาดหุ้นไทย รวมทั้งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากับยุโรป น่าจะไปต่อได้อีกพักใหญ่ๆทีเดียว คือถ้าไม่ใช่คลื่น B ใหญ่ก็ต้องเป็นคลื่น 5 ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรสุดท้ายก็ต้องจบคลื่น ตอนนี้เราก็ตามแนวโน้มไปก่อน ไปไหนเราก็ไปด้วย เมื่อไรจบคลื่นในที่สุดเราก็ต้องรู้เองจนได้ ที่สำคัญคือต้องอย่าเทรดเกินตัวเพราะย่ามใจ เทรดเท่าที่มีกำลังรับความเสี่ยงได้

รูปที่นำมาฝากวันนี้เป็นดัชนีดอลลาร์ สรอ (US dollar index) กับ อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของบัญชีเงินฝากธนาคารแบบฝากประจำ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทย และอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยตลอดระยะเวลา 11 ปี คือตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา

สำหรับภาพดัชนีดอลลาร์ สรอ เมื่อดูแนวโน้มแล้วน่าจะอยู่ในคลื่นขาลง หมายความว่าดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มอ่อนตัว ระหว่างทางก็คงมีเด้งขึ้นบ้างอันเป็นการรีบาวด์ในขาลง

สำหรับอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพอัตราผลตอบแทนแท้จริง หมายถึงว่าหักลบอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ออกไปแล้ว วิธีดูก็คืออะไรที่อยู่ต่ำกว่า 0 (คือติดลบนั่นเอง) นั่นคือแพ้อัตราเงินเฟ้อ จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยแท้จริงของเงินฝากประจำแบบ 1 ปี (เส้นสีฟ้า) ส่วนใหญ่แพ้เงินเฟ้อตลอด มีชนะบ้างแค่บางช่วง แสดงว่าหากคิดยังชีพด้วยดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารคงยาก เพราะเงินด้อยค่าลงเรื่อย

ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี (เส้นสีเขียว) แพ้เงินเฟ้อบ้าง ชนะเงินเฟ้อบ้าง ส่วนใหญ่ชนะเงินเฟ้อได้ แต่ต่อจากนี้ไปคงแพ้เงินเฟ้อแล้ว ตีความอย่างง่ายๆได้ความว่าผู้ที่ยังชีพจากการซื้อพันธบัตรแล้วรับดอกเบี้ย หากเดิมพออยู่ได้ ต่อไปคงไม่ค่อยพอแล้วล่ะ แต่หากเดิมไม่พอใช้อยู่แล้วต่อไปยิ่งแย่กว่าเดิม

ส่วน อัตราผลตอบแทนแท้จริงของพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 20 ปี (เส้นสีม่วง) อาการดีกว่าเส้นสีเขียวหน่อยนึง แต่ต่อไปไม่แน่เพราะว่าเส้นสีม่วงกำลังดิ่งลงเช่นกัน

อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (เส้นสีน้ำตาล) ที่ผ่านมามีทั้งแพ้และชนะอัตราเงินเฟ้อ เมื่อไรที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อก็จะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้เพราะสร้างแรงจูงใจในการออม แต่เนื่องจากผลของ QE จากประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่หลายๆประเทศทำให้มีกระแสเงินต่างชาติไหลเข้ามาในบ้านเรา หากเงินเข้ามามาก เงินบาทก็เฟ้อ การกดอัตราดอกเบี้ยนโยบายช่วยสกัดเงินต่างชาติได้บ้าง แต่ก็ทำลายแรงจูงใจในการออมของประชาชนในประเทศ ทำให้ต้องควักกระเป๋านำเงินออมมาลงทุน สุดท้ายเงินก็อาจเฟ้อได้อีก เรียกว่าผลเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง เรื่องเงินเฟ้อในภาวะ QE เช่นนี้ดูแลยากและเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดก็ต้องเกิด อัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นเครื่องมือที่ช่วยดึงรั้งสถานการณ์ไว้ได้บ้างเท่านั้นเอง


เมื่อไรที่ลุงแมวน้ำซ่อมข้อมูลเสร็จจะพยายามเขียนบทความให้อ่านกันอีกครับ มีเรื่องที่อยากเขียนหลายเรื่องทีเดียว

อ้อ ช่วงนี้มีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์นะคร้าบ แวะหาชมและหาซื้อหนังสือกัน มีอบรม สัมมนาสั้นๆ และเปิดตัวหนังสือด้วยตลอดงาน ลุงแมวน้ำก็คิดว่าจะไปหาความรู้รอบพุงเช่นกัน แล้วเจอกัน ^__^

Tuesday, October 9, 2012

09/10/2012 สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ (01/10/2012 - 05/10/2012) * ค่อยๆขึ้น


วันนี้เรามาสรุปความเคลื่อนไหวในรอบสัปดาห์กันครับ

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น ทางฝั่งตะวันตกดูจะขึ้นแรงกว่าฝั่งตะวันออก คือยุโรป อเมริกา ขึ้นแรงกว่า เอเชีย

สำหรับข่าวนั้น ทางด้านยุโรป สัปดาห์ที่แล้วมีข่าวว่าสเปนติดต่อขอความช่วยเหลือทางการเงินจากอีซีบี (ECB) แล้ว แต่ตามข่าวบอกว่าเยอรมนีคุยอย่างไม่เป็นทางการกับสเปนว่าอย่าเพิ่งเลย ตอนนี้เยอมนีเองยังไม่พร้อม เพราะการให้ความช่วยเหลือแก่สเปนหมายถึงการระดมทุนจากชาติที่เหลือนั่นเอง ซึ่งเยอรมนีน่าจะต้องควักกระเป๋ามากที่สุด จึงขอชะลอไว้ก่อน ส่วนทางสเปนเองก็ออกข่าวในภายหลังว่ายังไม่ได้ขอความช่วยเหลือทางการเงิน จึงเข้าใจกันว่าเรื่องนี้ทางสเปนกับทางอีซีบีมีการคุยกันนอกรอบหรือวาคุยกันหลังไมค์

ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกา ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดี สรอ แล้ว สัปดาห์ที่แล้วเมื่อวันศุกร์ตอนดึก ก็มีการแถลงตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาออกมา คราวนี้ลดฮวบลงเหลือ 7.8% จากเดิมเมื่อเดือนก่อนหน้านั้นอยู่ที่ 8.2% ตัวเลขนี้สร้างความฮือฮากันมากในช่วงวันหยุด ด้านประธานาธิบดีโอบามาก็บอกว่า นี่แหละ ฝีมือผมเอง แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ อัตราการว่างงานจึงลดลง ทางด้านรอมนีย์ ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็บอกว่าที่ตัวเลขลดลงเพราะว่าประชาชนบางส่วนถอดใจเลิกหางานแล้วต่างหาก พวกที่เลิกหางานแล้วจะไม่นำมาคำนวณ หักยอดนี้ออกไป ตัวเลขอัตราว่างงานเลยต่ำ ก็ฤดูหาเสียงละนะ เกทับกันไป

ทางด้านสื่อมวลชนและประชาชนก็วิพากษ์กันสนุก สงสัยกันว่าแต่งตัวเลขหรือเปล่า ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบก็บอกว่างานคำนวณอัตราว่างงานนี้เป็นหน่วยงานของรัฐจัดทำ จะแต่งหรือเสกตัวเลขช่วยฝ่ายการเมืองได้อย่างไร เมื่ออัตรานี้ยังเป็นที่กังขา ดังนั้นตลาดจึงยังไม่ตอบสนองกับข่าวดีนี้

ตลาดฝั่งเอเชีย จีนประกาศอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากต้นเดือนตุลาคมจีนหยุดราชการเนื่องในวันชาติไปหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นยังเห็นการตอบสนองของตลาดหุ้นจีนไม่ชัดเจน

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำขึ้นนิดหน่อย น้ำมันดิบเบรนต์ลงนิดหน่อย ส่วนน้ำมันดิบ wti ลงไปพอควร -2.5% สินค้าเกษตรมีทั้งขึ้นและลงแต่ส่วนใหญ่ลงมากกว่า ดัชนีสินค้าเกษตร -2%

ด้านตลาดตราสารหนี้ เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน (US bond yield curve) ปรับตัวขึ้นตลอดทั้งเส้น เพราะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาขึ้น เงินจึงไกลเข้าไปเก็งกำไรในตลาดหุ้นมากกว่า ส่วนพันธบัตรไทย เส้นอัตราผลตอบแทนปรับตัวลงในส่วนของพันธบัตรที่อายุ 3 ปีขึ้นไป แสดงว่ามีเงินไหลเข้ามาซื้อพันธบัตรไทย ซึ่งสอดคล้องกันทิศทางของตลาดพันธบัตรในเอเชียคือมีแรงซื้อเข้ามาในย่านเอเชีย ลองสังเกตดูในตารางข้างล่าง กองทุนรวม AEOB ของอะเบอร์ดีน กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรเอเชียอายุยาว สัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนกระโดดเลย หากตัวเลข nav ของทางอะเบอร์ดีนไม่ผิด ก็เป็นการสนับสนุนว่ามีแรงซื้อเข้ามาในกลุ่มพันธบัตรเอเชียจริง

ทางด้านค่าเงิน สัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ค่าเงินสกุลต่างๆค่อนข้างผันผวน เงินยูโรและสกุลยุโรปแข็งค่าขึ้น เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย เยน ดอลลาร์สิงคโปร์ของฝั่งเอเชียอ่อนค่าลง ส่วนเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย +0.8%

ลุงแมวน้ำกำลังวิเคราะห์ข้อมูลอยู่ชุดหนึ่ง เป็นการเปรียบเทียบความแรงของหุ้นและดัชนีต่างๆ ผลที่ได้น่าสนใจทีเดียว เกือบเสร็จแล้ว อีกวันสองวันจะเอามาให้ดูกันคร้าบ

อ้อ ทีวีช่องลุงแมวน้ำมีวีดิโอคลิปอยู่หลายหัวข้อแล้ว และเข้าไปดูกันได้ครับ ^__^

http://www.youtube.com/user/uncaseal


Photobucket

Friday, October 5, 2012

05/10/2012 ตลาดขาขึ้น (ได้ยังไงก็ไม่รู้)


วันนี้ลุงแมวน้ำมาเสียเที่ยงเลย ยังไม่ได้กินอาหารกลางวันด้วย ฮือ หิวๆๆ ใครช่วยพาลุงไปเลี้ยงหน่อยได้ไหม

เมื่อตอนดึกๆ ไฟฟ้าที่โขดหินดับ แล้วเครื่องคอมโน้ตบุ๊กของลุงแมวน้ำก็ดับไปด้วย เพราะไม่ได้ใส่แบตเตอรี่เอาไว้ ปรากฏว่าเครื่องรวนเลย ระบบปฏิบัติการรวน ไฟล์หายไปไหนก็ไม่รู้ตั้งหลายไฟล์ ยังหาไม่พบเลย  เลยวุ่นๆ ดีนะที่ข้อมูลหุ้นของลุงแมวน้ำไม่เป็นอะไร... อย่างน้อยตอนนี้ก็คิดว่ายังไม่เป็นอะไร เกิดพังขึ้นมาละก็ลุงแมวน้ำไม่มีอุปกรณ์ทำมาหากินเลย

เมื่อคืนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 13,575.36 จุด (+0.6%) เล่นข่าวรายงานตัวเลขอัตราว่างงาน นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีด้วยอาวุธระหว่างตุรกีกับซีเรีย เป็นการกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดน แต่ก็ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นทันที วันก่อนหน้าลงไปประมาณ -4% เมื่อคืนก็พุ่งขึ้นมาราวๆ +4% ราคาน้ำมันดิบเบรนต์เกิดสัญญาณซื้อแล้ว ส่วนน้ำมันดิบ wti ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ ขาดไปหน่อย

ทางด้านอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อคืนเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัว  usd index ลดลงลงไป -0.8%  เงินยูโรและเงินสกุลอื่นๆแข็งค่า ทองคำก็ปรับตัวขึ้น เงินบาทก็แข็งค่าเช่นกัน

ลองมาดูตารางข้างล่างนี้กัน ตารางนี้เป็นค่า PMI (Purchasing Manager Index) แปลตามตัวคือดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ แต่ความหมายของดัชนีนี้คือเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของภาคการผลิตและบริการ โดยตารางข้างล่างนี้เป็นค่า PMI ของภาคการผลิต (ภาคอุตสาหกรรม) ของประเทศต่างๆในกลุ่มยูโรโซนเมื่อเดือนกันยายน






ปกติค่านี้ไม่ควรต่ำกว่า 50 หากต่ำกว่า 50 ก็ถือว่าแย่แล้ว เศรษฐกิจย่ำแย่ ทีนี้ลองดูค่า pmi ชาติต่างๆในกลุ่มยูโรโซนดู มีเพียงสองประเทศเท่านั้นคือไอร์แลนด์กับเนเธอแลนด์ที่ตอนนี้มีค่า pmi เกิน 50 แม้แต่เยอรมนีก็ยังแย่ คือได้ 47 จุดกว่าๆ

แต่อย่างไรก็ตาม ในข่าวร้ายก็มีข่าวดี นั่นคือ ดัชนีนี้ค่อยๆกระเตื้องขึ้น ช่วงนี้กลุ่มยูโรโซนก็เอาข่าวเหล่านี้มาเล่นกันและทำให้ดัชนีของกลุ่มยูโรโซนค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซนยังย่ำแย่อยู่

สำหรับด้านสหรัฐอเมริกาก็เช่นกัน ปัญหาต่างๆยังรออยู่อีกมาก ลองดูประเทศญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ญี่ปุ่นเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมาแล้วกว่า 20 ปี จนเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่พ้นจากหล่ม ว่าจะดีขึ้นก็มีวิบากกรรมเกิดขึ้นมาขัดขวาง ญี่ปุ่นใช้เวลาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ 20 กว่าปียังไม่สำเร็จ แล้วยูโรโซนกับสหรัฐอเมริกาจะให้แก้ปัญหาในเวลาเพียงไม่กี่เดือนคงเป็นไปไม่ได้ ที่จริงความถดถอยของกลุ่มยูโรและ สรอ ในตอนนี้เป็นผลมาจากช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2007-2008 ที่จนบัดนี้ยังตามแก้กันไม่หมดนั่นเอง ก็ลองคิดดูว่าสี่ห้าปีมาแล้วยังแก้ไม่ได้ แล้วในอีกไม่กี่เดือนจะแก้ได้อย่างไร

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจริงจะเป็นแบบหนึ่ง แต่ตลาดทุนตอนนี้เป็นอีกแบบหนึ่ง ทั้งตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นเอาๆ ลุงแมวน้ำเป็นนักลงทุนทางสายปัจจัยเทคนิค ขาขึ้นก็ต้องว่าขึ้น ไม่ต้องพยายามหาข่าวหรือคำอธิบาย ปัจจัยพื้นฐานไม่ดีก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะตลาดขาขึ้นหลายๆครั้งก็หาคำอธิบายให้สมเหตุผลไม่ได้ ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงบอกว่าบางทีไม่ต้องพยายามหาคำอธิบาย อย่างเช่นตอนนี้ ลุงแมวน้ำก็ว่ามันจะขึ้นได้อย่างไร แต่ด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคมองแล้วเป็นขาขึ้น ก็ต้องพยายามตัดอคติออกไป ต้องเทรดไปตามระบบ และหากต่อไปตลาดไหลลง เมื่อถึงสัญญาณขาย ลุงแมวน้ำก็หยุด เท่านั้นเอง

แต่ทางสายปัจจัยพื้นฐานหลายคนคิดว่าในที่สุดตลาดต้องไหลลงเพราะไม่รู้ว่าจะเอาปัจจัยอะไรไปทำให้ตลาดขึ้น บางคนก็เทรดฟิวเจอร์สโดยเปิดสัญญาขายหรือเทรดด้านชอร์ตเอาไว้ ลุงแมวน้ำอยากฝากเตือนว่าไม่ว่าสายปัจจัยพื้นฐานหรือสายปัจจัยทางเทคนิค ถึงอย่างไรก็ควรต้องมีจุดตัดสินใจหรือจุดตัดขาดทุนของตนเอง ไม่อย่างนั้นเกิดเหตุการณ์ไม่เป็นอย่างที่คิดจะเสียหายหนัก





ค่าเงินดอลลาร์ สรอ USD index (ดัชนีดอลลาร์ สรอ) อยู่ในแนวโน้มขาลง รีบาวด์ขึ้นมาหลายวันแต่ในที่สุดคงลงต่อ




ค่าเงินยูโร ที่จริงด้วยสถานะทางเศรษฐกิจของกลุ่มยูโร เงินยูโรน่าจะอ่อนลงต่อไป แต่จากกราฟ ถ้าเป็นทางเทคนิคก็ต้องบอกว่าขณะนี้น่าจะเป็นขาขึ้น




ราคาน้ำมันดิบ ก็เป็นแนวโน้มขาขึ้น ตอนนี้เกิดสัญญาณซื้อแล้ว แต่พิจารณาค่าฟิโบนาชชีแล้วยังต่ำไม่พอ ดังนั้นราคาอาจย่อลงได้อีกหน่อยจึงค่อยไปต่อ




ราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับมุมมอง หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น B ราคาทองคำคงไปได้ไม่เกิน 1900 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์ จากนั้นลงถล่มทลาย แต่หากมองว่าตอนนี้เป็นคลื่น 5 เราคงได้เห็นราคาทองคำถึง 2100 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์หรือมากกว่านั้น ระดับราคา 1900 คือจุดชี้วัด หากผ่านได้แสดงว่าเราอยู่ในคลื่น 5


ที่ลุงแมวน้ำเล่ามาในวันนี้ไม่ได้ต้องการเชียร์ให้ซื้อ เพียงแต่อยากย้ำว่า ในการเทรด พยายามใช้หลักการ อย่าใช้อคติ รวมทั้งหากใช้แนวทางของสายใดก็ใช้สายนั้น อย่าพยามยามเอาความรู้ข้ามสายมาผสมโดยที่ไม่รู้วิธีใช้อย่างแท้จริง เพราะนักลงทุนรุ่นใหม่หลายคนที่มักคิดว่า หากใช้ปัจจัยพื้นฐานผสมเทคนิคยิ่งแจ๋ว ยิ่งทำกำไรได้มาก ในความเห็นของลุงแมวน้ำไม่ใช่เช่นนั้น ผู้ที่จะใช้เทคนิคผสมพื้นฐานแล้วได้ประโยชน์คือผู้ที่เข้าใจและเลือกเครื่องมือได้ถูกต้องเท่านั้น เนื่องจากเห็นหลายคนเทรดฟิวเจอร์สด้านชอร์ตแล้วไม่ยอมปิดเพราะคิดว่าตลาดกำลังจะลงลุงแมวน้ำก็อดเป็นห่วงไม่ได้