Saturday, June 30, 2012

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ฟ้าทะลายโจรต้านหวัด





หลังจากที่น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 สมาชิกในคณะละครสัตว์ก็วุ่นวายต่อเนื่องกันมาอีกหลายเดือนทีเดียว สวนหลังโรงละครสัตว์ที่เคยสวยงามและลุงแมวน้ำแอบไปทำสวนครัวเล็กๆเอาไว้ก็ไม่มีใครดูแล แม้แต่ลุงแมวน้ำเองก็ไม่มีเวลาไปดูแลเท่าไร จนทำให้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญคืองูเหลือมสาวเข้ามานอนอ้วนพีอยู่เป็นเวลาหลายเดือน ดังที่ลุงแมวน้ำเคยเล่าให้ฟังไปแล้ว

หลังจากที่ปรึกษากันอยู่นาน ว่าจะปรับปรุงสวนตอนนี้ดีหรือไม่ ชาวคณะละครสัตว์ก็คิดเห็นกันไปคนละทาง บ้างก็บ้างก็ว่าปรับปรุงตอนนี้เลย สมาชิกในคณะจะได้ใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจหลังการแสดงและในวันหยุด บ้างก็บอกว่าอย่าเพิ่งปรับปรุง ให้ดูไปก่อนว่าปีนี้น้ำจะท่วมอีกหรือไม่ จะได้ไม่เสียแรงเปล่า บ้างก็ว่าอย่าปร้บปรุงเลย พวกนี้มาในแนวขี้เกียจคือไม่อยากออกแรงให้เหนื่อย และบ้างก็ว่ายังไงก็ได้ ขอตามเสียงส่วนใหญ่

หลังจากประเมินสถานการณ์กันแล้ว คาดว่าปีนี้ฝนน่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นสมาชิกคณะละครสัตว์จึงตัดสินใจปรับปรุงสวนไปเลยในตอนปลายเดือนพฤษภาคม ด้วยคะแนนเสียงที่มากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และหลังจากนั้นก็ช่วยกันปรับปรุงสวนกันคนละไม้ คนละมือ ตัวละครีบ ฯลฯ ลุงแมวน้ำเคยบอกว่าจะเอาภาพสวนที่ปรับปรุงแล้วมาให้ดู วันนี้เลยไปถ่ายมาให้ดูกัน ภาพนี้เป็นมุมหนึ่งในสวนหลังคณะละครสัตว์ ทำเป็นมุมไม้น้ำเล็กๆ ตามภาพด้านบน

ตอนที่ปรับปรุงสวนนั้นใครๆก็พากันบ่นลุงแมวน้ำ เนื่องจากลุงแมวน้ำปลูกต้นไม้ใส่กระถางขนาดต่างๆเอาไว้เต็มสวนไปหมด เวลาวางกระถางมากมายลงไปในสวนแล้วทำให้สวนดูรก ทุกตัวจึงพร้อมใจกันเนรเทศกระถางต้นไม้ของลุงแมวน้ำมารวมกันไว้ที่มุมสวนมุมหนึ่ง แล้วบอกให้ลุงแมวน้ำไปหาทางจัดการเอาเอง เนี่ย ลุงแมวน้ำยังหาทางจัดการกับไม้กระถางทั้งหลายนี้ไม่ได้เลย จะเอาไปวางในสวนอีกก็ไม่มีใครยอม ฮือ ใจร้ายกันจัง และช่วงนี้ลุงมีเวลาดูแลสวนน้อยลงไปอีกเพราะต้องศึกษาเรื่องการทำธุรกิจ ก็เลยหมกกระถางต่างๆเอาไว้ตรงนั้นก่อน แต่ก็พยายามรดน้ำ ใส่ปุ๋ยบ้าง แต่ต้นไม้ต่างๆก็โทรมลงทุกวันเพราะอยู่กันอย่างแออัด แสงแดดไม่พอ แล้วอยู่เบียดๆกันนี่เวลามีโรคหรือแมลงลงก็มีโอกาสโดนกันถ้วนหน้า

หลายวันก่อนลุงแมวน้ำเป็นหวัด จึงนึกถึงสมุนไพรแก้หวัดชนิดหนึ่งขึ้นมา ลุงแมวน้ำปลูกเอาไว้ต้นหนึ่ง นั่นคือต้น ฟ้าทะลายโจร ลุงแมวน้ำใช้ได้ผลดี ดังนั้นจึงคิดจะนำมาเขียนให้พวกเราอ่านกันในวันหยุด เพราะว่าช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง มีคนเป็นหวัดกันไม่น้อยทีเดียว แถมบางคนยังเป็นโรคหวัด 2009 อีกด้วย หลังจากนั้นก็ไปรื้อกองกระถางจนได้ต้นฟ้าทะลายโจรที่ปลูกเอาไว้มาเพื่อถ่ายรูป แต่เห็นฟ้าทะลายโจรแสนรักของลุงแมวน้ำแล้วก็ใจหาย เดิมนั้นต้นใหญ่ เขียวสวยเชียว แต่ตอนนี้มันแห้งตายไปเกือบหมด เหลือต้นอ่อนที่ยังรอดอยู่เพียงต้นเดียว :-(




ฟ้าทะลายโจรนี้ทำไมจึงชื่อฟ้าทะลายโจรลุงแมวน้ำก็ไม่ทราบเหมือนกัน ยังหาความเป็นมาไม่พบ คำนี้ต้องเขียนว่า ฟ้าทะลายโจร ไม่ใช่ ฟ้าทลายโจร เราลองมาทำความรู้จักกับพืชชนิดนี้กันก่อน

ฟ้าทะลายโจรนั้นเป็นพืชล้มลุก ต้นเตี้ย ตระกูลเดียวกับกะเพรา โหระพา และต้อยติ่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า แอนโดรกราฟิส แพนิคัลลาตา (Andrographis paniculata) ต้นสูงประมาณ 30 ซม. ถึง 70 ซม. มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดียและศรีลังกา แต่พบได้ทั่วไปในเอเชียใต้และเอเชียอาคเนย์ อาทิ จีน อินเดีย ไทย มาลเซีย ฯลฯเป็นสมุนไพรที่ชาวอินเดียใช้เป็นยามานานแล้วตามแนวการแพทย์แบบอายุรเวท ใช้แก้ไข้ แก้อักเสบ แก้พิษงู ต่อมาก็ไปแพร่หลายในประเทศจีน โดยจีนมีชื่อเรียกพืชชนิดนี้หลายอย่าง แต่ชื่อที่นิยมและรู้จักกันดีก็คือชวนซินเหลียน (สำเนียงแมนดาริน หากเป็นสำเนียงแต้จิ๋วเรียกชวงซิมเน้ย)

สรรพคุณหลักของฟ้าทะลายโจรในประเทศจีนนั้นได้แก่ แก้ติดเชื้อ แก้อักเสบ แก้ไข้ แก้หวัด และเป็นยาเจริญอาหาร ทางการแพทย์จีนนั้นมีการศึกษาค้นคว้าวิจัยฟ้าทะลายโจรกันมาก และจัดฟ้าทะลายโจรเป็นยาสมุนไพรพื้นฐานชนิดหนึ่ง นอกจากมีในรูปของยาเม็ดสมุนไพรแล้วยังมีการผลิตในรูปสารสกัดและยาฉีดอีกด้วย




สำหรับในประเทศไทยนั้น แนวทางการแพทย์แผนไทยใช้ทะลายโจรแก้ไข้ แก้บิด (หมายถึงอาการปวดท้อง ทองเดิน) แก้ไข้ แก้หวัด แก้ฝี แก้งูสวัด แก้เริม ฯลฯ โดยสมุนไพรฟ้าทะลายโจรนี้ในประเทศไทยมีชื่อท้องถิ่นอยู่หลายชื่อ เช่น หญ้ากันงู (สงขลา) ฟ้าละลายโจร (กรุงเทพฯ) ฟ้าสาง (พนัสนิคม) เขยตายยายคลุม (โพธาราม) สามสิบดี (ร้อยเอ็ด) เมฆทะลาย (ยะลา) ฟ้าสะท้าน (พัทลุง) น้ำลายพังพอน ฯลฯ

สำหรับชื่อ เขยตายยายคลุม นั้นระวังอย่าสับสนกับชื่อสมุนไพร เขยตายแม่ยายชักปรก หรือ เขยตายแม่ยายปรก นั่นคนละต้นกัน แต่ก็น่าสังเกตว่าต้นเขยตายแม่ยายปรกนั้นตามตำราสมุนไพรไทยมีฤทธิ์แก้พิษ ส่วนต้นเขยตายยายคลุม (ฟ้าทะลายโจร) นั้นตามตำราสมุนไพรไทยและอินเดียก็ใช้แก้พิษเช่นกัน ชื่อและสรรพคุณที่คล้ายคลึงกันนี้อาจมีส่วนสัมพันธ์กันก็เป็นได้

เนื่องจากฟ้าทะลายโจรนั้นเป็นสมุนไพรที่ใช้ได้ผลดี ดังนั้นจึงมีการค้นคว้าวิจัยกันมากถึงสรรพคุณ สารออกฤทธิ์ และกลไกการออกฤทธิ์ ในเชิงวิทยาศาสตร์ รวมทั้งมีการวิจัยทางคลินิกสนับสนุน จึงทำให้เรามีความรู้เกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรในเชิงวิทยาศาสตร์ค่อนข้างดีทีเดียว สรรพคุณของฟ้าทะลายโจรที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์สนับสนุนได้แก่

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้ ทำให้บรรเทาอาการปวดท้องและถ่ายท้อง
  • ฤทธิ์ต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคท้องเสียบางชนิด
  • ฤทธิ์ลดอาการอักเสบโดยไปยับยั้งไซโตไคน์ (cytokine) อันเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นในกระบวนการอักเสบ
  • ฤทธิ์สร้างภูมิต้านทาน มีงานวิจัยทางคลินิกรายงานว่าฟ้าทะลายโจรสามารถเพิ่มปริมาณ CD4 ในกรณีผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่องได้ด้วย
  • ฤทธิ์ลดไข้
  • ฤทธิ์ป้องกันไข้หวัด
  • ฤทธิ์บรรเทาอาหารเจ็บคอ บรรเทาอาการหวัด ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส

ใบฟ้าทะลายโจร มีสารเคมีประกอบอยู่หลายประเภท แต่ที่เป็นสาระสำคัญในการออกฤทธิ์ คือ สารกลุ่มแลกโทน (lactone) คือ สารแอนโดรกราโฟไลด์ (andrographolide), สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ (neo-andrographolide), สาร 14-ดีออกซีแอนโดรกราโฟไลด์ (14-deoxy-andrographolide)

สรรพคุณสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่ลุงแมวน้ำอยากพูดถึงก็คือสรรพคุณที่เกี่ยวกับไข้หวัด อันเป็นกลุ่มสรรพคุณที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดเนื่องจากเรามีโอกาสเป็นหวัดกันบ่อยๆทั้งไข้หวัดธรรมดา (common cold) และไข้หวัดใหญ่ (influenza)

จากการทดลองทางคลินิก อันหมายถึงการทดลองใช้ยากับมนุษย์ พบว่าการกินฟ้าทะลายโจรอย่างต่อเนื่องจะทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นหวัดลงได้ นี่เป็นผลในเชิงป้องกัน รวมทั้งหากในกรณีที่เป็นหวัดแล้ว เมื่อเริ่มมีอาการหวัด (สังเกตได้จากอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อย เจ็บคอเล็กน้อย) หากรีบกินฟ้าทะลายโจร อาการที่เป็นผลจากหวัด เช่น เป็นไข้ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ปวดหัว อ่อนเพลีย เหล่านี้จะไม่รุนแรงนัก

สมุนไพรฟ้าทะลายโจรนี่ไม่ใช่สมุนไพรธรรมดา เนื่องจากมีงานวิจัยสนับสนุนทั้งด้านเภสัชวิทยาและด้านคลินิกอยู่มากทั้งในและต่างประเทศ ตอนนี้ยาฟ้าทะลายโจรถูกจัดอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ สามารถใช้รักษาโรคได้ทัดเทียมยาฝรั่ง ซึ่งลุงแมวน้ำเห็นว่าดีกว่ายาฝรั่งเสียอีก ถือได้ว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่าของไทยชนิดหนึ่ง

จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำเอง เมื่อก่อนตอนที่เป็นหวัด ลุงแมวน้ำจะมีอาการเริ่มต้นคือครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดเมื่อย ปวดหัว และเจ็บคอเล็กน้อย หากไม่ทำอะไร ปล่อยให้อาการดำเนินไปเรื่อยๆ สักสามวันต่อมาอาการก็จะแย่ลง มีไข้ ปวดหัว อ่อนเพลีย และเจ็บคอมาก แต่ในระยะสองสามปีมานี้ เมื่อไรที่ลุงแมวน้ำเริ่มมีอาการหวัดดังกล่าว ลุงแมวน้ำก็จะกินยาฟ้าทะลายโจร (ปริมาณใช้ตามที่ระบุในฉลากข้างขวด) ร่วมกับวิตามันซีวันละ 2000 มิลลิกรัม กินไปเรื่อยๆ อาการก็จะหยุดอยู่แค่นั้นแหละ คือแค่ครั่นเนื้อครั่นตัวนิดหน่อย และเจ็บคอเล็กน้อย หลังจากนั้นอาการต่างๆก็จะหายไป กินต่อเนื่องสัก 7 วันก็หยุดกินได้

จากประสบการณ์ของลุงแมวน้ำ ฟ้าทะลายโจรนี่บรรเทาหวัดได้ดีกว่ายาพาราเซตามอล เพราะยาพาราเซตามอลทำได้แค่เพียงลดไข้เท่านั้น แต่ฟ้าทะลายโจรสามารถป้องกันและบรรเทาอาการหวัดได้ ข้อเสียของฟ้าทะลายโจรมีอยู่เพียงอย่างเดียวคือแพง เพราะฟ้าทะลายโจรแคปซูลราคาประมาณเม็ดละ 1 บาท ถึง 1.50 บาท วันหนึ่งกินตั้ง 12 เม็ด ค่ายาวันหนึ่งตกประมาณ 12-18 บาท  ราคาขึ้นอยู่กับยี่ห้อ มีผู้ผลิตมากมายหลายรายแต่ส่วนใหญ่ราคาก็มักจะประมาณที่ว่านี้ แต่ถ้ากินพาราเซตามอล ค่ายาวันหนึ่งเพียง 3-8 บาท เท่านั้น ดังนั้นจุดอ่อนที่ยาสมุนไพรของไทยไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นฟ้าทะลายโจร ขมิ้นชัน และยาอื่นๆที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องราคานั่นเอง

แต่ลุงแมวน้ำไปเจอยาเม็ดฟ้าทะลายโจรที่เป็นยาราคาประหยัดอยู่ยี่ห้อหนึ่ง เป็นยาเม็ดฟ้าทะลายโจรตราใบห่อ ใส่กล่องกระดาษ หน้าตาไม่สวย กล่องหนึ่งมี 80 เม็ด ราคา 20 บาท คิดแล้วราคาเม็ดละ 25 สตางค์หรือหนึ่งสลึงเท่านั้น ลุงแมวน้ำใช้แล้วก็ได้ผลดี บรรเทาอาการหวัดได้ดีทีเดียว และที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือไม่เป็นพิษต่อตับด้วย




จากภาพ ด้านซ้ายมือเป็นฟ้าทะลายโจรแคปซูล ตราอภัยภูเบศร์ ยี่ห้อนี้ใช้สมุนไพรจากแหล่งแบบเกษตรอินทรีย์ ส่วนด้านขวาเป็นตราใบห่อ

บางคนคงอยากถามว่าลุงแมวน้ำเล่าเรื่องปลูกฟ้าทะลายโจร แต่แล้วก็มาซื้อกิน ทำไมไม่เด็ดใบจากต้นที่ปลูกมากิน คำตอบก็คือมันขมมากกกกกกก ขมสุดๆ ขมกว่ามะระไม่รู้กี่เท่า (แต่ยังไม่ได้ลองเทียบกับบอระเพ็ด) ทนกินไม่ไหวหรอก ลุงก็ปลูกไปยังงั้นแหละ แต่เมื่อไรที่ต้องการใช้ก็ไปซื้อยาเม็ดมากิน

วันนี้คุยวิชาการเยอะหน่อย ก็เพราะรู้ว่าบางคนไม่เชื่อมั่นในยาสมุนไพร คิดว่าถึงอย่างไรก็สู้ยาแผนปัจจุบันไม่ได้ ก็เลยอยากสร้างความมั่นใจให้

ข้อควรระวังก็มีอยู่บ้าง สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมไม่ควรกิน รวมทั้งหากกินแล้วมีอาการท้องเดิน ใจสั่น วิงเวียน ให้รีบหยุดยา หากกินฟ้าทะลายโจรติดต่อกัน 3 แล้วยังไม่เห็นผล ก็ควรหยุดยาเช่นกัน

ช่วงนี้เป็นหน้าฝน มักเป็นหวัดกัน ลองหายาฟ้าทะลายโจรมาตรียมไว้บ้างก็คงไม่เลว

Friday, June 29, 2012

28/06/2012 * รอดูทิศทางราคาน้ำมันดิบในเดือนกรกฎาคม


การลงทุนและค่าเงิน 29/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 28/06/2012)



ช่วงนี้ลุงแมวน้ำวุ่นๆหน่อย เมื่อคืนอ่านเอกสารต่างๆจนปวดตา แก่แล้ว สายตาไม่ค่อยดี แต่โครงการหมอนข้างลุงแมวน้ำเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอีกหน่อย ^__^

วันที่ 28/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกไปกันคนละทาง มีทั้งปิดบวกและปิดลบ ระหว่างวันก็ผันผวนไปคนละแบบ สะท้อนให้เห็นสภาพไร้ทิศทางในช่วงสั้นๆนี้

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1171.32 จุด (+0.5%) ดัชนีในระหว่างวันก็แกว่งเอาเรื่อง ลงไป -5 จุด แล้วขึ้นไป +11 จุด จากนั้นท้ายตลาดปิด +5 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิอีก 2061 ล้านบาท

ตลาดฝั่งยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ ช่วงเปิดตลาดใหม่ๆลงแรงมาก นำโดยตลาดหุ้นอิตาลี แต่ท้ายตลาด ดัชนีของอิตาลีดีขึ้น กลุ่มยุโรปทั้งกลุ่มก็ค่อยรีบาวด์ขึ้นมาบ้าง ดัชนี DAX ของเยอรมนีตอนแรกลงลึก สุดท้ายปิด -1.3%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา บราซิลกับสหรัฐอเมริกาผันผวน เทรดกระดานเขียวสลับกระดานแดง สุดท้ายมาปิดแดง ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) -1.0% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา ลงไปลึกสุดประมาณ -150 จุด แต่มาดีขึ้นท้ายตลาด สุดท้ายปิดลบนิดเดียว -0.2%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 28/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ ไหลลงในช่วงเช้า (เวลาบ้านเรา) ตั้งแต่บ่ายจนกลางคืนปรับตัวขึ้นแรงแล้วทรงอยู่อย่างนั้น ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 82.3 จุดถึง 82.9 จุด เงินสกุลยุโรปอ่อนค่าเพียงเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส -0.15%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่อ่อนค่าเล็กน้อย ดอลลาร์ออสเตรเลีย -0.3% บาท -0.2% ดอลลาร์สิงคโปร์ -0.2% ยกเว้นเยน เงินเยนแข็ง +0.4%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มน้ำมันดิบอ่อนตัวในช่วงบ่ายเป็นต้นมา wti -1.8% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ -1.6% ด้านทองคำ -1.5% ทองแดงทรง -0.4% โลหะเงิน -2.4% กสินค้าเกษตรวันนี้ปรับลงแต่ไม่มาก ดัชนีสินค้าเกษตร 80.6 จุด (-0.6%)

เช้านี้ (29/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 81.75 จุด เงินยูโร 1.244 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.35 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.90 บาท/ดอลลาร์ สรอ เงินบาทใกล้แตะ 32 บาท/ดอลลาร์ สรอแล้ว

น้ำมันดิบ wti 78.4 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 92.0 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1553 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์

จับตาดูราคาน้ำมันดิบ เท่าที่ลุงแมวน้ำอ่านข่าว ตอนนี้นักวิเคราะห์มองเป็นสองขั้ว ขั้วหนึ่งคาดว่าน้ำมันดิบ wti ในช่วงครึ่งปีหลังนี้อาจลงไปถึงประมาณ 60 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัว แต่อีกขั้วหนึ่งมองตรงกันข้าม โดยคิดว่าเดือนกรกฎาคมนี้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะเริ่มใช้ ดังนั้นต่อไปอุปทานน้ำมันจะน้อยลง ราคาน้ำมันดิบน่าจะขึ้นได้ เพราะโอเปกเองก็ไม่คงไม่อยากเห็นราคาน้ำมันต่ำมากเกินไปเพราะจะไปกระทบกับรายได้เข้ารัฐ ดังนั้นจึงอาจผสมโรงโดยไม่เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อดันราคาน้ำมันดิบเอาไว้ในอยู่ในราคาที่ตนเองพอใจ คือราวๆ 80-90 ดอลลาร์ สรอ

ในทางการวิเคราะห์ทางเทคนิค ก็ยังเช่นเดิม ตอนนี้ราคาน้ำมันดิบเป็นแนวโน้มขาลงอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ถึงใช้เทคนิคก็คงต้องรอดูเดือนกรกฎาคมนี้เช่นกัน ว่าราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงจนมีผลต่อรูปแบบทางเทคนิคหรือไม่ หากเปลี่ยนก็ต้องปรับมุมมองใหม่



Wednesday, June 27, 2012

27/06/2012 * ลงทุนอะไรดีในคลื่นเศรษฐกิจ C (2)



เมื่อวานและเมื่อคืนตลาดหุ้นทั่วโลกทรงตัว ส่วนใหญ่ปิดแบบบวกนิดลบหน่อย สินค้าโภคภัณฑ์ขึ้นต่อไปเล็กน้อย น้ำมันดิบ สินค้าเกษตรขึ้น ส่วนทองคำอ่อนตัว ทางด้านค่าเงินหรืออัตราแลกเปลี่ยน เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าเล็กน้อย เงินตราสกุลยุโรปอ่อนตัวเล็กน้อย ส่วนเงินตราสกุลเอเชียแปซิฟิกแข็งค่าเล็กน้อย

สำหรับตลาดบ้านเรา SET index ปิดที่ 1151.09 (+0.3%) ต่างชาติขายสุทธิ 923 ล้านบาท ขณะเดียวกันเงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อย -0.1%

วันนี้ลุงแมวน้ำขอสรุปตลาดเพียงคร่าวๆ จะขอสะสางบทความที่เขียนค้างเอาไว้ให้จบ จะได้สบายใจ นั่นคือเรื่อง ลงทุนอะไรดีในคลื่นเศรษฐกิจ C โปรดตามอ่านภาคแรกเสียก่อน จะได้ไม่งง ลงทุนอะไรดีในคลื่นเศรษฐกิจ C (1)

ขอทบทวนรูปภาพกันก่อน คราวที่แล้วเราดูภาพนี้กัน


กราฟเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ



ภาพนี้เป็นกราฟของอะไรหลายๆอย่างรวมกัน เรามาดูกรอบเวลากันก่อน ในภาพนี้กินเวลาตั้งแต่คลื่น A คลื่น B และคลื่น C ตามสมมติฐานที่ลุงแมวน้ำเคยนับคลื่นใหญ่เอาไว้ ที่จริงคลื่น A นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2007 แต่ว่าลุงแมวน้ำทำกราฟไปไม่ถึง ตัดตอนมาเริ่มที่ปี 2008 เลย

สินทรัพย์ที่เอามาเปรียบเทียบกันมี 4 อย่าง ก็คือ หุ้น ซึ่งลุงแมวน้ำใช้ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกาเป็นตัวแทนของสินทรัพย์ประเภทหุ้น ที่เห็นเป็นเส้นสีน้ำเงินใช้สัญลักษณ์ GSPC

นอกจากนี้ตัวแทนของหุ้นอีกตัวหนึ่งคือดัชนี DAX ของเยอรมนี เห็นเป็นเส้นสีเขียวอ่อนที่ล้อไปกับเส้นสีน้ำเงิน

สินทรัพย์อื่นก็มี คือ กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ (ใช้สัญลักษณ์ GLD เส้นสีเขียวเข้ม) น้ำมันดิบ (ใช้สัญลักษณ์ DBO เส้นสีน้ำตาล) และ สินค้าเกษตร (ใช้สัญลักษณ์ DBA เส้นสีฟ้า)

และมีพิเศษอีกหนึ่งเส้น คือเส้นสีแดง EDV เส้นนั้นคือ กองทุนพันธบัตร กองทุนนี้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันที่อายุประมาณ 20-30 ปีเป็นหลัก (คือดูเรชันสูง)

เรื่องกรอบเวลา จากในรูป โซนที่สีพื้นเป็นสีชมพูคือช่วงที่เป็นคลื่น A ส่วนโซนที่พื้นเป็นสีเขียวอ่อนคือช่วงที่เป็นคลื่น B ตามสมมติฐานของลุงแมวน้ำ และส่วนสุดท้าย โซนที่พื้นสีขาว คือช่วงที่ลุงแมวน้ำคาดว่าเป็นคลื่นเศรษฐกิจ C

ลุงแมวน้ำมองว่าคลื่น A กับ C นั้นมีลักษณะคล้ายกัน คือเป็นคลื่นขาลง เพียงแต่คลื่น C ยาวและอาจรุนแรงกว่า ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงมีสมมติฐานว่ารูปแบบทางเศรษฐกิจอะไรที่เกิดขึ้นในคลื่น A ก็น่าจะเกิดขึ้นในคลื่น C เช่นเดียวกัน

ลุงแมวน้ำสรุปจากความในตอนที่แล้ว ตามภาพบน มีความเห็นว่าในคลื่น A นั้น หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ (ทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าเกษตร) ปรับตัวลงหมด ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือพันธบัตรอเมริกันอายุยาวที่ราคาปรับตัวขึ้น (หมายถึงอัตราผลตอบแทนลดลง) เหตุการณ์น่าจะเป็นไปตามนี้ตลอดช่วงระยะเวลาของคลื่น A แต่แล้วก็มีเหตุการณ์แทรกซ้อนเข้ามา นั่นคือ การใช้มาตรการ QE1 ของเฟด ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลง ราคาพันธบัตรอ่อนตัวลง และทองคำกลับขึ้นแทน

ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงอนุมานเอาว่า ในสถานการณ์เศรษฐกิจคลื่น C หากไม่มีปัจจัยพิเศษมารบกวน เช่นการอัดฉีดเงินอย่างมโหฬารของเฟด พันธบัตรอเมริกันอายุยาวน่าจะเป็นที่พึ่งได้

ทีนี้มาดูกันต่อไปอีก อาจมีบางคนสงสัยว่าแล้วตลาดหุ้นเอเชีย และพันธบัตรเอเชียล่ะ หลายๆคนบอกว่าหากสหรัฐอเมริกากับยุโรปแย่ เงินจะไหลเข้ามาในเอเชีย นั่นคือโอกาสดีของตลาดหุ้นเอเชีย เราลองมาดูภาพต่อไปนี้กัน


กราฟเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ประเภทหุ้นและพันธบัตรเอเชียในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ



จากภาพ เส้นสีดำคือดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ดัชนี S&P 500 ส่วนสีแดงคือดัชนีเซ็ตของตลาดหุ้นไทย สีน้ำเงินคือดัชนีสเตรทส์ไทมส์ (Straits Times Index) ของตลาดหุ้นสิงคโปร์

สีส้มคือมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ของอะเบอร์ดีน AEOB ซึ่งลุงแมวน้ำใช้เป็นตัวแทนของพันธบัตรเอเชีย และสุดท้ายสีเขียวคือ SPC หรือหุ้นสหพัฒนพิบูลนั่นเอง ลุงแมวน้ำใช้เป็นตัวแทนของ defensive stock

จากภาพ จะเห็นว่าในคลื่น A นั้นสินทรัพย์อะไรก็ลงหมด ส่วน SPC ก็ลง แต่แล้วก็ขึ้นได้ ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงมีความเห็นแบบประวัติศาสตร์ย่อยซ้ำรอยเดิม นั่นคือ ในคลื่นเศรษฐกิจ C นั้นสินทรัพย์ประเภทหุ้นหรือพันธบัตรเอเชียนน่าจะไหลลงตามตลาดยุโรปและ สรอ จึงไม่น่าลงทุน ส่วนหุ้นดีเฟนซีฟนั้นลุงแมวน้ำคิดว่าก็ยังไม่แน่ว่าจะปลอดภัย เพราะว่าคลื่น C นั้นรุนแรงและยาวนานกว่าคลื่น A แม้หุ้นดีเฟนซีฟก็อาจทานไม่ไหวในท้ายที่สุด และอีกประการ หุ้นประเภทนี้สภาพคล่องน้อย หากเดือดร้อนต้องการเงินสดบางทีก็ขายไม่ได้ หรือขายได้แต่ขาดทุนมากเพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่อง ต้องถูกกดราคา ก็ต้องระวังเอาไว้บ้าง

คำถามต่อมาก็คือ หากจะลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนล่ะ ก็ลองดูภาพต่อไปนี้


กราฟเปรียบเทียบราคาสินทรัพย์ประเภทหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 




จากภาพ เส้นสีคำคือดัชนี S&P500 ของ สรอ เช่นเคย ส่วนสีแดงคือ SET Index ของตลาดหุ้นไทย เอาไว้ดูเปรียบเทียบ

เส้นสีน้ำตาลคือดัชนีดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (USD index)
เส้นสีส้มคือค่าเงินเยนของญี่ปุ่น (Japanese Yen, JY)
เส้นสีน้ำเงินคือค่าเงินยูโร (Eurocurrency, EC)
เส้นสีเขียวคือค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (Australian dollar, AD)

จากภาพ จะเห็นว่าดอลลาร์ออสเตรเลียที่ว่าแข็งมากก็่อ่อนค่าลงในช่วงคลื่น A ลงไปพร้อมกับตลาดหุ้น มีแต่เงินดอลลาร์ สรอ หรือ USD index เท่านั้นที่แข็งค่า แต่อย่างไรก็ตาม ผลจากการแทรกแซงของ QE1 ทำให้ usd index อ่อนค่าในเวลาต่อมา แต่ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือเงินเยนของญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มขาขึ้นมาโดยตลอด

ดังนั้นความเห็นของลุงแมวน้ำก็คือ ในคลื่น C เงินเยนน่าจะแกร่งที่สุด ผันผวนน้อยกว่าทองคำด้วย น่าจะพอฝากเนื้อฝากตัวได้ และหากไม่มีมาตรการแทรกแซงค่าเงินใดๆ เงินดอลลาร์ สรอ น่าจะเป็นที่พึ่งได้ แต่หากมีมาตรการ เช่น QE3 ก็ต้องมาดูกันอีกที

ด้านสินค้าเกษตรนั้นไม่แน่นอน ขึ้นกับภูมิอากาศและฤดูกาล หากมีปัจจัยคุกคามเกิดขึ้นสินค้าเกษตรจึงจะขึ้นได้ ไม่เช่นนั้นแล้วราคาก็คงเป็นขาลงตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ 

ทั้งหมดนี้ลุงแมวน้ำคาดการณ์โดยประเมินจากเหตุการณ์ในคลื่น A การคาดการณ์ก็คือยังไม่แน่ ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ ดังนั้นต้องเตรียมรับความกับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

ทางเลือกในการลงทุนที่ลุงแมวน้ำอยากแนะนำก็คือ ในคลื่นเศรษฐกิจ C การอยู่เฉยๆ ฝากเงินในกองทุนตลาดเงิน ได้ดอกเบี้ยนิดหน่อย แต่ก็สบายใจดี ถือเป็นทางเลือกในการลงทุน (หรือจะเรียกว่าพักการลงทุนก็ได้) ที่ดีที่สุด ขาลงไม่ต้องลงทุนก็ได้ เอาไว้ลงทุนตอนขาขึ้นก็ไม่สาย






Tuesday, June 26, 2012

25/06/2012 * หุ้นร่วง สินค้าเกษตรพุ่ง แต่อย่าเพิ่งตาม

ลุงแมวน้ำอัปเดตไม่ทันอีกแล้ว วันนี้สรุปเอาเฉพาะประเด็นไปก่อนละกัน

เมื่อคืนดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของ สรอ ร่วงไป -138 จุด (-1.1%) เยอรมนีร่วง -2.1% ดอลลาร์ สรอแข็งค่า น้ำมันร่วง ทองคำหล่น แต่น้ำมันกับทองคำมีรีบาวด์ท้ายตลาดบ้างจนปิดบวก ที่น่าสังเกตคือทั้งนำมันและทองคำตลอดคืนลงไม่มากทั้งที่ยุโรปกับ สรอ ลงไปพอสมควร

สาเหตุที่น้ำมันดิบ ทองคำ ร่วงไม่มากเพราะสินค้าโภคภัณฑ์กลุ่มสินค้าเกษตรพุ่งแรงมาก จนถึงให้สินค้าโภคภัณฑ์อื่นพลอยคึกคักไปด้วย สินค้าเกษตรขึ้นเกือบทุกตัว โดยเฉพาะตัวหลัก ข้าวสาลี ข้าวโพด ขึ้นประมาณ +8% ในวันเดียว สาเหตุจากปัจจัยภายใน สรอ เท่านั้น คือมีการคาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังนี้พื้นที่เพาะปลูกแถบมิดเวสต์ (midwest ชื่อมิดเวสต์แต่อยู่ค่อนไปทางตะวันออกของ สรอ ขำดี) จะแห้งแล้งและผลผลิตต่ำ เท่านั้นแหละ สินค้าเกษตรไปโลด

แต่อย่าเพิ่งตามนะคร้าบ ขึ้นแค่วันสองวันยังบอกอะไรไม่ได้ อาจแค่ตกใจเลยเด้งเท่านั้น ต้องดูไปก่อน วันนี้เอากราฟข้าวสาลีมาฝาก พรุ่งนี้จะพยายามเขียนรายละเอียดให้มากขึ้นครับ


กราฟราคาข้าวสาลี (W.1)

Monday, June 25, 2012

สรุปภาวะการลงทุนรอบสัปดาห์ 18/06/2012 - 22/06/2012 * ระยะสั้นยังไร้แนวโน้ม


สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีบทความเช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ เพราะลุงแมวน้ำมัวแต่หัวฟู เอ้อ ไม่ใช่สิ แมวน้ำไม่มีเส้นผมนี่ ตัวเป็นกลียวละกัน ก็ศึกษาเรื่องการทำอีคอมเมิร์ซ ไปได้ไม่ค่อยไวหรอก แต่สัปดาห์หน้ามีบทความแน่ คิดเอาไว้แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไร แต่ยังไม่บอกดีกว่าว่าเป็นสมุนไพรแก้หวัด

ในรอบสัปดาห์ที่ 18/06/2012 - 22/06/2012 นี้การลงทุนในภาพรวม ตลาดหุ้นต่างๆปรับตัวมีทั้งขึ้่นและลง ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดัชนีชี้วัดตลาดหุ้นที่ครอบคลุมระดับทั่วโลกก็ยังไม่เป็นไปในทางเดียวกัน Dow Jones Global Index ปรับตัวเพิ่ม +0.03% เรียกว่าทรงตัวดีกว่า ส่วน MSCI A/C World Index ปรับตัวลง -1.7% หากจะมองในระดับภูมิภาคแล้ว ทวีปอเมริกาและแอฟริกาเป็นกลุ่มที่มีตลาดลงมากกว่าขึ้น กลุ่มเอเชียกับยุโรปส่วนใหญ่มีตลาดขึ้นมากกว่าตลาดลง ตลาดหุ้นอียิปต์ โคลัมเบีย จีน กับรัสเซียปรับตัวลงค่อนข้างมาก ที่ขึ้นแรงเป็นตลาดหุ้นกรีซ ฟิลิปปินส์ ตุรกี

ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากับกลุ่มยูโรโซน ตลาดตอบรับข่าวดีเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งของกรีซไปเรียบร้อย พรรคฝ่ายขวาน่าจะกุมเสียงข้างมากได้แม้ว่าจะมากกว่าแค่เล็กน้อยก็ตาม แต่หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยข่าว ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาหรือเฟดไม่ยอมออกมาตรการ QE3 แต่ต่ออายุมาตรการ operation twist แทน และตามมาด้วยบริษัทจัดอันดับเครดิตปรับลดอันดับเครดิตธนาคารในยุโรปกว่าสิบแห่ง ตลาดหุ้นก็อ่อนตัวลง อ่านจากข่าวออนไลน์บอกว่าโลกกังวลกับการลดอันดับเครดิต แต่วันต่อมาตลาดหุ้นก็รีบาวด์ได้ ข่าวออนไลน์บอกว่านั่นการปรับลดเครดิตเกิดจากการพิจารณาข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีต นักลงทุนเข้าใจดีว่าเรื่องอดีตก็เป็นอดีต ไม่ใช่เรื่องอนาคต ตลาดหุ้นเลยขึ้น เอ๊ะ ยังไง

ถ้างงก็ดูแบบเทคนิค เอาเป็นว่าหากวิเคราะห์ทางเทคนิค เมื่อพิจารณาจากตัวชี้วัดแนวโน้มทางเทคนิคในระยะสั้น เช่น directional movement indicator ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่อยู่ในภาวะไร้ทิศทางหรือว่า trendless แต่หากใช้เครื่องมือประเภทเส้นแนวโน้ม (trendline) หรือการนับคลื่นอีเลียตซึ่งเป็นมุมมองในระยะกลางถึงระยะยาว แนวโน้มก็ยังเป็นขาลงอยู่

สำหรับตลาดหุ้นไทย สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ SET index ปรับตัวลง -1.1% แต่ว่าหุ้นในกลุ่ม SET50 เกิดสัญญาณซื้อเพิ่มขึ้นอีก 7 ตัว รวมแล้วตอนนี้มีสัญญาณซื้อ 31 ตัวแล้ว

ทางด้านตลาดตราสารหนี้ สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา อัตราผลตอบแทนของพันธบัตร สรอ 10 ปีเพิ่มขึ้น 10 จุดเบสิส (basis point) ตอนนี้อยู่ที่ 1.69% ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุ 10 ปี อยู่ที่ 3.56% หรือลดลง 3 จุดเบสิส

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์น้ำมันดิบกับโลหะมีค่า (ทองคำและโลหะเงิน) ร่วงหนัก ยางพาราร่วงแรง ส่วนสินค้าเกษตรอื่นส่วนใหญ่ขึ้น ที่แรงก็คือข้าวสาลี ข้าวโพด ขึ้นประมาณ +9%

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนหรือว่าค่าเงิน ดอลลาร์ สรอ แข็งค่าเล็กน้อย USD index +0.6% ในขณะที่เงินยูโรกับฟรังสวิสทั้งสัปดาห์อ่อนค่า -0.8% เงินเยนอ่อนตัวหนัก -2.2% เงินบาท -1.0% ดอลลาร์สิงคโปร์ -0.5%

สัปดาห์ที่ผ่านมานี้หากพิจารณาด้วยปัจจัยทางเทคนิคระยะสั้นก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน แต่แนวโน้มระยะกลางถึงยาวลุงแมวน้ำยังคงมองเช่นเดิม


กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ




ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆ

Thursday, June 21, 2012

20/06/2012 * ผลของ operation twist ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (2)


การลงทุนและค่าเงิน 21/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 20/06/2012)



วันที่ 20/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดเขียว ยกเว้นตลาดหุ้นจีน -0.3%

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1173.24 จุด (+0.01%) แทบไม่ไปไหน ต่างชาติซื้อสุทธิอีก 21 ล้านบาท

ตลาดฝั่งยุโรปทิศทางสับสน มีทั้งปิดบวกและปิดลบ ดัชนีเอเธนส์ คอมโพสิต ของกรีซเริ่มนิ่งแล้ว ดัชนี DAX ของเยอรมนีตอนแรกก็เหมือนจะขึ้นไม่ไหว แต่สุดท้ายปิด +0.5%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา บราซิลกับสหรัฐอเมริกาผันผวน เทรดกระดานเขียวสลับกระดานแดง สุดท้ายมาปิดแดง ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) -0.01% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา -0.1%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 20/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ ผันผวนไร้ทิศทาง ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 81.2 จุดถึง 81.7 จุด เงินสกุลยุโรปอ่อนค่าเพียงเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส -0.1%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่อ่อนค่าเล็กน้อย ดอลลาร์ออสเตรเลีย -0.2% เงินเยน -0.7% บาท -0.5% ดอลลาร์สิงคโปร์ -0.3%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มน้ำมันดิบทรงตัวในตอนกลางวัน (เวลาบ้านเรา) แต่อ่อนตัวตดอนดึก ราคาไหลลงอย่างรวดเร็ว wti -2.7% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ -3.3% ด้านทองคำ -1.1% ทองแดงทรง -1.7% โลหะเงิน -1.4% กลุ่มโลหะราคาไหลลงตามน้ำมันดิบเช่นกันแต่ว่าไม่แรงเท่า สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวขึ้นแรงต่อจากเมื่อวาน ดัชนีสินค้าเกษตร 77.60 จุด (+0.45%)

เช้านี้ (21/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 81.5 จุด เงินยูโร 1.268 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.48 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.56 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 80.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 92.6 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1604 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์

ราคาสินค้าเกษตรที่เห็นปรับตัวขึ้น โดยดัชนีสินค้าเกษตร 77.60 จุด (+0.45%) นั้นอย่าเข้าใจผิดว่าราคาสินค้าเกษตรสวนกระแสราคาน้ำมันดิบ เป็นดัชนีที่ยังไม่ได้ตอบสนองราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงมาต่างหาก ดังนั้นในวันนี้ 20/06/2012 น่าจะเห็นราคาสินค้าเกษตรร่วงลงมาตามราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบกลับทิศเป็นขาลงไปแล้ว ตอนนี้คงไม่ได้ทำคลื่น 4 ไป 5 ความเห็นของลุงแมวน้ำคิดว่าคลื่น 5 จบไปแล้ว โดยเกิดเป็นคลื่นล้มเหลว (failed wave 5 หรือ 5th wave failure pattern คลื่น 5 เตี้ยกว่าคลื่น 3) และเราน่าจะอยู่ในคลื่นขาลง A-B-C ถ้าเป็นดังนี้จริงราคาน้ำมันดิบยังลงได้อีกมาก ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนน้ำมันดิบ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมน้ำมันหรือลงทุนหุ้นที่อิงกับราคาพลังงานสูง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย ดัชนีของตลาดหุ้นไทยถ่วงน้ำหนักด้วยกลุ่มพลังงานสูง ดังนั้นทั้ง SET index และ SET50 index มักเป็นไปตามราคาหุ้นพลังงานตัวใหญ่ ต้องระวังตลาดหุ้นไหล ทองคำร่วง และดอลลาร์ สรอ รอบนี้คงเห็นค่าเงินบาทเกิน 32.0 บาท/ดอลลาร์ สรอ



ผลของ operation twist ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (2)



วันนี้เรามาคุยกันต่อเรื่องผลของมาตรการปรับพอร์ตตราสารหนี้ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกว่า Operation Twist ก่อนอื่นมาทบทวนกราฟและตัวชี้วัดต่างๆกันก่อน




(ภาพที่เห็นนี้ไม่เต็มภาพ ส่วนขวามองไม่เห็น ต้องคลิกที่ตัวภาพเพื่อให้เห็นได้ทั้งหมด)

  • เส้นสีม่วง 30 Year USTreasury Rate อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกันอายุ 30 ปี
  • เส้นสีเขียว 30 Year US Mortgage Rate อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 30 ปี
  • เส้นนี้ฟ้า เป็นตัวชี้วัดที่เรียกว่า US Housing Starts คืออัตราการก่อสร้างบ้านใหม่ ค่านี้มีหน่วยเป็นยูนิตต่อปี อัตราการก่อสร้างบ้านใหม่นี้หมายถึงว่าบ้านที่เริ่มมีการก่อสร้างแล้ว หากขออนุญาตก่อสร้างแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างก็ยังไม่นับ ตัวนี้ชี้วัดผลของ operation twist ได้ หากมาตรการได้ผลจริงค่า US housing starts จะต้องดีขึ้น
  • เส้นสีส้ม คือ US Unemployment Rate หรืออัตราการว่างงานของคนอเมริกัน ดัชนีนี้ใช้เสริมเพื่อวัดผลของมาตรการปรับพอร์ตตราสารหนี้ได้ โดยหากภาคอสังหาฯฟื้นตัว ก็จะมีการจ้างงานเพิ่ม
  • เส้นสีแดง เป็นดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา หากผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวต่ำทำให้ในระบบมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ประชาชนอาจมีแรงจูงใจในการออมน้อยลง หันมาลงทุนในตลาดทุนกันมากขึ้น

ตัวชี้วัดที่ลุงแมวน้ำเลือกมานี้เป็นเพียงแง่มุมหนึ่งที่สะท้อนผลงานของ opertion twist อย่างคร่าวๆ เป็นมุมมองของนักลงทุนรายย่อยเพื่อประเมินภาพคร่าวทางเศรษฐกิจเท่านั้น ก็บอกแล้วว่าแบบแมวน้ำๆ (^_^) หากจะประเมินอย่างละเอียดต้องใช้ตัวชี้วัดอื่นๆอีกมาก อย่างเช่นต้องไปดูเรื่องอัตราการรีไฟแนนซ์ เพราะมาตรการนี้ส่งผลเรื่องการรีไฟแนนซ์ด้วย หรืออาจต้องดูยอดการขายบ้านประกอบ เป็นต้น

ดูกราฟในช่วงเวลาที่มีมาตรการโอเปอเรชันทวิสต์จะเห็นว่าอัตราการก่อสร้างบ้านใหม่ (housing starts) ค่อยๆดีขึ้นจริงๆเมื่อเทียบกับช่วง QE2 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (เส้นสีม่วง) กับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านระยะยาว (เส้นสีเขียว) นั้นช่วงต้นจนถึงช่วงกลางของมาตรการยังเห็นไม่ชัดว่าลดลง ดูทรงๆมากกว่า แต่พอเข้าช่วงปลายมาตรการ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับดอกเบี้ยสินเชื่อจึงลดลงค่อนข้างเร็ว

ในความเห็นของลุงแมวน้ำ ผลของมาตรการนี้เห็นไม่ชัด แม้ว่าอัตราการก่อสร้างบ้านใหม่จะค่อยๆกระเตื้องขึ้นจริง แต่ข้อมูลล่าสุดอันเป็นอัตราในเดือนพฤษภาคม (ไม่มีในกราฟ ในกราฟมีแค่เมษายน) ก็ตกลงมาอีกหน่อยนึง ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรกับอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อนั้นลุงแมวน้ำดูจากกราฟแล้วน่าจะสัมพันธ์กับดัชนีตลาดหุ้นมากกว่า หมายคตวามว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงน่าจะเกิดจากตลาดหุ้นในยุโรปภูมิภาคอื่นๆตกและเงินไหลกลับเข้ามาที่ดอลลาร์ สรอ จึงไปกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกัน US bond yield curve มากกว่า

ส่วนทางด้านอัตราการว่างงาน ตลอดช่วง operation twist ก็ดูจะค่อยๆลดลงจริง แต่ว่าตอนนี้อัตราว่างงานก็ไม่ลงต่อแล้ว ประกอบกับอัตราว่างงานนี้ขึ้นกับบทนิยามด้วย พูดง่ายๆคือเล่นกับตัวเลขได้นิดหน่อย ดังนั้นจึงสรุปได้ยากเช่นกันว่าอัตราการว่างงานที่ลดลงเป็นผลจากมาตรการนี้

เมื่อมีผลดีก็มีผลเสีย ผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเมื่อหักอัตราเงินเฟ้อแล้วจะเป็นดังภาพต่อไปนี้




เส้นคู่บนคือเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เราดูกันไปเมื่อวาน อันเป็นค่าที่ยังไม่หักด้วยอัตราเงินเฟ้อ ส่วนเส้นคู่ล่างเป็นอัตราผลตอบแทนจริงที่หักเงินเฟ้อออกไปแล้ว จะเห็นว่าเมื่อก่อนที่จะใช้ operation twist อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุ 7 ปีขึ้นไปชนะเงินเฟ้อ ส่วนตอนนี้ต้องถือพันธบัตรอายุ 20 ปีขึ้นไปจึงจะชนะเงินเฟ้อ ดังนั้นการกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้ผู้ที่อยู่ในวัยเกษียณซึ่งส่วนใหญ่กินบุญเก่าคืออยู่ได้ด้วยดอกเบี้ยต่างๆเหล่านี้จะใช้ชีวิตลำบากยิ่งขึ้น

แม้ว่ามาตรการนี้ในความเห็นของลุงแมวน้ำจะมองว่าเห็นผลไม่ชัด เอาละ แม้จะคิดเสียว่าได้ผลบ้างก็ตาม แต่ถึงอย่างไรอัตราการกระเตื้องทางเศรษฐกิจก็ยังไม่ถูกใจคนอเมริกันอยู่ดี เพราะคิดว่าฟื้นแบบนี้ช้าเกินไป ต้องการอะไรที่เห็นผลเร็วกว่านี้

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากรูปการณ์แล้ว ดูเหมือนคนอเมริกันจะเสพติดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเสียแล้ว เปรียบเหมือนคนไม่สบายที่อยากแข็งแรงไวๆจึงไปหายาโด๊ปมากระตุ้น กระตุ้นแล้วกระชุ่มกระชวยขึ้นหน่อยก็เลยชอบ ต่อไปไม่กินก็ไม่ได้ จึงต้องโด๊ปแล้ว โด๊ปอีก

ขณะนี้เฟดตัดสินใจยืดมาตรการโอเปอเรชันทวิสต์ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน 2012 นี้ไปจนถึงสิ้นปี 2012 ในมุมมองของลุงแมวน้ำ... มองแบบแมวน้ำๆ... ยุโรปอยู่ในคลื่น C ใหญ่ รวมทั้งสหรัฐอเมริกาด้วย เศรษฐกิจน่าจะตกต่ำ ตลาดหุ้นตกต่อไป แม้ไม่ต่ออายุมาตรการนี้ออกไปถึงอย่างไรเส้น US bond yield curve ก็ต้องถูกกดลงอยู่แล้ว หมายความว่าสถานการณ์ในช่วงต่อไปคงทำให้ เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรและอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านน่าจะลดลงอยู่แล้ว แต่ด้านอัตราการว่างงานคงไม่ลด มีแต่เพิ่ม

ต่อไปราคาน้ำมันดิบคงร่วงได้อีก ดังนั้นเรื่องเงินเฟ้อคงยังไม่ต้องไปห่วงชั่วคราว คิดว่าตอนนี้ลุงเบนเฮลิคอปเตอร์เองคงยังคิดอะไรไม่ออก เพราะไม่มีใครรู้จริงหรอกว่าสถานการณ์ข้างหน้าจะเลวร้ายในระดับใด คงดูไปก่อน เมื่อเห็นอะไรชัดแล้วจึงค่อยมาคิดเรื่องวิธีการอีกที

แต่ในที่สุดเฟดคงต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ operation twist ออกมาอีก ซึ่งคงไม่ใช่เวลาอันใกล้นี้ เฟดเองมีบทเรียนมาแล้ว หากจะทุ่มทุนสร้างก็ต้องเลือกจังหวะเวลา การเลือกเวลาผิดนอกจากจะเสียเงินเปล่าแล้วยังอาจไปซ้ำเติมเศรษฐกิจให้เลวร้ายหนักยิ่งขึ้นโดยเฉพาะเรื่องหนี้สาธารณะ ดังนั้นเฟดเองคงต้องใช้เวลาประเมินปัจจัยรอบด้านรวมทั้งปัจจัยการเมืองภายในของ สรอ เองด้วยก่อนจะให้ยาแรง


อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 20/06/2012




ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 20/06/2012

Wednesday, June 20, 2012

19/02/2012 * ผลของ operation twist ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (1)


การลงทุนและค่าเงิน 20/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 19/06/2012)



วันที่ 19/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกจับทิศทางไม่ได้เพราะมีทั้งปิดเขียวและปิดแดง ที่ปิดลงลง เช่น ญี่ปุ่น -0.8% จีน -0.7% ที่ปิดเขียวก็มีอินเดีย +0.9% สิงคโปร์ +0.6% และไทย

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1173.09 จุด (+0.8%) มาแรงเอาในช่วงบ่าย แต่ต่างชาติขายสุทธิอีก 1037 ล้านบาท

ตลาดฝั่งยุโรปวันนี้ไม่สับสน เปิดตลาดเขียวอ่อนๆ เหมือนกับลังเลว่าจะไปทางไหนดี ลังลอยู่จนตลาดสหรัฐอเมริกาเปิดนั่นแหละจึงได้เริ่มวิ่ง ดัชนีเอเธนส์ คอมโพสิต ของกรีซยังขึ้นต่อ +3.8% ดัชนี DAX ของเยอรมนีปิด +1.8%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาวันนี้บราซิลกับสหรัฐอเมริกาเขียวสวย เทรดกันกระดานเขียวตั้งแต่ต้นจนปิดตลาด ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +1.9% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา +0.8% โดยมาอ่อนแรงท้ายตลาด

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 19/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 81.2 จุดถึง 82.0 จุด เงินสกุลยุโรปแข็งค่า เงินยูโรกับฟรังก์สวิส +0.9% เงินโครน +0.7% เงินโครนา +0.7%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ดอลลาร์ออสเตรเลีย +0.6% เงินเยน +0.2% บาท +0.1% ดอลลาร์สิงคโปร์ +0.3%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มน้ำมันดิบ wti +1.0% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ -0.2% น้ำมันดิบ wti ขึ้นเพราะตลาดหุ้น สรอ ขึ้น เป็นปัจจัยภายในของสหรัฐอเมริกา ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์สะท้อนภาวะตลาดโลกได้ดีกว่า ด้านทองคำ -0.4% ทองแดงทรง +1.1 โลหะเงิน -1.0% สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวขึ้นแรงต่อจากเมื่อวาน ดัชนีสินค้าเกษตร 77.28 จุด (+4.0%)

เช้านี้ (20/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 81.4 จุด เงินยูโร 1.268 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 78.85 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.44 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 83.9 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 95.7 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1620 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์



ผลของ operation twist ต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา (1)



วันก่อนลุงแมวน้ำเกริ่นเอาไว้ว่าจะมาคุยเรื่องการปรับพอร์ตตราสารหนี้ของธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาหรือที่เรียกว่ามาตรการโอเปเรชันทวิสต์ (operation twist) ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในสิ้นเดือนมิถุนายน 2012 นี้ วันนี้เราลองมาดูกันว่าผลจากมาตรการปรับพอร์ตตราสารหนี้นี้เกิดผลกับเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอย่างไรบ้าง ก็ดังที่เคยบอกว่าลุงแมวน้ำไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ดังนั้นก็คุยกันแบบแมวน้ำๆละกัน

อ้อ ที่จริงลุงแมวน้ำยังมีบทความค้างอยู่อีกเรื่องหนึ่ง มีแต่ตอน 1 ยังไม่มีตอน 2 แต่ขอคุยเรื่อง operation twist นี้ก่อนละกัน อยากคุยน่ะ ^__^

มาทบทวนกันสักเล็กน้อยก่อนว่ามาตรการ โอเปอเรชันทวิสต์ นี้คืออะไร ลุงแมวน้ำแนะนำให้ไปอ่านบทความเรื่อง Operation Twist เมื่อเฟดปรับพอร์ตตราสารหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นี้เสียก่อน จะได้เข้าใจบทความในวันนี้ได้ละเอียดยิ่งขึ้น แต่จะขอสรุปให้ฟังคราวๆว่าในช่วงต้นปี 2010 นั้น ขณะนั้นมาตรการ การผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบแรก (quantitative easing 1, QE1) สิ้นสุดลง และต่อมาธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาก็ยังไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอะไรอีก จนมาในราวปลายปี คือเดือนพฤศจิกายน 2010 เฟดก็ได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีก นั่นคือการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบสอง (QE2) หลังจากใช้ไปจนถึงราวกลางปี 2010 มาตรการนี้ก็สิ้นสุดลงอีก แต่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจยังไม่น่าพอใจ ชาวอเมริกันก็เรียกร้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก

เนื่องจากการอัดฉีดเงินแบบมาตรการ QE มีต้นทุนสูง และภาครัฐเองมีข้อจำกัดเรื่องการก่อหนี้สาธารณะ เฟดจึงหลีกเลี่ยงที่จะใช้มาตรการอัดฉีดเงินแบบ QE อีก แต่จะไม่ใช้มาตรการอะไรเลยก็คงไม่ได้ ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาจึงใช้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบลดต้นทุน นั่นคือ การปรับพอร์ตตราสารหนี้แทน โดยซื้อพันธบัตรอายุยาวเข้ามาในพอร์ตมากขึ้นและขายพันธบัตรอายุสั้น (อายุ 3 ปีหรือต่ำกว่านั้น) ออกมาในตลาดตราสารหนี้ เพื่อผลทางเศรษฐกิจก็คือการกดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านให้ต่ำลง (หากงงควรอ่านบทความเรื่อง Operation Twist เมื่อเฟดปรับพอร์ตตราสารหนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อน) ซึ่งเฟดมองว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบต้นทุนต่ำ แต่จะได้ผลมากน้อยเพียงใดในตอนที่ออกมาตรการนั้นก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้

มาถึงขณะนี้ก็กำลังจะสิ้นสุดโครงการอยู่แล้ว ตอนนี้คงพอเห็นผลแล้วละว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยเพียงใด เรามาดูกันไปทีละขั้น แล้วตอนท้ายลุงแมวน้ำจะสรุปให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง

วัตถุประสงค์ในขั้นต้นของมาตรการปรับพอร์ตตราสารหนี้ของเฟดนี้ก็เพื่อปรับเส้นอัตราผลตอบแทนให้แบนราบลง (to flatten yield curve) เราลองมาดูกันว่าตั้งแต่กันยายน 2011 จนถึงมิถุนายน 2012 นั้นเส้นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอเมริกันหรือว่า US bond yield curve แบนลงจริงหรือไม่ ลองดูภาพต่อไปนี้


ภาพเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ณ วันที่ 01/07/2011 กับ 18/06/2012



จากภาพ เส้นสีน้ำเงินเป็นเส้นอัตราผลตอบแทน ณ วันที่ 01/07/2011 ซึ่งเป็นเวลาก่อนหน้าที่เฟดจะใช้มาตรการ operation twist (ประกาศใช้เมื่อ 21/09/2011) รูปร่างของเส้นมีความชันอยู่พอสมควร นั่นคือ พันธบัตรอายุมากให้ผลตอบแทนสูงพอควร

ต่อมาดูที่เส้นสีเขียว เส้นสีเขียวนี้คือเส้นอัตราผลตอบแทน ณ วันที่ 18/06/2012 ซึ่งก็คือในปัจจุบันนี่เอง จะเห็นว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุยาวๆลดต่ำลง ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอายุสั้นๆก็เพิ่มขึ้นนิดหน่อย ดังนั้นโดยรวมแล้วเส้นอัตราผลตอบแทนในปัจจุบันแบนลงกว่าเมื่อก่อนหน้าใช้มาตรการนี้จริงๆ

แต่แม้ว่าเส้นอัตราผลตอบแทนจะเป็นไปตามทฤษฎีจริง แต่เรื่องที่เฟดและคนอเมริกันสนใจคงเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้อง ไม่ใช่เรื่องทฤษฎี ดังนั้นคงต้องมาดูกันว่ามาตรการนี้มีผลทางเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด

วัตถุประสงค์ของมาตรการ operation twist นี้คือกดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุยาวให้ต่ำลง ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรอายุยาว อย่างเช่น อายุ 30 ปี ฯลฯ เหล่านี้เป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อบ้านอีกทีหนึ่ง ดังนั้นเฟดหวังผลให้มาตรการนี้ไปกดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านให้ลดต่ำลงนั่นเอง

เหตุที่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านมีความสำคัญก็เพราะภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกานั้นเป็นภาคเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มีสัดส่วนในจีดีพีสูง อีกทั้งเกี่ยวข้องการการจ้างงานจำนวนมาก และที่เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาติดหล่มจนทุกวันนี้ก็เนื่องจากฟองสบู่ของภาคอสังหาริมทรัพย์แตกนั่นเอง ดังนั้นเฟดมองว่าการขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์ด้วยการกดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยให้ภาคอสังหาฯค่อยๆฟื้นตัว มีการลงทุนและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อภาคอสังหาฯดีขึ้น ภาคเศรษฐกิจอื่นๆก็จะได้รับอานิสงส์และดีขึ้นไปด้วย นี่คือมุมมองที่เฟดใช้มาตร operation twist นี้เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบประหยัดต้นทุน (หมายถึงต้นทุนของเฟดเอง)

ทีนี้ลองมาดูกันว่ามาตรการโอเปเรชันทวิสต์นี้ได้ผลตามที่คาดหวังเอาไว้หรือไม่ ลองดูภาพต่อไปนี้กัน


ผลของมาตรการ operation twist จากตัวชี้วัดที่สำคัญบางตัว



ภาพบนนี้ครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่ 03/2010 จนถึง 06/2012 แบ่งเวลาในภาพออกเป็นสามช่วง (ภาพที่เห็นนี้ไม่เต็มภาพ ส่วนขวามองไม่เห็น ต้องคลิกที่ตัวภาพเพื่อให้เห็นได้ทั้งหมด)

  • ช่วงแรก เป็นช่วงหลังจาก QE1 ที่ยังไม่มีมาตรการอะไรต่อ
  • ช่วงที่สอง เป็นช่วงที่ใช้ QE2
  • ช่วงที่สาม เป็นช่วงที่ใช้ operation twist

การที่เราจะประเมินผลของมาตรการนี้คงอาศัยความรู้สึกไม่ได้ แต่ต้องอาศัยตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวเป็นเครื่องบ่งชี้ ซึ่งลุงแมวน้ำเลือกมาดูกัน 5 ดัชนี นั่นคือ

  • เส้นสีม่วง 30 Year USTreasury Rate อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอเมริกันอายุ 30 ปี
  • เส้นสีเขียว 30 Year US Mortgage Rate อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน 30 ปี
  • เส้นนี้ฟ้า เป็นตัวชี้วัดที่เรียกว่า US Housing Starts คือ อัตราการก่อสร้างบ้านใหม่ ค่านี้มีหน่วยเป็นยูนิตต่อปี อัตราการก่อสร้างบ้านใหม่นี้หมายถึงว่าบ้านที่เริ่มมีการก่อสร้างแล้ว หากขออนุญาตก่อสร้างแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างก็ยังไม่นับ ตัวนี้ชีวัดผลของ operation twist ได้ หากมาตรการได้ผลจริงค่า US housing starts จะต้องดีขึ้น
  • เส้นสีส้ม คือ US Unemployment Rate หรือ อัตราการว่างงานของคนอเมริกัน ดัชนีนี้ใช้เสริมเพื่อวัดผลของมาตรการปรับพอร์ตตราสารหนี้ได้ โดยหากภาคอสังหาฯฟื้นตัว ก็จะมีการจ้างงานเพิ่ม
  • เส้นสีแดง เป็นดัชนี S&P 500 ใช้เป็นตัวแทนของ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา หากผลตอบแทนพันธบัตรอายุยาวต่ำทำให้ในระบบมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ประชาชนอาจมีแรงจูงใจในการออมน้อยลง หันมาลงทุนในตลาดทุนกันมากขึ้น

ลุงแมวน้ำขอเก็บไว้คุยต่อวันถัดไป ตอนนี้สายแล้ว เขียนให้จบไม่ทันคร้าบ



ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 19/06/2012




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 19/06/2012

Tuesday, June 19, 2012

18/06/2012 * DAX ของเยอรมนีเกิดสัญญาณซื้อ, ระวังตลาดหุ้นไทย



การลงทุนและค่าเงิน 19/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 18/06/2012)



วันที่ 18/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกปรับตัวขึ้นเขียวสวย ญี่ปุ่นยามเช้าขึ้นไปราวๆ +2% ทั้งนี้ เนื่องจากผลการเลือกตั้งของกรีซ ตลาดหุ้นย่านเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียว ยกเว้นเพียงตลาดหุ่นอินเดียกับไทยที่แดง

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1163.41 จุด (-0.2%) ต่างชาติขายสุทธิอีก ต่างชาติขายสุทธิติดต่อกันหลายวันเริ่มมีนัยสำคัญขึ้นมาแล้ว

ตลาดฝั่งยุโรปก็วันนี้สับสนเช่นเคย ตอนแรกก็เขียวสวยแต่พอใกล้ปิดตลาดก็ไปกกันคนละทาง สุดท้ายปิดแบบบวกนิดลบหน่อย ดัชนีเอเธนส์ คอมโพสิต ของกรีซพุ่งไป +3.6% ดัชนี DAX ของเยอรมนีปิด +0.3% ส่วน CAC40 ของฝรั่งเศส -0.7% วันนี้ดัชนี DAX เกิดสัญญาณซื้อ (แค่บอกเฉยๆ สัญญาณซื้อก็ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้น เพราะสัญญาณซื้อในตลาดขาลงในที่สุดก็กลายเป็นสัญญาณหลอก false signal)

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาวันนี้บราซิลกับสหรัฐอเมริกาไปกันคนละทาง ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +0.3% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา -0.2%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 18/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ ปรับตัวขึ้นเนื่องตลอดทั้งวัน วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบกว้าง ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 81.3 จุดถึง 82.2 จุด เงินสกุลยุโรปอ่อนค่าเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส -0.5% เงินโครน -0.4% เงินโครนา -0.2%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ดอลลาร์ออสเตรเลีย +0.5% เงินเยนอ่อน -0.5% บาท +0.03% ดอลลาร์สิงคโปร์ +0.06% ทั้งเงินบาทและเงินสิงคโปร์ปรับตัวน้อยมาก

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบปรับตัวลงมากพอควร wti -1.2% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ -1.9% ด้านทองคำกับทองแดงทรงตัว โลหะเงิน -0.4% สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวขึ้นแรง ดัชนีสินค้าเกษตร 74.32 จุด (+2.3%)

เช้านี้ (19/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 81.9 จุด เงินยูโร 1.259 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.09 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.46 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 83.1 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 96.0 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1627 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์

yield curve หรืออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวลดลงตลอดทั้งเส้น พันธบัตรอายุ 5,7,10 ปี ลดลงหมด ส่วนหนึ่งบ่งชี้ว่าเงินอาจออกจากตลาดหุ้นไปเข้าตลาดพันธบัตร ประกอบกับฝรั่งขายต่อเนื่องแล้ว ระวังตลาดหุ้นไทยไว้ด้วยนะคร้าบ





Monday, June 18, 2012

สรุปตลาดรอบสัปดาห์ 11/06/2012 - 15/06/2012 * US Bond Yield ไม่ยอมขึ้น



วันนี้ลุงแมวน้ำมาสาย มัวแต่เตรียมข้อมูล

ในรอบสัปดาห์ที่แล้วการลงทุนในภาพรวม ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นโดยเฉพาะในช่วงปลายสัปดาห์เนื่องจากกะเก็งเรื่องผลการเลือกตั้งของกรีซกัน ซึ่งพรรค ND กับปาสก ที่เป็๋นฝ่ายสนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด ได้ สส. ในสภาเกินครึ่งมาอย่างเฉียดฉิว สรุปแล้วตลอดสัปดาห์ดัชนีตลาดหุ้นระดับโลก คือ Dow Jones Global Index และ MSCI All Country World Index ปรับตัวขึ้นประมาณ +1.5% ตลาดหุ้นหลายตลาดเกิดสัญญาณซื้อ รวมทั้งภาคธุรกิจต่างๆก็ทยอยเกิดสัญญาณซื้อ ตลาดหุ้นไทยดัชนีเซ็ตปรับตัวขึ้น +3.4% และหุ้นในกลุ่ม SET50 เกิดสัญญาณซื้อหลายตัวอยู่เหมือนกัน

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน น้ำมันดิบเบรนต์ปรับตัวลง แต่น้ำมันดิบ WTI ขึ้นนิดหน่อย สินค้าเกษตรมีทั้งลงและขึ้น ส่วนทองคำปรับตัวขึ้น ราคายางพาราปรับตัวขึ้นแรง

ด้านอัตราแลกเปลี่ยนหรือว่าค่าเงิน ดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวลงเล็กน้อย ประมาณ -0.7% ในขณะที่เงินยูโรกับเงินเยนแข็งค่าขึ้นราว +1.1% เงินบาท +0.7% ดอลลาร์สิงคโปร์ +1.0%

ที่จริงเมื่อดูภาพรวมแล้วดูเหมือนกับว่าจะดี สัญญาณซื้อก็ทยอยเกิดขึ้น แต่ลุงแมวน้ำติดใจอยู่เพียงตัวเดียว นั่นคือ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอเมริกันอายุ 10 ปี (10 yr US Bond yield) และอายุ 30 ปี ล้วนแต่ปรับตัวลดลงสวนทางกับตลาดหุ้น แสดงว่าแม้ว่าตลาดหุ้นขึ้นแต่มีแรงซื้อเข้ามาในพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน ซึ่งในความเห็นของลุงแมวน้ำเป็นข้อควรระวังที่สำคัญทีเดียว เพราะสะท้อนให้เห็นว่าตลาดหุ้นกับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ไม่มั่นคงแล้ว อีกประการในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมเฟด (FED) นักวิเคราะห์บางส่วนลุ้นว่าลุงเบนจะส่งสัญญาณเรื่อง QE3 หรือไม่ แต่ความคาดหวังเหล่านี้ก็ยังไม่ทำให้ US bond yield ขยับสูงขึ้น ดังนั้นควรเผื่อใจและระวังตลาดหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์อาจไหลลงได้ในเร็วๆนี้

หากวิเคราะห์ทางเทคนิคแล้วก็สอดคล้องกัน เพราะว่าเรายังอยู่ในคลื่น C การเด้งขึ้นของตลาดหุ้นนั้นเป็นเพียง reactive wave ซึ่งก็เหมือนกับการปรับฐานในตลาดขาขึ้น (ขาขึ้นปรับฐานก็คือย่อลงมา ส่วนขาลงเมื่อปรับฐานก็คือเด้งขึ้นไป) ซึ่ง reactive wave นี้เมื่อจบแล้วก็จะเข้าสู่คลื่นขาลงอันเป็น motive wave ต่อไป



อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอเมริกัน 10 ปี ลดต่ำลงแม้ตลาดหุ้นจะขึ้น ซึ่งไม่ค่อยปกติ





กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ
 




ตารางหุ้น ฟิวเจอร์ส และกองทุนรวม และค่าสถิติต่างๆ

Saturday, June 16, 2012

เช้าวันหยุดกับลุงแมวน้ำ ทำโยเกิร์ตโพรไบโอติกสูตร (เกือบ) เจกินเองกันดีกว่า (ตอนที่ 3), ฝันครั้งใหญ่ของลุงแมวน้ำ



ไม่น่าเชื่อว่าลุงแมวน้ำเขียนเรื่องการทำโยเกิร์ตกินเองที่บ้าน เดิมทีก็ว่าจะเขียนจบในตอนเหมือนทุกครั้ง เช้าวันหยุดพออ่านจบก็ไปทำกินกันเลย แต่ทำไปทำมาไหงลากยาวมาจนถึงตอนที่ 3 ได้ก็ไม่รู้ แต่วันนี้ยังไงต้องจบแน่

เท่าที่ลุงอ่านวิธีทำโยเกิร์ตกินเอง ส่วนใหญ่ต้องมีขั้นตอนต้มนม ต้มขวด อะไรพวกนี้ ซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก บางรายก็ใช้เครื่องทำโยเกิร์ต เป็นเครื่องแบบทำกินเองที่บ้าน ไม่ใช่เครื่องอุตสาหกรรม ชุดหนึ่งก็หลายพันบาท แต่ก็หลีกไม่พ้นต้องต้มหรือนึ่งภาชนะบรรจุอยู่ดี

เนื่องจากลุงแมวน้ำชอบอะไรที่ง่ายๆ ไม่ค่อยชอบทำอะไรยุ่งยาก (ไม่ได้แปลว่าลุงขี้เกียจนะ อย่าเข้าใจผิด ^__^) ดังนั้นวิธีของลุงแมวน้ำน้ำง่ายกว่า ไม่ต้องต้ม ไม่ต้องนึ่ง แค่ล้างภาชนะให้สะอาดก็พอ

ไม่พูดพล่ามทำเพลงล่ะ ลงมือทำกันเลย ดูตามภาพไปเรื่อยๆเลย ภาพมาก่อน คำบรรยายภาพตามมา

โยเกิร์ตที่เราจะทำกันในวันนี้เป็นโยเกิร์ตสูตรนมถั่วเหลืองหรือที่ฝรั่งเรียกว่า soy yogurt ในบ้านเราไม่มีคนทำโยเกิร์ตนมถั่วเหลืองขาย ที่จริงดีมากเพราะปริมาณโปรตีนก็ใช้ได้ อีกทั้งคนที่แพ้นมวัวก็สามารถกินได้ และยังเป็นอาหารเว้นกรรมอีกด้วย ในเมื่อไม่มีใครทำขายเราก็ทำกินเองกันดีกว่า





สิ่งแรกที่ต้องเตรียมในการทำโยเกิร์ตกินเองก็คือเชื้อจุลินทรีย์สำหรับทำโยเกิร์ต หรือเรียกง่ายๆว่าเชื้อโยเกิร์ต เราก็ไปซื้อโยเกิร์ตที่วางขายในตู้แช่ในท้องตลาดมาทำ เอาแบบไหนยี่ห้อไหนก็แล้วแต่เราชอบ อย่างเช่นในภาพ ลุงเอามาเป็นตัวอย่าง ลองมาดูกันว่าแต่ละนี่ห้อมีเชื้ออะไรกันบ้าง

โยเกิร์ตถ้วยซ้ายสุดเป็นของโฟร์โมสต์ รุ่น pre-pro balanze รสธรรมชาติ (plain yogurt) ข้อมูลข้างถ้วยบอกว่าประกอบด้วยเชื้อโพรไอโอติก 2 ชนิด คือ แลกโตแบซิลลัส แอซิโดฟิลลัส (L. acidophillus) กับบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ยี่ห้อนี้ปัจจุบันหายไปจากตลาดหมดเลย ไม่มีวางขาย ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน

ถ้วยที่สองจากซ้ายมือ เป็นยี่ห้อดัชชี่ รุ่นไบโอ ประกอบด้วยเชื้อ 3 ชนิด เป็นเชื้อโยเกิร์ตสองชนิด (L. bulgaricus กับ S. thermophillus) กับเชื้อโพรไบโอติกส์อีกชนิดหนึ่ง นั่นคือบิฟิโดแบคทีเรียม แลกทิส (B. lactis) รสธรรมชาติเหมือนกัน

ถ้วยที่สามจากซ้ายมือ เป็นยี่ห้อริชเชส เป็นเชื้อโยเกิร์ตสองชนิด (L. bulgaricus กับ S. thermophillus) กับเชื้อโพรไบโอติกส์อีกชนิดหนึ่ง คือ บิฟิโดแบคทีเรียม แอนิมาลิส (B. animalis) ถ้วยนี้แต่งกลิ่นบลูเบอร์รี่

ถ้วยขวาสุด เป็นยี่ห้อดัชชี่ รุ่นธรรมดา คือมีจุลินทรีย์โยเกิร์ตสองชนิดเท่านั้น ไม่มีโพรไบโอติกส์ รสธรรมชาติ





การสาธิตการทำโยเกิร์ตในวันนี้ลุงแมวน้ำเลือกเอาเชื้อโยเกิร์ตธรรมดามาทำ ไม่มีโพรไอโอติกส์ วันที่ถ่ายทำหาซื้ออย่างอื่นไม่ได้เลย มีแต่อย่างนี้แหละ ก็เลยเอามา แต่ขอเน้นว่ามือใหม่หัดทำควรใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (plain yogurt) มาทำ อย่าใช้รสผลไม้หรือรสอื่นๆ เพราะรสธรรมชาติมีปริมาณจุลินทรีย์มากที่สุด เราต้องการใช้จุลินทรีย์ปริมาณมาก รวมทั้งเลือกถ้วยที่ผลิตใหม่ๆ (ดูวันหมดอายุให้เหลือนานๆ) เลือกซื้อจากร้านที่ตู้แช่เย็นเฉียบแต่ไม่ถึงกับเป็นน้ำแข็ง หากได้เชื้อใหม่ๆ ตู่แช่เย็นๆ เชื้อจะใหม่สดและแข็งแรง ทำโยเกิร์ตแล้วโอกาสเน่าเสียมีน้อยลง

อุปกรณ์อื่นๆก็มีน้ำสะอาดหนึ่งขวด สำคัญมากนะน้ำขวดนี้ อย่าใช้น้ำต้มหรือน้ำกรอง ขอให้ใช้น้ำดื่ม RO บรรจุขวดแบบนี้แหละ อย่าเปิดดื่มก่อนแล้วเอามาใช้งานนะ

อุปกรณ์อีกชนิดที่ไม่ปรากฏในรูปก็คือช้อนเหล็ก 1 คัน เตรียมไว้ด้วย

นอกจากนี้ก็มีขวดแก้วแบบมีฝาปิดซึ่งล้างสะอาดแล้ว แล้วก็นมถั่วเหลืองกล่องขนาด 1 ลิตร ลุงแมวน้ำเลือกใช้นมถั่วเหลืองยี่ห้อที่เห็นในรูปนี่แหละ นมถั่วเหลืองไวตามิ้ลค์ โลว์ชูการ์ หรือไวตามิลค์รุ่นนี้เป็นนมถั่วเหลืองสูตรเจ และน้ำตาลต่ำ ขนาด 1 ลิตร นมถั่วเหลืองปกติมีสองแบบ คือแบบเจกับไม่เจ ถ้าแบบไม่เจจะเติมนมวัวผงผสมลงไปด้วย แต่หากเป็นสูตรเจจะใช้นมถั่วเหลืองล้วนๆโดยไม่เติมนมผง

นมถั่วเหลืองปกติผู้ผลิตเติมน้ำตาลสูงมาก แต่รุ่นนี้น้ำตาลต่ำ เหมาะใช้ทำโยเกิร์ต น้ำตาลสูงไปไม่ดี เชื้อจุลินทรีย์ไม่ยอมเจริญ จะไม่ได้โยเกิร์ต แม้นมถั่วเหลืองรุ่นนี้จะระบุว่าน้ำตาลต่ำ แต่ในแง่ของผู้บริโภค ปริมาณน้ำตาลก็มีอยู่ถึง 4.5% ลุงแมวน้ำถือว่ายังเยอะอยู่ เพราะชีวิตคนเมืองในแต่ละวันบริโภคแป้งและน้ำตาลเยอะมากอยู่แล้ว ส่วนยี่ห้ออื่นรุ่นอื่นไม่ต้องพูดถึง มีน้ำตาลสูงกว่านี้อีก ส่วนใหญ่มักมีน้ำตาลเกินกว่า 8%





เมื่อเตรียมของครบแล้วก็ลงมือทำกันเลย

สถานที่ที่ทำโยเกิร์ตควรเป็นโต๊ะกินอาหารภายในบ้าน ไม่ควรทำในห้องครัวเพราะห้องครัวมักมีเชื้อจุลินทรีย์ลอยอยู่เยอะกว่าในห้องกินอาหาร หากทำในห้องครัวโอกาสเน่าเสียมีมากกว่า

เอาน้ำขวดอาร์โอเทใส่ในขวดแก้ว จากนั้นปิดฝาแล้วเขย่าๆๆๆ จากนั้นเอาช้อนเหล็กมาคนๆๆๆในขวด จากนั้นเทน้ำออกไป ขั้นนี้เพื่อชะล้างผิวขวดด้านในให้สะอาด รวมทั้งชะล้างผิวช้อนให้สะอาดด้วย





จากนั้นก็เปิดกล่องนมถั่วเหลืองเทลงไป เทเบาๆนะ อย่าเทพรวดหรือเทโครม ใจเย็นๆ เมื่อเทนมจนหมดกล่องแล้วให้เทโยเกิร์ตจากถ้วยตามลงไป





เมื่อเทเชื้อโยเกิร์ตลงไปจนหมดแล้วก็ให้คนนมถั่วเหลืองในขวด คนสัก 15 วินาทีก็พอ (ย้ำว่า 15 วิ ไม่ใช่ 15 นาที) เพื่อให้เชื้อโยเกิร์ตกระจายทั่วในนมถั่วเหลือง อย่าคนนานเกิน

เมื่อคนเสร็จก็ปิดฝาเอาไว้หลวมๆ ไม่ต้องขันเกลียวฝาให้แน่น ให้จุลินทรีย์ในขวดหายใจได้นิดหน่อย

เสร็จแล้ว แค่นี้แหละ จากนั้นก็ตั้งขวดนี้ไว้ที่อุ่นๆนาน 24 ชั่วโมง ไม่ควรตั้งในห้องปรับอากาศ รวมทั้งระหว่างหมักอย่าเคลื่อนย้ายขวด และอย่าแอบเปิดฝาขวดดู





เมื่อตั้งทิ้งไว้ครบ 24 ชั่วโมงก็เป็นอันว่ากระบวนการหมักเสร็จสิ้น เมื่อเปิดฝาออกดูจะเห็นผิวหน้าของนมถั่วเหลืองมีน้ำใสๆสีเหลืองอยู่ข้างบน ส่วนข้างล่างเป็นนมถั่วเหลืองที่แข็งตัวเป็นลิ่ม ลักษณะคล้ายเต้าฮวยแต่เนื้ออ่อนกว่าเต้าฮวยมาก นี่แหละที่เรียกว่าเคิร์ดโยเกิร์ต (acid curd หรือ yogurt curd) เมื่อเอาช้อนตักจะเห็นเนื้อเคิร์ดได้ชัด เพราะหากเป็นนมเหลวๆเมื่อตักแล้วจะไม่เกิดหลุมแบบในรูป แสดงว่านมเปลี่ยนเป็นโยเกิร์ตแล้วเนื้อนมจึงได้เปลี่ยนเป็นกึ่งแข็ง

ลองดมโยเกิร์ตดูจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ รวมทั้งกลิ่นกรด (กลิ่นออกเปรี้ยว) หากได้กลิ่นเหม็นรุนแรงแปลว่าเสีย มีเชื้อปนเปื้อน ต้องทิ้งไป





เนื้อโยเกิร์ตแบบทำเองจะอย่างไรก็ไม่ข้นหนืดเหมือนโยเกิร์ตที่วางขาย เพราะโยเกิร์ตที่วางขายนั้นผสมสารปรับความข้นหนืดเพื่อสร้างเนื้อสัมผัส (texture) ให้ดูน่ากิน ส่วนของที่เราหมักได้เองนั้นเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่เป็นเคิร์ดตามธรรมชาติ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเราทำแล้วไม่เหมือนของที่วางขาย

เวลากินก็ผสมผลไม้ลงไป ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน เช่น ลิ้นจี่ ส้มโอ แอปเปิ้ล สับปะรด มะม่วง ฯลฯ เข้ากับโยเกิร์ตได้ดี หรือความคิดบรรเจิดจะใส่อย่างอื่นด้วยก็ได้ เช่น เฉาก๊วย วุ้นมะพร้าว หรือจะกินเฉยๆเป็น plain yogurt ก็ได้เช่นกัน





ภาพนี้ทำเท่ๆ โยเกิร์ตผสมกับวุ้นมะพร้าวปั่น เพิ่มใยอาหาร ช่วยการขับถ่ายได้ดี



เห็นไหม วิธีของลุงแมวน้ำง่ายมาก เป็นโยเกิร์ตแบบขี้เกียจ ทำง่ายที่สุดในโลก หลักการก็คือ การหมักเชื้อพวกนี้ความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากเตรียมการเรื่องความสะอาดทำไม่ได้เต็มที่ เราชดเชยได้ด้วยการใช้ปริมาณเชื้อที่หมักให้เยอะๆ หากเชื้อหมักเยอะ เชื้อปนเปื้อนอื่นๆจะเจริญขึ้นมาก็ยาก ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงใช้โยเกิร์ต 1 ถ้วยต่อนมถั่วเหลือง 1 กล่อง (1 ลิตร)

เหตุที่ลุงแมวน้ำบอกว่าโยเกิร์ตสูตรนี้เป็นสูตร (เกือบ) เจก็เพราะว่าแม้นมถั่วเหลืองที่ใช้จะเป็นเจก็ตาม แต่เชื้อโยเกิร์ตที่ใช้ทำมาจากนมวัว ก็เลยไม่เจ ได้แค่เกือบเจ ถ้าเป็นต่างประเทศที่มี soy yogurt ขายเราสามารถทำสูตรเจแท้ๆได้เลย แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะเกือบเจ ไม่ถึงกับเจแท้ แต่ก็ถือว่าเป็นเจตนาที่ต้องการลดการเบียดเบียนให้ได้มากที่สุด

ลองมาคำนวณต้นทุนดูเล่นๆ นมถั่วเหลือง 1 กล่อง ราคา 29 บาทถึง 31 บาท แล้วแต่ว่าวางขายที่ไหน คิดเสียว่า 30 บาทละกัน โยเกิร์ต 1 ถ้วย 13 บาท รวมแล้วต้นทุน 30+13 = 43 บาท ทำได้ 10 ถ้วย (ขนาดถ้วยเท่ากับที่เขาขาย คือ 110 กรัม) 

ต้นทุนถ้วยละ 43/10 = 4.30 บาท

เห็นไหม ช่วยประหยัดได้อีกด้วย ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอก ของกินดีๆ มีประโยชน์แก่สุขภาพ ไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้จักเลือกและรู้จักกิน

แถมท้ายอีกนิด หากหมักจนชำนาญแล้ว คราวนี้ก็เป็นขั้นประยุกต์ ดังภาพต่อไปนี้





ตามภาพ เราหมักโยเกิร์ตแยกเป็น 2 ขวด ขวดหนึ่งหมักด้วยโยเกิร์ตแบบดื่ม ดัชมิลดีไลท์ อีกขวดหนึ่งหมักด้วยดัชชี่ไบโอ จากนั้นเมื่อหมักเสร็จแล้ว เอาสองขวดที่หมักได้นี้มาเทรวมกัน จะได้เป็นโยเกิร์ตเนื้อเหลวเหมือนสมูตตี้เลย แถมยังมีรสชาติอร่อย หอมกลมกล่อม อีกทั้งได้โพรไปโอติกส์ 2 ชนิด คือ แลกโตแบซิลลัส พาราคาเซอิ (L. paracasei) กับบิฟิโดแบคทีเรียม แลกทิส (B. lactis) ร่วมกับเชื้อโยเกิร์ตพื้นฐานอีก 2 ชนิด สูตรนี้รวมแล้วได้ 4 ชนิดเลย

รวมทั้งหากกินโยเกิร์ตที่หมักเองแล้วคิดว่ายังเปรี้ยวน้อยไป ครั้งต่อไปก็ให้เพิ่มเวลาการหมักเป็น 36 ชั่วโมง (แทนที่จะเป็น 24 ชั่วโมง) โยเกิร์ตจะเปรี้ยวขึ้น



ฝันครั้งใหญ่ของลุงแมวน้ำ



เรื่องทำโยเกิร์ตกินเองก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย หวังว่าพวกเราจะลองเอาไปทำดู ใครจะลองทำขายก็อาจจะพอเป็นไปได้ เพราะยังไม่มีคนทำขายกัน

ก่อนจบในวันหยุดนี้ ลุงแมวน้ำมีเรื่องอยากคุย ที่จริงจะไม่คุยก็ได้ แต่ว่าอยากคุยน่ะ ^_^

ลุงแมวน้ำทำเว็บบล็อกนี้มา 3 ปีกว่า ขณะนี้เป็นปีที่ 4 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชีวิตก็ผันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เว็บบล็อกนี้มีพัฒนาการ รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปหลายครั้งหลายครา

ช่วงหลังนี้ลุงแมวน้ำอัปเดตเว็บบล็อกได้น้อยลง คงจะสังเกตว่าเมื่อก่อนออกรายงานได้ทุกวัน แต่ขณะนี้ออกรายงานได้เพียงสัปดาห์ละครั้ง รวมทั้งบางวันก็หายตัวไป เนื่องจากเวลาว่างที่ลุงแมวน้ำสามารถทำเว็บบล็อกได้ก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่ค่อยแน่นอน เว็บบล็อกนี้จึงเป็นเหมือนตลาดหุ้น และเป็นเหมือนกับชีวิตของคนคนหนึ่ง นั่นคือ ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ

ที่ลุงแมวน้ำหายตัวไปหรือว่ามีเวลาน้อยลงเพราะว่าลุงแมวน้ำแบ่งเวลาไปหาความรู้เพิ่มเติม เนื่องจากลุงแมวน้ำเตรียมตัวจะทำธุรกิจนั่นเอง จากเดิมที่แสดงละครสัตว์ หกคะเมนตีลังกา ต่อไปจะกลายเป็นผู้ประกอบการแล้ว

หลายคนคงสงสัยว่าลุงแมวน้ำแสดงละครสัตว์รายได้ไม่พอหรือยังไง จึงคิดทำธุรกิจตอนแก่ ที่จริงตอนนี้ลุงแมวน้ำก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองอะไร เรียกว่ามีอิสรภาพทางการเงินแล้วก็พอได้ หากจะเกษียณไปตอนนี้แล้วนอนกระดิกครีบเล่นบนโขดหินก็สามารถทำได้ แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายและไม่ใช่ความหมายของชีวิตอย่างที่ลุงแมวน้ำต้องการ

ลุงแมวน้ำยังเหลือความฝันอยู่อย่างหนึ่ง ก็คงเป็นความฝันประการสุดท้ายที่อยากจะทำกระมัง นั่นคือ ลุงแมวน้ำอยากพิสูจน์ว่าโลกในปัจจุบันนี้หากทำธุรกิจโดยไม่ใช้วิธีคิดแบบทุนนิยมมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ใช้แนวทางแบบทุนนิยมกระแสรองหรือทุนนิยมทางเลือก นั่นคือ ทุนนิยมที่แบ่งปันกันได้ เอื้อเฟื้อกันได้ มีคุณธรรมต่อกัน ไม่ต้องยัดเยียดให้บริโภค ไม่ต้องกระตุ้นการบริโภคจนล้นเกิน แล้วธุรกิจนั้นจะอยู่ได้ไหมในโลกปัจจุบัน หรือที่เรียกว่าแนวคิดแบบ compassionate capitalism นั่นเอง ที่จริงวิธีคิดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ร้านขายของชำในต่างจังหวัดสมัยก่อนก็แบบนี้แหละ ขายของแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ต้องยัดเยียด ขายขนมให้เด็กๆมาบางทีก็แจกขนมบ้างเมื่อเด็กไม่มีเงิน เมื่อก่อนร้านแบบนี้เจ้าของไม่รวยหรอก แค่พออยู่ได้ แต่มาในสมัยนี้ไม่ใช่แค่พออยู่ได้ แต่กลายเป็นอยู่ไม่ได้ กลายเป็นร้านสะดวกซื้อเข้ามาแทนที่ไป

ลุงแมวน้ำจึงอยากรู้ขึ้นมาว่า หากทำธุรกิจแบบสมัยใหม่ ในโลกยุคใหม่ แต่ใช้แนวคิดแบบทุนนิยมทางเลือก แล้วจะไปรอดไหม ไม่ลองก็ไม่รู้ใช่ไหม ลุงแมวน้ำจึงคิดที่จะพิสูจน์ด้วยตนเอง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้สแตนอิน แสดงเอง เจ็บเอง เอ๊ะ ยังไง...

รูปแบบธุรกิจของลุงแมวน้ำก็คงเป็นคล้ายๆธุรกิจเพื่อสังคม (social business) เพราะเป็นรูปแบบที่เอื้อต่อแนวคิดที่สุดแล้ว วิธีการทำธุรกิจคงเน้นที่อีคอมเมิร์ซนี่แหละ และทำเล็กๆ เพราะมีกำลังแค่สองครีบเท่านั้น กำไรที่ได้มาลุงแมวน้ำจะทำกองทุนสงเคราะห์สัตว์จรจัด คือเดิมลุงแมวน้ำก็ทำอยู่แล้ว แต่อยากทำให้มั่นคงยิ่งขึ้น แต่ทำธุรกิจอะไรลุงไม่บอกละนะ เพราะว่าแค่อยากจะบอกให้พวกเราความเปลี่ยนแปลงของลุงแมวน้ำเท่านั้น ไม่ได้คิดจะโฆษณาแอบแฝงขายของกับพวกเรา เว็บบล็อกนี้ยังมีแนวคิดเดิม นั่นคือ แบ่งปัน

ต่อไปเว็บบล็อกนี้อาจเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปอีก ลุงแมวน้ำอาจไม่ได้มาอัปเดตสถานการณ์ประจำทุกวัน แต่จะเน้นบทความให้มากขึ้น เพื่อแบ่งปันแนวคิดกันให้ได้มากยิ่งขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น ลุงแมวน้ำกำลังจะสานฝันครั้งยิ่งใหญ่และเป็นครั้งสำคัญที่สุดเพราะว่าคงเป็นฝันครั้งสุดท้ายแล้ว ธุรกิจของลุงแมวน้ำจะฮือฮาหรือจะฮือฮือ แล้วลุงแมวน้ำจะมาเล่าให้ฟัง

เป็นกำลังใจให้ลุงแมวน้ำด้วยนะคร้าบ ^__^

Friday, June 15, 2012

14/06/2012 * โลกรอข่าวดีจากกรีซ ยุโรปสับสน สหรัฐอเมริกาคิดบวก


การลงทุนและค่าเงิน 15/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 14/06/2012)


ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังดูอึมครึมอยู่ ไปไหนไม่ได้ไกลนัก เพราะสถานการณ์ทางยุโรปยังไม่ชัดเจน

วันที่ 14/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกวันนี้พร้อมใจกันปรับตัวลง ตลาดหุ้นขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นจีน ฮ่องกง อินเดีย อินโดนีเซีย ลงกันเกินกว่า -1%

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1153.01 จุด (-0.5%) ต่างชาติขายสุทธิอีก วันนี้มากหน่อย ขาย 1463 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิติดต่อกันหลายวันชักเริ่มมีนัยสำคัญขึ้นมาแล้ว

ตลาดฝั่งยุโรปก็วันนี้สับสนเช่นเคย ตอนนี้ยุโรปชีวิตสับสนจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ตลาดหุ้นในยุโรปมีทั้งขึ้นและลง ไปกันคนละทาง ดัชนีเอเธนส์ คอมโพสิต ของกรีซพุ่งไป +10% ดัชนีแดกซ์ DAX ของเยอรมนีปิด -0.2%

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา วันนี้บราซิลกับสหรัฐอเมริกาไปกันคนละทาง ด้านบราซิล ดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) -0.5% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา +1.2%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 14/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวต่อเนื่องตลอดทั้งวันแต่ว่ากรอบการเคลื่อนไหวแคบมาก ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 81.9 จุดถึง 82.3 จุด เงินสกุลยุโรปแข็งค่าเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส +0.5% เงินโครน +0.7% เงินโครนา +0.3%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ดอลลาร์ออสเตรเลีย +0.6% เงินเยน +0.2% บาท +0.1% ดอลลาร์สิงคโปร์ +0.3%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบแกว่งในช่วงแคบเกือบทั้งวัน มาปรับตัวสูงขึ้นในช่วงกลางคืนเมื่อตลาด สรอ เปิด wti +1.8% จากปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ สรอ ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ +0.9% ด้านทองคำขึ้นเล็กน้อย +0.4% แต่โลหะเงิน -1.2% ทองแดง +0.6% สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวลงอีก ดัชนีสินค้าเกษตร 73.09 จุด (-1.0%)

เช้านี้ (15/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 81.8 จุด อ่อนตัวจนหลุด 82 จุดลงมาแล้ว แต่น่าจะเป็นเหตุการณ์เพียงช่วงสั้น เงินยูโร 1.263 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.45 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.49 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 84.5 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 97.0 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1623 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์


โลกรอข่าวดีจากกรีซ ยุโรปสับสน สหรัฐอเมริกาคิดบวก


บทความวันนี้ลุงแมวน้ำพาดหัวแบบขำๆ

วันที่ 14/06/2012 นี้ตลาดหุ้นยุโรปเล่นข่าวกรีซ สังเกตไหมว่าดัชนีเอเธนส์ คอมโพสิต (GD.AT) ของตลาดหุ้นกรีซปรับตัวขึ้นถึง +10% ภายในวันเดียว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผลการสำรวจหรือที่เรียกว่าโพลล์ที่สำรวจคะแนนนิยมของพรรคการเมืองก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 17/06/2012 นี้ ปรากฎว่าพรรคประชาธิไตยใหม่ (New Democracy) ได้รับความนิยมสูง ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าหลังการเลือกตั้งจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งพรรคนี้เป็นพรรคที่สนับสนุนมาตรการรัดเข็มขัด ตลาดหุ้นจึงขึ้นแรง ผลของโพลล์กับการตอบสนองของตลาดหุ้นอาจพออนุมานได้ว่าประชาชนกับภาคธุรกิจมีแนวโน้มยอมรัดเข็มขัดดีกว่ายอมหลุดออกจากกลุ่มยูโรโซน ช่วงหลังนี้ประชาชนกรีซกลัวเรื่องการหลุดออกจากกลุ่มยูโรกันมากขึ้น จะเห็นได้จากการถอนเงินออกจากธนาคารในกรีซกันอย่างต่อเนื่อง ใครที่มีช่องทางเอาไปฝากไว้นอกประเทศก็ขนเงินออกไป ที่ขนเงินออกไปไม่ได้ก็เก็บใส่ตู้เอาไว้ก่อน เหตุที่ไม่กล้าฝากเงินอยู่ในธนาคารเพราะเกรงว่าวันใดที่กรีซต้องออกจากยูโรโซน เงินของประชาชนที่เป็นเงินยูโรจะกลายเป็นเงินดรักมาที่ด้อยค่าในทันที ประชาชนจึงพอนเงินยูโรมาเก็บไว้เองดีกว่า และวันนี้เองที่ดัชนีตลาดหุ้นของกรีซสามารถกลับมายืนเหนือ 500 จุดได้อีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลการเลือกตั้งในวันที่ 17 และการตั้งรัฐบาลที่จะตามมา ตอนนี้ก็เป็นเพียงความหวังที่หล่อเลี้ยงจิตใจเท่านั้น

ทางด้านประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซนไม่ได้ตอบสนองต่อข่าวดีของกรีซนี้มากนัก สังเกตได้จากความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นประเทศต่างๆ สาเหตุน่าจะเป็นเพราะกังวลเรื่องอิตาลีกับสเปน ช่วงหลังนี้ธนาคารในอิตาลีและสเปนถูกลดอันดับเครดิตจนจำกันไม่ได้แล้วเพราะว่ามีเยอะมาก นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสเปนก็สูงขึ้นอีก จนน่าเป็นห่วง ทั้งๆที่กลุ่มยูโรโซนจะเข้ามาช่วยเหลือด้านการเงิน

ส่วนทางสหรัฐอเมริกานั้น วันนี้ที่ตลาดหุ้น สรอ ขึ้นเพราะปัจจัยภายใน อ่านตามข่าวแล้วนักวิเคราะห์บอกว่าตลาดหุ้น สรอ ขึ้นเพราะว่าตัวเลขอัตราว่างงานของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ซึ่งปกติแล้วหากอัตราว่างานสูงขึ้นตลาดหุ้นมักจะตอบสนองทางลบ เพราะแสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทีแรกลุงแมวน้ำอ่านแล้วก็งงๆ แต่พออ่านต่อไป นักวิเคราะห์บอกว่าอัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นเป็นข่าวดี เนื่องจากทำให้เชื่อได้ว่าถึงอย่างไรเฟดของต้องออกมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง QE3 ค่อนข้างแน่ ตลาดหุ้นจึงขึ้น เพราะว่าชอบ QE3 ว่าไปโน่นเลย ที่ลุงแมวน้ำขำก็ตรงเหตุผลที่นักวิเคราะห์พยายามเอามาอธิบายนี่แหละ

พรุ่งนี้วันหยุด เรามาทำโยเกิร์ต (เกือบ) เจกินกันดีกว่า ลากเรื่องโยเกิร์ตมานาน ยังไม่ได้ทำกินเสียที พรุ่งนี้ได้กินของอร่อยแน่ ได้เว้นกรรมด้วย แล้วต้นสัปดาห์หน้าลุงแมวน้ำจะเอาผลของมาตรการ Operation Twist ของลุงเฮลิคอบเตอร์เบน มาคุยกัน

ก่อนจบมาดูกราฟตลาดหุ้นกรีซกัน

ดัชนีตลาดหุ้นของกรีซ มองในภาพกว้างด้วยกราฟรายสัปดาห์ ไหลมาตั้งแต่ 5500 จุด จนหลุด 500 จุดมาอยู่แถว 400 จุดกว่าๆในเวลาประมาณ 4 ปี ตลาดทุนของกรีซรวมทั้งนักลงทุนเสียหายหนักมาก





ดัชนีตลาดหุ้นของกรีซ ความเคลื่อนไหวในช่วงสั้น วันล่าสุดเกิดสัญญาณแท่งเทียนแบบแท่งเทียนขาวใหญ่ (big white candle) อันเป็นสัญญาณกลับทิศประการหนึ่งเสียด้วย




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 14/06/2012




ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 14/06/2012

Thursday, June 14, 2012

13/06/2012 * ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (DJI) และเยอรมนี (DAX) ยังอยู่ในกรอบขาลง น้ำมันดิบรอนับคลื่นใหม่


การลงทุนและค่าเงิน 14/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 13/06/2012)



วันที่ 13/06/2012 ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกเป็นแบบบวกนิด ลบหน่อย ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ตลาดหุ้นจีนขึ้นมากหน่อย +1.3% ส่วนสิงคโปร์กลับติดลบ -0.3%

ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1158.22 จุด (-0.4%) เปิดเขียวแต่ไหลลงเรื่อยๆตลอดทั้งวัน ต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อเนื่องกันสามสี่วันแล้วแต่ปริมาณไม่มากนัก

ตลาดฝั่งยุโรปก็สับสน ปิดแบบบวกนิดลบหน่อย ไม่มีทิศทางที่ชัดเจนเช่นกัน ส่วนใหญ่เทรดสลับกันทั้งในโซนเขียวและโซนแดง ดัชนี DAX ของเยอรมนีปิด -0.14% ไม่มีตลาดใดลงแรง

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาวันนี้บราซิลกับสหรัฐอเมริกาไปกันคนละทาง ปกติมักตามกันไป ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +1.1% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา -0.6%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 13/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มารีบาวด์ขึ้นบ้างตอนดึก (เวลาบ้านเรา) ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 81.9 จุดถึง 82.6 จุด เงินสกุลยุโรปแข็งค่าเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส +0.4% ช่วงนี้เงินยูโรกับฟรังก์สวิสมักเปลี่ยนแปลงในอัตราที่ใกล้เคียงกัน เงินโครน +0.4% เงินโครนา +0.5%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เงินเยน บาท ดอลลาร์สิงคโปร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย -0.1%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบแกว่งในช่วงแคบ wti -1.0% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ทรงตัว ด้านทองคำขึ้นเล็กน้อย +0.3% แต่โลหะเงิน -0.5% ทองแดง -0.6% สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวลงอีก ดัชนีสินค้าเกษตร 73.09 จุด (-1.0%)

เช้านี้ (14/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 82.2 จุด เงินยูโร 1.257 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.44 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.54 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 82.5 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 97.1 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1618 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์



ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (DJI) และเยอรมนี (DAX) ยังอยู่ในกรอบขาลง น้ำมันดิบรอนับคลื่นใหม่ ลงทุนน้ำมันเสี่ยงสูงแล้ว



วันที่ 13 นี้เป็นวันที่ทิศทางตลาดดูสับสนต่อเนื่องจากเมื่อวันก่อน หากดูทิศทางตลาดในภาพรวมคงบอกอะไรได้ยากเพราะตลาดขึ้นลงแบบกระจายตัว แต่หากวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิคคงบอกได้ไม่ยากว่าทุกอย่างยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง


เรามาดูกันที่ตลาดหุ้นเยอรมนีพี่ใหญ่ของกลุ่มยูโรกันก่อน เราดูแทนด้วยดัชนีแดกซ์ (DAX) ดังภาพต่อไปนี้

ดัชนีแดกซ์ (DAX) ของเยอรมนี




จากภาพ จะเห็นว่าทิศทางของตลาดหุ้นซึ่งสะท้อนภาพเศรษฐกิจของเยอรมนีเองและของยุโรปได้ส่วนหนึ่ง ยังอยู่ในทิศทางขาลง แม้ดัชนีจะมีดีดกลับบ้างแต่ก็ยังอยู่ในกรอบ SEC (standard error channel) แนวโน้มกลับทิศยังไม่มีอะไรชัดเจน ดังนั้นในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิคคงยังมองเป็นแนวโน้มขาลงเช่นเดิม

มาดูที่ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา เราดูแทนด้วยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average Index, DJI หรือ DJIA) ดังภาพต่อไปนี้

กราฟดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI)




จากภาพจะเห็นว่า คลื่นของดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังไม่ชัดเจนเท่ากับของเยอรมนี โดย DJI อาจมีประเด็นอยู่บ้างตรงที่ว่าจบคลื่นย่อย 5 (สีเทา) หรือยัง หากตีความว่ายังไม่จบคลื่น 5 (สีเทา) DJI คงไปต่อได้เกิน 13,280 จุด จากนั้นค่อยลง หากตีความว่าตอนนี้เราจบคลื่น 5 (สีเทา) ไปแล้ว DJI ก็คงขึ้นต่อได้อีกไม่มาก จากนั้นก็ลงต่อ ซึ่งหากพิจาณา DJI โดยพิจารณา DAX ประกอบ น้ำหนักในทางจบคลื่น 5 ไปแล้วน่าจะมีมากกว่า

ส่วนน้ำมันดิบ ลองดูกราฟน้ำมันดิบเบรนต์ (Brent crude oil)

กราฟราคาน้ำมันดิบเบรนต์ (BZ)




จากภาพ เดิมที่ประเมินว่าเราอยู่ในคลื่นย่อย 4 (สีเทา) ซึ่งในที่สุดราคาน้ำมันดิบต้องขึ้นต่อเพื่อให้จบคลื่นย่อย 5 (สีเทา) แต่ปรากฏว่าราคาน้ำมันดิบไหลลงตลอด ไม่เป็นรูปแบบปกติ คลื่นย่อยที่นับไว้ผิดพลาดหมด ดังนั้นจึงต้องรอนับคลื่นใหม่ และต้องระวังน้ำมันดิบขึ้นลงแรง เพราะตอนนี้รูปแบบคลื่นผิดปกติไปแล้วในเบื้องต้นคาดว่าจบคลื่นขาขึ้นไปแล้วโดยคลื่น 5 เป็นคลื่นล้มเหลว (failed wave 5) และขณะนี้เราอยู่ในคลื่นขาลง A-B-C การลงทุนน้ำมันดิบมีความเสี่ยงสูงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นลงทุนกองทุนรวมน้ำมันดิบหรือลงทุนฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนต์ก็ตาม


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 13/06/2012




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 13/06/2012

Wednesday, June 13, 2012

12/06/2012 * เงินเยนแกร่งกว่าทองคำ, ยางพาราขึ้นไม่จริง


การลงทุนและค่าเงิน 13/06/2012 (รายงานวันเทรดที่ 12/06/2012)



วันที่ 12/06/2012 เป็นวันที่ทิศทางตลาดดูสับสนไปหมด

ตลาดหุ้นย่านเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปรับตัวลงเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวลงในวันก่อนหน้า อีกทั้งราคาน้ำมันดิบผันผวนหนัก แต่ส่วนใหญ่ปรับลงกันไม่แรงนัก ตลาดที่ปิดเขียวก็มี เช่น สิงคโปร์ และไทย

ตลาดหุ้นฮ่องกง -0.4% สิงคโปร์ +0.3% จีน -0.7% ตลาดหุ้นไทย SET index ปิดที่ 1162.93 จุด (+0.4%)

ตลาดฝั่งยุโรปก็สับสน ส่วนใหญ่เทรดสลับกันทั้งในโซนเขียวและโซนแดง ดัชนี DAX ของเยอรมนีปิด +0.3% ไม่มีตลาดใดลงแรง

ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกาเปิดแขียวเล็กน้อย แล้วไหลลงมาแดง แต่แล้วก็ขึ้นแรงไปจนปิดตลาด ด้านบราซิลดัชนีโบเวสปา (Bovespa Index) +2.0% ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกา +1.3%

ทางด้านค่าเงิน วันที่ 12/06/2012 เงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวเล็กน้อย ดัชนีดอลลาร์ สรอ ปรับตัวในกรอบ 82.35 จุดถึง 82.7 จุด เงินสกุลยุโรปแข็งค่าเล็กน้อย เงินยูโรกับฟรังก์สวิส +0.2% เงินโครน +0.6% เงินโครนา +0.8%

ทางด้านเงินเอเชียแปซิฟิกก็แข็งค่าเช่นกัน เงินดอลลาร์ออสเตรเลีย +0.8% เงินดอลลาร์สิงคโปร์ +0.3% ส่วนเงินบาท +0.35% เงินเยนอ่อนเล็กน้อย -0.03%

ทางด้านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เมื่อวันที่ กลุ่มน้ำมันดิบ wti ปรับขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ลงแรงในวันก่อนหน้า วันนี้ wti +0.7% ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ยังอ่อนตัวต่อ -0.8% ด้านทองคำขึ้นเล็กน้อย +0.8% แต่โลหะเงิน +0.8% ทองแดง -0.2% สินค้าเกษตรวันนี้ปรับตัวลงทั้งๆที่ตลาดหุ้นขึ้น ดัชนีสินค้าเกษตร 73.81 จุด (-0.8%)

เช้านี้ (13/06/2012) ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD index) อยู่ที่ 82.4 จุด เงินยูโร 1.250 ดอลลาร์ สรอ/ยูโร เงินเยน 79.62 เยน/ดอลลาร์ สรอ เงินบาท 31.57 บาท/ดอลลาร์ สรอ

น้ำมันดิบ wti 82.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล น้ำมันดิบเบรนต์ 96.8 ดอลลาร์ สรอ/บาเรล ทองคำ 1609 ดอลลาร์ สรอ/ทรอยออนซ์


เงินเยนแกร่งกว่าทองคำ, ยางพาราขึ้นไม่จริง


วันที่ 12 นี้เป็นวันที่ทิศทางตลาดดูสับสน หลายๆเรื่องไม่เป็นไปตามความรู้สึกของนักลงทุน เช่น เรื่องสถานการณ์ของสเปน ย่ำแย่เสียขนาดนี้ แต่ทำไมตลาดหุ้นขึ้นได้ สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ลุงแมวน้ำมองว่าเป็นขาขึ้นแบบ reactive wave คือขึ้นไม่กี่วันแล้วก็ลงต่อ

วันนี้ลุงแมวน้ำอัปเดตข้อมูลไปได้มากแล้ว จึงนำกราฟสรุปค่าเงินมาให้ดูกัน ดังภาพต่อไปนี้


กราฟแสดงความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินสำคัญบางสกุลรวมทั้งทองคำ



จะเห็นว่าตอนนี้เงินรูเบิลของรัสเซียอ่อนตัวอย่างหนักเช่นเดียวกับดัชนีตลาดหุ้นของรัสเซีย ลุงแมวน้ำไม่ได้ตามข่าวละเอียด แต่น่าจะเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ

ที่น่าสังเกตก็คือเส้นแนวโน้มของเงินเยนและทองคำ จะเห็นว่าในขณะนี้เงินดอลลาร์ สรอ มีแนวโน้มแข็งค่า เงินตราสกุลอื่นๆมีแนวโน้มอ่อนค่ากันหมด แม้แต่ทองคำก็ยังอยู่ในแนวโน้มขาลง ยกเว้นเงินเยนที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ หมายความในในช่วงนี้เงินเยนมั่นคงกว่าทองคำเสียอีก

ภาพต่อไปก็เป็นกราฟราคายางพารา



ยางพารา RSS3 มีอาการรีบาวด์ขึ้นมา พร้อมทั้งมีข่าวสนับสนุนอยู่หลายข่าว แต่หากวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเห็นว่าแนวโน้มราคายางพารายังเป็นขาลงอยู่ โปรดระวัง

พรุ่งนี้ลุงแมวน้ำจะนำเอาภาพดัชนี DAX และ DJI มาวิเคราะห์ให้ชมกันครับ


ดัชนีตลาดหุ้นสำคัญในโลก เมื่อ 12/06/2012




อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลสำคัญ เมื่อ 12/06/2012