Thursday, June 30, 2011

29/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,033.26 จุด เพิ่มขึ้น 19.76 จุด ตลาดหุ้นไทยขึ้นตามตลาดโลก

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BAY, BLA, IVL, SCB ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 9 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของทองแดง (HG) เกิดสัญญาณซื้อ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 30 ปี (US) เกิดสัญญาณขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียวอีกวันหนึ่ง ที่ขึ้นแรงได้แก่ตลาดหุ้นในทวีปยุโรป อาทิ ตลาดหุ้นนอร์เวย์ สวีเดน ออสเตรีย โปรตุเกส ฯลฯ ดัชนีตลาดหุ้นของไอร์แลนด์และอินเดียเกิดสัญญาณซื้อ ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐอเมริกาก็เกิดสัญญาณซื้อแล้ว (แต่ดัชนีดาวโจนส์ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ) ดัชนีตลาดอียิปต์เกิดสัญญาณขาย

ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นหลายวัน วันนี้ดัชนีในระดับภูมิภาคหลายตัวเกิดสัญญาณซื้อขึ้นแล้ว ได้แก่ ดัชนี Dow Jone's Global Index (W1DOW) ดัชนีกลุ่มยุโรป (W2DOW ไม่รวมอังกฤษ) ดัชนีกลุ่มเอเชียแปซิฟิก (P1DOW) ดัชนีกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว (W3DOW)

นอกจากนี้ ดัชนีภาคธุรกิจทั่วโลก (global business sectors) ที่เกิดสัญญาณซื้อ ได้แก่ ดัชนีภาคธุรกิจในกลุ่มวัสดุพื้นฐาน (W1BSC) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (W1NCY) กลุ่มพลังงาน (W1ENE) กลุ่มการเงิน (W1FIN) และกลุ่มสาธารณูปโภค (W1UTI)




28/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,013.50 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 5 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียวอันเนื่องมาจากเรื่องเดิมๆคือข่าวสารที่เกี่ยวกับกรีซ ที่ขึ้นแรงได้แก่ตลาดหุ้นกรีซ



Tuesday, June 28, 2011

27/06/2011 * RSS, Tocom rubber

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,010.32 จุด ลดลง 12.62 จุด วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลงแรงกว่าเพื่อนบ้านเนื่องจากปัญหาท่อส่งก๊าซของ ปตท. รั่ว นักลงทุนตกใจขายหุ้น PTT ทำให้ราคา PTT ร่วงลง 10 บาทหรือประมาณ 3% มีผลกด SETI ทำให้ดัชนีตกลงไปประมาณ 1.2%

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 5 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของดัชนีนิกเกอิ (NK) เกิดสัญญาณซื้อ

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่ปิดเขียว ตลาดที่ขึ้นแรงไม่มี ส่วนตลาดที่ลงแรงคืออียิปต์


วันนี้ลุงแมวน้ำอยากให้ลองสังเกตดูที่พอร์ตจำลองที่อยู่ในตารางด้านล่าง ลุงแมวน้ำไม่ได้พูดถึงพอร์ตจำลองมานานแล้ว แต่ก็สังเกตดูความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเนื่องจากต้องคอยทำรายการซื้อขายอยู่เสมอ ตารางในพอร์ตจำลองมีลักษณะดังนี้


คอลัมน์ซ้ายสุดเป็นชื่อของฟิวเจอร์ส วันที่เริ่มเทรด และจำนวนเงินวางหลักประกัน (initial margin, IM)

คอลัมน์กลางเป็นผลกำไรหรือขาดทุนจากการเทรดแบบใช้ระบบสัญญาณซื้อขายผสมกับการนับคลื่นช่วย (manual trade) ทำให้ไม่ต้องเทรดทุกครั้งที่เกิดสัญญาณซื้อขาย

คอลัมน์ขวาสุดเป็นผลการเทรดแบบอัตโนมัติ (autotrade) คือ เทรดทุกครั้งที่มีสัญญาณซื้อขาย เกิดสัญญาณซื้อก็เปิดสัญญาซื้อ (open long position) เกิดสัญญาณขายก็เปิดสัญญาขาย (open short position)

ลองดูพอร์ตจำลองที่อยู่ในตารางท้ายหน้านี้ จะเห็นว่าทองคำเมืองนอก (GC) นั้นยิ่งเทรดกำไรยิ่งหด เมื่อก่อนกำไรมากกว่านี้ ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงหลังนี้แม้ราคาทองคำจะขึ้นตลอดแต่ก็เกิดสัญญาณหลอก (false signal) หลายครั้ง ทำให้คืนกำไรไปมาก ส่วนทองไทย (GF) เกิดสัญญาณหลอกน้อยกว่า อัตรากำไรจึงดีกว่าบ้าง

ส่วนน้ำมันดิบ (CL) นั้นยิ่งเทรดก็ยิ่งขาดทุนหนัก รูปแบบการแกว่งตัวของราคาที่เป็นแบบกึ่งไร้ทิศทาง คือเป็น sideway up หรือ sideway down อยู่เสมอ ทำให้เกิดสัญญาณหลอกเป็นประจำ

จะเห็นว่าแม้มีระบบแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้รอดจากการขาดทุนเสมอไป รูปแบบราคาที่ระบบแพ้ทางได้แก่รูปแบบราคาแบบไร้ทิศทาง (sideway) หรือแบบกึ่งไร้ทิศทาง พวกนี้ระบบมักแพ้ ดังนั้นการเทรดแบบลงทุนต้องดูกันในระยะยาว  บางปีอาจขาดทุนก็ต้องทำใจ แต่ปีใดที่รูปแบบราคามีแนวโน้ม ปีนั้นก็ได้กำไร ก็นำมาถัวเฉลี่ยกำไรขาดทุนกัน อย่าคาดหวังว่าเมื่อมีระบบแล้วจะได้กำไรแน่ๆทุกปี ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่การมีระบบจะช่วยให้เราอยู่รอดในระยะยาวได้ ซึ่งลุงแมวน้ำจะขยายความในรายละเอียดในโอกาสต่อไป


พูดเรื่องพอร์ตจำลองกันไปแล้ว คราวนี้มาดูเรื่องยางพารากันบ้าง ลุงแมวน้ำไม่ได้คุยเรื่องยางพารามาพักใหญ่แล้วเนื่องจากช่วงก่อนราคาแกว่งแบบโหดร้ายเกินไป จึงไม่แนะนำให้เทรด มาดูกันว่าขณะนี้ราคายางพาราอาจอยู่ในคลื่นใดได้บ้าง

หากดูจากกราฟราคายางพาราแผ่นดิบรมควันชั้น 3 หรือ RSS3  ของไทย จะเห็นว่าตรงยอดคลื่นที่เกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 นั้นอาจเป็นคลื่น 3 หรือคลื่น 5 (สีน้ำตาล) ก็ได้ แล้วแต่การนับและการมองของแต่ละคน ดังนั้นหากพิจารณาจากกราฟ RSS3 ขณะนี้เราอาจอยู่ในคลื่น 4 ต่อเนื่องกับคลื่น 5 ก็ได้ หรืออาจอยู่ในคลื่น A ก็ได้ ดังภาพต่อไปนี้




แต่ถ้าหากเราดูกราฟของยางญี่ปุ่นหรือว่าราคายางพาราในตลาดโตคอม (Tocom rubber) โดยเฉพาะหากดูเป็นแบบกราฟรายสัปดาห์ (weekly chart) จะเห็นรูปทรงของคลื่นได้ค่อนข้างชัดว่ายอดคลื่นที่เห็นนั้นน่าจะเป็นยอดคลื่น 5 (สีน้ำตาล) มากกว่าคลื่น 3 เนื่องจากหลังคลื่นนั้นเป็นคลื่นย่อยขาลง 5 ลูกซึ่งเข้ากับลักษณะของคลื่น A มากกว่าคลื่น 4 ดังภาพต่อไปนี้



และหากขณะนี้ยางพาราอยู่ในคลื่น A จริง ราคายางพาราน่าจะลงไปได้มากกว่านี้ โดยกว่าจะจบคลื่น C (สีน้ำตาล) ราคาอาจลงไปได้ถึงระดับ 75-100 บาท/กก




Monday, June 27, 2011

24/06/2011 * Currencies, DX, CL, GC

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,022.94 จุด เพิ่มขึ้น 8.81 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 5 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส ทองคำ (GC) กลับมาเกิดสัญญาณขายหลังจากที่เพิ่งเกิดสัญญาณซื้อไปได้เพียงสองวัน

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดเขียว ต่อมาตลาดยุโรปและอเมริกาก็ปิดแดงเป็นส่วนใหญ่ คราวนี้ข่าวบอกว่าหลังจากหายกังวลเรื่องกรีซไปเปลาะหนึ่งก็กลับมากังวลเรื่องประเทศอิตาลีแทน

ตลาดหุ้นที่ขึ้นแรงได้แก่จีน อินเดีย ส่วนที่ลงแรงได้แก่ออสเตรีย ดัชนีตลาดหุ้นจีนและอินโดนีเซียเกิดสัญญาณซื้อส่วนดัชนีตลาดสเปนเกิดสัญญาณขาย


มาดูด้านค่าเงินในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมากันบ้างดังภาพต่อไนี้


ในรอบสัปดาห์นี้เงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้เงินตราสกุลอื่นอ่อนค่าลง แม้แต่ราคาทองคำก็ยังปรับตัวลดลง


ดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) ขณะนี้ทางเทคนิคเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่เนื่องจากมีท้องคลื่นที่ยกสูงขึ้น (rising trough) ดังภาพ



น้ำมันดิบ (CL) ขณะนี้เป็นแนวโน้มขาลง ราคาน้ำมันดิบไหลลงมาจนถึงระดับ fibonacci 50% แล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณกลับทิศใดๆ ก็ต้องถือว่าราคายังอาจลงได้อีก ดังภาพต่อไปนี้



ทองคำ (GC) เครื่องมือ directional movement indicator บ่งชี้ว่าขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้ม คืออยู่ในภาวะไร้ทิศทาง และยังไม่มีสัญญาณกลับทิศแนวโน้มที่ชัดเจน นับคลื่นย่อยก็ยังนับไม่ถูก ทำให้ประเมินทิศทางข้างหน้าได้ยาก แต่หากพิจารณาค่าเงินดอลลาร์ (DX) ประกอบไปด้วยก็ทำให้น่าคิดว่าทองคำอาจกลับทิศแนวโน้มเป็นขาลงได้ในเร็วๆนี้ ต้องรอดูไปอีกระยะหนึ่ง





23/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,014.13 จุด ลดลงอีก 9.73 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BIGC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 5 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดส่วนใหญ่ปิดแดงทั้งสามภูมิภาค มีที่ปิดเขียวเพียงไม่กี่ตลาด เช่น จีน อินเดีย ประเด็นหลักยังคงเป็นความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่ลงแรงได้แต่ตลาดหุ้นประเทศแอฟริกาใต้ สเปน รัสเซีย อิตาลี นอร์เวย์ กรีซ ฯลฯ

ดัชนีตลาดหุ้นของรัสซียเกิดสัญญาณขาย



22/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,023.86 จุด ลดลง 3.86 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย DTAC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 6 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อทองคำ (GC) ตอนนี้ทองคำอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง (sideway) ดูยากแล้วว่าแนวโน้มจะขึ้นต่อหรือว่าจะลงเนื่องจากหากมองปัจจัยลบทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเงินเฟ้อในแถบเอเชียราคาทองคำน่าจะไปต่อได้ แต่หากพิจารณาจากค่าเงินดอลลาร์ สรอ ที่ตอนนี้ทางเทคนิคถือว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ราคาทองคำก็น่าจะเป็นขาลง ซึ่งลุงแมวน้ำให้น้ำหนักปัจจัยค่าเงินดอลลาร์มากกว่า ลองตามดูไปอีกสักระยะหนึ่ง

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่ปิดแดง ฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดเขียว


Wednesday, June 22, 2011

21/06/2011 * DBA, SB, RSS3, SET, ยางพารากลับมาน่าสนใจ, เศรษฐกิจโลกยังคงอึมครึม

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,027.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.63 จุด รีบาวด์ไปพร้อมกับเพื่อนบ้าน

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 7 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อโกโก้ (CC)

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ปิดเขียวกันทั่วโลก ทั่งฝั่งอเมริกายุโรป และเอเชียแปซิฟิก คาดหวังข่าวดีเกี่ยวกับกรีซ ดัชนีตลาดหุ้นเอเธนส์ของกรีซขึ้นแรง ตามมาด้วยตลาดหุ้นนอร์เวย์เวียดนาม สวีเดน และอิตาลี

ราคาสินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าหลักได้แก่พวก ข้าวสาลี ข้าวโพด ถั่วเหลือง ช่วงนี้ดูไม่ค่อยดีนักเนื่องจากอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง สะท้อนได้จากกราฟของอีทีเอฟ DBA ดังภาพต่อไปนี้



ยกเว้นน้ำตาลที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ดังภาพนี้




ยางพารา (RSS3) ที่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมหลังจากที่ผันผวนอย่างหนักในช่วงราคาประมาณ 200 บาท/กก จนลุงแมวน้ำมีความเห็นว่าโหดร้ายเกินไปและหยุดเทรดไปชั่วคราว มาถึงตอนนี้ราคาร่วงลงมาอยู่แถวๆ 150 บาท/กก ความผันผวนน้อยลงไปมาก ทำให้กลับมาดูน่าสนใจอีกครั้งหนึ่ง หากผันผวนไม่หนักก็พอจะเทรดในระบบตามแนวโน้มได้ แต่ยางพาราช่วงนี้ดูแปลกๆเนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ราคายางพารากลับลงเอา ลงเอา ดังภาพนี้




จากสินค้าเกษตร มาดูดัชนีตลาดหุ้นไทยหรือ SETI กันบ้าง ดังภาพต่อไปนี้


จากภาพ จะเห็นว่า SETI หล่นจากปลายชายธงมาแล้ว แต่ยังไม่หล่นจากกรอบล่างของ standard error channal (SEC) ก็มีรีบาวด์ขึ้นไป แต่การรีบาวด์นี้ยังบอกอะไรแน่ชัดไม่ได้ว่าจะกลับทิศเป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือไม่ เพราะว่าในขณะนี้ยังถือว่าแนวโน้มขาลงมีกำลังมากกว่าอยู่ ต้องตามดูไปอีกระยะหนึ่งว่า SETI จะหล่นจากกรอบล่างของ SEC หรือไม่



เศรษฐกิจโลกยังคงอึมครึม


ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2554 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็เข้าสู่แนวโน้มขาลง ดัชนีตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาและของยุโรปไหลลงโดยตลอด แม้มีบางวันที่รีบาวด์ขึ้นมาได้แต่ในที่สุดก็ไหลกลับลงไปอีก ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมจนถึงวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปลดลงไปแล้วประมาณ 9% ของสหรัฐอเมริกาลดลงไปประมาณ 5% และของไทยลดลงไปประมาณ 4%

แม้ว่าลุงแมวน้ำจะลงทุนโดยใช้ปัจจัยทางเทคนิคซึ่งโดยปกติแล้วทางสายปัจจัยทางเทคนิคจะไม่ค่อยสนใจข่าวสารนักเนื่องจากถือว่าราคา (หรือดัชนี) ได้รับรู้ข่าวสารเอาไว้ทั้งหมดแล้ว เมื่อดัชนีร่วงก็แปลว่ามีข่าวร้าย เมื่อดัชนีขึ้นก็แปลว่ามีข่าวดี การติดตามข่าวสารอาจทำให้ไขว้เขวด้วยซ้ำเนื่องจากเราอาจติดตามข่าวสารได้ไม่ครบถ้วนทำให้ประเมินสถานการณ์ผิดพลาดไป ยกตัวอย่างเช่นยางพารา (RSS3) ที่ลุงแมวน้ำพูดถึงที่ด้านบน แม้ข่าวที่ลุงแมวน้ำทราบมาเกี่ยวกับแนวโน้มการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้คิดไปว่าราคายางพาราน่าจะขึ้น แต่โดยข้อเท็จจริงด้านราคาแล้วราคา RSS3 กลับอยู่ในภาวะไร้ทิศทาง แนวโน้มขาลงดูจะมีกำลังมากกว่าด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นเพราะว่าลุงแมวน้ำอาจรับรู้ข่าวไม่ครบถ้วนก็ได้

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยพื้นฐานกับปัจจัยทางเทคนิคเป็นเรื่องที่ทิ้งกันไม่ขาด สำหรับลุงแมวน้ำเองนั้นก็ใช้ปัจจัยพื้นฐานเพื่อการมองในระดับภาพใหญ่หรือภาพคร่าวๆด้วย ลองมาดูกันว่าทางด้านปัจจัยพื้นฐานแล้วสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในช่วงนี้เป็นอย่างไร อะไรที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาและยุโรปไหลลงตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาและส่งผลถึงตลาดหุ้นไปทั่วโลกรวมทั้งเอเชียด้วย

มาดูที่ยุโรปกันก่อน ปัญหาทางเศรษฐกิจและหนี้สาธารณะเกิดขึ้นในหลายประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นสเปน โปรตุเกส อิตาลี กรีซ ไอร์แลนด์ เบลเยียม ไอซ์แลนด์ ฯลฯ แม้แต่อังกฤษเองก็มีปัญหา ที่จริงปัญหาของประเทศเหล่านี้สะสมมานานแล้วแต่เพิ่งจะมาประทุเอาในปีที่แล้วเนื่องจากปัญหาในหลายประเทศเริ่มเข้าขั้นวิกฤตและอาจฉุดสหภาพยุโรปทั้งกลุ่มให้ถดถอยไปด้วย จึงมีการตั้งกองทุนของกลุ่มสหภาพยุโรปเพื่อช่วยเหลือประเทศในกลุ่ม รวมทั้งมีการขอกู้้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อย่างเช่นประเทศกรีซ เป็นต้น

ปัญหาที่เป็นจุดสนใจหรือว่าเป็นปัญหาเฉพาะหน้าของยุโรปในช่วงนี้ก็คือปัญหาของประเทศกรีซ เนื่องจากกรีซมีหนี้ที่ถึงกำหนดต้องชำระในเดือนกรกฎาคมนี้อยู่ก้อนใหญ่ซึ่งขณะนี้กรีซไม่มีเงินพอที่จะจ่ายหนี้ เงินกู้จากไอเอมเอฟที่ได้รับมาแล้วสี่งวดก็ใช้หมดไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเงินกู้งวดที่ห้าราว 12,000 ล้านยูโรนั้นไอเอมเอฟยังไม่ปล่อยให้ โดยบอกว่าต้องทำตามเงื่อนไขของไอเอมเอฟเสียก่อน โดยกรีซต้องลดค่าใช้จ่ายภาครัฐลง (เช่น ลดเงินเดือนและสวัสดิการของข้าราชการ) ขึ้นภาษี และแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรวมแล้วเรียกว่า austerity measures ซึ่งคำนี้ลุงแมวน้ำยังนึกหาคำไทยเหมาะๆไม่ออก ก็ขอใช้ว่ามาตรการรัดเข็มขัดไปก่อน ซึ่งที่จริงแล้วรัดเข็มขัดหมายถึงประหยัด แต่ austerity measures ไม่ได้หมายถึงมาตรการประหยัด ตัด ลด อย่างเดียว แต่ยังหมายถึงเรื่องอื่นๆ เช่น การขึ้นภาษีอีกด้วย

ปรากฏว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับมาตรการเหล่านี้ ทำให้เกิดการประท้วงกันวุ่นวาย อีกทั้งรัฐบาลกรีซยังถูกยื่นญัตติไม่ไว้วางใจอีกด้วย ซึ่งมีการลงมติกันในวันที่ 21 มิถุนายน (คือวันนี้) หากรัฐบาลแพ้ญัตติก็ต้องลาออกไป มาตรการรัดเข็มขัดก็เดินหน้าต่อไม่ได้ ไอเอมเอฟก็จะไม่ให้เงินกู้ และกรีซก็คงถึงขั้นผิดนัดชำระหนี้ก้อนใหญ่ในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า default (คำว่า default หรือผิดนัดชำระหนี้นี้กินความกว้าง ตั้งแต่จ่ายช้าไปจนถึงไม่จ่ายหนี้เลยก็ได้) ผลกระทบที่ตามมาน่าจะลุกลามบานปลายเนื่องจากอาจทำให้ค่าเงินยูโรและระบบธนาคารซวดเซไปด้วย

อย่างไรก็ดี ในที่สุดวันนี้รัฐบาลกรีซก็ได้รับความไว้วางใจจากสภา ทำให้สามารถเดินหน้าเข็นกฎหมายรัดเข็มขัด (austerity bill) เพื่อแลกกับเงินกู้ของไอเอมเอฟต่อไปได้ ดังนั้นช่วงวันสองวันนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่จึงมีรีบาวด์กัน

นี่คือที่มาที่ไปของความอึมครึมทางฝั่งยุโรปอันเป็นปัญหาเฉพาะหน้าในระยะนี้ แต่การที่รัฐบาลกรีซได้รับความไว้วางใจจากสภาก็ยังไม่ได้แปลว่าจะได้เงินกู้งวดใหม่เนื่องจากกฎหมายรัดเข็มขัดยังต้องผ่านสภาอีก และถึงแม้ว่ากฎหมายจะผ่านสภาและกรีซได้เงินกู้งวดใหม่จากไอเอมเอฟก็ไม่ได้แปลว่าปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะหมดไป รวมทั้งไม่ได้หมายความว่าต่อไปกรีซจะมีความสามารถจ่ายหนี้เงินกู้ก้อนอื่นๆได้ และยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สาธารณะของยุโรปอีกหลายๆประเทศกำลังรอวันที่เข้าขั้นวิกฤต โดยเฉพาะสเปนซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่ากรีซมาก ดังนั้นข่าวดีในวันนี้ของกรีซจึงถือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยก็ว่าได้

มาทางด้านสหรัฐอเมริกา สหรัฐอเมริกาก็มีปัญหาหนี้สาธารณะจำนวนมาก มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการพิมพ์เงินดอลลาร์ สรอ เพิ่มและใส่เข้าไปในระบบเศรษฐกิจหรือที่เรียกว่า quantitative easing (QE) ซึ่งประกอบด้วย QE1 และ QE2 ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมหาศาล แต่ผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่อัดฉีดเข้าไป และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคสอง (QE2) กำลังจะจบโครงการลงภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้โดยไม่มีต่อภาคสามในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาเพิ่งเริ่มฟื้นตัว เปรียบเหมือนกับคนไข้ที่เพิ่งฟืนจากอาการไข้แต่ยาก็มาหมดลงพอดี คนไข้จะฟื้นตัวต่อไปได้โดยไม่ต้องพึ่งยา หรือว่าอาการจะกลับทรุดลงเพราะขาดยา หรือว่าหมอจะจัดยาขนานอื่นให้อีกก็ยังเป็นความอึมครึมอยู่

นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกามีหนี้ที่ครบกำหนดชำระคืนในเดือนสิงหาคมนี้อยู่หลายหมื่นล้านดอลลาร์ (เป็นการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาล) ซึ่งขณะนี้รัฐบาลอเมริกันไม่น่ามีเงินจ่าย หนทางที่จะมีเงินจ่ายได้ก็คือการก่อหนี้ใหม่มาปะหนี้เก่า แต่ขณะนี้เพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐอเมริกานั้นเต็มเพดานแล้ว ไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มได้อีก หากจะก่อหนี้เพิ่มได้ก็ต้องไปแก้กฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้สาธารณะ ซึ่งในขณะนี้กฎหมายนี้ยังไม่ผ่านสภา และสาเหตุที่ยังไม่ผ่านสภาก็เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาจากพรรคเดโมแครตซึ่งมีเสียงข้างน้อยในสภาคองเกรซ พรรครีพับลิกันได้ครองเสียงข้างมากในสภา ดังนั้นการแก้กฎหมายของฝ่ายรัฐบาลจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากพรรครีพับลิกันตั้งแง่อยู่

หากถึงเดือนสิงหาคมแล้วกฎหมายขยายเพดานหนี้สาธารณะไม่ผ่าน รัฐก็คงไม่สามารถชำระหนี้พันธบัตรได้ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐอเมริกาผิดนัดชำระหนี้หรือ default นั่นเอง ซึ่งหากเป็นกรณีนั้นประเทศสหรัฐอเมริกาคงถูกลดอันดับเครดิต มีผลกระทบถึงค่าเงิน ระบบธนาคาร และประเทศเจ้าหนี้จำนวนมาก ปัญหาจะร้ายแรงจนไม่อาจประเมินได้เนื่องจากสหรัฐอเมริกามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มาก อีกทั้งเงินดอลลาร์ สรอ ยังถือเป็นเงินตราสากล ทุกประเทศต่างมีไว้ในครอบครองทั้งสิ้น

จะเห็นว่าความอึมครึมของเศรษฐกิจโลกยังไม่หมดไป ประเด็นกรีซเป็นเพียงการผ่านปัญหาไปได้เปลาะหนึ่งเท่านั้นเอง ยังมีปัญหาปมเขื่องรออยู่ข้างหน้าอีกมากมาย ดังนั้นลุงแมวน้ำมองว่าตลาดหุ้นในระยะนี้คงไปต่อไปยากหากประเด็นเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สาธารณะและของสหรัฐอเมริกาและของยุโรปอีกหลายประเทศยังไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่มองกันว่าสหรัฐอเมริกานั้นถึงอย่างไรก็คงขยายเพดานหนี้สาธารณะได้ แต่ก็ไม่ควรประมาท อะไรก็เกิดขึ้นได้ และนี่เองคือสาเหตุที่ลุงแมวน้ำเผื่อใจเอาไว้ด้วยว่าดัชนีดาวโจนส์อันเป็นตัวแทนของคลื่นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาอาจจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) ที่แถวๆนี้ จากที่เดิมเคยประเมินเอาไว้ว่าน่าจะไปจบคลื่น B แถวๆ 14,200 จุด รวมทั้งคลื่นเศรษฐกิจยุโรปก็อาจจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) แถวๆนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะมีผลฉุดเศรษฐกิจไปทั้งโลก

นักลงทุนที่ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายคงสามารถเอาตัวรอดผ่านไปได้ มีแนวโน้มก็ตามแนวโน้มไป ผันผวนมากก็ต้องหยุด ไร้แนวโน้มก็ต้องทนเจ็บกับการคืนกำไร (หมายถึงเกิด false signal) แม้แต่ในช่วงที่ไม่มีแนวโน้มหรือว่าไร้ทิศทางก็คงพอประคองตัวผ่านไปได้เนื่องจากมีสัญญาณซื้อขายกำกับอยู่ แต่นักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ระบบสัญญาณซื้อขายควรระวัง ควรมองหาจุดหยุดยั้งความเสียหายในกรณีที่ลงทุนผิดทิศทางเอาไว้ด้วย




20/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,013.09 จุด ลดลง 5.87 จุด ดัชนียังลงต่อไปตามทิศทางของตลาดเพื่อนบ้านและตลาดโลก

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย CPF และมีสัญญาณซื้อ CPN ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 7 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ฝั่งอเมริกาส่วนใหญ่ปิดเขียว ฝั่งยุโรปปิดแดงกันถ้วนหน้า ฝั่งเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ปิดแดง มีปิดเขียวแซมบ้างเล็กน้อย

ตลาดยุโรปตอนต้นตลาดลงหนัก สาเหตุก็เรื่องเดิมๆคือปัญหาหนี้และความวุ่นวายของกรีซ มาตอนท้ายตลาดมีรีบาวด์ขึ้นมาแม้จะปิดแดงแต่ก็ไม่ลึกเท่ากับตอนต้นตลาดเหมือนกับมองเห็นสัญญาณที่ดีอะไรบางอย่าง



Monday, June 20, 2011

17/06/2011 * Currencies, Global and Regional Indicies

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,018.96 จุด ลดลง 0.59 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BLA, ESSO, SCCC, TUF ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 7 ตัว แม้ว่า SETI จะลดลงเพียงเล็กน้อยในวันนี้แต่เนื่องจากแนวโน้มขาลงมีกำลัง ดังนั้นโปรแกรมจึงเกิดสัญญาณขายขึ้น

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของก๊าซธรรมชาติ (NG) และกาแฟ (KC) เกิดสัญญาณขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ฝั่งอเมริกาปิดคละกันทั้งเขียวและแดง ยุโรปปิดเขียว ช่วงนี้ยุโรปจดจ่อกับสถานการณ์ของกรีซ ตลาดยุโรปแกว่งไปตามข่าวสารที่เกียวกับปัญหาหนี้สาธารณะและความไม่สงบในกรีซ ส่วนฝั่งเอเชียปิดแดงเป็นส่วนใหญ่

วันนี้ฟิวเจอร์สของโลหะเงิน (SA) เข้าเทรดในตลาด TFEX รวมทั้งเป็นวันแรกที่มีการขยายเวลาการเทรดอนุพันธ์ทองคำ (GF) และเงิน (SV) โดยเปิดเทรดภาคค่ำ 19.30-22.30 น. นักลงทุนที่เทรดทองคำและเงินในภาคบ่ายหากจบการเทรดภาคบ่ายแล้วยังมีออร์เดอร์ค้างอยู่อย่าลืมยกเลิกออร์เดอร์ มิฉะนั้นออร์เดอร์ของท่านจะค้างไปจนถึงการเทรดในภาคค่ำ

มาดูสรุปค่าเงินกัน ดังภาพต่อไปนี้



ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ สรอ และยูโรค่อนข้างผันผวนเนื่องจากปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปซึ่งไม่ใช่มีแต่กรีซเพียงประเทศเดียว เพียงแต่ว่าช่วงนี้ดูกรีซจะเป็นที่สนใจเนื่องจากมีเหตุการณ์หลายๆอย่างเกิดขึ้น ทั้งเรื่องถูกลดอันดับเครดิตไปจนถึงปัญหาความไม่สงบภายในประเทศ แท้ที่จริงแล้วปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปยังมีอีกหลายประเทศที่อาจลุกลามบานปลายออกไป เงินยูโรปในช่วงที่ผ่านมาจึงอ่อนค่าลง ส่งผลให้เงินดอลลาร์ สรอ แข็งค่าขึ้น และเงินตราสกุลอื่นๆอ่อนค่าลงมากบ้างน้อยบ้าง เงินบาทอ่อนค่าลงมากหน่อยเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สิงคโปร์ที่ค่อนไปทางทรงตัว เงินเยนอ่อนค่าไปหน่อยแล้วก็กลับมาแข็งค่าตามเดิม ส่วนราคาทองคำนั้นยังปรับตัวขึ้นได้แม้เงินดอลลาร์ สรอ จะแข็งค่าขึ้นมา ส่วนราคาน้ำมันดิบร่วงอย่างฮวบฮาบ

ช่วงนี้หากสังเกตดูในตารางรายงานประจำวันของลุงแมวน้ำก็จะพบว่าดัชนีตลาดในระดับภูมิภาคและดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศต่างๆ รวมทั้งฟิวเจอร์ส กองทุนรวม ฯลฯ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสัญญาณขาย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกันของตลาดต่างๆในโลก หากตลาดขนาดใหญ่ซบเซาก็ส่งผลกระทบถึงตลาดอื่นๆด้วย

ดัชนีโลกของดาวโจนส์ (DowJones global index, W1DOW) ขณะนี้เป็นสัญญาณขายอยู่ และยังไม่แน่ว่าจบคลื่น B หรือยัง ดังภาพต่อไปนี้



ดัชนีระดับโลกอีกดัชนีหนึ่งคือ MSCI All Country World Index หรือ MSCI AC World Index ก็เป็นสัญญาณขายอยู่


ดัชนีระดับโลกของ MSCI มีอยู่ 2 ดัชนี คือ MSCI World Index ซึ่งใช้มานานแล้ว คำนวณจากประเทศต่างๆในโลกยี่สิบกว่าประเทศ กับอีกดัชนีหนึ่งซึ่ง MSCI พัฒนาออกมาทีหลัง นั่นคือ MSCI All Country World Index ซึ่งคำนวณจากประเทศต่างๆในโลกกว่าสี่สิบประเทศ ซึ่งถือว่ามีความครอบคลุมมากกว่าดัชนีเดิม ดังนั้นเมื่อเห็นชื่อดัชนี MSCI World Index กับดัชนี MSCI AC World Index อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นดัชนีเดียวกัน

ดัชนีระดับภูมิภาคยุโรป (E2DOW) ก็เป็นสัญญาณขายอยู่ และไม่แน่ใจว่าจบคลื่น B ไปแล้วหรือยัง ดังภาพต่อไปนี้



ดัชนีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็เป็นสัญญาณขาย ดังภาพต่อไปนี้


ดัชนีกลุ่มตะวันออกกลาง (DJGCC50D) ก็ดูไม่ดีจากปัญหาความไม่สงบในโลกอาหรับที่ผ่านมา



ดัชนีในกลุ่มตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market (W5DOW) ก็เป็นสัญญาณขาย อีกทั้งตอนนี้ยังก่อตัวเป็นรูปแบบคล้ายกับจะเป็นยอดคู่ (double top) อีกด้วย ต้องดูไปอีกระยะหนึ่งจึงจะรู้ว่าเป็นรูปแบบยอดคู่จริงหรือไม่ หากดัชนีไปต่อได้ก็ไม่ใช่ยอดคู่ แต่หากไปต่อไม่ได้ก็เป็นยอดคู่ และคงลงได้ลึก



ตลาดหุ้นไทยเป็นไปตามกระแสโลก อย่าคาดหวังกับเรื่องหุ้นไทยขึ้นแรงในช่วงเลือกตั้งให้มากนัก เพราะท้ายที่สุดก็อาจฝืนแนวโน้มโลกไม่ได้ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ระบบสัญญาณต้องเผื่อทางถอยเอาไว้ด้วย ส่วนผู้ที่ใช้ระบบสัญญาณก็คงทำไปตามสัญญาณซื้อขาย ประกอบกับกลยุทธ์ในการจัดพอร์ตลงทุน



16/06/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,019.55 จุด ลดลง 10.76 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย EGCO, GLOW ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 11 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของเงินยูโร (EC) เกิดสัญญาณขาย

ตลาดต่างประเทศ วันนี้ปิดแดงเป็นส่วนใหญ่ มีปิดเขียวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตลาดหุ้นที่ลงแรงได้แก่ตลาดหุ้นของกรีซ



Friday, June 17, 2011

15/06/2011 * GD.AT ฟิวเจอร์สกับภาพลวงตาของอัตราทด

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,030.31 จุด ลดลง 4.61 จุด

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BIGC ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 13 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ตลาดต่างประเทศวันนี้ปิดแดงเป็นส่วนใหญ่ ฝั่งอเมริกาและยุโรปปิดแดงกันถ้วนหน้า ส่วนทางเอเชียแปซิฟิกยังมีปิดเขียวแซมมาบ้าง ที่ลงแรงได้แก่ตลาดหุ้นประเทศตุรกี เปรู อิตาลี และนอร์เวย์

สถานการณ์ในกรีซยิ่งนานยิ่งดูแย่ลงเหมือนคราะห์ซ้ำกรรมซัด นอกจากถูกลดอันดับเครดิตแล้วยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศอีกด้วย นักวิเคราะห์หลายๆสำนักมีความเห็นตรงกันว่าประเทศกรีซน่าจะหมดความสามารถที่จะชำระหนี้สาธารณะได้ และหากพิจารณาจากกราฟดัชนีตลาดหุ้นของกรีซ (GD.AT) จะเห็นว่าขณะนี้ดัชนีตลาดน่าจะเข้าสู่คลื่น C แล้ว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นหมายความว่าดัชนียังลงได้อีกมาก และหมายความว่าความวุ่นวายของกรีซคงยังไม่จบลงง่ายๆ





ฟิวเจอร์สกับภาพลวงตาของอัตราทด


ช่วงที่ผ่านมามีโบกเกอร์ต่างๆการจัดสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับตลาด TFEX และฟิวเจอร์สต่างๆกันค่อนข้างมาก จะเรียกได้ว่าเป็นเทศกาลฟิวเจอร์สก็ว่าได้ และฟิวเจอร์สยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นฟิวเจอร์สทองคำ น้ำมัน และโลหะเงิน

กระแสฟิวเจอร์สในช่วงนี้ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตลาดฟิวเจอร์สมีสินค้าใหม่ๆเข้ามาหลายตัว ได้แก่ ฟิวเจอร์สของหุ้นเดี่ยวหรือที่เรียกว่า single stock futures (SSF) ที่ขณะนี้มีรวมกันถึง 30 ตัว (อ้างอิง 30 หลักทรัพย์) และน้องใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเทรดในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ก็คือฟิวเจอร์สของโลหะเงิน

และเพื่อเพิ่มความคึกคักกับอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนที่ต้องการเทรดฟิวเจอร์สทองคำและโลหะเงินซึ่งมีการเทรดกันตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ทางตลาด TFEX จึงได้ขยายเวลาการเทรดฟิวเจอร์สเงินและทองคำโดยเพิ่มภาคค่ำ 19.30 - 22.30 น. ขึ้นมาอีก โดยจะเริ่มเทรดภาคค่ำกันในวันที่ 20 มิถุนายนนี้เช่นกัน

ลุงแมวน้ำมีโอกาสได้ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับฟิวเจอรส์มาหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักกล่าวถึงข้อดีของฟิวเจอร์ส คือ ลงทุนน้อย มีเงินน้อยก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูง สามารถเทรดได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง ฯลฯ ทำนองว่ารวยด้วยฟิวเจอร์ส รวยด้วยทอง ฟิวเจอร์สเทรดง่ายๆ อะไรทำนองนั้น แม้จะพูดถึงเรื่องความเสี่ยงหรือข้อเสียของฟิวเจอร์ส แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าภาพที่ถูกสร้างขึ้นในใจของนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่นั้นเป็นภาพที่สวยงาม ซึ่งก็เหมือนที่เราดูโฆษณายาที่มักมีตัววิ่งเล็กๆหรือมีเสียงพูดที่พูดจนเร็วปรื๋อว่า "โปรดอ่านฉลากและคำเตือนก่อนใช้ยา" ซึ่งคนส่วนใหญ่มักไม่ให้ความสนใจ

ลุงแมวน้ำมีความเห็นว่าฟิวเจอร์สนั้นเป็นสินค้าที่มีทั้งประโยชน์และโทษ การใช้ต้องรู้จักวิธีการใช้และใช้ด้วยความระมัดระวัง เปรียบเสมือนมีดหรือของมีคม แม้มีประโยชน์แต่หากใช้ไม่เป็นก็บาดผู้ใช้จนเป็นแผลเหวอะหวะได้

อันตรายข้อสำคัญที่ลุงแมวน้ำเห็นในการเทรดฟิวจอร์ส โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นการลงทุนด้วยการเทรดฟิวเจอร์สนั้นก็คือเรื่องจำนวนเงินที่วางหลักประกัน หรือที่เรียกว่ามาร์จินเริ่มต้น หรือมาร์จิน ซึ่งมาจาก initial margin (IM) นั่นเอง

หลักการในการเทรดฟิวเจอร์สนั้นคือการซื้อสินค้าโดยไม่ได้ใช้เงินเต็มจำนวน เพียงวางหลักประกันเอาไว้ส่วนหนึ่ง คิดแล้วเป็นจำนวนเงินไม่มากเมื่อเทียบกับมูลค่าสินค้าจริง ซึ่งเงินวางหลักประกันที่ใช้เพียงเล็กน้อยนี่เองที่ทำให้ถูกนำไปขยายผลว่าเป็นข้อดีที่ลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก เนื่องจากการคำนวณกำไรขาดทุนนั้นคิดจากมูลค่าสินค้าจริง

สมมติเช่น สินค้าจริงราคา 100 บาท หากทำเป็นฟิวเจอร์สก็วางหลักประกันการซื้อขายเพียงประมาณ 10 บาท หากสินค้ามีราคาขึ้นไปเป็น 110 บาท ก็เท่ากับว่าวางเงิน 10 บาทและได้กำไร 10 บาท (เพราะกำไรขาดทุนคิดจากมูลค่าสินค้าจริง) นี่เองที่ทำให้คิดว่าวางเงินน้อยแต่ได้กำไรมาก และเกิดอัตราทด (leverage) ขึ้น หากราคาสินค้าเหลือ 90 บาท ก็เท่ากับว่าวางเงิน 10 บาทและขาดทุน 10 บาท

นักลงทุนมือใหม่บางคนอาจคิดว่าฟิวเจอร์สนี่แหละ ใช่เลย เพราะว่ามีเงินทุนน้อยแต่ต้องการกำไรสูงๆ ลุงแมวน้ำอยากขอเตือนว่าการเทรดฟิวเจอร์สนั้นเทรดได้แต่ต้องรู้จักวิธีการใช้ อย่างน้อยที่สุดนักลงทุนต้องมองข้ามเรื่อง initial margin หรือเงินวางหลักประกันไป แต่ต้องมองมูลค่าจริงของสินค้าที่เราจะเทรดเสมอ สมมติเช่นการเทรดฟิวเจอร์ส SET50 (S50) นักลงทุนไม่ควรมองว่าใช้เงินเพียง 38,000 บาทก็เทรดได้แล้ว 1 สัญญา แต่ต้องมองว่าการเทรด S50 หนึ่งสัญญาเทียบเท่ากับการมีพอร์ตหุ้นถึง 700,000 บาททีเดียว ความเคลื่อนไหวเพียง 10% ก็เท่ากับกำไร/ขาดทุนไป 70,000 บาทแล้ว หากขาดทุน 20-30% ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นักลงทุนมือใหม่บางคนมีเงินเพียง 50,000 บาทก็อยากลองเทรดฟิวเจอร์ส S50 วางเป็นหลักประกัน 38,000 บาท ยังคิดดีใจว่าเหลือเงินอีก 12,000 บาท แต่เราอาจลืมนึกไปว่าเรารับการขาดทุนของพอร์ตมูลค่าระดับ 700,000 บาทไหวหรือไม่

ลุงแมวน้ำนำตารางฟิวเจอร์สที่สำคัญบางตัว พร้อมกับมูลค่าสินค้าจริงตามราคาตลาดในช่วงนี้มาเสนอในตารางต่อไปนี้ ในตารางมีการคำนวณจำนวณเงินที่ควรเตรียมเอาไว้สำหรับการเทรดไว้ให้ด้วย หากมีทุนเต็มตามมูลค่าจริงได้ก็ยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็ควรมีในระดับปลอดภัยตามตารางจึงจะถือว่ามีสายป่านยาวพอควร

ในการเทรดฟิวเตอร์สนักลงทุนต้องสร้างภาพของมูลค่าจริงไว้ในใจเสมอจะทำให้เราไม่ประมาท อย่าไปมองเฉพาะเงินวางประกัน การมองเฉพาะเงินวางประกันมักทำให้เราประมาท หากพลาดขึ้นมาอาจถึงกับหมดทุนได้





Thursday, June 16, 2011

14/06/2011 * US

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,034.92 จุด เพิ่มขึ้น 19.39 จุด ดัชนีรีบาวด์แรงตามตลาดโลก

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 12 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อกาแฟ (KC) และมีสัญญาณขายถั่วเหลือง (S) ลุงแมวน้ำยังมองสินค้าเกษตรเป็นแนวโน้มขาขึ้นอยู่ ดังนั้นจึงปิดสัญญาซื้อไป แต่ไม่ได้เปิดสัญญาขาย นอกจากนี้ฟิวเจอร์สของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอายุ 30 ปี (US) เกิดสัญญาณขายหลังจากที่เกิดสัญญาณซื้อมานานร่วมสามเดือน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจติดตามเนื่องจากช่วงที่สหรัฐอเมริกาใช้มาตรการ QE2 นั้นมีการนำเงินมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้าทำนองอัฐยายซื้อขนมยาย เมื่อมาตรการนี้กำลังจะสิ้นสุดลง ปัญหาคือต่อไปคือแรงซื้อพันธบัตรรัฐบาล สรอ คงหดหายไป ดังนั้นเป็นไปได้ว่าใครชิงขายได้ก่อนก็คงรีบขายก่อนที่ราคาจะตกลงไปมากกว่านี้ คงต้องติดตามดูกันว่าเมื่อสิ้นมิถุนายนนี้แล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล สรอ จะเป็นอย่างไร



ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดบวก ตลาดฝั่งยุโรปรีบาวด์เนื่องจากข่าวจีดีพีของเยอรมนีขยายตัวได้ดี ทำให้ตลาดอื่นๆในยุโรปพลอยรีบาวด์ไปด้วย


Wednesday, June 15, 2011

13/06/2011 * SET, DJI, CL, DX

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1,015.53 จุด ลดลง 4.84 จุด ต่างชาติยังมีแรงขายอยู่

หุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย CPN ขณะนี้โปรแกรมถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 12 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายทองคำ (GC) ซึ่งเป็นกลุ่มโลหะมีค่าหลังจากที่เมื่อวานนี้เกิดสัญญาณขายทองแดง(HG) ซึ่งอยู่ในกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยางพารา (RSS3) ก็เกิดสัญญาณขาย

อีทีเอฟ GLD (SPDR Gold Trust) ที่เป็นกองทุนแม่ของกองทุนทองคำเกือบทุกกองทุนในไทยเกิดสัญญาณขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดแดงแต่ลงไม่แรงนัก ตลาดหุ้นในหลายประเทศหยุดทำการ

ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average, DJI) เกิดสัญญาณกลับทิศหลายประการ อาทิ ได้ระดับ fibonacci, หลุดกรอบล่างของ SEC, มียอดคลื่นที่ต่ำลง (lower peak), เกิด RSI bearish convergence ฯลฯ ดังนั้นขณะนี้กลับทิศเป็นขาลงแล้ว แต่จะกินเวลายาวนานเท่าไรยังยากบอกได้



ที่น่าเป็นห่วงก็คือ DJI กลับทิศเป็นขาลงในครั้งนี้จะเป็นการจบคลื่น B (สีน้ำเงิน) หรือไม่ หากใช่ คลื่นลูกถัดมาคือคลื่น C อันหมายถึงตลาดจะลงได้อีกมากและน่าจะกินเวลายาวนานนับเดือนหรือเป็นปีเนื่องจากเป็นระดับคลื่นใหญ่ รวมทั้งจะฉุดให้ตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลกรวมทั้งตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เสียหลักไปด้วย แต่ตอนนี้จบคลื่น B แล้วหรือไม่คงต้องใช้เวลาในการติดตามไปอีกสักระยะหนึ่ง

มาดูตลาดหุ้นของบ้านเรากันบ้าง ดัชนีเซ็ต (SETI) กลับทิศเป็นขาลงหลังจากดัชนีหลุดชายธงลงมา และขณะนี้มาติดอยู่ที่กรอบล่างของ standard error channel (SEC) ดังภาพ


ในเวลาอีกไม่กี่วันคงทราบได้ว่าดัชนีจะหลุดกรอบ SEC หรือไม่

อย่างไรก็ตาม ลุงแมวน้ำประเมินทางเทคนิคว่าขาลงนี้ไม่น่ากินเวลานานนัก เนื่องจากลุงแมวน้ำยังมีความเห็นเช่นเดิมว่าตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มใหญ่เป็นขาขึ้นเนื่องจากอย่ในคลื่นใหญ่ 5 แต่ก็ยังมีข้อยกเว้น คือ หากตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาเข้าคลื่นขาลง C ดัชนี SETI รวมทั้งดัีชนีตลาดหุ้นอื่นๆคงต้องตามตลาดหุ้น สรอ ไปด้วย ดังนั้น หากประเมินจากกราฟของ SETI เพียงอย่างเดียวก็ต้องบอกว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่หากประเมินสถานการณ์ของดัชนี DJI เข้าไปด้วยก็ต้องบอกว่าสถานการณ์ขณะนี้น่าเป็นห่วง และนี่ก็คือความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรประเมินสถานการณ์ข้างหน้าเอาไว้หลายๆแบบ

มาดูน้ำมันดิบ (CL) กันบ้างดังภาพต่อไปนี้


ขณะนี้ราคาน้ำมันหลุดกรอบ SEC ลงมาแล้ว แต่ขาลงครั้งนี้น่าจะกินเวลาไม่นานมากเนื่องจากแนวโน้มใหญ่ของราคาน้ำมันยังเป็นคลื่น 5 อีกสักระยะหนึ่งราคาน้ำมันคงไปต่อ

ในระยะนี้ค่าเงินทั่วโลกผันผวนอันเนื่องมาจากความผันผวนของเงินดอลลาร์และการไหลเข้าออกของกระแสเงินก้อนใหญ่ที่กระจัดกระจายหาที่ลงในสกุลเงินต่างๆ แม้ในทางปัจจัยพื้นฐานค่าเงินดอลลาร์ควรอ่อนต่อไป แต่ในทางเทคนิค ขณะนี้ดัชนีดอลลาร์ สรอ (USD Index) มีท้องคลื่นยกสูงขึ้น (rising trough) อีกทั้งยังเปิดช่องว่างเล็กๆที่ดูคล้าย rising window เอาไว้ ดังนั้นทางเทคนิคก็ต้องประเมินว่าขณะนี้น่าจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ส่วนจะขึ้นไปได้นานเท่าใดนั้นคงยังบอกไม่ได้ ต้องตามดูไปก่อน