Thursday, March 31, 2011

31/03/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1047.48 จุด ลดลง 3.19 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ DCC ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 41 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีฟิวเจอร์สของเงินเยนญี่ปุ่นเกิดสัญญาณขาย ดังนั้นจึงเปิดสัญญาณขายไป

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกขึ้นและลงคละเคล้ากัน ทางด้านทวีปอเมริการวมไปถึงอเมริกาใต้และเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียวส่วนทวีปยุโรปส่วนใหญ่ปิดแดง ดัชนีตลาดหุ้นแคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนดัชนีตลาดหุ้นของโปรตุเกสเกิดสัญญาณขาย

ทางด้านดัชนีอื่นๆ วันนี้ดัชนีสินค้าเกษตรและสายการเดินเรือเกิดสัญญาณซื้อ




Wednesday, March 30, 2011

30/03/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1050.67 จุด เพิ่มขึ้น 14.31 จุด ดัชนีเซ็ต (SETI) เกือบทำจุดสูงสุดใหม่ได้แล้ว ขาดอีกนิดเดียวเท่านั้น

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BAY, BIGC, MAKRO ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 40 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีฟิวเจอร์สของดัชนีดาวโจนส์ (DJ) เกิดสัญญาณซื้อ ขณะเดียวกันถั่วเหลือง (S) ก็เกิดสัญญาณซื้อ ฟิวเจอร์ส ITD ของตลาด TFEX เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดบวก นำโด่งโดยตลาดฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และแอฟริกาใต้ ดัชนีตลาดหุ้นของประเทศบราซิล เมกซิโก เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ รัสเซีย เกิดสัญญาณซื้อ ส่วนตลาดหุ้นประเทศกรีซเกิดสัญญาณขาย

ที่น่าสังเกตคือดัชนีในกลุ่มธุรกิจต่างๆในระดับโลก (global business sector) เกิดสัญญาณซื้อพร้อมๆกันหลายตัว รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นในระดับภูมิภาคต่างๆก็เกิดสัญญาณซื้อพร้อมๆกันหลายตัว แต่หากดูดัชนีตลาดหุ้นในรายประเทศพบว่าหลายตลาดยังเป็นสัญญาณขายอยู่ สันนิษฐานเบื้องต้นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกอาจขึ้นแรงไปอีกช่วงหนึ่งตามแรงฉุดของตลาดใหญ่ที่นำไปก่อนหน้า รอดูต่อไปอีกหน่อยแล้วลุงแมวน้ำจะนำมาคุยกัน





Tuesday, March 29, 2011

29/03/2011 * ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจริงหรือไม่ (2)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1036.36 จุด เพิ่มขึ้น 3.42 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ SSI ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 37 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณขายกาแฟ (KC) ช่วงนี้สินค้าเกษตรทรงตัวกับปรับตัวลงเล็กน้อย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดคละกันทั้งเขียวและแดง ตลาดฝั่งทวีปอเมริกาส่วนใหญ่ปิดค่อนไปทางเขียว ตลาดฝั่งยุโรปปิดค่อนไปทางแดง และเอเชียปิดคละกัน ตลาดอียิปต์ปรับตัวขึ้นแรงอีกวันหนึ่ง ส่วนตลาดประเทศกรีซปรับตัวลงแรง

ดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาเกิดสัญญาณซื้อ ดัชนีตลาดหุ้นของมาเลเซียและออสเตรียก็เกิดสัญญาณซื้อ

ยางพารา (RSS3) ยังขึ้นแรงลงแรงจนน่ากลัวเช่นเดิม หลังจากเตุการณ์สึนามิที่ญี่ปุ่นทำให้ราคายางพารายิ่งผันผวน ทีแรกก็ร่วงลงเนื่องจากประเมินว่าการผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นจะชะลอตัว ทำให้การใช้ยางลดลงไปชั่วคราว ต่อมาเมื่อมีพายุเข้าภาคใต้ของประเทศไทย ฝนตกน้ำท่วม ไร่นาเสียหาย ราคายางพาราก็กลับดีดตัวขึ้นมาอีก แต่รวมแล้วยังอยู่เป็นสัญญาณขายออยู่ ยังไม่เกิดสัญญาณซื้อ


ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจริงหรือไม่ (2)


เมื่อวานเราดูวิธีอ่านตารางพร้อมกับดูตารางสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของตลาดหุ้นต่างๆไปแล้ว สำหรับท่านที่ยังงงๆกับการอ่านตาราง ลุงแมวน้ำได้ทำตารางสรุปสำหรับตลาดบางคู่ รวม 6 คู่ มาให้ดูกัน ดังนี้




แม้ว่าจะดูอย่างคร่าวๆแต่ก็คงพอเห็นว่าตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอเมริกากับยุโรปตะวันตกนั้นสัมพันธ์ตามกันในระดับสูงเกือบทุกปี ส่วนตลาดสหรัฐอเมริกากับไทยนั้นก็ตามบ้างไม่ตามบ้าง ส่วนสหรัฐอเมริกากับจีนก็ตามบ้างไม่ตามบ้าง บางปีตามกันในระดับสูง (ค่า r สูงเข้าใกล้ 1)

และหากพิจารณาตารางของเมื่อวานกับตารางข้างบน มีข้อที่น่าสังเกตอีกประการหนึ่ง นั่นก็คือ ไม่ว่าตลาดบางตลาดที่เราดูแล้วเห็นว่าบางปีก็ตามสหรัฐอเมริกามากหน่อย บางปีก็ตามน้อยหน่อย อย่างเช่นไทยกับจีน แต่สำหรับในปี 2008-2009 อันเป็นช่วงปีที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทุกตลาดมีความสัมพันธ์แบบตามกันในระดับที่สูงขึ้นกับตลาดสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น โดยดูจากค่า r ที่เพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนหน้า

ครั้นพอมาปี 2010 เมื่อวิกฤตคลายตัวลง หลายตลาดก็เริ่มกลับมาสัมพันธ์ตามกันกับตลาดอเมริกาน้อยลง

ที่เป็นเช่นนี้อาจพออธิบายได้ว่า ในยามที่ภาวะเศรษฐกิจไปได้ ตลาดแต่ละตลาดในโลกก็เป็นไปตามปัจจัยของประเทศตนเองมากหน่อย แต่ครั้งเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา ทุกตลาดก็หวั่นไหวและได้รับผลกระทบไปหมด แม้ผลกระทบทางปัจจัยพื้นฐานจะมีมากน้อยต่างกัน แต่ปัจจัยทางจิตวิทยาดูจะสำคัญกว่า

ลองเปรียบเทียบให้ดูกันชัดๆอีกภาพหนึ่ง ดังภาพต่อไปนี้


ภาพนี้เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของตลาดต่างๆในปี 2005 กับ 2008 จะเห็นว่าในปี 2005 บางตลาดสัมพันธ์ตามกันกับอเมริกาในระดับน้อยมากถึงปานกลาง (เซลล์ที่ระบายสีเหลือง) แต่พอมาในปี 2008 ความสัมพันธ์กลับกลายเป็นระดับที่สูงขึ้น อย่างเช่นจีนในปี 2005 ค่า r = 0.22 (สัมพันธ์กันน้อย) แต่มาในปี 2008 ค่า r = 0.79 คือกลายเป็นตามกันค่อนข้างสูง ปีนั้นตลาดสหรัฐอเมริกาเข้าคลื่น A ตลาดจีนก็พลอยร่วงไปด้วย

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เราเรียนรู้จากอดีตว่าหากตลาดสหรัฐอเมริกาย่ำแย่จะฉุดตลาดอื่นให้แย่ไปด้วย เราคงตอบไม่ได้ว่าหากในอนาคตเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้วประวัติศาสตร์จะตามรอยเดิมหรือไม่ แต่อย่างน้อยอดีตก็เป็นบทเรียนที่เตือนให้เราไม่ประมาท




28/03/2011 * ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจริงหรือไม่ (1)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1032.94 จุด ลดลง 4.79 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 36 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดคละกันทั้งเขียวและแดง ตลาดฝั่งทวีปอเมริกาส่วนใหญ่ปิดแดง ตลาดฝั่งยุโรปและเอเชียปิดคละกัน

ช่วงนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกดูทรงๆ ไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจน ช่วงที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ สรอ อ่อนตัวมาตลอด เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นมาบ้าง เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนเช่นนี้ก็ดูยังไม่มีเหตุผลอะไรที่นักลงทุนจะต้องย้ายเงินออกจากตลาดเอเชียเนื่องจากอยู่ไปก่อนก็ได้เปลี่ยนด้านอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นตลาดหุ้นไทยและในแถบเอเชียในช่วงนี้จึงไม่ค่อยลง แถมยังมีแรงซื้อหุ้นไทยกลับเข้ามาเสียอีก

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 25 ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ สรอ ดีดกลับขึ้นมา ดังนั้นต้องคอยติดตามดูไปก่อนว่าดอลลาร์จะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป จะมีการกลับทิศหรือไม่ ดังนั้นคาดว่าตลาดหุ้นของไทยน่าจะไม่เคลื่อนไหวในกรอบแคบไปก่อนในระยะสั้นเพื่อรอดูทิศทางค่าเงิน


ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกากำหนดทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกจริงหรือไม่ (1)


เมื่อราวสักสิบปีก่อนและก่อนหน้านั้นย้อนขึ้นไปอีก ตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาถือว่าเป็นตลาดที่ชี้นำทิศทางของตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก นักลงทุนของไทยเองก็ยังต้องติดตามข้อมูลว่าดัชนีดาวโจนส์ (DJI) ของสหรัฐอเมริกาในแต่ละวันว่าเป็นอย่างไร หากวันใดที่ดัชนีดาวโจนส์ร่วง ดัชนีของตลาดหุ้นอื่นๆก็มักร่วงตามไปด้วย

นั่นเป็นเรื่องของเมื่อหลายปีก่อนที่ศูนย์กลางของเศรษฐกิจและการลงทุนยังอยู่ในซีกโลกด้านตะวันตก แต่ในปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนไป เศรษฐกิจในซีกโลกตะวันตกเหมือนตะวันในยามบ่ายที่กำลังรอเวลาอัสดง ส่วนเศรษฐกิจในซีกโลกตะวันออกกลับเป็นเหมือนตะวันยามสายที่ยังส่องสว่างเจิดจ้าต่อไปได้อีกนาน และหากดูปริมาณการค้า ปัจจุบันการค้าในระหว่างเอเชียด้วยกันเองมีมากขึ้น รวมทั้งยังมีตลาดเกิดใหม่อื่นๆนอกเอเชียอีก โดยเฉพาะการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาลดลงไปมาก ดังนั้นหากมองในแง่ปัจจัยพื้นฐานแล้วนักวิเคราะห์มักประเมินว่าของสหรัฐอเมริกาไม่ได้เป็นพี่ใหญ่ที่ทุกคนต้องคอยเดินตามเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

สำหรับผู้ที่วิเคราะห์ในเชิงปัจจัยทางเทคนิคก็ยังมีความเห็นเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็ว่าดัชนีดาวโจนส์ยังมีบทบาทชี้นำทางเทคนิคแก่ตลาดหุ้นอื่นๆอยู่ อีกกลุ่มนึ่งก็ว่าปัจจัยทางเทคนิคของสหรัฐอเมริกาไม่ส่งผลแล้วเนื่องจากปัจจบันความสำคัญของเศรษฐกิจย้ายมาอยู่ที่เอเชียแล้ว แถมบางคนยังมองไปถึงขั้นที่ว่าดัชนีดาวโจนส์ต้องขึ้นลงตามดัชนีของเอเชียต่างหาก

ลุงแมวน้ำมองว่าการตอบจากความรู้สึกนั้นยากที่จะชี้วัดให้เป็นรูปธรรมได้เพราะต่างคนก็ต่างความคิด ดังนั้นวันนี้ลุงแมวน้ำจะลองพยายามตอบคำถามนี้ด้วยการใช้เครื่องมือทางสถิติดู

เครื่องมือทางสถิติที่ลุงแมวน้ำจะใช้วิเคราะห์ก็เป็นเครื่องมือที่เราเคยคุยกันไปแล้ว นั่นคือ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (correlation coefficient) โดยลุงแมวน้ำนำเอาข้อมูลดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศและกลุ่มประเทศต่างๆหลายตัวมาคำนวณและเปรียบเทียบให้ดูกันตลอดช่วงเวลาหลายปี คือตั้งแต่ต้นปี 2004 (2547) จนถึงปลายเดือนมีนาคม 2011 (2554) แล้วลองดูว่าข้อมูลของแต่ละตลาดมีระดับความสัมพันธ์อย่างไร

ดัชนีที่ลุงแมวน้ำนำมาเปรียบเทียบกันมีดังนี้

  1. A3DOW กลุ่มละตินอเมริกา (บราซิล เมกซิโก ชิลี)
  2. AORD ออสเตรเลีย
  3. BSESN อินเดีย
  4. DJI สหรัฐอเมริกา
  5. E1DOW ยุโรปตะวันตก (อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ สเปน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ออสเตรีย ไอร์แลนด์ กรีซ โรปตุเกส แอฟริกาใต้)
  6. P3DOW เอเชียใต้ (อินโดนีเชีย มาเลเซีบ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย)
  7. SET ไทย
  8. SSECI จีน
  9. STI สิงคโปร์
  10. W5DOW ตลาดเกิดใหม่ (บราซิล จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ อินเดีย รัสเซีย แอฟริกาใต้ เมกซิโก มาเลเซีย อินโดนีเซีย ชิลี ไทย โปแลนด์ ฯลฯ)

ตารางที่ลุงแมวน้ำคำนวณมามีทั้งหมด 9 ตาราง โดยตารางแรกเป็นผลการคำนวณหาความสัมพันธ์รวมตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2004 ถึง มีนาคม 2011 ส่วนตารางถัดมาเป็นระดับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละปี ลองมาดูตารางกันก่อน





วิธีดูก็คือหาคู่เปรียบเทียบที่ต้องการและดูในปีที่ต้องการ เช่น ต้องการดูความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีดาวโจนส์ (DJI) กับดัชนี SET ในปี 2004

เราก็ไปที่ตารางปี 2004 ดูหัวตารางทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ให้ด้านหนึ่งเป็น DJI และอีกด้านหนึ่งเป็น SET จากนั้นดูเซลล์ที่แถวและสดมภ์ตัดกัน ในกรณีตัวอย่างนี้ได้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่าง DJI กับ SET คือ 0.59 ดังภาพต่อไปนี้



การตีความค่า หากค่าใกล้ 1 เท่าไร ระดับความสัมพันธ์แบบตามกันจะยิ่งสูง คือหากค่าหนึ่งขึ้น อีกค่าก็ต้องขึ้นตาม หากค่ายิ่งน้อย (ใกล้ 0) ระดับความสัมพันธ์จะยิ่งต่ำ คือไม่มีความสัมพันธ์กัน สำหรับค่า 0.59 ถือว่ามีความสัมพันธ์แบบตามกันในระดับปานกลาง

หากค่าติดลบ การตีความค่าติดลบก็คือ หากค่าเข้าใกล้ -1 มากเท่าใด ระดับความสัมพันธ์แบบสวนทางกันจะยิ่งสูง คือค่าหนึ่งขึ้น อีกต่าหนึ่งต้องลง หากติดลบแค่ค่อนไปทาง 0 หรือติดลบเข้าใกล้ 0 หมายถึงว่าแทบจะไม่มีความสัมพันธ์กัน และหากค่าติดลบอยู่ประมาณ -0.5 หมายถึงว่ามีความสัมพันธ์แบบสวนทางกันพอประมาณ

ลองดูตารางและพยายามใช้ตารางนี้ด้วยตนเองไปก่อน แล้วเรามาคุยกันต่อในวันถัดไป





Monday, March 28, 2011

25/03/2011 มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (13)


วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1037.73 จุด เพิ่มขึ้น 3.34 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย TRUE และมีสัญญาณซื้อ AOT, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 36 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว อินเดียปรับตัวขึ้นแรงหลังจากที่ร่วงไปหลายวันจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ


มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (13)

วันนี้คงเป็นตอนสุดทายสำหรับบทความชุดนี้ ใช้เวลานำเสนอต่อเนื่องบ้างไม่ต่อนเนื่องบ้าง รวมแล้วเป็นเวลานาน 3 เดือน

สำหรับในตอนนี้ลุงแมวน้ำจะเสนอตลาดหุ้นกลุ่มที่สามอันเป็นกลุ่มสุดท้าย นั่นคือ ตลาดหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงหรือควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่งหากจะเข้าลงทุน


กลุ่มที่ 3 ตลาดหุ้นที่ควรเลี่ยงหรือพิจารณาให้รอบคอบ

ตลาดหุ้นในกลุ่มนี้เป็นตลาดที่ลุงแมวน้ำมองว่าอยู่ในคลื่น B ซึ่งคลื่น B นี้แม้เป็นคลื่นใหญ่ก็สามารถเทรดได้ แต่ก็ควรต้องเทรดตั้งแต่ต้นคลื่น หากคลื่นดำเนินไปมากแล้วความเสี่ยงจะมีสูงเนื่องจากคลื่น B แมะจะเป็นคลื่นขาขึ้นแหมือนกับคลื่น 5 แต่ก็เป็นเพียง corrective wave ซึ่งไปได้ไม่ไกลเท่ากับคลื่น 5 อันเป็น motive wave


ตลาดหุ้นในกลุ่มคลื่น B (สหรัฐอเมริกา ยุโรป)


ตลาดหุ้นในกลุ่มคลื่น B นี้ที่ขอกล่าวถึงอันดับแรกเลยก็คือตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกา ดังภาพต่อไปนี้




ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกเอาไว้ว่าในทางเทคนิคแล้ว หากลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาอยู่ในคลื่น B ดัชนีดาวโจนส์ก็คงไปได้ไม่เกิน 14,200 จุด

นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในคลื่น B แล้ว ตลาดหุ้นในกลุ่มยุโรปโดยเฉพาะกลุ่มยูโรโซน (ยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรร่วมกัน) และอังกฤษก็น่าจะอยู่ในคลื่น B เช่นเดียวกัน ดังภาพต่อไปนี้ซึ่งเป็นภาพดัชนีตลาดหุ้นของเยอรมนี



ในกลุ่มยุโรปเองนั้นยังมีกราฟดัชนีตลาดหุ้นอีกหลายลักษณะ เช่น ในกลุ่มพวกที่มีปัญหาเศรษฐกิจมาก นั่นคือ อิตาลี สเปน กรีก โปรตุเกส ไอร์แลนด์ จะมีกราฟในลักษณะต่อไปนี้




ที่เห็นในภาพเป็นกราฟตลาดหุ้นกรีซ ซึ่งในทางเทคนิคคงต้องบอกว่าอยู่ในคลื่น A ซึ่งยังไม่จบ หรือกำลังอยู่ในคลื่น C ก็เป็นไปได้ (เนื่องจากคลื่น B มีขนาดเล็ก จึงจบลงและต่อด้วยคลื่น C เร็ว)

ในความเห็นของลุงแมวน้ำ กลุ่มยุโรปในกลุ่มยูโรโซนพึ่งพิงกันค่อนข้างสูง รวมทั้งใช้เงินสกุลเดียวกัน ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจต่างกัน หากเกิดอะไรขึ้นอาจพาเซไปทั้งกลุ่ม ดังนั้นลุงแมวน้ำจึงจัดให้ประเทศในกลุ่มยูโรโซนเป็นกลุ่มที่สามในภาพรวมเนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในคลื่น B



ตลาดหุ้นที่มีรูปแบบกราฟซับซ้อนหรือนับคลื่นยาก

นอกจากนี้แล้วยังมีบางประเทศที่ดูกราฟแล้วนับคลื่นได้ยาก ลุงแมวน้ำก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นกราฟตลาดหุ้นสโลวีเนียในยุโรปกลางซึ่งลักษณะเป็นภูเขาลูกเดียวโดดๆ ดูแล้วยังนับคลื่นใหญ่ไม่ถูก ดังนี้



นอกจากนี้ยังมีอีก เช่น ไต้หวัน



ขณะนี้ไต้หวันอยู่ในคลื่นอะไรก็บอกได้ยาก จึงยังบอกไม่ได้ว่าน่าลงทุนหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตลาดที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบพื้นฐาน อย่างเช่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย ลุงแมวน้ำก็ว่านับคลื่นได้ยาก กลุ่มที่นับคลื่นได้ยากหรือนับไม่ถูกนี้ลุงแมวน้ำคงไม่อาจบอกได้ว่าไม่น่าลงทุน เป็นแต่ว่าดูไม่ออกเสียมากกว่า ดังนั้นหากต้องการลงทุนควรพิจารณาให้รอบคอบด้วยปัจจัยประกอบอื่นๆ


มีคำถามที่น่าสนใจอีกคำถามหนึ่ง นั่นก็คือ ตลาดหุ้นที่อยู่ในกลุ่มคลื่น 3 หรือคลื่น 5 เมื่อไรจะจบคลื่น ลุงแมวน้ำคงต้องตั้งสมมติฐานเป็น 2 ประการ คือ

สมมติฐานประการแรก หากตลาดหุ้นแต่ละประเทศไม่อิงกับตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา พูดง่ายๆว่าตลาดใครตลาดมัน หากเป็นกรณีนี้จะจบเมื่อไรคงต้องแล้วแต่ปัจจัยของแต่ละประเทศเอง ซึ่งการใช้การวัดทางเทคนิคอาจช่วยบอกได้บ้างว่าน่าจะไปจบที่ดัชนีเท่าไร

สมมติฐานประการที่สอง ตลาดหุ้นแต่ละประเทศอิงกับตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา หากเป็นกรณีนี้ตลาดสหรัฐอเมริกาจบคลื่น B เมื่อไรตลาดอื่นก็จบเช่นกัน ใครอยู่คลื่น 3 ก็จบคลื่น 3 ใครอยู่คลื่น 5 ก็คงจบคลื่น 5 หน้าตาคลื่นอาจดูแปลกๆได้ เช่น เป็นคลื่นที่จบแบบ failed wave คือไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามปกติ เช่น คลื่น 5 อาจต่ำกว่าคลื่น 3 เป็นต้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกอิงกับสหรัฐอเมริกาหรือไม่นั้นน่าสนใจ ลุงแมวน้ำกำลังเตรียมข้อมูลอยู่ เอาไว้เสร็จแล้วจะนำมาคุยกันต่อไป




24/03/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1034.39 จุด เพิ่มขึ้น 6.85 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ BBL, KBANK, LH, TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 35 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้มีสัญญาณซื้อฟิวเจอร์สของ BBL, LH, QH

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว ทำให้ดัชนีหลายตัวเกิดสัญญาณซื้อขึ้น อาทิ ดัชนีกลุ่มยุโรปเหนือ (Nordic Europe Index, E3DOW) ดัชนีกลุ่มอาเซียน (ASEAN Index) ดัชนีกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets Index, W5DOW)

ในระดับประเทศ วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นแอฟริกาใต้ (ZADOWD) และอินโดนีเซีย (JKSE) เกิดสัญญาณซื้อ






Friday, March 25, 2011

23/03/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1027.54 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณซื้อ CPN, GLOW ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 31 ตัว ระยะนี้หุ้นขึ้นแต่บางวันก็ไม่ค่อยมีวอลุ่ม อีกทั้งหุ้นที่เกิดสัญญาณซื้อเพิ่มไม่มาก แสดงว่าหุ้นขึ้นด้วยตัวนำดัชนีเพียงไม่กี่ตัว

ในระยะสั้นดัชนี SET กลับตัวเป็นขาขึ้น แต่ยังไม่แน่ใจว่าขาขึ้นนี้เป็นการรีบาวด์ในขาลง (reactive wave) หรือว่าเป็นขาขึ้นในขาขึ้น (motive wave) อาจต้องรอดูไปถึงสัปดาห์หน้า

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ยางพาราขึ้นติดเพดานเป็นวันที่สี่

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดคละเคล้ากันไป มีทั้งปิดเขียวและปิดแดง ตลาดหุ้นอียิปต์เริ่มเปิดทำการอีกครั้งหลังจากหยุดมานานเกือบเดือนเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ




Wednesday, March 23, 2011

22/03/2011 * CL, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา





วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1019.14 จุด ลดลง 0.79 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย BBL ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 29 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ราคาน้ำมันดิบ (CL) กลับพุ่งขึ้นมาอีก

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปิดคละเคล้ากันไป มีทั้งปิดเขียวและปิดแดง ตลาดด้านอเมริกาและยุโรปส่วนใหญ่ปิดแดง ส่วนตลาดด้านเอเชียส่วนใหญ่ปิดเขียว

ด้านราคาน้ำมันดิบ (CL) ปรับตัวสูงขึ้นมาอีก ลองดูกราฟน้ำมันดิบต่อไปนี้



ดังที่ลุงแมวน้ำเคยบอกว่าขณะนี้ CL อยู่ในคลื่นลูกใดระหว่างคลื่น 5 กับคลื่น B ยากตอบได้เนื่องจากดูก้ำกึ่ง แต่ความเห็นของลุงแมวน้ำโน้มเอียงไปทางที่ว่าขณะนี้อยู่ในคลื่น 5 มากกว่า

ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆระดับ fibonacci ที่ 61.8% หรือที่ราวๆ 104 ดอลลาร์/บาเรล หากเป็นคลื่น 5 ราคาน้ำมันอาจปรับตัวย่อลงมาบ้างเนื่องจากถึงระดับ fibonacci จากนั้นคงทะยานขึ้นต่อไปอีก โดยราคาอาจไปถึง 215 ดอลลาร์/บาเรล อันเป็นระดับ fibonacci 161.8% อย่าคิดว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งสูงขนาดนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้เพราะตลาดฟิวเจอร์สมีส่วนในการเก็งกำไร ทำให้ราคาสินค้าแกว่งตัวขึ้นแรงลงแรง โดยดูได้จากราคายางพาราที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันในครั้งนี้ไม่ใช่ขึ้นแล้วยืนได้ แต่เป็นการขึ้นแรงเพื่อไปจบคลื่น 5 หลังจากนั้นราคาน้ำมันจะเข้าสู่คลื่นขาลง A-B-C

ผลจากราคาน้ำมันที่ขึ้นอย่างรุนแรงในคลื่น 5 จะเป็นอย่างไร อนาคตเป็นเรื่องที่เราไม่รู้ แต่หากดูจากอดีต เมื่อราคาน้ำมันขึ้น หุ้นในกลุ่มพลังงานมักได้รับอานิสงส์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะดีขึ้นเนื่องจากหุ้นพลังงานเป็นตัวนำ แต่หากราคาน้ำมันยังขึ้นต่อไป เมื่อสูงถึงระดับหนึ่งตลาดจะกลายเป็นตอบสนองในทางลบเพราะมองว่าราคาน้ำมันที่สูงเกินไปเป็นเครื่องบั่นทอนเศรษฐกิจ ดังนั้นเมื่อถึงจุดนั้นความคิดของตลาดจะเปลี่ยนและตลาดหุ้นจะกลายเป็นปรับตัวลงสวนทางกับราคาน้ำมัน

ลุงแมวน้ำคาดว่าราคาน้ำมันดิบคงปรับตัวขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ไม่ว่าสถานการณ์ในโลกอาหรับและลิเบียจะเป็นอย่างไรก็ตาม


แถมท้ายสำหรับวันนี้ ลุงแมวน้ำเอาภาพสงครามกลางเมืองมาให้ดู 2 ภาพ ภาพบนเป็นเหตุการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศรวันดา (Rwanda) ที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2537 (1994) อันเป็นเหตุการณ์ที่ชนเผ่าฮูตู (Hutu) ซึ่งเป็นชนหมู่มากในประเทศรวันดาไล่เข่นฆ่าชนเผ่าทุตซี (Tutsi) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เหตุการณ์ไล่ล่าเข่นฆ่าดำเนินไปประมาณ 3 เดือน ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 800,000 ถึง 1,000,000 คน โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นสหประชาชาติไม่เข้าระงับยับยั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้น รายละเอียดดูได้จาก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดา

ในตอนนั้นยังไม่มีสังคมสื่อสารออนไลน์และชุมชนออนไลน์เช่นในวันนี้ ข่าวเรื่องรวันดาเป็นข่าวต่างประเทศที่กินเนื้อที่ข่าวไม่มากนักในหน้าหนังสือพิมพ์ โลกในยุคนั้นกว้างใหญ่กว่าในยุตนี้ การนำเสนอข่าวยังไม่ฉับไว ดังนั้นเรื่องในประเทศรวันดา ทวีปแอฟริกาจึงดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมแก่ผู้เสพข่าวได้มากเท่ากับการใช้สื่อในสมัยนี้ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ลุงแมวน้ำก็ติดตามข่าวนี้ด้วยความสนใจและรู้สึกเศร้าสลดใจกับจำนวนผู้เสียชีวิตอันมากมายที่เข่นฆ่ากันอย่างไม่หยุดยั้ง

มาในปี 2554 (2011) กองกำลังสหประชาชาติเข้าโจมตีกองทัพของรัฐบาลลิเบียโดยให้เหตุผลว่าเพื่อยับยั้งการเข่นฆ่าสังหารระหว่างกองกำลังของรัฐบาลและกองกำลังของประชาชนในลิเบีย ประเด็นที่น่าคิดซึ่งลุงแมวน้ำอยากฝากไว้ขบคิดพิจารณาก็คือ อะไรคือความแตกต่างของสองเหตุการณ์นี้ ทำไมสหประชาชาติจึงไม่ใช้กองกำลังเข้าระงับเหตุการณ์ในรวันดาเพื่อรักษาชีวิตของคนจำนวนมากมายเอาไว้ แต่กลับสามารถใช้กองกำลังเข้าโจมตีกองทัพของรัฐบาลลิเบีย




21/03/2011

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1019.93 จุด เพิ่มขึ้น 16.64 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 30 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

วันนี้ตลาด TFEX มีผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นมาอีก 16 ตัว เป็น stock futures หรือฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง สำหรับฟิวเจอร์สของหุ้นนี้ลุงแมวน้ำขอติดตามสักประมาณ 1-2 เดือนแล้วจะเลือกเฉพาะตัวที่มีปริมาณซื้อขายพอสมควรและสามารถเทรดได้เข้ามาไว้ในรายงาน หากไม่มีการซื้อขายหรือมีน้อยมากก็ไม่น่าเทรด

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว นำโด่งโดยเปรู ตามมาด้วยชิลีและสเปน ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของประเทศโปแลนด์ สเปน และโปรตุเกสเกิดสัญญาณซื้อ





Monday, March 21, 2011

18/03/2011 * มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (12)

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1003.29 จุด เพิ่มขึ้น 0.94 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย TMB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 30 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ไม่มีสัญญาณซื้อขาย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดเขียว อินเดียร่วงจากการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่วนจีนนั้นในตอนท้ายวันมีประกาศสั่งให้ธนาคารกันสำรองเพิ่มอีก คงต้องดูผลกระทบในวันถัดไป ด้านสหประชาชาติมีมติให้ใช้กำลังทหารเข้าแทรกแซงประเทศลิเบีย

ช่วงนี้เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย ตลาดยางพาราราคาแกว่งยิ่งกว่าคลื่นในทะเล หลังจากที่ราคาดำดิ่งลงติดฟลอร์มาหลายวัน ก็กลับมารีบาวด์และราคาติดเพดานมา 3 วันติดกันแล้ว แต่เท่าที่ดูจากปริมาณซื้อขาย ผู้ที่เปิดสัญญาด้านชอร์ตเอาไว้คงพอปิดสัญญาและออกได้ คงไม่ต้องถูกขังติดต่อกันหลายวัน ราคาเพดานและพื้นของฟิวเจอร์ส์ยางพารา RSS3 ในขณะนี้อยู่ที่ 7 บาท คือขึ้นหรือลงได้สูงสุดไม่เกิน 7 บาทต่อวันซึ่งหมายความว่าลงทุนไป 1 สัญญาเงินอาจงอกหรือหดได้ถึงวันละ 35,000 บาท

ทางด้านราคาทองคำ (GC) ช่วงนี้ราคาแกว่งมากเช่นกัน ตั้งแต่เหตุการณ์ภัยพิบัติที่ญี่ปุ่นราคาทองก็ร่วงลงมา ทั้งนี้ เนื่องจากเงินเยนแข็งค่าขึ้น (ปกติหากเงินเยนแข็งราคาทองคำจะลง) ประกอบกับนักลงทุนประเมินกันว่าในภาวการณ์เช่นนี้ประเทศญี่ปุ่นต้องการเงินมาฟื้นฟูประเทศ ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาที่จะมาถือทองแต่ต้องถือเงินสด รวมทั้งอาจมีการขายทองออกมาเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสดอีกด้วย ดังนั้นราคาทองคำจึงร่วง แต่วันนี้เอง ราคาทองคำกลับพุ่งขึ้นอีก น่าจะเป็นเนื่องจากข่าวที่สหประชาชาติมีมติแทรกแซงลิเบียและเตรียมส่งกองกำลังเข้าไป

จะเห็นว่าการขึ้นลงของราคาหุ้นหรือสินค้าล้วนแต่เกี่ยวพันกับปัจจัยมากมาย ดังนั้นการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐานจึงมีความยากอยู่ที่ว่านำเอาปัจจัยอะไรมาพิจารณาบ้าง และจะให้น้ำหนักปัจจัยไหนเท่าไร ผลกระทบต่อราคาเป็นเท่าไร บางปัจจัยก็มีน้ำหนักต่างกันในระยะเวลาที่ต่างกัน ยากที่ใครจะคำนวณได้อย่างถูกต้อง

การขึ้นลงของราคาเป็นผลจากอารมณ์ของนักลงทุนที่ตอบสนองต่อข่าวสารมากกว่าผลจากปัจจัยพื้นฐาน อารมณ์ของนักลงทุนก็มีหลากหลาย ดังนั้นภายใต้ภาวการณ์ที่อารมณ์ตลาดรุนแรงและไม่แน่นอนเช่นนี้ การเก็งกำไรระยะสั้นด้วยการกะเก็งอารมณ์ตลาดอาจพลาดพลั้งได้ง่าย หรือแม้แต่การเก็งกำไรระยะสั้นด้วยเครื่องมือทางเทคนิคระยะสั้นก็ยังทำได้ยาก



มองเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2011 (12)


ในตอนที่แล้วลุงแมวน้ำคุยถึงตลาดหุ้นในกลุ่มที่ 2 คือกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง โดยกล่าวถึงกลุ่มละตินอเมริกาไปแล้ว วันนี้เรามาดูตลาดหุ้นในกลุ่มที่ 2 นี้กันต่อ


กลุ่มที่ 2 ตลาดหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง


ทวีปอเมริกา

แคนาดา

มาดูกราฟตลาดหุ้นของแคนาดากัน ดังภาพต่อไปนี้



แม้ว่าประเทศแคนาดาจะอยู่ในกลุ่มตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในคลื่น B เหมือนกับสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่เนื่องจากแคนาดามีทรัพยากรธรรมชาติมาก เศรษฐกิจจึงค่อนข้างมั่นคง ประกอบกับพัฒนาการของตลาดหุ้นค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวามาก ประกอบกับจากภาพข้างบนก็แยกแยะได้ยากว่ายอดคลื่นที่ผ่านมาเป็นคลื่น 3 หรือ 5 กันแน่ ดังนั้นจึงบอกได้ยากว่าปัจจุบันอยู่ในคลื่น 5 หรือคลื่น B กันแน่ หากเป็น 5 คลื่น 5 นี้ก็มีโอกาสไปได้อีกไกล หากเป็นคลื่น B ก็คงใกล้จบคลื่นแล้ว ลุงแมวน้ำมองค่อนไปทางปัจจุบันเป็นคลื่น 5 มากกว่า ดังนั้นจึงจัดให้อยู่ในกลุ่มน่าลงทุนแต่ความเสี่ยงสูงเนื่องจากเผื่อการนับคลื่นผิด


ยุโรปตะวันออก

ทางด้านยุโรปตะวันออก (ยุโรปนี้มีวิธีจัดแบ่งกลุ่มที่นิยมกันอยู่สองแบบ คือ แบบหนึ่งแบ่งเป็นยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก กับอีกแบบหนึ่งแบ่งเป็นยุโรปตะวันตกกับตะวันออก ลุงแมวน้ำใช้แบบหลัง) ในทางปัจจัยพื้นฐานถือว่าเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีแนวโน้มแจ่มใสทีเดียว อาทิ โปแลนด์ สาธารณรัฐเชค ฮังการี ฯลฯ ซึ่งไม่ได้อยู่ในกลุ่มยูโรโซน สำหรับโปแลนด์ เชค และฮังการีนั้นในทางเทคนิคก็ถือว่ากราฟดัชนีตลาดหุ้นอยู่ใน คลื่น 5 แต่ไม่ใช่ต้นคลื่น โดยเฉพาะโปแลนด์เนื่องจากดัชนีอยู่ในระดับหลายหมื่นจุดแล้ว ถือว่าเดินทางมาไกลแล้ว ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน







ทวีปแอฟริกา

แอฟริกาใต้

เมื่อจบทวีปอเมริกาแล้วก็มาดูทางด้านทวีปแอฟริกากันบ้าง ประเทศที่เนื้อหอมเป็นที่หมายปองของนักลงทุนต่างชาติเนื่องจากมีความมั่งคั่งด้านทรัพยากรธรรมชาติและโอกาสในการลงทุน นั่นก็คือประเทศแอฟริกาใต้ ลองดูกราฟต่อไปนี้



จากภาพ เห็นได้ค่อนข้างชัดว่าตลาดหุ้นของแอฟริกาใต้อยู่ในคลื่น 5 แต่เนื่องจากไม่ใช่ต้นคลื่นแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าคลื่นนี้จะจบที่ใด จึงถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มที่ 1


เอเชีย

จากทวีปแอฟริกาก็มาที่ทวีปเอเชีย ทวีปนี้มีหลายประเทศที่ลุงแมวน้ำจัดให้อยู่ในกลุ่มที่ 2 นี้

รัสเซีย

ดูกราฟตลาดหุ้นรัสเซีย



ตลาดหุ้นรัสเซียน่าจะอยู่ในคลื่น 5 เท่าที่ลุงแมวน้ำติดตามข่าวสารมา กองทุนหลายแห่งหลีกเลี่ยงการลงทุนในรัสเซียแม้จะดูว่าเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสทำกำไรได้ ทั้งนี้ ก็เนื่องจากปัญหาด้านธรรมาภิบาล หากตลาดไม่โปร่งใสอะไรก็เกิดขึ้นได้


อินเดีย

ตอนนี้อินเดียมีปัญหาเรื่องการเจริญเติบโตที่รวดเร็วเกินไป เงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงกำลังเป็นปัญหาหนักอกของรัฐบาลอินเดีย



ส่วนทางด้านตลาดหุ้นนั้น จากกราฟลุงแมวน้ำประเมินว่าน่าจะอยู่ในคลื่น 5 และไม่ใช่ต้นคลื่นแล้ว


อินโดนีเซีย

ดูกราฟตลาดหุ้นอินโดนีเซียดังต่อไปนี้



ลุงแมวน้ำประเมินว่าอยู่ในคลื่น 5 ซึ่งดำเนินไปไกลมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะจบคลื่นช้าเร็วเพียงใด


ปากีสถาน


ตลาดหุ้นปากีสถานก็เป็นตลาดเกิดใหม่ที่เนื้อหอมอีกตลาดหนึ่ง ดูจากกราฟแล้วน่าจะอยู่ในคลื่น 5 หากเปรียบเทียบกับกราฟของอินเดียและอินโดนีเซียแล้วนับว่าเป็นคลื่น 5 ที่ไปไกลน้อยกว่าตลาดทั้งสอง ความเสี่ยงจึงดูน่าจะน้อยกว่า


ศรีลังกา



ตลาดหุ้นศรีลังกาเป็นตลาดที่ลุงแมวน้ำประเมินว่าน่าจะอยู่ในคลื่น 3 ไม่ใช่คลื่น 5 เหมือนตลาดอื่นๆที่ผ่านมา ทว่าแม้จะเป็นคลื่น 3 แต่ว่าก็ไปไกลมากแล้ว หากจบคลื่น 3 เมื่อไรก็เป็นคลื่น 4 ที่อาจลงลึกและแกว่งตัวกินเวลานานกว่าจะเข้าคลื่น 5 ดังนั้นด้วยความที่เป็นคลื่น 3 จึงน่าลงทุน แต่ด้วยความที่เป็นคลื่น 3 ที่ไปไกลแล้วจึงถือว่ามีความเสี่ยงสูง


อิสราเอล

ประเทศสุดท้ายในกลุ่มเอเชียและเป็นประเทศสุดท้ายในกลุ่ม 2 นี้ลุงแมวน้ำขอเสนอประเทศอิสราเอล



ประเทศอิสราเอลไม่ใช่เรื่องไกลตัว ขณะนี้บ้านเราก็มีกองทุนตราสารหนี้ประเทศอิสราเอลออกขาย ตลาดหุ้นของประเทศอิสราเอลอยู่ในคลื่น 5 เท่าที่ดูจากพัฒนาการของคลื่นถือว่าตลาดแห่งนี้มีพัฒนาการที่มั่นคง ไม่หวือหวาเกินไป แต่ก็มีความเสีย่งสูงเนื่องจากเป็นคลื่น 5 ที่ไม่ใช่ระยะต้นคลื่นแล้ว


สำหรับตลาดในกลุ่ม 2 ก็คงมีเพียงเท่านี้ ลุงแมวน้ำตั้งข้อสังเกตว่ากองทุนที่เป็นกองทุนลงทุนในตลาด BRIC หรือว่าลงทุนในตลาดบราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีนนั้น มีเพียงตลาดจีนเท่านั้นที่อยู่ในกลุ่มที่ 1 ส่วนอีกสามประเทศลุงแมวน้ำจัดอยู่ในกลุ่มที่ 2 ความเสี่ยงดูจะไม่เท่ากัน





Friday, March 18, 2011

17/03/2011 * Currencies, กัมมันตภาพรังสี กัมมันตรังสี กับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน




วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1002.35 จุด ลดลง 5.78 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย AOT, KBANK, MAKRO, SCB ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 31 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของก๊าซธรรมชาติ (NG) เกิดสัญญาณซื้อ

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวกระจัดกระจาย ทางฝั่งอเมริกากับยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ทางฝั่งแอฟริกากับเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง ดัชนีตลาดหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เกิดสัญญาณขาย ดัชนีกลุ่มอาเซียน (ASEAN) ก็เกิดสัญญาณขาย

ตลาดหุ้นทั่วโลกเด้งขึ้นวันหนึ่ง เด้งลงวันหนึ่ง ผันผวนเอาการ ปัจจัยหลายๆอย่างผสมปนเปกันจนยุ่งไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา วิกฤตหนี้ของหลายประเทศในกลุ่มยุโรป ความไม่สงบในโลกอาหรับ และปัญหาวิกฤตนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ดังนั้นหากวิเคราะห์เชิงปัจจัยพื้นฐานคงปวดหัวเนื่องจากประเมินไม่ถูกว่าปัจจัยอะไรมีน้ำหนักมากน้อยเพียงใด ทางสายปัจจัยทางเทคนิคเองก็คงปวดหัวไม่แพ้กันเพราะตลาดในช่วงนี้มีการแกว่งตัวแรง อีกทั้งยังไม่มีทิศทางชัดเจน หากไม่มีแนวโน้มหรืออยู่ในภาวะไร้ทิศทางพวกสายเทคนิคก็เหนื่อยเช่นกัน

ทางด้านค่าเงิน ลองดูภาพต่อไปนี้




จะเห็นว่าในระยะสั้นๆที่ผ่านมาเงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้นมาอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นไปตามคาดเนื่องจากมีเงินไหลกลับเข้าประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่เงินดอลลาร์ออสเตรเลียกับดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าอย่างรวดเร็วเช่นกัน เงินบาทไทยกับดอลลาร์สิงคโปร์เปลี่ยนแปลงแข็งค่าไม่มากนัก ในขณะที่ทองคำอ่อนค่าลงไปบ้างแต่ไม่มากเช่นกัน แสดงให้เห็นภาพของการเคลื่อนย้ายทุนได้ค่อนข้างชัด


กัมมันตภาพรังสี กัมมันตรังสี กับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน


ช่วงนี้ไม่ว่าเราจะอ่านหนังสือพิมพ์หรือดูข่าวช่องใดก็ล้วนหนีไม่พ้นข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น เริ่มแรกเป็นประเด็นแผ่นดินไหวและสึนามิเป็นหลัก แต่ว่าต่อมาเป็นระเด็นเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าโรงไฟฟ้าพลังปรมาณูก็กลับกลายเป็นประเด็นร้อนแทน

เท่าที่ลุงแมวน้ำติดตามข่าวสารดู เรื่องโรงไฟฟ้านั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศัพท์เทคนิค ดังนั้นจะเห็นว่าการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องรังสีนั้นใช้คำสับสนปนเปกกันไปหมด ไม่ว่าจะเป็นกัมมันตรังสี สารกัมมันตรังสี สารกัมมันตภาพรังสี โรงไฟฟ้าระบิด แถมยังตามมาด้วยประเด็นร้อนระลอกหลัง นั่นคือ การเอายาทาแผลเบตาดีนทาที่ลำคอเพื่อป้องกันรังสี กับเรื่องราวอื่นๆอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมา ไดอิจิ (Fukushima Daichi) แห่งนี้

ลุงแมวน้ำนอกจากมีหัวทางคำนวณบ้างนิดหน่อยแล้ว ในยามว่างหลังจากการแสดงยังชอบอ่านพวกเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย ดังนั้นก็พอจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ติดปลายครีบอยู่บ้าง เห็นว่าบางเรื่องเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอันเนื่องมาจากการใช้คำศัพท์ที่สับสน ประกอบกับเรื่องทางเทคนิคนั้นคนทั่วไปอาจยังขาดความเข้าใจ จึงทำให้วิตกกังวลไปโดยใช่เหตุ ดังนั้นวันนี้ลุงแมวน้ำจึงขอคุยเกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์บ้างเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น

สารกัมมันตรังสีและกัมมันตภาพรังสี เหมือนกันหรือแตกต่างกัน

ก่ออื่นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำศัพท์ที่เกี่ยวกับรังสีกันก่อน ศัพท์ที่สำคัญที่ปรากฏในข่าวและมักทำให้ผู้อ่านเข้าใจคลาดเคลื่อนมีอยู่ 2 คำ นั่นคือ สารกัมมันตรังสี และกัมมันตภาพรังสี

เรามาดูคำว่าสารกัมมันตรังสีกันก่อน สารกัมมันตรังสีนั้นเป็นสสารหรือว่าเป็นสิ่งที่มีตัวตนและจับต้องได้ หากเปรียบเทียบก็คงเปรียบเทียบได้กับก้อนถ่าน (ถ่านหุงข้าว ไม่ใช่ถ่านไฟฉาย) ที่ลุกไหม้อยู่ ตัวก้อนถ่านที่ลุกไหม้นั้นเปรียบได้กับสารกัมมันตรังสี

ส่วนกัมมันตภาพรังสีนั้นเป็นพลังงานที่แผ่ออกมาจากตัวสารกัมมันตรังสี หากสารกัมมันตรังสีเปรียบได้กับถ่านที่ลุกไหม้ กัมมันตภาพรังสีก็เปรียบได้กับความร้อนที่แผ่ออกมาจากก้อนถ่านนั่นเอง

โดยปกติกัมมันตภาพรังสีซึ่งเป็นพลังงานนั้นเราสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เปรียบเหมือนกับความร้อนจากก้อนถ่าน หากเอามือไปอังห่างๆเราจะรู้สึกถึงความร้อน แและหากเอามือไปอังใกล้ๆ ความร้อนอาจทำให้ผิวหนังไหม้ได้ แต่เมื่อเราถอนมือออกมา ความร้อนนั้นก็สลายคลายไปจากมือของเรา ไม่ได้ติดอยู่ที่มือเรา ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพลังงานความร้อนนั้นส่งผลต่อมือของเราได้ แต่พลังงานนั้นไม่ได้ตกค้างที่มือของเรา ฉันใดก็ฉันนั้น กัมมันตภาพรังสีที่เป็นพลังงานนั้นมีผลต่อเนื้อเยื่อแต่ไม่ได้ตกค้างในเนื้อเยื่อ ดังนั้นเราจึงเอามาทำประโยชน์ได้ เช่น อาหารฉายรังสี ผลไม้ฉายรังสี แหนมฉายรังสี ฯลฯ พวกนี้คือการเอาอาหารไปรับพลังงานกัมมันตภาพรังสีอันเป็นการถนอมอาหารให้มีอายุยาวนานขึ้น ซึ่งเมื่อฉายเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีพลังงานตกค้างแต่อย่างใด อาหารจะไม่มีกัมมันตภาพรังสีตกค้าง สามารถรับประทานได้อย่างวางใจ

ทีนี้มารู้จักกับสารกัมมันตภาพรังสีบ้าง ซึ่งลุงแมวน้ำเปรียบเหมือนกับก้อนถ่านที่ลุกแดง สารกัมมันตรังสีนี้คือสสาร มีตัวตน ไม่ใช่พลังงาน แต่ส่งพลังงานออกมาได้เรื่อยๆ ดัังนั้นหากเราเอาสารกัมมันตรังสีใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้ก็เหมือนกับการเอาก้อนถ่านลุกแดงใส่กระเป๋าเสื้อเอาไว้นั่นเอง มันจะปล่อยความร้อนออกมาเผาไหม้ผิวเนื้อของเราไปเรื่อยๆโดยไม่ยอมหยุด จนกว่าตัวมันจะมอดไหม้หมดก้อนไปเองนั่นแหละพลังงานความร้อนจึงจะหมดไป หากถ่านก้อนนั้นต้องลุกไหม้หลายเดือนกว่าจะเผาไหม้หมดก็เท่ากับเราโดนความร้อนแผดเผาอยู่ที่หน้าอกอยู่นานนับเดือนนั่นเอง รวมทั้งหากสมมติว่าเราเอาถ่านลุกไหม้นี้ไปใส่ในผักผลไม้ มันก็จะให้ความร้อนอยู่ในผลไม้นั่นเอง เมื่อเรากินผลไม้ลงไป ถ่านนี้ก็จะไปลุกไหม้ต่ออยู่ในร่างกายของเรา เผาตับไตไส้พุงของเราต่อไป

เรื่องของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้นสิ่งที่เรากลัวกันก็คือการที่สารกัมมันตรังสีซึ่งมีลักษณะเป็นฝุ่นเม็ดเล็กๆรั่วไหลออกมา ฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้มีบางส่วนที่มีอายุยาวนานนับสิบปี มันจะปล่อยพลังงานหรือกัมมันตภาพรังสีออกมาเรื่อยๆ ดังนั้นหากฝุ่นเหล่านี้กระจายอยู่ในบรรยากาศ มันจะตกลงไปในแหล่งน้ำ คนและสัตว์จะหายใจเข้าไป พืชจะดูดเข้าไป ดังนั้นชีวิตและสิ่งแวดล้อมจะปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตรังสี เมื่อเรากินอาหาร กินผัก ดื่มน้ำ หายใจ ก็จะได้รับฝุ่นกัมมันตรังสีเหล่านี้เข้าไปในร่าง ซึ่งเมื่อใดมีมันเข้าไปในร่างกายมันก็ทำหน้าที่เป็นสารก่อมะเร็งนี่เอง

ดังนั้นที่หลายๆประเทศเข้มงวดกับอาหารนำเข้าที่มีแหล่งกำเนิดมาจากประเทศญี่ปุ่นนั้นที่กลัวก็เพราะกลัวว่าฝุ่นกัมมันตรังสีจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารนั่นเอง


โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด

คำนี้ใช้ได้ไม่ผิด แต่คนทั่วไปอาจเข้าใจความหมายผิดไป การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นี้ไม่ได้หมายถึงว่าโรงไฟฟ้านี้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่แล้วปลดปล่อยพลังงานอันมหาศาลออกมาเหมือนดังระเบิดนิวเคลียร์ที่กวาดทำลายทั้งชีวิตและสิ่งก่อสร้างไปจนหมดสิ้น แต่การระเบิดของโรงไฟฟ้าที่พูดถึงกันนี้เกิดจากสาเหตุอื่นๆที่ยังไม่ทราบชัด เช่น แต่เปรียบเทียบได้กับกาต้มน้ำที่ปิดฝาแน่น พอน้ำเดือดก็ดันจนฝาระเบิดกระด็นออกมา หรือเปรียบได้กับแก๊สหุงต้มที่รั่วแล้วติดไฟกลายเป็นเปลวเพลิงและมีแรงระเบิด จะเป็นทำนองนั้น ประเด็นที่กลัวกันก็คือแรงระเบิดจะพาเอาฝุ่นกัมมันตรังสีปลิวออกมาด้วย


เบตาดีนทาลำคอป้องกันพิษจากสารกัมมันตรังสี

เรื่องหลอกกันทางฟอร์เวิร์ดเมล์เรื่องนี้ทำได้เนียนมากเพราะมีเหตุผลเข้าเค้าทีเดียว

เรื่องนี้บอกเอาไว้ว่าหากได้รับฝุ่นกัมมันตรังสีจำพวกไอโอดีนกัมมันตรังสีเข้าไป มันจะไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ที่ในลำคอ หนทางที่จะทำให้ไอโอดีนกัมมันตรังสีไม่ไปสะสมที่ต่อมไทรอยด์ก็คือการชิงรับไอโอดีนปกติเข้าไปเสียก่อน ซึ่งในเบตาดีนนั้นมีสารประกอบไอโอดีนอยู่ ชื่อยาก็ลงท้ายด้วยอะไรดีนๆ ยิ่งฟังดูเข้าเค้า

เรื่องนี้ไม่จริง การทาเบตาดีนไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากจะทำให้คอเหลืองและทำให้คนอื่นรู้ว่าเราโดนหลอก


ฝนตก อากาศหนาวในช่วงสองสามวันมานี้เกิดจากการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศ

นี่ก็มีหลายคนที่เชื่อ แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีมูลความจริง การระเบิดที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ไดอิจิ นั้นเปรียบเหมือนถังแก๊สระเบิดดังที่ได้กล่าวไปแล้ว รวมทั้งปรากฏการณ์แผ่นดินไหวในทะเลนอกชายฝั่งของประเทศญี่ปุ่นที่ผ่านมาก็ไม่ได้ส่งผลต่อภูมิอากาศในช่วงนี้เลย หากภูเขาไฟระเบิดและพ่นเถ้าถ่านปริมาณมากออกมาปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ กรณีนั้นจึงมีผลกระทบต่อภูมิอากาศ อากาศที่หนาวเย็นละฝนที่ตกลงมาในช่วงสองสามวันมานี้เป็นความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ เกิดจากมวลอากาศที่มีความกดอากาศสูงจากประเทศจีนพัดเข้ามา ส่วนที่ว่าเหตุใดในช่วงนี้ภูมิอากาศจึงแปรปรวนมาก อากาศอันหนาวเย็นนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในประเทศไทย แต่เกิดในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ก็ล้วนแต่มีอุณหภูมิลดลง ซึ่งสาเหตุของความแปรปรวนเป็นเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ต้องศึกษากันต่อไป แต่ไม่ได้มาจากแผ่นดินไหวนอกชายฝั่งญี่ปุ่นและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์





Thursday, March 17, 2011

16/03/2011 * DJI, DX, DBA

วันนี้ดัชนี SET ปิดที่ 1008.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.03 จุด

สำหรับหุ้นในกลุ่ม SET50 วันนี้มีสัญญาณขาย LH, THAI ขณะนี้ถือหุ้นอยู่รวมทั้งหมด 35 ตัว

กลุ่มฟิวเจอร์ส วันนี้ฟิวเจอร์สของ BBL เกิดสัญญาณขาย

กองทุนอีทีเอฟ EEM (iShares MSCI Emerging Markets Index ETF) ซึ่งเป็นกองทุนในสหรัฐอเมริกาที่อ้างอิงกับดัชนี MSCI Emerging Markets Index ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงเดียวกับกองทุนตลาดเกิดใหม่หลายๆกองทุนในประเทศไทย

ด้านตลาดต่างประเทศ วันนี้ตลาดด้านหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นบ้างตามแรงรีบาวด์ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งรีบาวด์ขึ้นไปประมาณ 5% แต่อย่างไรก็ดี สถานการณ์เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่มีความชัดเจน


สำหรับตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของตลาดหุ้นทั่วโลก แม้ว่าจะเกิดสัญญาณขายอยู่ แต่จากการนับคลืนประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคอื่นๆ ลุงแมวน้ำยังคงความเห็นเดิม คือดัชนีดาวโจนส์ (DJI) น่าจะยังไม่จบคลื่น 3 (สีน้ำตาล)



ทางด้านค่าเงินดอลลาร์ ดัชนีดอลลาร์ สรอ (DX) แม้จะเป็นสัญญาณขายอยู่ แต่ลุงแมวน้ำก็ยังไม่เปลี่ยนความเห็น นั่นคือ ยังเห็นว่าอยู่ในคลื่น 2 (สีน้ำเงิน) และกำลังเข้าสู่คลื่น 3 (สีน้ำเงิน) ซึ่งเป็นระดับคลื่นใหญ่ซึ่งคงกินเวลานานพอควร



ทางด้านสินค้าเกษตรในกลุ่มข้าวโพด ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ฝ้าย โกโก้ กาแฟ กองทุนอีทีเอฟ DBA ที่ลงทุนในสินค้าเกษตรดังกล่าวแม้จะอยู่ในสัญญาณขาย แต่ลุงแมวน้ำประเมินว่ายังไม่น่าจบคลื่น 3 (สีน้ำตาล) ดังนั้นจึงมีโอกาสไปต่อได้อีก